ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มนตรา สงคราม ความรัก ตอนที่ 72: เพชรมายา ทาวเวอร์

เริ่มโดย KaohomLM, พฤศจิกายน 08, 2024, 06:26:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   "หยุดค่ะ หยุด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ราชณิญาร้อง พยายามเข้าไปห้ามข้าวหอมที่กำลังกระทืบพี่นทีอย่างเมามัน "พี่เจ๊ หยุด!!!!!!!!!!!"
   ข้าวหอมยกเท้าออกจากหน้าพี่นที
   "สัญญากับหนู...." ข้าวหอมหอบหายใจ "ห้าม พี่ บันทึก เวลา เรา มีอะไรกันอีก"
   นทีส่งสายตาวิ่งวอน
   "ถะ.....ถ้าหนูไม่อนุญาต" ข้าวหอมเสริม หน้าแดง
   "แหมมมมมมม" เบญร้อง "พอถึงเวลา พี่นทีอ้อนหน่อยเจ๊ก็.........ขอโทษค่ะ เจ๊" เบญรีบปิดปากตัวเองเมื่อข้าวหอมกวาดสายตามา
   "พี่สัญญา" นทีรีบบอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นออกจากตัว พยายามรักษาท่าทีหยิ่งยโสยิ่งใหญ่แบบที่เขาเป็นโดยปกติ
   "ไม่ต้องเก็กค่ะ" รินบอก "ทุกคนเห็นพี่โดนเจ๊ข้าวหอมกระทืบหมดแล้ว"
   "ทุกคน!!!! หยุดนอกเรื่อง!!!!!!!!!!!!!!" ราชณิญาร้อง "เอาเรื่องช่วยชาคริตก่อน"
   "เออ จริง" น้ำฟ้าพยักหน้า ถึงได้เห็นเจ๊ข้าวหอมที่ปกติจะแสนดีกระทืบแฟนตัวเองจะบันเทิงไม่น้อย แต่อย่างไรตอนนี้ก็ต้องโฟกัสที่เรื่องชาคริตก่อน
   "เอาหล่ะ ก่อนอื่น พี่ต้องเกริ่นก่อนว่า สถานการณ์มันแปลกมาก" ข้าวหอมบอก "โดยปกติ พวกมันจะเน้นจับตัวผู้หญิงมากกว่า"
   "โดยเฉพาะสาวพรหมจรรย์" นทีเสริม "เพราะเป็นเครื่องสังเวยที่มีค่ามาก ทำให้พิธีสังเวยได้พลังปิศาจสูง"
   "แต่ถ้าพวกมันเน้นไปจับตัวชาคริต มันต้องมีเหตุผลอื่น" ข้าวหอมบอก "น้องเบญ พอจะรู้ไหมคะ ว่าชาคริตได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับพวกมันไหม"
   "ก็ ไอ้ชัยเคยชอบหนู..." ราชณิญาบอก "แต่หนูชอบชาคริต ไอ้ชัยเลยบอกว่าพี่ชาคริตแย่งหนูจากมัน"
   "ส่วนหนู ก็ไอ้ตี๋" เบญบอก
   "ทำเพื่อล้างแค้นเหรอ" นทีพึมพำกับตัวเองเบา ๆ "ไม่น่าใช่ พี่ว่ามันต้องมีอย่างอื่น"
   "เอ่อ....." น้ำฟ้าครุ่นคิด "เราเริ่มคิดที่เรื่องช่วยชาคริตดีกว่าไหมคะ เหตุผลไว้ค่อยคิดหากันทีหลัง"
   "พอมีวิธีแกะรอยเวทมนตร์ปิศาจไหมคะ" เบญถาม
   "มีเครื่องอ่านพลังปิศาจกับคาถาตรวจจับพลังปิศาจ" นทีส่ายหน้า "แต่ปิศาจเก่ง ๆ ซ่อนตัวจากสองอย่างนี้ได้ แล้วถ้าเป็นมนุษย์ที่ใช้เวทมนตร์ปิศาจ ก็ตรวจจับได้เฉพาะเวลาที่ใช้พลัง เวลาอยู่เฉย ๆ ก็จับไม่ได้"
   "กลับไปดูที่บ้านชาคริตได้ไหมคะ" เบญเสนอ "ต่อให้พวกมันยังอยู่ที่นั่น พี่นทีกับพี่เจ๊ต้องสู้ได้อยู่แล้ว"
   "พี่ไม่มีชุดเกราะ" นทีกัดฟัน
   "พี่นที" ข้าวหอมกระซิบเบา ๆ "หนูเชื่อในตัวพี่นะคะ"
   นทีถอนหายใจ "แต่พี่ไม่เชื่อในตัวเอง พี่พึ่งพาพลังจากชุดเกราะตัวนั้นเยอะมาก จนตอนนี้ พอไม่มีมัน พี่รู้สึกเหมือนเปลือยเปล่า อ่อนแอยังไงไม่รู้ พี่ไม่ชอบรู้สึกอ่อนแอ"
   "สำหรับหนู ยังไงพี่นทีก็เป็นคนที่ดีและแข็งแกร่งที่สุดค่ะ...." ข้าวหอมกุมมือนที
   "ขอบคุณครับ เจ๊" นทีทำท่าเหมือนจะหอมแก้มป่อง ๆ ของแฟนสาวสักทีเป็นการขอบคุณ
   "อย่าเพิ่งสวีทกันค่ะ!!!!!!!!!" ราชณิญาดุ นทีกับข้าวหอมแยกจากกันด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์
   เบญหยิบเศษชุดเกราะของพี่นทีขึ้นมาพินิจพิจารณา
   "พี่นทีเป็นคนสร้างเหรอคะ"
   "มีส่วน"
   "หนูดูโครงสร้างเวทมนตร์ที่หลงเหลืออยู่.....มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หนูไม่รู้จริง ๆ ยัดพลังมหาศาลขนาดนี้ลงในชุดได้ยังไงโดยไม่ระเบิด"
   "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ" นทีบอก "พยายามเท่าไหร่ก็ทำซ้ำไม่ได้"
   เบญหรี่ตา "แต่....."
   "เบญ!!!" น้ำฟ้าดุ "เรื่องชาคริตก่อน!"
   "ก็ได้" นทียอม "เราไปดูที่บ้านชาคริตกันก่อน น้องเบญ ยังเทเลพอร์ตได้ใช่ไหม ตัวพี่ไม่ได้มีพลังไม่จำกัดแบบเรา สงวนไว้ใช้ตอนสู้กันดีกว่า"
   "ได้ค่ะ" เบญตอบ พลางก็ยัดเศษชุดเกราะเข้าไปในเข็มขัดชุดนางฟ้าที่เธอยังสวมอยู่
   "ไปกันแค่สามคนก็พอ" นทีบอก "ตัวพี่ เจ๊ แล้วก็ตัวน้องเบญ"
   "ทำไมล่ะคะ" ราชณิญาถาม "ชาคริตเป็นแฟนหนูนะ"
   "นั่นสิ หนูก็เป็นห่วงชาคริตนะคะ" น้ำฟ้าพูด
   "หนูก็เหมือนกัน"
   นทีส่ายหน้า "ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ แล้วต้องสู้กัน พวกเรามีแต่เกะกะเปล่า ๆ"
   "ใช่ ชาคริตจะมีความสุขเหรอ ถ้ามีใครตายเพราะไปช่วยเขา" เบญถามเพื่อน ๆ "เราสามคน เอาตัวรอดได้ดีกว่า สู้ได้ดีกว่าถ้าไม่ต้องพะวงปกป้องใคร"
   "ใช่ค่ะ" ข้าวหอมบอก "พี่จะพยายามช่วยน้องชาคริตออกมาให้ได้ พวกเราอยู่ที่นี่แหละ ดูแลน้องไผ่หลิวให้ดี"
   "ห้องนี้มีคาถาป้องกันที่แข็งแกร่งลงไว้" นทีบอก "น้องเบญมีพลังควบคุมเวทมนตร์ทุกชนิดได้ เลยพาตัวเข้ามาได้ แต่คนอื่นหรืออย่างอื่นต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะทะลวงเข้ามาได้ แล้วยังไงพี่ก็ต้องรู้ แล้วกลับมาช่วยได้"
   "กะ...ก็ได้ค่ะ" ราชณิญายอมรับ น้ำฟ้ากับรินพยักหน้า
   "ไป น้องเบญ" นทีสั่ง "เทเลพอร์ต"
   วูบ
   
   เบญแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
   บ้านหลังใหญ่สวยงามของชาคริตหายไปครึ่งหลัง ห้องบอลรูมที่เธอสนุกสนานกับชาคริตอยู่ก่อนหน้าอันตรธานไปโดยสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงหลุมลึกขนาดใหญ่
   "อะ.....เอ่อ....." เธอระล่ำระลัก
   นทีคุกเข้าลง เอามือแตะพื้นหลุม
   ข้าวหอมบอกได้จากสีหน้าของคนรักว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
   "พลังปิศาจที่หลงเหลืออยู่ที่นี่รุนแรงมาก ๆ" นที่บอก "ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นระดับยอดฝีมือ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเสี่ยต้นซะอีก"
   "แกะรอยได้ไหมคะ" ข้าวหอมถาม
   นทีส่ายหน้า "บอกได้แต่ว่า พลังปิศาจยิงจากตรงนั้น มาลงตรงนี้"
   "ใช่ค่ะ ตอนนั้นผู้หญิงชุดดำยืนตรงนั้นแหละ" เบญบอก
   "ทางตันแล้วเหรอคะ พี่นที"
   "บ้านชาคริตไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอ เบญ"
   "มีข้างนอกที่หันออกถนน กับหลังบ้าน ตรงเลยบ้านพักคนสวนออกไปค่ะ แต่ในตัวบ้านไม่มี แล้วพวกนั้นระเบิดบ้านมาจากในทิศนั้น ทางที่ไม่มีกล้องค่ะ แล้ว....หนูก็ไม่เคยคิดถามชาคริตเรื่องความปลอดภัยด้วย ปกติเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีอยู่แล้ว หนูไม่เคยขอสิทธิ์เข้าดูกล้องเลย (แต่รู้ว่าชาคริตกับน้องญาเคยไปทำอะไรกันในมุมที่กล้องจับได้อยู่ น้องรินเอาภาพมาเปิดใส่จอทีวีใหญ่ให้ทั้งบ้านได้ชมค่ะ)"
   ข้าวหอมพยายามมองหาหลักฐานรอบตัว เบญก้มหน้า ขณะที่นทีดูครุ่นคิด
   "พี่คิดได้อย่างนึง" นทีบอก
   เบญเงยหน้าพรวดขึ้นมา "คะ?"
   "ต้องพึ่งพลังของน้องเบญแล้วหล่ะ ตัวพี่ตอนนี้ทำเองเปลืองพลังมากแน่" นทีบอก "เบญ ลองร่ายคาถานี้ซิ"
   "โอเคค่ะ....อะไรคะเนี่ย"
   "ปล่อยพลังเวทมนตร์ออกไปเป็นรูปแบบคลื่นเบา ๆ แล้วตรวจจับพลังที่วิ่งกลับมา น้องเบญสัมผัสได้ถึงเสาตรงนั้นใช่ไหม"   
   "ค่ะ"
   "เสริมพลังให้มันแรงขึ้น ให้ครอบคลุมทั้งเมืองไปเลย"
   "หือ"
   "เพื่ออะไรคะ" ข้าวหอมถาม เธอรู้จักคาถาที่พี่นทีกำลังสอนเบญ เพราะปกติใช้เพื่อสัมผัสหาของในที่ที่มองไม่เห็น แต่คิดไม่ออกว่ามันจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
   "เบญบอกพี่ว่า พลังของเบญเข้าถึงตัวผู้หญิงชุดดำคนนั้นไม่ได้เลยใช่ไหม"
   "ค่ะ"
   "นั่นแหละ ถ้าผู้หญิงคนนั้นทรงพลังในระดับที่ร่ายคาถาทำลายล้างแบบนี้ได้ น่าจะต้องสัมผัสได้ถ้ามีพลังเวทมนตร์มาถูกตัว ถึงจะเป็นแค่พลังเบา ๆ ระดับนี้ก็ตาม แล้วถ้าเค้าสัมผัสมันได้แล้วพยายามป้องกันไม่ให้พลังเวทมนตร์เข้าถึงตัว..."
   "เราก็จะสัมผัสได้ว่าพลังที่สะท้อนกลับมาจากจุดนั้นมันหายไป!!!" ข้าวหอมร้อง "ใช่ ทำได้จริง ๆ"
   "แต่ก็เป็นแค่ความเป็นไปได้เฉย ๆ นะ" นทีบอก "ถ้าเค้าไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์เลย หรือรู้สึกแต่ไม่สน เราก็ไม่ได้อะไร"
   "ได้ลองก็ยังดีค่ะ" เบญรีบบอก "เอาหล่ะค่ะ นึง ส่อง ซั่ม"
   เบญเริ่มร่ายคาถา คลื่นพลังเวทมนตร์เริ่มไหลออกจากตัวเธอ กระทบกับสิ่งต่าง ๆ และสะท้อนกลับมาหาเธอ
   "ยังไม่แรงพอ พยายามขยายให้พลังเวทมนตร์พุ่งออกไปไกลขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มความเข้มข้น" นทีบอก "ตอนนี้รัศมีของคาถาอยู่แค่ประมาณสองสามกิโลเอง"
   "ค่ะ"
   "หยุด อย่า....อันนี้แรงไป มันกำลังจะกลายเป็นคาถาทำลายล้างแล้ว ลดความเข้ม แต่เพิ่มพลังส่ง ทำได้ไหม"
   "ขะ...ค่ะ....ประมาณนี้ไหมคะ"
   "อืม นั่นแหละ แต่ขอขึ้นอีก แล้วพยายามสัมผัสถึงคลื่นพลังที่สะท้อนกลับมาด้วยนะ"
   "ค่ะ........................ทางนั้น.....ทางนั้นค่ะ" เบญร้องด้วยความตื่นเต้นและชี้ "ไกลประมาณสิบเจ็ดกิโลเมตร.....แปลกมากเลย.....เหมือน มีตึกทั้งตึกที่ไม่สะท้อนพลังของหนูเลย"
   "ตึกทั้งตึกเลยเหรอ" นทีทำเสียงครุ่นคิด "ไม่น่าใช่แล้ว จะมีใครใช้พลังปิศาจปกคลุมตึกทั้งตึกได้"
   "ลองไปดูก่อนไหมคะ" เบญถาม "ถ้าผิดก็ค่อยว่ากันอีกที"
   "ก็ดีนะคะ" ข้าวหอมบอก "เราไม่มีเบาะแสอื่นแล้วนี่คะ"
   "ก็ได้.....แต่ ขอให้ระวังตัวมาก ๆ นะ" นทีบอก "ถ้ามันผิดพลาด ก็ดีไป แต่ถ้าใช่........................."
   "เราก็ถล่มพวกมันให้เละสิคะ" ข้าวหอมพยายามทำเสียงร่าเริง
   "ก็หวังไว้แล้วกัน ว่ามันจะเป็นพวกที่เราถล่มได้"
   "มาค่ะ เดี๋ยวหนูจะเทเลพอร์ต"
   ชั้นบนสุด ตึกเพชรมายาทาวเวอร์
   วูบ
   "เห้ยยย อะไรว๊ะ" พวกการ์ดร้อง เมื่อร่างสามร่างปรากฎขึ้นที่บนลาดจอดเฮลิคอปเตอร์ที่ยอดตึก พวกมันรีบชักปืนออกมา แต่ปืนก็หลอมละลายเป็นเหล็กเหลวในมือของพวกมันก่อนจะทันได้ปลดห้ามไกเสียอีก
   "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ร้อน ๆ ๆ" ยามทั้งสองคนร้อง
   นทีพุ่งตัวเข้าหายามทั้งสอง ดาบสะบัดอย่างรวดเร็ว หัวสองหัวหล่นกระแทกพื้น
   "พี่นที!!!" ข้าวหอมร้อง "ทำไม.....เรายังไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า....แล้ว.....โอ้....."
   แม้แต่เธอยังรู้สึกได้
   ตึกนี้ทั้งตึก ปกคลุมด้วยพลังปิศาจที่รุนแรงจนพลังเวทมนตร์ในตัวเธอสั่นระริก
   เบญมองนทีสลับกับข้าวหอม "อะไรเหรอคะ....พวกพี่รู้สึกถึงอะไรกัน"
   "พลังปิศาจ ที่รุนแรงมาก ๆ" นทีแค่นเสียง
   "น้องเบญไม่รู้สึกเหรอคะ"
   เบญส่ายหน้า
   "น้องเบญ ช่วยปล่อยพลังออกมาให้แรงที่สุด ทอเป็นม่านคลุมรอบพวกเราสามคนได้ไหม เดี๋ยวพี่ลองทำให้ดูก่อนทีนึงนะ เอาแบบนี้ แต่ให้แรงกว่า ใหญ่กว่า" นทีถามและร่ายคาถา "พลังปิศาจระดับนี้ ไม่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์แล้ว"
   "หนูจะลองดูค่ะ...." แต่ทันทีที่เธอพยายามปล่อยพลังเวทมนตร์ เธอก็รู้สึก ปกติแล้ว เธอควบคุมพลังเวทมนตร์ได้ดั่งใจนึก แต่ตอนนี้ พลังที่เธอปล่อยออกไปรู้สึกราวกับต้องแทรกผ่านยางไม้เหนียวที่มาเกาะเกี่ยวรัดพันให้พลังของเธอเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าและยากลำบาก กว่าจะสานพลังให้เป็นแบบที่พี่นทีทำให้ดูได้เธอก็หน้ามืดเกือบจะเป็นลม
   แต่ข้าวหอมก็พอบอกได้ว่าอากาศรอบตัวดูสว่างไสวขึ้นหน่อยหนึ่ง และลมหายใจที่เข้าออกจากตัวเธอก็รู้สึกสะอาดขึ้น
   "พยายามคงม่านป้องกันแบบนี้ไว้นะ" นทีบอก "แล้วตามพี่มา เจ๊ ดาบพร้อม อยู่ใกล้ ๆ น้องเบญไว้"

   นทีพาเบญกับข้าวหอมลงตามบันไดหนีไฟไป จนถึงชั้นที่มีเสียงดังโหวกเหวกโวยวายให้ได้ยิน
   "พวกมึงเงียบ อีสัส!!!" ชายร่างใหญ่ตะโกน "ลูกค้าจะมาแล้ว รายนี้ลูกชายนักการเมืองใหญ่นะเว๊ยย พวกมึงอย่าทำให้ทั่นชัยเสียหน้า"
   ฟึบ
   ชายร่างใหญ่ล้มลงหัวขาดกระเด็น
   "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
   "ใจเย็นค่ะ ใจเย็น" ข้าวหอมรีบเข้าไปปลอบหญิงสาวสี่ห้าคนที่ถูกจับล่ามโซ่อยู่ "พวกเรามาช่วยนะคะ น้องเบญ...."
   เบญขยายสนามพลังออกครอบคลุมหญิงสาวที่ดูจะสงบลงบ้าง
   "พวกน้อง ๆ ถูกใครจับมาคะ" ข้าวหอมถาม
   "ทะ....ทั่นชัย...." ผู้หญิงคนหนึ่งตอบ
   "เรามาถูกที่แล้ว"
   "เจ๊ โทรหาพี่เก่ง"
   
   "กู.....ไม่รู้......." ชาคริตตอบอย่างอ่อนแรง เสียงอู้อี้เพราะเลือดที่กบอยู่เต็มปาก เศษฟันที่แตกละเอียดไหลลงจากปากพร้อมกับเลือดข้น
   "ถุย เมียมึงทั้งที ไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอว่าพวกมันหนีไปไหน มึงอย่ามาโกหกกูน่า" ไอ้ชัยบอก "ไอ้เป็ด.....อีกสักรอบซิ"
   "ได้เลย ทั่นชัย" ไอ้เป็ดเงื้อไม้ตะพด
   กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงง
   "อะไรว๊ะ"
   เตือนภัย เตือนภัย มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก
   เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นตึก
   "ใครบุกเข้ามาว๊ะ" ไอ้ชัยร้องถาม "ตำรวจเหรอ"
   "ตำรวจที่ไหนจะกล้ากับเราล่ะ ทั่นชัย" ไอ้ตี๋ถาม
   ไอ้ชัยเดินไปที่หน้าต่าง
   รถตำรวจล้อมรอบเพชรมายาทาวเวอร์อยู่จริง ๆ ชะ ไอ้พวกนี้ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
   แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า คือหญิงสาวในสภาพเปลือยหรือเกือบเปลือยคนแล้วคนเล่าที่วิ่งออกจากตึกไปหาพวกตำรวจที่ตั้งแนวและมีรถพยาบาลหลายคันรอรับอยู่ กรำงานหนักมาเกือบปี ผลิตผลหนีหายไปหมดแล้ว
   "ไอ้พวกการ์ดแม่งเลี้ยงเสียข้าวสุกว่ะ" ไอ้ชัยบ่น "อาวุธก็ครบมือ ทำไมพวกแม่ง...."
   ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   "ปกป้องห้องทั่นชัยยยยย!"
   "สู้ตาย!!!"
   "อย่าหยุด! ยิงต่อไป!!"
   ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   บรึ้ม
   "ฆ่ามัน ฆ่ามันสิ!"
   "มันมีแค่คนเดียวนะ!"
   "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
   "เพื่อทั่นชัยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
   ปัง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   เสียงดังมาจากนอกห้อง
    นี่พวกมันบุกมาถึงบนนี้แล้วเหรอเนี่ย
    ไม่ใช่ตำรวจแล้วหล่ะ นี่พวกผู้พิทักษ์
   เหี้ยแล้วไง   
   ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
   ปัง
   แป๊กกกกกก
   ไอ้ชัยเหลียวไปมองบันไดหนีไฟ
   ปึงงงงงงงง
   ประตูสู่โซนสวีทวีไอพีที่เป็นที่อยู่ไอ้ชัย ไอ้ตี๋และไอ้เป็ดระเบิดออก ชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงสง่า เดินถือดาบเปลือยฝักที่เปื้อนเลือดเข้ามา
   ไอ้ชัยไม่อยู่รอพบผู้พิทักษ์เป็นครั้งที่สองในชีวิต รีบพุ่งตัวไปที่บันไดหนีไฟแล้วทะยานลงไป

   ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย   
   "เคลียร์" นทีส่งเสียงบอก
   "ต้องฆ่าเขาหมดจริงเหรอคะ" เบญถาม และเดินตามออกมาจากมุมที่เธอกับข้าวหอมไปซ่อนตัว ออกมาสู่ทางเดินที่เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ
   "คนพวกนี้ อาศัย ทำงานมาในอาคารนี้ไม่รู้กี่เดือนแล้ว" นทีบอก "อาคารที่ท่วมล้นไปด้วยพลังปิศาจ จิตใจและความเป็นมนุษย์ของพวกมันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ปล่อยไว้ก็มีแต่จะกลับมาสร้างปัญหากับคนอื่นต่อ"
   นทีมองป้ายที่อยู่บนประตูตรงหน้า "เอาหล่ะ โซนสวีทวีไอพี น่าจะเป็นตรงนี้แหละ พวกการ์ดพยายามป้องกันส่วนนี้ของชั้นนี้แน่นหนาที่สุดแล้ว ตามพี่มานะ"
   นทีรูดบัตรที่แย่งมาจากพวกการ์ด ประตูเปิดออก เขาพุ่งตัวเข้าไปพร้อมดาบที่เงื้อง่า ข้าวหอมกับเบญเดินตามเข้ามา
   โซนสวีทวีไอพีแบ่งออกเป็นส่วนห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า แต่มีร่องรอยว่ามีหญิงสาวถูกพามาข่มขืนกระทำชำเราไม่ขาดสายไม่ขาดสาย เตียงนอนกลางที่ล้อมรอบด้วยกล้องนับสิบตัวและอุปกรณ์วิตถารนับไม่ถ้วน มีห้องสามสี่ห้อง ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องพักส่วนตัวของวีไอพีระดับแนวหน้าของแก๊งค์พรชัยดอทพอร์น
   "ฮือออออ...ช่วยหนูด้วย" ห้องแรกที่เข้าไป มีเตียงใหญ่อยู่ บนเตียงมีสาวน้อยวัยมัธยมในสภาพน่วมเละเทะ ร่างเปลือยเปล่า มองเห็นรอยดำ เขียวเป็นปื้น ๆ บนแผ่นหลังมีแต่รอยไหม้ แขนซ้ายบิดงอเหมือนจะหัก ที่ร่องรักที่บานอ้าและยังคงมีน้ำอสุจิขาวขุ่นไหลออกมาไม่ขาดสาย มีลายสักน่าเกลียดบิดเบี้ยวราวกับสักโดยช่างสักที่โง่ที่สุด เขียนเป็นตัวอักษรยึกยือความว่า 'ของเป็ดคนเดียว' เธอหายใจรวยรินเหมือนใกล้สิ้นลม ถูกโซ่ล่ามติดไว้กับหัวเตียง นทีตัดโซ่ออก
   "เบญ ฮีล" นทีสั่ง   เมื่อเห็นสภาพและแน่ใจว่าเด็กสาวคนนี้ไม่มีทางเดินเองไหวแน่
   จริง ๆ แค่เยียวยาแค่นี้ ตัวเขาเองก็ทำได้ แต่เขามีความรู้สึกมั่นใจว่าต้องเก็บพลังเวทมนตร์ทุกหยาดหยดเอาไว้
   ไม่ว่าจะช่วยผู้หญิงหรือเก็บพวกการ์ดไปกี่คน พลังปิศาจที่อบอวนอยู่ในอาคารแห่งนี้ไม่ได้เจือจางลงไปเลย
   เขาไม่อยากจะเจอตัวต้นเหตุของพลังนี้
   แต่ถ้าจำต้องเจอ เขาก็ต้องใช้พลังทั้งหมดที่เขามี
   ไม่น่าเชื่อ ว่าจะมีมนุษย์ที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ไนวิถีแห่งเวทมนตร์ปิศาจ
   "น้อง......"
   "เตยค่ะ" เด็กสาวตอบ เมื่อเบญรักษาเธอจนอาการดีขึ้นหน่อยแล้ว   
   "เดินไหวไหมคะ" ข้าวหอมถาม "พวกพี่เคลียร์ทางไปถึงลิฟต์แล้ว ลงไปเลย พวกตำรวจรออยู่"
   "ค่ะ ได้ค่ะ"

   ห้องต่อไปที่บุกเข้าไปเป็นห้องโล่ง
   แต่ห้องต่อมา...
   "ชาคริต!!!!!" เบญร้อง เมื่อเห็นร่างที่ถูกมัดเลือดท่วมอยู่กลางห้อง
   "หยุดนะ!!!" ไอ้ตี๋กับไอ้เป็ดถลาเข้ามาขวาง ในมือถือไม้ตะพดและไม้กระบองช็อตไฟฟ้า
   เพล้ง!!!!!!
   กระจกหนาแตกกระจาย ร่างของไอ้ตี๋กับไอ้เป็ดพุ่งทะยานจากชั้นหกสิบเอ็ดของเพชรมายาทาวเวอร์ลงไปแหลกเหลวเป็นแยมสตรอเบอร์รี่อยู่บนฟุตบาท
   "ชาคริต ชาคริต" เบญร้อง และวิ่งเข้าไปหาคนรัก "ไม่เป็นไรแล้วนะ ชาคริต เรามาช่วยแล้วววว"

   ที่ชั้นล่าง
   "พี่เตยยยยยยยย" เสียงอ่อนแรงร้องหาทันทีที่เตยลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง
   "เอย!!!!" เตยร้อง
   "พี่เตยย เอยขอโทษนะคะ" น้องสาวฝาแฝดตรงเข้ากอดพี่สาว
   "รีบออกจากตึกเถอะ ตำรวจอยู่แค่ตรงนั้นแล้ว" เตยบอกน้อง ร่างกายของเธอยังปวดไปทั้งตัวอยู่ แต่อิสรภาพของเธออยู่ไกลออกไปไม่กี่ก้าวแล้ว
   "ค่ะ พี่เตยไหวไหมคะ ให้เอยประคองนะ"
   สภาพน้องสาวของเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอมากนัก แต่เอยก็ให้เตยพิง สองพี่น้องค่อย ๆ เดินออกจากตึกไปพร้อมกันทีละก้าว ไปสู่แสงแดดที่ไม่ได้เห็นมาแสนนาน
   ทันทีที่ไปถึงแนวของพวกตำรวจ ตำรวจหญิงนางหนึ่งก็รีบเอาผ้ามาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของสองพี่น้อง
   "น้องสองคนไม่เป็นไรนะครับ" ชายเสื้อขาวที่ยืนอยู่กับกลุ่มตำรวจถาม
   "หนูไม่เป็นไรมากค่ะ ดูพี่เตยก่อน" เอยบอก
   ชายหนุ่มเสื้อขาวมองดูสองพี่น้อง "ดูจะไม่เป็นอะไรมาก รอก่อนนะ พยาบาลดูคนที่อาการหนักมาก ๆ อยู่ ถ้ามีพยาบาลว่างเมื่อไหร่ผมจะ...."
   "คุณเก่ง" ตำรวจสองนายเข้ามาหาชายเสื้อขาว คนแรกร้องทัก
   "ครับ หมวดสกล"
   "หน่วยสวาทพร้อมบุกแล้วครับ ผมยื้อเวลาให้ไม่ได้แล้ว เบื้องบนบอกว่ายังไงงานนี้ก็ต้องให้เห็นว่าเราเป็นคนบุกช่วยเหยื่อ"
   "เหยื่อก็ออกมาจะหมดแล้วนี่ไง" เก่งเถียง "ผมบอกแล้ว ว่าในนั้นมีอะไรบางอย่างที่อันตรายมาก ๆ อยู่ หน่วยงานของผมกำลังจัดการอยู่"
   "คุณก็อย่าดูถูกตำรวจมากนักเลย คุณเก่ง" ผู้การที่เดินมากับหมวดสกลบอก "ถ้ามันมีอะไรที่น่ากลัวอยู่จริง ให้ผมกับลูกน้องช่วยเถอะ บุก!!!"
   คำสุดท้าย ผู้การพูดใส่วิทยุ หน่วยสวาทชุดแรกเริ่มเคลื่อนเข้าหาประตูใหญ่ทางเข้าเพชรมายาทาวเวอร์  
     

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

teerawatc

ทำไมตอนนี้ปีศาจสาวถึงปล่อยให้ผู้พิทักษ์ เข้ามาช่วยเหลือเหยื่อได้ง่ายๆ

ทั้งๆที่ตัวปีศาจเองก็มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าตัวอื่น จะเป็นเพราะประมาทหรือเป็นแผนกันแน่นะ

นายตี๋กับนายเป็ดตายเร็วมาก แต่ก็สาสมแล้วเพราะทำกับพวกสาวๆไว้มาก

chipchip



zavior

ทั่นชัยก็ยังไม่เจอ สาวชุดดำก็หายไป หรือวางแผนกลับไปเอาตัวน้องญามาสังเวยกันนะครับ


kk2016




zaar65


ttasster

ตกลงพลังฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่ากันเนี่ย ฝ่ายดาร์กถูกบุกเข้ามาแล้วถูกฆ่าได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรอ


natt4556


peddo

ปีศาจสาวแทรกอยู่กับ"เหยื่อ" ที่ถูกช่วยไปมั้ย หรือซ่อนตัวเอาพลังหนุ่มที่ได้จากชาคริตอัพเกรดตัวเองอยู่ กลัวว่าถ้าสำเร็จ ผู้พิทักษ์ทั้งสามจะสู้ไม่ได้น่ะสิ

Aj33

มีตำรวจมายุ่งด้วย ปัญหาจะตามมา นทีจะใช้พลังอย่างไร แต่ปีศาจไม่ยอมออกมามีแผนอะไรรึป่าว