ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มั่วรัก นักเปิดซิง ตอนที่ 22: หวานใจ ยัยผมเปีย

เริ่มโดย KaohomLM, มีนาคม 18, 2024, 06:49:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   ปิดเทอมค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ เมื่อชาคริตต้องคอยระวังตัวจากกับดักต่าง ๆ ที่ไผ่หลิวพยายามวางในบ้านเพื่อดักเขา โดยมีรินคอยช่วยเหลือ
   งานที่เตรียมพร้อมส่งไปเพื่อขอนำเสนอในงานซิมโพเซียมคืบหน้าไปเป็นอย่างดี ถึงแม้ชาคริตจะต้องคอยพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้เกิดโอกาสให้เขากับเบญได้อยู่กันสองต่อสองอีก โดยการลากน้ำฟ้ามาด้วยทุกครั้งเวลาหารืองาน
   ราชณิญาส่งข่าวมาว่าวงรำของเธอไปแข่งได้รับรางวัลระดับประเทศหลายรางวัล แถมยังได้ไปแสดงที่โรงละครแห่งชาติด้วย (ชาคริตเห็นอยู่แว่บหนึ่งในทีวี) และเธอในฐานะหัวหน้าและดาวเด่นของวงก็ได้รับการติดต่อจากแมวมองของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ชาคริตเรียนอยู่ ถ้าคะแนนสอบของเธอไม่เลวร้ายเกินไป มีโอกาสสูงมากว่าเธอจะได้โควตาเข้าเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์
   แต่การที่วงรำต้องเดินสายไปแข่ง เวทีนู้นที เวทีนี้ที ก็ทำให้ชาคริตไม่สามารถไปใกล้ชิดกับราชณิญาได้อย่างที่ต้องการ
   ถ้าไม่นับปิดเทอมเล็กเมื่อปีก่อน ตอนที่เขาตั้งปณิธานว่าจะเลิกเปิดซิงผู้หญิงแล้วทิ้ง นี่เป็นปิดเทอมที่ชาคริตมีกิจกรรมทางเพศน้อยที่สุด นับตั้งแต่ม.3 เลยทีเดียว
   ถ้าไม่นับเรื่องช่วยตัวเองนะ
   บางครั้งมันก็น่าหงุดหงิดนะ
   น้องญา ไม่ว่าง แข่งรำ ซ้อมรำ เตรียมไปแข่งรำอีกรอบ
   น้ำฟ้า กลับไปอยู่กับพ่อแม่
   เบญ......พยายามโทรมาถามเรื่องงานบ้าง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานบ้างอยู่เป็นระยะระยะ ซึ่งทำให้ชาคริตหงุดหงิดงุ่นง่านเข้าไปใหญ่ เขาพยายามตอบคำถามของเธอเต็มที่ แต่เหมือนเธอจะไม่รู้เลย ว่าคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ ปลุกอารมณ์เขาแค่ไหน ในเวลาที่เขาไม่มีช่องทางสะดวกจะระบายอารมณ์
   และมันก็ยิ่งทำให้ชาคริตรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ที่ไปทำให้สาวใส ๆ ไร้เดียงสาคนหนึ่งหมกมุ่นกับเรื่องเพศได้ขนาดนี้
   ขณะเดียวกัน ที่บ้านก็ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง อุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียวถูกพบซุกซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ในห้องน้ำ ใต้เตียงนอนของชาคริต ในกระเช้าดอกไม้ที่ตั้งบนโต๊ะกินข้าว ใต้เบาะที่นั่งโซฟา หรือซ่อนไว้ในโคมไฟระย้า
   น้ำที่ใส่แช่ไว้ในตู้เย็นถูกสลับกลายเป็นยาปลุกกำหนัด
   บางที ก็มีระเบิดควันยาสลบกับลูกศรปลุกรักลอยหวือเข้ามาในห้องที่ชาคริตกับรินนั่งอยู่ เป็นที่น่ารำคาญใจเป็นยิ่งนัก รินกับชาคริตต้องคอยระวังตัวกันเป็นพัลวัน
   ยิ่งช่วงสัปดาห์ที่รินขอลาไปพักผ่อน ชาคริตยิ่งรู้สึกเหมือนเหยื่อที่ติดอยู่ในบ้านกับนักล่า
   แต่สุดท้าย ชาคริตก็เอาชีวิตรอดมาได้จนรินกลับมา และช่วงเวลาปิดเทอมใกล้จะจบลง
   ในช่วงสัปดาห์นั้น เขาก็แค่ล็อคตัวเองไว้ในห้องนอนใหญ่ ปิดผ้าม่าน ลงกลอนประตูหน้าต่างทุกบานให้มั่นคง
   มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อยู่ ๆ หน้าต่างที่ลงกลอนไว้อย่างดีอยู่ดี ๆ ก็เปิดผั๊วะออก แต่ชาคริตรีบคว้าสเปรย์พริกไทยพ่นออกไป มีเสียงร้องว๊ายมาเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง
   สามวันก่อนเปิดเทอมสอง ชาคริต น้ำฟ้าและเบญก็นัดกันมาเพื่อคุยเรื่องงานซิมโพเซี่ยมเป็นรอบสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่างานทุกส่วนพร้อมสำหรับส่งแล้วจริง ๆ เบญยืนกรานให้ใช้บ้านชาคริตเป็นสถานที่นัดพบในรอบนี้
   "เราแค่ต้องตรวจทาน จริงไหม" เบญถาม "ไม่ต้องใช้หนังสือจากในห้องสมุดแล้ว ต่อให้เจอข้อมูลอะไรที่ไม่ค่อยแน่ใจก็เช็คทางอินเตอร์เน็ตได้ ทำที่บ้านชาคริตจะสะดวกกว่านะ"
   "ชั้นจะได้ถือโอกาสขนของไปบ้านนายด้วยเลยไง" น้ำฟ้าบอก เมื่อชาคริตเอาข้อเสนอของเบญไปบอก
   เอิ่มมมมมมมม
   น้ำฟ้าเคยชอบบอกว่า ถ้าเขารู้เลขห้องเบญ เขาจะงัดเข้าไป
   แต่ตอนนี้เข้าเริ่มกลัวเบญจะงัดเข้ามาแล้วสิ
   แต่เมื่อสองสาวเห็นพ้องต้องกัน ชาคริตก็ไม่มีทางเลือก ต้องขับรถไปรับเบญกับน้ำฟ้ามาบ้าน
   ตลอดทาง เบญจับจ้องเขม็งอยู่สองข้างทาง ราวกับพยายามจะใช้สมองอันปราดเปรื่องของเธอจดจำทุกรายละเอียดตลอดเส้นทางจากคอนโดของเธอไปบ้านของชาคริต
   พอมาถึงบ้านน้ำฟ้า ชาคริตก็จอดรถรอขณะที่น้ำฟ้าขนสัมภาระขึ้นรถ
   "ของเยอะขนาดนี้.....น้ำฟ้าปกตินอนค้างบ้านคริตใช่ไหม" เบญกระซิบถาม "ก็มีอะไรกันได้ทุกวัน ตลอดเวลาด้วยสินะ"
   ชาคริตไม่ตอบ
   "คริคริคริ เวลาชาคริตเขินก็น่ารักเหมือนกันนะ"
   "เบญ...."
   "เข้าใจ เข้าใจ เราไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะ" เบญหัวเราะ "แต่ในรถตอนนี้ก็มีแค่เราสองคนไม่ใช่เหรอ...."
   ชาคริตกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ใบหน้าสวยของเบญอยู่ใกล้เขาเกินไป เขาได้กลิ่นน้ำหอมจากกายของเธอเต็มจมูก เธอสวยจริง ๆ หอมมากด้วย
   แล้วเขาก็ยังจำได้ดี ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในรถคันนี้
   แต่พอชาคริตไม่ตอบอะไร เบญก็ถอยหลังกลับไปที่เบาะข้างคนขับ
   "เราเริ่มเข้าใจแล้วนะ ว่าทำไมชาคริตถึงบอกว่าไม่ควรรักคนทีเดียวหลายคน........พอชาคริตให้เราไม่ได้เท่าที่เราให้คริต.....มันเจ็บนะ"
   "เบญ....."
   "เราคงไม่ชอบ หากดาวบนฟ้าโชติช่วงด้วยความรักที่เราสนองตอบไม่ได้ แต่หากความรักที่เท่ากันเป็นไปไม่ได้จริง ก็ขอให้ฉันเป็นคนที่รักมากกว่า"   
   "กลอนของออเดนเหรอ"
   "อือ"
   ดวงตาหวานใสที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาหันกลับมาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา
   "คนที่รักกว่า ย่อมเจ็บกว่า แต่เรายินดีจะเจ็บนะ ขอแค่ให้เราได้รักคริต...."
   แต่ที่เบญไม่รู้ คือไม่มีอะไรจะเจ็บเท่าได้เห็นความรักของหญิงสาวที่แสนดี สูงส่ง ที่เราไม่สามารถสนองตอบคืนได้
   และหัวใจของชาคริตก็แทบแหลกสลายลงด้วยความเจ็บปวดนั้น
   "นี่พวกนายสองคนคุยอะไรกันเนี่ย ทำหน้ายังกะอยู่ในงานศพ" น้ำฟ้าถาม เมื่อลำเลียงสัมภาระมาครบแล้ว และพาตัวเข้ามานั่งที่เบาะหลังรถ
   "เรื่องกลอนน่ะ" ชาคริตบอก "ดับเบิ้ลยู เฮช ออเดน"
   "พอเลย เรื่องกลอนภาษาอังกฤษอะไรนั่นนายเก็บไว้คุยกับน้องญาเถอะ เอ้า ไปได้แล้ว"
   
   "น้องญานี่คือแฟนชาคริตเหรอ" เบญถามน้ำฟ้าเมื่อมาถึงบ้านชาคริตแล้ว
   "อือ"
   "น้องเขาเป็นคนยังไงเหรอ"
   "ก็....ร่าเริง สดใส น่ารัก เก่งภาษาอังกฤษ รำเก่งด้วย" น้ำฟ้าบอก "แล้วก็สวยกว่าเราเยอะเลย"   
   "แล้ว.....ระหว่างน้องญากับเรา....ใครสวยกว่า"
   น้ำฟ้ามองหน้าเบญนิ่งไปพักหนึ่ง ทั้งคิดหาคำตอบ ทั้งสงสัยว่าทำไมเพื่อนสาวถึงได้ถามแบบนี้ "ไม่รู้สิ สวยกันคนละแบบมั้ง เบญจะดูหวานกว่า น้องญาเขาจะมั่น ๆ แต่งหน้าจัดหน่อย..."
   บรึ๊มมมมมมมมมม!!!!!!!

   ควันยาสลบพวยพุ่งออกมาทันทีที่ชาคริตเปิดประตูบ้าน รินรีบแบกพัดลมวิ่งมาเป่าออก
   "พี่ชาคริต ไม่เป็นไรนะคะ"
   "ไม่เป็นไร ชินแล้ว"
   "นี่ชั้นไม่อยู่เดือนนึง บ้านนายกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย????"

   ชาคริตเดินนำสองสาวมาถึงโต๊ะทำงานในห้องรับแขกที่แม่เคยใช้ ก่อนจะก้มลงไปตรวจสอบด้านล่างของโต๊ะ ดึงเอาอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียวออกมาและโยนให้ริน ที่เอาไปทิ้งในถังขยะ
   "เอาล่ะ.....เราลองมาดูกันนะ" ชาคริตเอาโน๊ตบุ๊คออกมาเปิด "เริ่มจากบทนำก่อน เราว่า.........."

   ไม่ถึงครึ่งวัน งานก็เสร็จครบถ้วนสมบูรณ์ดี ทั้งสามไม่มีใครคิดจุดบกพร่องผิดพลาดอะไรที่สมควรแก้ไขได้แล้ว
   "จริง ๆ กำหนดส่งมันอีกสิบวัน" น้ำฟ้าบอก "แต่ถ้าเราคิดว่าพร้อมแล้ว......"
   "ส่งเลยก็ได้นะ เราว่า" เบญบอก "ชาคริตว่าไง"
   "อือ ส่งเลยดีกว่า"
   ชาคริตเปิดอีเมล์ ไปที่จดหมายร่างที่ส่งไปขออนุญาตนำผลงานไปเสนองานซิมโพเซี่ยมที่ทั้งสามช่วยกันร่างไว้แล้ว ก่อนจะแนบไฟล์งานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วไป
   เมาส์ชี้ไปที่ปุ่มส่ง
   "ถ้า....มันยังมีข้อผิดพลาดที่เรายังไม่ทันเห็นล่ะ"
   "แต่เราก็ตรวจแก้มาหลายรอบแล้วนะ" เบญบอก
   น้ำฟ้าคว้าเมาส์ไปแล้วคลิกปุ่มส่ง
   "ส่งแล้ว" น้ำฟ้าบอก "อยากจะแก้ก็ไม่ทันแล้ว อีกสองอาทิตย์คงรู้ผล ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ต้องเตรียมไปพัทยากันล่ะ"
   ชาคริตถอนหายใจ กึ่งกลัวกึ่งโล่งอก "ถ้าอย่างนั้น..."
   "ก็ต้องฉลอง ใช่ไหม" เบญถาม
   "อือ ฉลอง"
   "มา! ริน ทำอาหารกัน!"
   "ค่ะ พี่น้ำฟ้า!"
   "เดี๋ยวเราช่วยด้วย"
   "โอเค เบญ"
   "พี่ชาคริตไม่ต้องค่ะ ไปนั่งรอเฉย ๆ เลย!"
   ไม่ช้า โต๊ะอาหารก็เต็มเพียบไปด้วยอาหารน่ากินหลายอย่าง กลิ่นหอมหวนเกินห้ามใจพาเอาไผ่หลิวชะโงกหน้าออกมาจากห้อง
   "ทำอะไรกันคะ"
   "เราจะเลี้ยงฉลองที่งานนำเสนอเสร็จกันน่ะ" ชาคริตบอก
   "น่ากินมากเลย.....แต่..........." นี่ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิดนี่นา
   "มากินด้วยกันก็ได้นะ" เบญบอก "อาหารเหลือเฟืออยู่แล้ว ใช่ไหม น้ำฟ้า"
   จริง ๆ น้ำฟ้าไม่ได้อยากแบ่งยัยเตี้ยนี่เลย แต่ถึงขนาดนี้แล้วจะตอบปฏิเสธก็ดูใจแคบไปหน่อย "อือ มาสิ"
   "ริน นั่งลง ไปยืนทำอะไรตรงนั้น" ชาคริตถาม "มากินด้วยกัน นั่งข้าง ๆ พี่เบญก็ได้"
   "ขะ ขอบคุณค่ะ"
   
   "ชาคริต ลองชิมฟัวกราส์หน่อยสิ..."
   "ฟัวกราส์นั่นหนูทำนะคะ พี่เบญ..."
   "อันนี้เขาเรียกหอยอะไรเนี่ย"
   "ไม่รู้เหมือนกัน ชั้นเจอในตู้เย็น มันดูน่ากินดี เลยเอามาโยนใส่กระทะ รินซื้อไว้ใช่ไหม"
   "อือ ผัดผักโขมนี่อร่อยมาก"
   "แน่นอน ฝีมือชั้นนี่"
   "ไผ่หลิว!!!!! เอาอะไรใส่จานชาคริต?!?"
   "ไม่มีอะไรนี่!!!........"
   "ยาปลุกกำหนัดค่ะ พี่ชาคริต หนูเห็นพี่ไผ่หลิวหยิบขวดออกมาเมื่อกี้"
   "ชาคริต ระวังนะ กินข้าวจากช้อนเราแทนก็ได้นะ จะได้ไม่โดนวางยา"
   "ขอบใจนะเบญ อ้า"
   "อั้มมมมมมม คริคริคริ"
   "โอ๊ยยยยยยยยยย น้ำฟ้า อย่ารัดคอเรา"

   ไม่นานโต๊ะกินข้าวก็ว่างเปล่า
   "ชาคริต นี่นายกินหรือยัดทะนานเนี่ย"
   "ก็อาหารมันอร่อยนี่นา เราหยุดกินไม่ได้จริง ๆ"
   "ขอบคุณค่ะ พี่ชาคริต หนูยินดีจะทำให้พี่กินไปเรื่อย ๆ นะคะ" น้ำฟ้าชำเลืองมองริน "ถ้าพี่จ่ายเงินหนูเยอะ ๆ อย่างนี้ทุกเดือน หุหุหุหุหุ"
   "นั่นดิ อร่อยจริง ๆ ให้เรามากินข้าวบ้านชาคริตทุกวันก็ได้นะ" น้ำฟ้าชำเลืองมองเบญ "ถ้าจะยอมให้เรากินฟรีนะ คริคริคริคริ"
   ชิ ทำไมทุกคนต้องกลัวยัยแว่นกันด้วย เดี๋ยวชั้นจะ......
   น้ำฟ้าชำเลืองมองไผ่หลิว สาวร่างเล็กสะดุ้งเฮือก "ขะ....ขอโทษค่ะ หนูจะไม่พยายามวางยาพี่ชาคริต (ต่อหน้ายัยแว่น) แล้วค่ะ"
   "หืออออออออ" เบญร้องขึ้นมาเมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไปยังตัวบ้านอีกฝั่งหนึ่ง
   "อะไรเหรอ เบญ" ชาคริตถาม   
   "ในห้องฝั่งนู้น.......เปียโนเหรอ" เบญถาม
   ปีกตะวันตกของบ้านปิดตายมาหลายปีแล้ว แต่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ริมหน้าต่างที่เคยฝุ่นเขรอะคือแกรนด์เปียโนขนาดยักษ์แสนแพงจริง ๆ ถ้าชาคริตเข้าใจไม่ผิด แม่ไปได้มันมาจากบริษัทที่กำลังจะเลิกกิจการ ตอนเด็ก ๆ แม่เคยจ้างครูสอนดนตรีมาสอนเขาอยู่ และชาคริตก็ได้เรียนเปียโนนานพอจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ พอชาคริตเลิกเรียน ห้องดนตรีปีกตะวันตกก็ร้างปิดตายไป จนเมื่อได้รินมาเป็นแม่บ้าน รินที่มีนโยบายว่าทุกห้องในบ้านต้องพร้อมใช้งานก็ได้ก็ได้ทำความสะอาดฟื้นฟูจนห้องกลับมาสะอาดเอี่ยมตามเดิม แม้ว่าในบ้านจะไม่มีใครที่ใส่ใจจะเล่นดนตรี แต่อย่างน้อย ๆ แกรนด์เปียโนสุดหรูก็ได้เป็นอิสระจากฝุ่นและใยแมงมุม ตั้งโอ่โถงอยู่กลางห้องที่สมศักดิ์ศรีอีกครั้ง

   เบญค่อย ๆ ก้าวอย่างช้า ๆ ขึ้นไปบนพื้นยกสูงกึ่งเวทีที่เปียโนตั้งอยู่
   มือบอบบางลูบไล้ไปตามพื้นผิวดำที่รินขัดไว้จนเป็นมันวาว
   "เบญเคยเล่นเหรอ......."
   คำพูดของน้ำฟ้าสะท้อนไปมาในห้องดนตรีที่เงียบเชียบ แต่ก็เหมือนจะเงียบหายไปทันทีที่ปลายนิ้วเรียวบางแตะลงที่คีย์สีขาวงาช้าง
   ทุกสรรพเสียง ทุกความคิด ทุกความรู้สึกของทุกคนในห้องมลายหายไปทันที ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงอันแสนเเสนาะหู
   ชาคริตเคยได้ยิน ว่าถ้านักดนตรีเล่นจากหัวใจจริง ๆ ความรู้สึกจะสามารถถ่ายทอดผ่านบทเพลงไปถึงผู้ฟังได้โดยตรง โดยผ่านเพียงแค่โน้ตดนตรีเท่านั้น
   เพิ่งรู้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริงได้ขนาดนี้
   เบญทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนัง อีกมือยกขึ้นมาบรรเลงคอร์ดเคียงคู่กับเสียงดนตรีหลัก
   เวลาผ่านไป อาจจะสิบนาที หรืออาจจะสิบชั่วโมง ชาคริตบอกไม่ได้ แต่เสียงดนตรีอันไพเราะจับจิต หวานซึ้ง แฝงไว้ด้วยทั้งความลิงโลดและความโศกเศร้าก็ค่อย ๆ แผ่วช้าลง ก่อนจะเงียบหายไปในที่สุด
   จนเสียงสะท้อนของโน๊ตสุดท้ายที่ก้องดังไปรอบห้องเลือนหายไป เบญถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างอาย ๆ "ขอโทษทีนะ เราไม่ได้เล่นเปียโนมานานแล้ว ในคอนโดไม่มีที่ตั้งน่ะ"
   น้ำฟ้ากระพริบตาปริบ ๆ เหมือนตื่นจากภวังค์
   ดวงตาของรินแวววาวด้วยความประทับใจ
   ไผ่หลิวยังคงอยู่ในห้วงอารมณ์เคลิบเคลิ้ม
   เธออ่านอารมณ์ในสายตาของชาคริตไม่ออก แต่มันทำให้ขนทั้งตัวเธอตั้งชัน   
   "เอ่อ....ใครพูดอะไรบ้างสิ...."
   ชาคริตปรบมือ
   อีกสามสาวยกมือขึ้นปรบตาม ทำเอาเบญเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย

   "ขอบคุณ ขอบคุณนะ" เบญระล่ำระลัก "เอ่อ....นี่เปียโนชาคริตใช่ไหม....ลองมาเล่นด้วยกันได้นะ"
   เบญเขยิบตัวไปนั่งที่ริมเก้าอี้หนังตัวยาว เว้นที่ให้ชาคริตนั่งข้างกายเธอ
   ชาคริตเดินขึ้นมานั่งลงข้าง ๆ เบญอย่างมึน ๆ
   เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรเมื่อเพิ่งได้ยินบทเพลงที่น่าลุ่มหลงขนาดนั้น
   แต่........เขาจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่ได้เล่นมาสิบสองปีได้แล้ว
   ชาคริตยกมือขึ้นมาวางบนเปียโน พยายามเค้นสมองหาเศษความรู้ที่ยังมีหลงเหลืออยู่
   ปลายนิ้วชี้กดคีย์ลงไปทีละตัว
   มี   เร โด เร มี มี มี (หนู มาลีมีลูกแมวเหมียว)
   แม้แต่เพลงแค่นี้ เสียงโน้ตแต่ละตัวยังฟังแยกเป็นส่วน ๆ ขาดความลื่นไหลไหวพริ้วอย่างเพลงที่เบญเล่น
   สามสาวที่ด้านล่างแสดงสีหน้ารังเกียจ
   แต่เบญหัวเราะร่า ยกมือขึ้นร่ายมนต์เพลงแห่งเสียงดนตรีอีกรอบ
   โน้ตของเธอเป็นเสมือนกรอบที่กำหนดและนำทางให้โน้ตโง่ ๆ ของชาคริตอยู่ในลู่ในทางที่ถูกต้อง สวยงาม จับใจได้ไม่แพ้เพลงคลาสสิคยาวเฟื้อยแสนยากที่เธอบรรเลงมาเมื่อสักครู่
   ไม่เคยคิดเลย ว่าดนตรีจะงดงามได้ขนาดนี้
   ชาคริตกดโน้ตเพลงต่อ เท่าที่จำได้
   แต่ตาก็มองลงสบประสานกับตาที่ส่องประกายแวววาวของเบญ
   ณ วินาทีนั้น ชาคริตก็รู้ตัว
   เขารักผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต่างจากที่รักราชณิญา หรือน้ำฟ้า  

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ijfkdory


peddo

ตายแล้ว ดนตรีสื่อใจ ไผ่หลิวต้องหาทางแก้เกมแล้ว คนอื่นเขาเข้ามาสำเร็จแล้ว


teerawatc

ชอบฉากสามสาวแอบอ่อยชาคริต แต่น้ำฟ้าเบรคไว้ก่อน

ดูน้ำฟ้ากลายเป็นเมียหลวงหึงหวงเมียน้อย ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นน้อย

pradit

อ้างจาก: KaohomLM เมื่อ มีนาคม 18, 2024, 06:49:38 หลังเที่ยงปิดเทอมค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ เมื่อชาคริตต้องคอยระวังตัวจากกับดักต่าง ๆ ที่ไผ่หลิวพยายามวางในบ้านเพื่อดักเขา โดยมีรินคอยช่วยเหลือ
   งานที่เตรียมพร้อมส่งไปเพื่อขอนำเสนอในงานซิมโพเซียมคืบหน้าไปเป็นอย่างดี ถึงแม้ชาคริตจะต้องคอยพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้เกิดโอกาสให้เขากับเบญได้อยู่กันสองต่อสองอีก โดยการลากน้ำฟ้ามาด้วยทุกครั้งเวลาหารืองาน
   ราชณิญาส่งข่าวมาว่าวงรำของเธอไปแข่งได้รับรางวัลระดับประเทศหลายรางวัล แถมยังได้ไปแสดงที่โรงละครแห่งชาติด้วย (ชาคริตเห็นอยู่แว่บหนึ่งในทีวี) และเธอในฐานะหัวหน้าและดาวเด่นของวงก็ได้รับการติดต่อจากแมวมองของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ชาคริตเรียนอยู่ ถ้าคะแนนสอบของเธอไม่เลวร้ายเกินไป มีโอกาสสูงมากว่าเธอจะได้โควตาเข้าเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์
   แต่การที่วงรำต้องเดินสายไปแข่ง เวทีนู้นที เวทีนี้ที ก็ทำให้ชาคริตไม่สามารถไปใกล้ชิดกับราชณิญาได้อย่างที่ต้องการ
   ถ้าไม่นับปิดเทอมเล็กเมื่อปีก่อน ตอนที่เขาตั้งปณิธานว่าจะเลิกเปิดซิงผู้หญิงแล้วทิ้ง นี่เป็นปิดเทอมที่ชาคริตมีกิจกรรมทางเพศน้อยที่สุด นับตั้งแต่ม.3 เลยทีเดียว
   ถ้าไม่นับเรื่องช่วยตัวเองนะ
   บางครั้งมันก็น่าหงุดหงิดนะ
   น้องญา ไม่ว่าง แข่งรำ ซ้อมรำ เตรียมไปแข่งรำอีกรอบ
   น้ำฟ้า กลับไปอยู่กับพ่อแม่
   เบญ......พยายามโทรมาถามเรื่องงานบ้าง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานบ้างอยู่เป็นระยะระยะ ซึ่งทำให้ชาคริตหงุดหงิดงุ่นง่านเข้าไปใหญ่ เขาพยายามตอบคำถามของเธอเต็มที่ แต่เหมือนเธอจะไม่รู้เลย ว่าคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ ปลุกอารมณ์เขาแค่ไหน ในเวลาที่เขาไม่มีช่องทางสะดวกจะระบายอารมณ์
   และมันก็ยิ่งทำให้ชาคริตรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ที่ไปทำให้สาวใส ๆ ไร้เดียงสาคนหนึ่งหมกมุ่นกับเรื่องเพศได้ขนาดนี้
   ขณะเดียวกัน ที่บ้านก็ยังมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง อุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียวถูกพบซุกซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ในห้องน้ำ ใต้เตียงนอนของชาคริต ในกระเช้าดอกไม้ที่ตั้งบนโต๊ะกินข้าว ใต้เบาะที่นั่งโซฟา หรือซ่อนไว้ในโคมไฟระย้า
   น้ำที่ใส่แช่ไว้ในตู้เย็นถูกสลับกลายเป็นยาปลุกกำหนัด
   บางที ก็มีระเบิดควันยาสลบกับลูกศรปลุกรักลอยหวือเข้ามาในห้องที่ชาคริตกับรินนั่งอยู่ เป็นที่น่ารำคาญใจเป็นยิ่งนัก รินกับชาคริตต้องคอยระวังตัวกันเป็นพัลวัน
   ยิ่งช่วงสัปดาห์ที่รินขอลาไปพักผ่อน ชาคริตยิ่งรู้สึกเหมือนเหยื่อที่ติดอยู่ในบ้านกับนักล่า
   แต่สุดท้าย ชาคริตก็เอาชีวิตรอดมาได้จนรินกลับมา และช่วงเวลาปิดเทอมใกล้จะจบลง
   ในช่วงสัปดาห์นั้น เขาก็แค่ล็อคตัวเองไว้ในห้องนอนใหญ่ ปิดผ้าม่าน ลงกลอนประตูหน้าต่างทุกบานให้มั่นคง
   มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อยู่ ๆ หน้าต่างที่ลงกลอนไว้อย่างดีอยู่ดี ๆ ก็เปิดผั๊วะออก แต่ชาคริตรีบคว้าสเปรย์พริกไทยพ่นออกไป มีเสียงร้องว๊ายมาเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง
   สามวันก่อนเปิดเทอมสอง ชาคริต น้ำฟ้าและเบญก็นัดกันมาเพื่อคุยเรื่องงานซิมโพเซี่ยมเป็นรอบสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่างานทุกส่วนพร้อมสำหรับส่งแล้วจริง ๆ เบญยืนกรานให้ใช้บ้านชาคริตเป็นสถานที่นัดพบในรอบนี้
   "เราแค่ต้องตรวจทาน จริงไหม" เบญถาม "ไม่ต้องใช้หนังสือจากในห้องสมุดแล้ว ต่อให้เจอข้อมูลอะไรที่ไม่ค่อยแน่ใจก็เช็คทางอินเตอร์เน็ตได้ ทำที่บ้านชาคริตจะสะดวกกว่านะ"
   "ชั้นจะได้ถือโอกาสขนของไปบ้านนายด้วยเลยไง" น้ำฟ้าบอก เมื่อชาคริตเอาข้อเสนอของเบญไปบอก
   เอิ่มมมมมมมม
   น้ำฟ้าเคยชอบบอกว่า ถ้าเขารู้เลขห้องเบญ เขาจะงัดเข้าไป
   แต่ตอนนี้เข้าเริ่มกลัวเบญจะงัดเข้ามาแล้วสิ
   แต่เมื่อสองสาวเห็นพ้องต้องกัน ชาคริตก็ไม่มีทางเลือก ต้องขับรถไปรับเบญกับน้ำฟ้ามาบ้าน
   ตลอดทาง เบญจับจ้องเขม็งอยู่สองข้างทาง ราวกับพยายามจะใช้สมองอันปราดเปรื่องของเธอจดจำทุกรายละเอียดตลอดเส้นทางจากคอนโดของเธอไปบ้านของชาคริต
   พอมาถึงบ้านน้ำฟ้า ชาคริตก็จอดรถรอขณะที่น้ำฟ้าขนสัมภาระขึ้นรถ
   "ของเยอะขนาดนี้.....น้ำฟ้าปกตินอนค้างบ้านคริตใช่ไหม" เบญกระซิบถาม "ก็มีอะไรกันได้ทุกวัน ตลอดเวลาด้วยสินะ"
   ชาคริตไม่ตอบ
   "คริคริคริ เวลาชาคริตเขินก็น่ารักเหมือนกันนะ"
   "เบญ...."
   "เข้าใจ เข้าใจ เราไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะ" เบญหัวเราะ "แต่ในรถตอนนี้ก็มีแค่เราสองคนไม่ใช่เหรอ...."
   ชาคริตกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ใบหน้าสวยของเบญอยู่ใกล้เขาเกินไป เขาได้กลิ่นน้ำหอมจากกายของเธอเต็มจมูก เธอสวยจริง ๆ หอมมากด้วย
   แล้วเขาก็ยังจำได้ดี ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในรถคันนี้
   แต่พอชาคริตไม่ตอบอะไร เบญก็ถอยหลังกลับไปที่เบาะข้างคนขับ
   "เราเริ่มเข้าใจแล้วนะ ว่าทำไมชาคริตถึงบอกว่าไม่ควรรักคนทีเดียวหลายคน........พอชาคริตให้เราไม่ได้เท่าที่เราให้คริต.....มันเจ็บนะ"
   "เบญ....."
   "เราคงไม่ชอบ หากดาวบนฟ้าโชติช่วงด้วยความรักที่เราสนองตอบไม่ได้ แต่หากความรักที่เท่ากันเป็นไปไม่ได้จริง ก็ขอให้ฉันเป็นคนที่รักมากกว่า"   
   "กลอนของออเดนเหรอ"
   "อือ"
   ดวงตาหวานใสที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาหันกลับมาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา
   "คนที่รักกว่า ย่อมเจ็บกว่า แต่เรายินดีจะเจ็บนะ ขอแค่ให้เราได้รักคริต...."
   แต่ที่เบญไม่รู้ คือไม่มีอะไรจะเจ็บเท่าได้เห็นความรักของหญิงสาวที่แสนดี สูงส่ง ที่เราไม่สามารถสนองตอบคืนได้
   และหัวใจของชาคริตก็แทบแหลกสลายลงด้วยความเจ็บปวดนั้น
   "นี่พวกนายสองคนคุยอะไรกันเนี่ย ทำหน้ายังกะอยู่ในงานศพ" น้ำฟ้าถาม เมื่อลำเลียงสัมภาระมาครบแล้ว และพาตัวเข้ามานั่งที่เบาะหลังรถ
   "เรื่องกลอนน่ะ" ชาคริตบอก "ดับเบิ้ลยู เฮช ออเดน"
   "พอเลย เรื่องกลอนภาษาอังกฤษอะไรนั่นนายเก็บไว้คุยกับน้องญาเถอะ เอ้า ไปได้แล้ว"
   
   "น้องญานี่คือแฟนชาคริตเหรอ" เบญถามน้ำฟ้าเมื่อมาถึงบ้านชาคริตแล้ว
   "อือ"
   "น้องเขาเป็นคนยังไงเหรอ"
   "ก็....ร่าเริง สดใส น่ารัก เก่งภาษาอังกฤษ รำเก่งด้วย" น้ำฟ้าบอก "แล้วก็สวยกว่าเราเยอะเลย"   
   "แล้ว.....ระหว่างน้องญากับเรา....ใครสวยกว่า"
   น้ำฟ้ามองหน้าเบญนิ่งไปพักหนึ่ง ทั้งคิดหาคำตอบ ทั้งสงสัยว่าทำไมเพื่อนสาวถึงได้ถามแบบนี้ "ไม่รู้สิ สวยกันคนละแบบมั้ง เบญจะดูหวานกว่า น้องญาเขาจะมั่น ๆ แต่งหน้าจัดหน่อย..."
   บรึ๊มมมมมมมมมม!!!!!!!

   ควันยาสลบพวยพุ่งออกมาทันทีที่ชาคริตเปิดประตูบ้าน รินรีบแบกพัดลมวิ่งมาเป่าออก
   "พี่ชาคริต ไม่เป็นไรนะคะ"
   "ไม่เป็นไร ชินแล้ว"
   "นี่ชั้นไม่อยู่เดือนนึง บ้านนายกลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย????"

   ชาคริตเดินนำสองสาวมาถึงโต๊ะทำงานในห้องรับแขกที่แม่เคยใช้ ก่อนจะก้มลงไปตรวจสอบด้านล่างของโต๊ะ ดึงเอาอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียวออกมาและโยนให้ริน ที่เอาไปทิ้งในถังขยะ
   "เอาล่ะ.....เราลองมาดูกันนะ" ชาคริตเอาโน๊ตบุ๊คออกมาเปิด "เริ่มจากบทนำก่อน เราว่า.........."

   ไม่ถึงครึ่งวัน งานก็เสร็จครบถ้วนสมบูรณ์ดี ทั้งสามไม่มีใครคิดจุดบกพร่องผิดพลาดอะไรที่สมควรแก้ไขได้แล้ว
   "จริง ๆ กำหนดส่งมันอีกสิบวัน" น้ำฟ้าบอก "แต่ถ้าเราคิดว่าพร้อมแล้ว......"
   "ส่งเลยก็ได้นะ เราว่า" เบญบอก "ชาคริตว่าไง"
   "อือ ส่งเลยดีกว่า"
   ชาคริตเปิดอีเมล์ ไปที่จดหมายร่างที่ส่งไปขออนุญาตนำผลงานไปเสนองานซิมโพเซี่ยมที่ทั้งสามช่วยกันร่างไว้แล้ว ก่อนจะแนบไฟล์งานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วไป
   เมาส์ชี้ไปที่ปุ่มส่ง
   "ถ้า....มันยังมีข้อผิดพลาดที่เรายังไม่ทันเห็นล่ะ"
   "แต่เราก็ตรวจแก้มาหลายรอบแล้วนะ" เบญบอก
   น้ำฟ้าคว้าเมาส์ไปแล้วคลิกปุ่มส่ง
   "ส่งแล้ว" น้ำฟ้าบอก "อยากจะแก้ก็ไม่ทันแล้ว อีกสองอาทิตย์คงรู้ผล ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ต้องเตรียมไปพัทยากันล่ะ"
   ชาคริตถอนหายใจ กึ่งกลัวกึ่งโล่งอก "ถ้าอย่างนั้น..."
   "ก็ต้องฉลอง ใช่ไหม" เบญถาม
   "อือ ฉลอง"
   "มา! ริน ทำอาหารกัน!"
   "ค่ะ พี่น้ำฟ้า!"
   "เดี๋ยวเราช่วยด้วย"
   "โอเค เบญ"
   "พี่ชาคริตไม่ต้องค่ะ ไปนั่งรอเฉย ๆ เลย!"
   ไม่ช้า โต๊ะอาหารก็เต็มเพียบไปด้วยอาหารน่ากินหลายอย่าง กลิ่นหอมหวนเกินห้ามใจพาเอาไผ่หลิวชะโงกหน้าออกมาจากห้อง
   "ทำอะไรกันคะ"
   "เราจะเลี้ยงฉลองที่งานนำเสนอเสร็จกันน่ะ" ชาคริตบอก
   "น่ากินมากเลย.....แต่..........." นี่ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิดนี่นา
   "มากินด้วยกันก็ได้นะ" เบญบอก "อาหารเหลือเฟืออยู่แล้ว ใช่ไหม น้ำฟ้า"
   จริง ๆ น้ำฟ้าไม่ได้อยากแบ่งยัยเตี้ยนี่เลย แต่ถึงขนาดนี้แล้วจะตอบปฏิเสธก็ดูใจแคบไปหน่อย "อือ มาสิ"
   "ริน นั่งลง ไปยืนทำอะไรตรงนั้น" ชาคริตถาม "มากินด้วยกัน นั่งข้าง ๆ พี่เบญก็ได้"
   "ขะ ขอบคุณค่ะ"
   
   "ชาคริต ลองชิมฟัวกราส์หน่อยสิ..."
   "ฟัวกราส์นั่นหนูทำนะคะ พี่เบญ..."
   "อันนี้เขาเรียกหอยอะไรเนี่ย"
   "ไม่รู้เหมือนกัน ชั้นเจอในตู้เย็น มันดูน่ากินดี เลยเอามาโยนใส่กระทะ รินซื้อไว้ใช่ไหม"
   "อือ ผัดผักโขมนี่อร่อยมาก"
   "แน่นอน ฝีมือชั้นนี่"
   "ไผ่หลิว!!!!! เอาอะไรใส่จานชาคริต?!?"
   "ไม่มีอะไรนี่!!!........"
   "ยาปลุกกำหนัดค่ะ พี่ชาคริต หนูเห็นพี่ไผ่หลิวหยิบขวดออกมาเมื่อกี้"
   "ชาคริต ระวังนะ กินข้าวจากช้อนเราแทนก็ได้นะ จะได้ไม่โดนวางยา"
   "ขอบใจนะเบญ อ้า"
   "อั้มมมมมมม คริคริคริ"
   "โอ๊ยยยยยยยยยย น้ำฟ้า อย่ารัดคอเรา"

   ไม่นานโต๊ะกินข้าวก็ว่างเปล่า
   "ชาคริต นี่นายกินหรือยัดทะนานเนี่ย"
   "ก็อาหารมันอร่อยนี่นา เราหยุดกินไม่ได้จริง ๆ"
   "ขอบคุณค่ะ พี่ชาคริต หนูยินดีจะทำให้พี่กินไปเรื่อย ๆ นะคะ" น้ำฟ้าชำเลืองมองริน "ถ้าพี่จ่ายเงินหนูเยอะ ๆ อย่างนี้ทุกเดือน หุหุหุหุหุ"
   "นั่นดิ อร่อยจริง ๆ ให้เรามากินข้าวบ้านชาคริตทุกวันก็ได้นะ" น้ำฟ้าชำเลืองมองเบญ "ถ้าจะยอมให้เรากินฟรีนะ คริคริคริคริ"
   ชิ ทำไมทุกคนต้องกลัวยัยแว่นกันด้วย เดี๋ยวชั้นจะ......
   น้ำฟ้าชำเลืองมองไผ่หลิว สาวร่างเล็กสะดุ้งเฮือก "ขะ....ขอโทษค่ะ หนูจะไม่พยายามวางยาพี่ชาคริต (ต่อหน้ายัยแว่น) แล้วค่ะ"
   "หืออออออออ" เบญร้องขึ้นมาเมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไปยังตัวบ้านอีกฝั่งหนึ่ง
   "อะไรเหรอ เบญ" ชาคริตถาม   
   "ในห้องฝั่งนู้น.......เปียโนเหรอ" เบญถาม
   ปีกตะวันตกของบ้านปิดตายมาหลายปีแล้ว แต่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ริมหน้าต่างที่เคยฝุ่นเขรอะคือแกรนด์เปียโนขนาดยักษ์แสนแพงจริง ๆ ถ้าชาคริตเข้าใจไม่ผิด แม่ไปได้มันมาจากบริษัทที่กำลังจะเลิกกิจการ ตอนเด็ก ๆ แม่เคยจ้างครูสอนดนตรีมาสอนเขาอยู่ และชาคริตก็ได้เรียนเปียโนนานพอจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ พอชาคริตเลิกเรียน ห้องดนตรีปีกตะวันตกก็ร้างปิดตายไป จนเมื่อได้รินมาเป็นแม่บ้าน รินที่มีนโยบายว่าทุกห้องในบ้านต้องพร้อมใช้งานก็ได้ก็ได้ทำความสะอาดฟื้นฟูจนห้องกลับมาสะอาดเอี่ยมตามเดิม แม้ว่าในบ้านจะไม่มีใครที่ใส่ใจจะเล่นดนตรี แต่อย่างน้อย ๆ แกรนด์เปียโนสุดหรูก็ได้เป็นอิสระจากฝุ่นและใยแมงมุม ตั้งโอ่โถงอยู่กลางห้องที่สมศักดิ์ศรีอีกครั้ง

   เบญค่อย ๆ ก้าวอย่างช้า ๆ ขึ้นไปบนพื้นยกสูงกึ่งเวทีที่เปียโนตั้งอยู่
   มือบอบบางลูบไล้ไปตามพื้นผิวดำที่รินขัดไว้จนเป็นมันวาว
   "เบญเคยเล่นเหรอ......."
   คำพูดของน้ำฟ้าสะท้อนไปมาในห้องดนตรีที่เงียบเชียบ แต่ก็เหมือนจะเงียบหายไปทันทีที่ปลายนิ้วเรียวบางแตะลงที่คีย์สีขาวงาช้าง
   ทุกสรรพเสียง ทุกความคิด ทุกความรู้สึกของทุกคนในห้องมลายหายไปทันที ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงอันแสนเเสนาะหู
   ชาคริตเคยได้ยิน ว่าถ้านักดนตรีเล่นจากหัวใจจริง ๆ ความรู้สึกจะสามารถถ่ายทอดผ่านบทเพลงไปถึงผู้ฟังได้โดยตรง โดยผ่านเพียงแค่โน้ตดนตรีเท่านั้น
   เพิ่งรู้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริงได้ขนาดนี้
   เบญทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนัง อีกมือยกขึ้นมาบรรเลงคอร์ดเคียงคู่กับเสียงดนตรีหลัก
   เวลาผ่านไป อาจจะสิบนาที หรืออาจจะสิบชั่วโมง ชาคริตบอกไม่ได้ แต่เสียงดนตรีอันไพเราะจับจิต หวานซึ้ง แฝงไว้ด้วยทั้งความลิงโลดและความโศกเศร้าก็ค่อย ๆ แผ่วช้าลง ก่อนจะเงียบหายไปในที่สุด
   จนเสียงสะท้อนของโน๊ตสุดท้ายที่ก้องดังไปรอบห้องเลือนหายไป เบญถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างอาย ๆ "ขอโทษทีนะ เราไม่ได้เล่นเปียโนมานานแล้ว ในคอนโดไม่มีที่ตั้งน่ะ"
   น้ำฟ้ากระพริบตาปริบ ๆ เหมือนตื่นจากภวังค์
   ดวงตาของรินแวววาวด้วยความประทับใจ
   ไผ่หลิวยังคงอยู่ในห้วงอารมณ์เคลิบเคลิ้ม
   เธออ่านอารมณ์ในสายตาของชาคริตไม่ออก แต่มันทำให้ขนทั้งตัวเธอตั้งชัน   
   "เอ่อ....ใครพูดอะไรบ้างสิ...."
   ชาคริตปรบมือ
   อีกสามสาวยกมือขึ้นปรบตาม ทำเอาเบญเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย

   "ขอบคุณ ขอบคุณนะ" เบญระล่ำระลัก "เอ่อ....นี่เปียโนชาคริตใช่ไหม....ลองมาเล่นด้วยกันได้นะ"
   เบญเขยิบตัวไปนั่งที่ริมเก้าอี้หนังตัวยาว เว้นที่ให้ชาคริตนั่งข้างกายเธอ
   ชาคริตเดินขึ้นมานั่งลงข้าง ๆ เบญอย่างมึน ๆ
   เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรเมื่อเพิ่งได้ยินบทเพลงที่น่าลุ่มหลงขนาดนั้น
   แต่........เขาจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่ได้เล่นมาสิบสองปีได้แล้ว
   ชาคริตยกมือขึ้นมาวางบนเปียโน พยายามเค้นสมองหาเศษความรู้ที่ยังมีหลงเหลืออยู่
   ปลายนิ้วชี้กดคีย์ลงไปทีละตัว
   มี   เร โด เร มี มี มี (หนู มาลีมีลูกแมวเหมียว)
   แม้แต่เพลงแค่นี้ เสียงโน้ตแต่ละตัวยังฟังแยกเป็นส่วน ๆ ขาดความลื่นไหลไหวพริ้วอย่างเพลงที่เบญเล่น
   สามสาวที่ด้านล่างแสดงสีหน้ารังเกียจ
   แต่เบญหัวเราะร่า ยกมือขึ้นร่ายมนต์เพลงแห่งเสียงดนตรีอีกรอบ
   โน้ตของเธอเป็นเสมือนกรอบที่กำหนดและนำทางให้โน้ตโง่ ๆ ของชาคริตอยู่ในลู่ในทางที่ถูกต้อง สวยงาม จับใจได้ไม่แพ้เพลงคลาสสิคยาวเฟื้อยแสนยากที่เธอบรรเลงมาเมื่อสักครู่
   ไม่เคยคิดเลย ว่าดนตรีจะงดงามได้ขนาดนี้
   ชาคริตกดโน้ตเพลงต่อ เท่าที่จำได้
   แต่ตาก็มองลงสบประสานกับตาที่ส่องประกายแวววาวของเบญ
   ณ วินาทีนั้น ชาคริตก็รู้ตัว
   เขารักผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต่างจากที่รักราชณิญา หรือน้ำฟ้า

แบบนี้ค้องยอมเอาเบญแล้ว

ttasster

ปิดเทอมใหญ่  หัวใจว้าวุ่น  ชาคริตจะรอดจากไผ่หลิวไหมนะ

natt4556



naja313


cd13579

สองคนไม่น่าพอ เด็กมันอยากซะขนาดนี้ จัดมันซะหน่อยจะเป็นไรไป
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

gunners

เอาแล้วชาคริต จะขออนุญาตน้ำฟ้ากับราชณิญายังไงดีเนี่ย

dawdom


zavior

น้ำฟ้าจะรู้สึกอย่างไรหรอ รินและไผ่หลิวอีกฮ่าๆ

ฮาเร็มขยายไวสุดๆเลยครับ ช่วยๆกันรับอารมหนุ่มหน่อย

joker socool

นี่บ้านหรือสนามรบ  แบบนี้ถ้าพลาดขึ้นมานายคริตโดนรวบหัวรวบหางแน่ๆ...ปล.ขอบอกว่าปู้เรื่องนานมากสำหรับเบญ  และผมก็ชอบนะครับที่ปูมานานมากขนาดนี้  มันทำให้ตัวละครตัวนี้ดูสำคัญมากๆและดึงคนอ่านไว้ได้มากจริงๆ  พอถึงฉากไคลแมกส์มันจะยิ่งเพิ่มอรรถรสเข้าไปอีก

เหมือนเคยมีคนบอกผมไว้ว่าอาหาร  ถ้ามีแต่เนื้อที่ถูกตัดแต่งมาอย่างดีให้เคี้ยวง่ายมันจะกินไม่สนุกเท่าเนื้อติดกระดูกที่เราต้องแทะก่อน  แกะก่อนถึงจะกินได้  ::Thankyou::