ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มนตรา สงคราม ความรัก ตอนที่ 73: นายหญิง

เริ่มโดย KaohomLM, พฤศจิกายน 12, 2024, 07:26:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   ราชณิญายืนเคียงข้างน้ำฟ้า ต่างคนต่างก็มองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ที่ด้านหลังของสองสาว ทีวีเครื่องใหญ่เปิดช่องข่าวทิ้งไว้ติดตามเรื่องราว แต่ก็ไม่มีใครสนใจหันไปมอง
   "พะ......พี่น้ำฟ้า....คิดว่า......."
   "ต้องได้สิ" น้ำฟ้าตอบกลับทันควัน "เราต้องเชื่อใจกันไว้สิ เหมือนที่พี่เคยไปช่วยญา เหมือนที่ญาเคยไปช่วยพี่กับเบญ ยัยเบญก็ต้องช่วยชาคริตออกมาได้"
   แต่กระนั้น ราชณิญาก็ยังรับรู้ถึงปลายเสียงสั่นเครือที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงมุ่งมั่น
   "ค่ะ พี่น้ำฟ้า" ราชณิญายื่นมือไปกุมมือพี่สาวร่วมฮาเร็ม "หนูก็เชื่อว่าพี่เบญต้องทำได้ค่ะ"
   "พี่น้ำฟ้า ญา" รินเดินเข้ามาหา "พี่ไผ่หลิวฟื้นแล้วค่ะ"

   ร่างเล็กนั่งขดอยู่บนเตียงกว้าง ดูเปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อ ราชณิญาไม่เคยเห็นพี่ไผ่หลิวดูอ่อนแอเช่นนี้เลย สาวตัวจิ๋วคนนี้ปกติแล้วกระฉับกระเฉง เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและความก๋ากั่นที่สุดจะน่าหมั่นไส้
   "น้องญา น้ำฟ้า" ไผ่หลิวเงยหน้าขึ้นมองและพูดเบา ๆ ด้วยเสียงที่สั่นเครือ ไม่ได้แหลมสูงปรี๊ดวี๊ดวีนชวนหมั่นไส้เช่นปกติ จริง ๆ การที่ไผ่หลิวใช้ชื่อของพวกเธอแทนที่จะเป็นยัยเมียหลวง (หรือยัยนางรำ หรือยัยนมโต) หรือ ยัยแว่น ก็ผิดปกติมากอยู่แล้ว "รินเล่าให้ชั้นฟังเรื่องชาคริตแล้ว ชั้นขอโทษ"
   "พี่ไผ่หลิว..." ราชณิญารีบตรงเข้าไปหาไผ่หลิว "พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ"
   "นั่นดิ" น้ำฟ้าบอก "มาขอท่งขอโทษอะไร"
   "ก็....ชั้นปกป้องพวกเราไม่ได้" ไผ่หลิวคอตก พยายามจะเอาหน้าซุกที่หว่างเข่า "..............ปกป้องชาคริตไม่ได้"
   "พี่ไผ่หลิวคะ....." ราชณิญาเข้าไปกอดสาวร่างเล็ก "เรื่องนี้ยังไม่จบค่ะ พี่เบญเค้า...."
   "ฮึ...." เสียงของไผ่หลิวดูเป็นคนเดิมขึ้นมาหน่อยหนึ่ง "ยัยผมเปียนั่นนะเหรอ จะไปช่วยใครได้ ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด"
   "พี่เบญเค้ามีเวทมนตร์ค่ะ เค้าต้องช่วยพี่ชาคริตได้สิ" รินบอก
   ไผ่หลิวย่นจมูก "ชั้นไม่ชอบเลย รู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้แบบนี้"
   "ชั้นเข้าใจนะ" น้ำฟ้าบอก ไผ่หลิวเป็นคนไม่เคยอยู่นิ่งอยู่แล้ว แม้แต่ช่วงที่จีบชาคริต เธอก็ไปขุดหาอุปกรณ์แปลกประหลาดต่าง ๆ มาหาช่องทางเล่นงานชาคริตได้ตลอด "แต่บางที ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องมันเกินมือเราแล้ว แล้วก็ได้แต่หวังว่า คนที่เค้าทำได้ เค้าจะทำสำเร็จ เหมือนที่เธอมาช่วยตอนชั้นกับเบญโดนจับไง ไผ่หลิว"
   ไผ่หลิวเงยหน้าขึ้นมองหน้าสาวแว่นแล้วยิ้มออกมาหน่อยหนึ่ง
   "ขอบคุณนะ น้ำฟ้า"
   "ใช่ค่ะ แค่เพราะเป็นนินจา ไม่ได้แปลว่าจะทำได้ทุกอย่างนะคะ พี่ไผ่หลิวอย่าโทษตัวเองเลย" ราชณิญาบอก
   สี่สาวกอดกันกลมบนเตียงใหญ่อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่รินจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ และรีบวิ่งแจ้นกลับมา
   "ทุคนคะ!!! ไปดูทีวีค่ะ"
   
   "นี่ ข่าวไร้สตินะคะ ขณะนี้ถ่ายทอดสดจากหน้าอาคารเพชรมายา ทาวเวอร์ค่ะ" ผู้สื่อข่าวในทีวีรายงาน
   ภาพที่ปรากฏคือรถตำรวจหลายสิบคันและรถพยาบาล ปิดล้อมอยู่หน้าอาคารสูงระฟ้า ใหญ่โตรโหฐาน ตำรวจตั้งแถวเป็นแนวล้อมรอบ ขณะที่หญิงสาวหลายคนที่มีผ้าผืนใหญ่คลุมตัวนั่งให้พยาบาลสนามตรวจร่างกาย
   "ทางตำรวจได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวของเรามาว่า ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่เปิดเผยไม่ได้ เกี่ยวกับที่กบดานของขบวนการค้ามนุษย์ผู้อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์พรชัยดอทพอร์นนะคะ เมื่อสักครู่ หน่วยสวาทพยายามบุกเข้าไป แต่ถูกคนร้ายใช้ระเบิดสกัดเอาไว้ได้ค่ะ"
   ภาพตัดไปที่เจ้าหน้าที่ที่กำลังลากร่างตำรวจหลายนายออกมาจากทางเข้าอาคารเพชรมายา ทาวเวอร์
   "แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ลดละความพยายามนะคะ นายตำรวจผู้คุมปฏิบัติการนี้บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า ได้มีการส่งสายแทรกซึมเข้าไปด้านในอาคารได้สำเร็จแล้ว จึงได้ช่วยเหยื่อของแก๊งค์พรชัยดอทพอร์นออกมาได้อย่างที่เห็นล่ะค่ะ แต่ทางด้านนอก ยังส่งกำลังหนุนเข้าไปไม่ได้ เราคงได้แต่หวังว่าให้สายตำรวจในอาคารปลอดภัยดีนะคะ ระหว่างนี้ เราลองมาสัมภาษณ์เหยื่อกันดีกว่า...."
   "คุณถอยไปเลยนะ!!!" ตำรวจที่ยืนคุมอยู่ร้องบอก "ผู้สื่อข่าวห้ามเข้าครับ ละเมิดสิทธิ์ผู้เสียหาย"
   "เอ่อ...น้องคะ" ผู้สื่อข่าวลากตัวผู้หญิงคนหนึ่งออกมาได้สำเร็จ ขณะที่นายตำรวจพยายามไปกันไทยมุงกลุ่มอื่น "ตอนน้องโดนจับตัวไป ได้เจอทั่นชัยบ้างไหมคะ ได้ถ่ายวิดีโอกับทั่นชัยไปกี่คลิปคะ"
   เด็กสาวร้องไห้
   "ถอยไปครับ สื่อเหี้ยอะไรเนี่ย ไม่มีจรรยาบรรณเลย" นายตำรวจร้อง ก่อนจะหันไปสั่งคนขับรถพยาบาล "พาเหยื่อออกไปเลยครับ ปล่อยไว้ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งสื่อ ทั้งไทยมุง เต็มไปหมด"
   หน่วยสวาทชุดที่สองเตรียมตัวบุกตามหลังชุดแรกเข้าไปทันทีที่รถพยาบาลพาตัวทั้งเหยื่อสาวและตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บออกไปแล้ว แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังลั่น นักข่าวร้องว๊ายและกระโจนหลบ กล้องแพนไปให้เห็นชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคน อาวุธครบมือที่ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าหลักของเพชรมายา ทาวเวอร์ และเริ่มระดมยิงออกมา ทางตำรวจเปิดฉากยิงตอบโต้กลับไปทันที คนร้ายหลายคนล้มลง
     แต่แล้ว กล้องก็แพนขึ้นไปอีก
   ท้องฟ้าที่เคยสดใสดำมืดลงทันทีด้วยเงาที่เหมือนจะทอดออกมาจากชั้นบนของอาคารเพชรมายา ทาวเวอร์
   "อะ....อะไรกันเนี่ย..."
   ที่ชั้นบนของอาคารเสมือนถูกล้อมรอบด้วยพายุหมุนสีดำสนิทที่แพร่กระจายออกมา นักข่าวหยุดพูดแล้วแหงนหน้ามอง ตำรวจหลายนายลดปืนลง แหงนหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าว่างเปล่าไม่ต่างกัน บางคนถึงขั้นลุกออกจากที่กำบัง แสดงท่าทีสักการะต่อเงามืดที่ปกคลุมอยู่เหนืออาคาร ก่อนจะถูกพวกคนร้ายในตึกยิงจนเสียชีวิต คนกลุ่มเดียวที่ดูจะยังมีสติสมบูรณ์คือกลุ่มคนร้าย ที่เริ่มหยิบอาวุธหนักออกมาแล้วเล็งมาทางแนวป้องกันของตำรวจและรถที่นักข่าวกับตากล้องหลบอยู่
   ภาพตัดจากการถ่ายทอดสดกลับมาที่ห้องอ่านข่าวที่มีผู้สื่อข่าวสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าพิศวง "เอ่อ....สัญญาณถ่ายทอดสดจากเพชรมายา ทาวเวอร์หายไปแล้วนะครับ ทางเราจะพยายามติดต่อทีมข่าวภาคสนามให้ได้โดยเร็วที่สุด ขอผู้ชมโปรดรอสักครู่นะครับ.........."
   
   "เบญ....ระวัง!!!!!" ชาคริตที่ถูกมัดอยู่ร้อง
   "หือ?!?" เบญชะงักกึกเมื่อโลกรอบกายมืดลงชั่วขณะ
   เพล้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
   นทีพุ่งตัวเข้ามาขวางระหว่างเบญกับร่างในชุดดำที่พุ่งเข้ามาหา ดาบสีเงินวาดลวดลายลีลาอ่อนช้อยงดงามแต่รุนแรงน่าสะพรึงกลัว แต่หญิงสาวในชุดดำก็รับทุกเพลงดาบไว้ได้ด้วยมือเปล่า
   "เจ๊อย่า!!!!!" นทีหันไปตะโกนบอกข้าวหอมที่เงื้อดาบตั้งท่าจะวิ่งเข้ามาช่วย
   ข้าวหอมอาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เบญรู้ พลังคุ้มกันที่เธอกางไว้ปกป้องตัวเธอเอง พี่นที และเจ๊ข้าวหอมขาดสะบั้นลงรอบ ๆ ตัวสาวชุดดำ และในวงกว้างด้านหน้าเจ๊ข้าวหอม มีพลังปิศาจที่รุนแรงบางอย่างขวางกั้นอยู่ พลังที่เธอไม่สามารถหักล้างได้
   ถ้าเจ๊ข้าวหอมก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว เธออาจจะถึงตายได้
   แต่ข้าวหอมไว้ใจนทีมากพอจะหยุดนิ่งทันทีที่ได้รับคำเตือน
   แต่เสี้ยววินาทีที่นทีหันไปเตือนข้าวหอมก็มากพอแล้วที่จะให้สาวชุดดำเลาะผ่านดาบสีเงินเข้ามา ฝ่ามือบาง ๆ กระแทกไปที่ไหล่ของพี่นทีเบา ๆ ชายหนุ่มกระเด็นมากระแทกเบญจนทั้งคู่แทบจะปลิวตกตึกไปพร้อมกัน
   "พี่นที!!!" ข้าวหอมร้อง
   "เจ๊....อย่าเข้ามา..." เบญร้อง เธอพยายามปล่อยม่านหลังป้องกันออกไปไกลขึ้น จนในที่สุดก็ทะลวงผ่านไปถึงตัวข้าวหอมได้ ข้าวหอมที่รู้สึกได้ถึงบาเรียคุ้มกันที่กลับมาจึงได้วิ่งเข้ามาหานทีกับเบญ
   "พี่นที เป็นอะไรไหมคะ"
   นทีลุกขึ้นยืน ร่ายคาถาเยียวยาซ่อมแซมกระดูกไหล่ที่แตกละเอียด "เจ๊ ระวังนะ....."
   สาวชุดดำยืนนิ่ง สายตาจับจ้องมาที่นที ข้าวหอม และเบญ
   ทันทีที่หญิงสาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา แสงสว่างก็เหมือนจะเลือนหายไปจากโลก
   รอบตัวของเธอห้อมล้อมด้วยความมืดที่ไม่ใช่ความมืดที่เกิดเพราะปราศจากแสง แต่เป็นความมืดที่จับต้องได้ ที่มองเห็นได้ ที่แสงสว่างใด ๆ ก็ไม่อาจทะลุทะลวง ความมืดที่กัดกร่อนกลืนกินจิตใจและดวงตา ความมืดที่นำความสิ้นหวังมาสู่ความหวัง นำความพ่ายแพ้มาสู่ชัยชนะ นำความตายมาสู่มนุษย์ทุกผู้คน ความมืดที่ถาโถมเข้าใส่พลังป้องกันของเบญราวกับมหาพายุที่สาดซัด
   "พอไม่มีปีกสีขาวแล้วก็ไม่ได้แน่สักเท่าไหร่นะ นายเหนือหัวแห่งสภาผู้พิทักษ์" สาวชุดดำเย้ย น้ำเสียงเยือกเย็นจนขนของข้าวหอมตั้งชัน เบญผงะหงอลงไปทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มเย็นนั้น บาเรียร์ที่สลัวอยู่แล้วถดถอยลงมาหลายฟุต
   ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันเนี่ย
   นทีกัดฟัน "ข้าฆ่ามหาปิศาจตัวแรกไปก่อนจะมีปีกสีขาว ทำไมแกถึงคิดว่าข้าจะฆ่าแกไม่ได้ล่ะ...มหาปิศาจตัวสุดท้าย"
   มหาปิศาจเหรอ
   ในบรรดาปิศาจระดับสูง แบ่งได้ออกเป็นพญาปิศาจ มหาปิศาจ และราชาปิศาจ
   พี่นทีเคยฆ่าราชาปิศาจ และมหาปิศาจไปแล้วหกตัว
   เธอเคยเห็นพี่นทีฆ่าพญาปิศาจโดยไม่ยากเย็นเท่าใดนัก
   แต่ที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่คือมหาปิศาจตัวที่เจ็ดเหรอ!!!!!!!!
   หญิงสาวชุดดำหัวเราะ
   "ตาคมดีนี่ นึกว่าจะมองไม่ทะลุข้าเสียอีก"
   "คิดได้ไง ถึงเลือกใช้ร่างมนุษย์" นทีถาม "พวกของแกที่ข้าฆ่าไป ไม่เห็นมีตัวไหนเคยใช้ร่างมนุษย์เลย"
   "ถ้าข้าไม่ลดตัวลงมาใช้ร่างที่อ่อนแอแบบนี้ จะหลบรอดสายตาเจ้ามานานขนาดนี้ได้ไหมล่ะ" สาวชุดดำยกนิ้วขึ้นเลียเลือดของนทีที่ติดปลายนิ้วอยู่ "แล้ววันนี้ ข้าก็ได้เจอเจ้าในวันที่อ่อนแอที่สุด"
   รอยยิ้มที่สาวชุดดำส่งให้ทำให้เลือดข้าวหอมเป็นน้ำแข็ง
   พลังปิศาจถาโถมเข้าใส่อีกระลอก เบญกัดฟัน พลังของบาเรียที่ปกป้องทั้งสามอยู่ตกฮวบลงไปอีก ข้าวหอมแทบมองพี่นทีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอไม่เห็นแล้ว
   "ก็ยังอุตส่าห์หาบทเพลงทั้งห้ามาแทนปีกสีขาวนะ" มหาปิศาจพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "รู้ใช่ไหม ไม่มีมีนังนั่น ข้าฆ่าเจ้าด้วยสายตาก็ยังได้"
   "รู้" นทีตอบ "เบญ อย่าให้บาเรียตกเด็ดขาดนะ"
   "หนูจะพยายามค่ะ" เบญหอบหายใจ แค่คงบาเรียร์ให้ป้องกันรอบตัวเธอเอง พี่นทีและเจ๊ได้เธอแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
   มหาปิศาจเหลือบตาไปมองชาคริตวูบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งตัว แต่นทีมองสายตาของมันทันและรีบไปขวางไว้ เลือดกำเดาไหลออกจากจมูกของเบญเมื่อเธอต้องพยายามป้องกันพี่นทีที่ขยับตัวออกจากวงล้อมบาเรียร์ของเธอ
   "ต้องการอะไรกับเด็กคนนี้" นทีถาม
   มหาปิศาจไม่ตอบ แต่ง้างกรงเล็บตะปบเข้าใส่นทีที่ยกดาบปัดป้องเป็นพัลวัน ข้าวหอมพุ่งตรงเข้าไปช่วย แต่มหาปิศาจตบครั้งเดียว ร่างเธอก็ลอยหวือไปกระแทกกำแพงดังปั๊กถึงแม้จะยกดาบขึ้นกันได้ทันก็ตาม
   "โอยยยยย" ข้าวหอมคราง รู้สึกเหมือนซี่โครงจะหัก
   เธอลองเช็คดูพลังที่เหลือในดาบ
   ไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์
   ด้วยการตบครั้งเดียวเนี่ยนะ

   "ทางเรายังติดต่อทีมข่าวภาคสนามไม่ได้นะครับ" ผู้สื่อข่าวบอก น้ำฟ้านั่งกัดเล็บจนนิ้วเลือดออกโดยไม่รู้ตัว รินกับไผ่หลิวกอดกันแน่น ราชณิญาเดินวนกลับไปกลับมาด้วยความร้อนรน รอติดตามข่าวให้กลับมาอีกครั้ง "แต่เฮลิคอปเตอร์ของทีมงานข่าวไร้สติตอนนี้เดินทางไม่ถึงเพชรมายาทาวเวอร์แล้วนะครับ จะขึ้นภาพให้ชมเดี๋ยวนี้"
   ราชณิญาพุ่งตัวกลับมาหน้าทีวีทันที
   รถตำรวจหลายสิบคันลุกไหม้เป็นไฟอยู่โดยรอบ ขณะที่ส่วนครึ่งบนของเพชรมายา ทาวเวอร์นั้นถูกหุ้มด้วยเงามืดทรงกลมขนาดใหญ่ที่ดำทะมึนจนมองอะไรด้านในไม่เห็น
   "ทางทีมข่าวไร้สติยังไม่ได้รับคำตอบจากหน่วยงานไหนนะครับ ว่าเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นกับอาคารเพชรมายา ทาวเวอร์กันแน่" ผู้สื่อข่าวบนเฮลิคอปเตอร์บอก "แต่คุณผู้ชมจะเห็นว่ามีเงามืดและ...นั่นอะไรน่ะ"
   สายฟ้าสีเหลืองทองแว่บแปลบปลาบให้เห็นอยู่กลางเงามืดที่ปกคลุมตึก
   "ครับ เข้าใจว่า การยิงต่อสู้กันของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับคนร้ายเมื่อสักครู่อาจจะทำให้มีไฟรั่วนะครับ เราจะเห็น....หือ.....เกิดอะไรขึ้น"
   "นายหญิง.....จงเจริญ...." คนขับเฮลิคอปเตอร์ที่จ้องเงามืดที่อาคารอยู่ตาไม่กระพริบพึมพำ แล้วกดดับเครื่อง หยุดการทำงานของใบพัด

   เพล้งงงงงงงงงง
   ดาบเงินในมือพี่นทีหักเป็นสองท่อน มหาปิศาจกระโจนเข้าหาชายหนุ่มด้วยดวงตาวาวโรจน์ ปากอ้ากว้างกว่าที่ปากมนุษย์จะอ้าได้ เผยให้เห็นฟันแลมคมเรียงรายเป็นแถว ๆ
   "สายฟ้าสีทองแห่งอิลิธิอา" นทีร่ายคาถาทำลายล้างที่แรงที่สุดที่เขาร่ายได้โดยไม่ต้องเขียนวงเวทย์ แต่พลังของสายฟ้าสีทองไม่แม้แต่จะสะกิดผิวหนังของมหาปิศาจ
   เปรี๊ยะ!!!!!!!
   สายฟ้าสีทองห้าสิบสองเส้นพุ่งเข้าใส่มหาปิศาจจากด้านข้าง มันร้องคำรามด้วยความตกใจ เปิดโอกาสให้นทีพุ่งตัวหนีจากคมเขี้ยวมาได้
   "พี่นที ไม่เป็นไรนะคะ" เบญถาม พลางก็ปล่อยสายฟ้าสีทองเข้าใส่มหาปิศาจอย่างต่อเนื่อง สิบเส้น ร้อยเส้น สองร้อยเส้น
   "หนูก็อปปี้ที่พี่ใช้เมื่อกี้ เก่งไหมล่ะ" เบญถาม เมื่อสายฟ้าปริมาณมากบังคับให้มหาปิศาจถอยหนีไปได้สี่ห้าก้าว แม้แต่ความมืดที่ล้อมรอบตัวก็ดูจะคลายลงหน่อยหนึ่ง "แล้วหนูเข้าใจแล้วด้วย คาถานี้ ใช้พลังงานน้อย แต่พลังทำลายมันรุนแรงมากเลย"
   "ระวังนะ" นทีเตือน "สังเกตไหม มันยังไม่ได้เลือดสักหยด"
   รอยยิ้มหายไปจากบนหน้าเบญ
   นี่เธอควบคุมพลังทำลายล้างมหาศาลในระดับที่ไม่เคยจินตนาการว่าจะใช้ได้แล้วนะเนี่ย
   ทำไมมันถึง......
   "เจ๊" นทีหันไปสั่ง "วาดวงเวทย์ ตามนี้"
   รูปวงเวทย์ซับซ้อนที่พี่นทีต้องการปรากฏขึ้นบนอากาศ ข้าวหอมรีบวิ่งถอยหลังไปสุดมุมห้อง หลังเตียงใหญ่ของแก๊งค์หื่น แล้ววาดวงเวทย์ตามที่พี่นทีแสดงให้ดูลงบนพื้น
    "เบญ ถ่วงเวลามันไว้"
   "ค่ะ"
   สายฟ้าสีทองอีกหลายสิบเส้นพุ่งเข้าใส่มหาปิศาจ
   แต่เหมือนมหาปิศาจจะตระหนักแล้ว ว่าสายฟ้าสีทองไม่มีพลังพอจะทำร้ายมันได้จริงจัง จึงเดินหน้าเข้ามาตรง ๆ ปล่อยสายฟ้าสีทองลามเลียไปตามลำตัวอย่างไม่กลัวเกรง
   "กระสุนปิศาจสังหาร!!!!!"
   นทีหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นคาถาที่มหาปิศาจร่าย
   เขาเคยรอดจากคาถานี้ได้ครั้งหนึ่ง ในอีกโลกหนึ่ง แต่ตอนนั้นเขามีปีกสีขาวอยู่
   และเท่าที่รู้ เขาเป็นคนเดียวที่เคยรอดจากมันมาได้
   "เบญ ขอยืมพลังหน่อยนะ" นทีบอก และตะปบมือไปที่บนหัวสาวน้อย พยายามร่ายคาถาเชื่อมจิต
   ใช่ เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เบญสัมผัส พลังที่เบญใช้ สิ่งที่เบญรู้สึก
   พลังเวทมนตร์รอบตัวเบญจากที่แผ่ออกกว้างเป็นบาเรียก็รวมตัวหลั่งไหลมาเป็นด่านป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น ถักซ้อนทอประสานทับกันไม่รู้กี่จบต่อกี่จบ เกิดเป็นมหาปราการแห่งเวทมนตร์ที่เจิดจรัดรัศมี ไม่มีเริ่มต้น ไม่มีสิ้นสุด ไม่มีจุดอ่อน ไม่มีวันพังทลาย เวทมนตร์ที่บริสุทธิ์ แกร่งกล้ากว่าที่จอมเวทย์คนใดจะร่ายได้ กอปรขึ้นจากพลังของบทเพลงทั้งห้าที่สอดประสานกันเป็นหนึ่งสู้จุดหมายเดียว เพื่อปกป้องเบญ นที และข้าวหอมจากกระสุนปิศาจสังหาร
   แสงและสีจากทั้งโลกหายไป เมื่อกระสุนที่ซีดเซียวพุ่งเข้าหาปราการเวทมนตร์ที่ความรู้ทั้งหมดของนทีและพลังทั้งหมดของเบญสร้างได้
   บรึ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
   นทีกับเบญกระเด็นไปกระแทกกำแพงดังอั๊ก เบญกระอักเลือดออกมาแล้วสลบไปทันที
   มหาปิศาจหัวเราะ
   "มาได้แค่นี้สินะ...." เสียงหัวเราะของมัน....เกือบจะเป็นเสียงที่ไพเราะได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าปิศาจตนหนึ่งจะสุขใจเริงร่าได้ถึงขนาดนี้
   นทีเงยหน้าขึ้นมองมหาปิศาจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งตัวรู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าจะขยับเขยื้อน
   ตอนนี้ มหาปิศาจมองครั้งเดียวก็ฆ่าเขาได้แล้วจริง ๆ
   เขาพยายามร่ายคาถาซ่อมแซมกระดูกสันหลังที่หัก แต่....เขาแทบไม่มีพลังเหลือแล้ว
   "แก....ต้องการจะทำอะไรกันแน่...." นทีถามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่   
   มหาปิศาจหัวเราะ "ก็จะสังเวยไอ้หนุ่มคนนี้น่ะสิ"
   มันชี้ไปที่ชาคริต
   "อะ.......อ๋อ......." นทีร้องออกมาแผ่ว ๆ นี่เขามองข้ามจุดนี้ไปได้ยังไงกันเนี่ย
   "หึหึหึหึ ใช่ ปกติพวกข้ามันโง่ มองแต่คุณค่าแบบผิวเผิน สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ สิ่งที่มีค่าแค่เปลือกแบบพรหมจรรย์ของผู้หญิง ถามจริง แค่เยื่อบาง ๆ มันมีค่าอะไรนักหนา ผู้หญิงคนไหนเกิดมาก็มีทั้งนั้น"
   "....."
   "แต่....ชายหนุ่มที่มีสเน่ห์มัดใจหญิงงามได้ทุกคน ผูกใจให้สาวงามหลายต่อหลายคนมาหลงใหลด้วยบริสุทธิ์ใจไม่มีความริษยา มีพลังวังชาเหลือล้นปรนเปรอความสุขให้หญิงสาวได้ไม่รู้เบื่อ....นี่ต่างหากล่ะ ที่มีค่าของจริง....ในโลกผู้ชายสักล้านคนจะหาแบบนี้ได้สักคนเหรอ................"
   "เบญ...เบญ...." ชาคริตพยายามร้องเรียก
   "ถ้าได้สังเวยไอ้หนุ่มนี่ ข้าจะมีพลังมากพอ....ไม่......ไม่ใช่เปิดประตูสู่โลกปิศาจ ทำไมข้าต้องไปพาไอ้พวกโง่พวกนั้นมาเพิ่มล่ะ มันมีประโยชน์อะไร ไม่เลย ข้าจะสร้างแดนปิศาจแห่งใหม่บนโลกนี้แหละ แดนปิศาจ ที่ข้าจะเป็นราชินี"
   "งั้น....ที่..............."
   "ใช่ ใช่ ที่พฤติกรรมคนในประเทศนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เพราะพลังของข้านี่แหละ มันค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเกินกว่าพวกเจ้าจะรู้ แต่ยิ่งข้าแข็งแกร่งเท่าไหร่ พวกมนุษย์ที่จิตอ่อนก็จะยิ่งโอนอ่อนเข้าหาพลังแห่งราคะมากขึ้น แต่เมื่อข้าได้สังเวยไอ้หนุ่มคนนี้..." มันหันไปหาชาคริต "ข้าจะมีพลังพอที่จะเปลี่ยนทุกคนบนโลกเป็นทาสกาม หรือนักล่ากาม และข้าก็จะเป็นราชินีเหนือทุกชีวิต ทั้งในโลกนี้และโลกปิศาจ..."
   "ทำไม.....ต้องเป็นชาคริต" นทีสำลักเลือดไปพร้อม ๆ กับที่พูด "ในเมื่อ....ตัวข้า....ก็ทำได้"
   คราวนี้มหาปิศาจถึงกับขำกลิ้ง
   "เจ้า เจ้าเนี่ยนะ 5555555555555555555555555555555555555555555555"
   "ดูถูกกันขนาดนี้เลยเหรอ"
   "ก็....ไม่เชิง ข้าเคยสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เจ้าทำกับสาวงามผู้เป็นเอกแห่งยุคสมัยนะ....แต่ หนึ่ง จับตัวเจ้ามาคงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะตอนที่เจ้ายังมีปีกสีขาวอยู่ และ สอง...........พลังทางเพศของเจ้ามันเกิดมาจากพลังเวทมนตร์มหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ไม่ใช่ของแท้ธรรมชาติให้มาแบบของไอ้หนุ่มนี่....โอ.....ข้าเคยเห็นมันเอาผู้หญิงจนสลบคาดุ้นห้าคนรวด....ข้าล่ะอยากจะไปร่วมแจมด้วยจริง ๆ เลย...."
   ชาคริตกระพริบตาปริบ ๆ
   มหาปิศาจเดินเข้ามาเหนือร่างนที มันหยิบส่วนปลายดาบที่หักแล้วของเขาขึ้นมา
   "เอาล่ะ นายเหนือหัวแห่งสภาผู้พิทักษ์ มีอะไรจะสั่งเสียกับข้าและกับโลกของเจ้าไหม"  

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


zavior


Aj33


cd13579

ปางตาย ปางตายสถานเดียว ตัวนี้น่าจะฟาร์มจนตัวแตก แต่นายท่านไอเทมพัง
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

Gear

เรื่องมีความซับซ้อนมากขอให้ทุกคนรอดปลอดภัย




pinp25513


natt4556


peddo

ชาคริตนี่มีต่าและพลังสูงขนาดนี้เลยแต่จะต้านปีศาจสาวไหวเหรอคร้บ เธอจะมีเยื่อพรมจรรย์ให้ตริตทำลายมั้ย


gunners

ใครจะมาช่วยชาคริต หรือว่าชาคริตเองก็มีพลังพิเศษ

ryg123456

แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะชนะศึกครั้งนี้ได้ พี่คริต