ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_lustlow

หลักสูตรร้อนอ้อนรัก - Lustlow R Zuse (บทเรียนที่ 1)

เริ่มโดย lustlow, มีนาคม 17, 2025, 04:01:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

lustlow

ถึงผู้อ่านทุกท่าน

นิยายเรื่องนี้สามารถอ่านฟรี จนจบเรื่อง อัพตอนใหม่ทุกวันจันทร์ที่บอร์ดนี้ เป็นเรื่องราวสุดสยิวของครูหนุ่มผู้มีความต้องการอันสุดหยั่งคาดกับบรรดาคนในโรงเรียน

หากท่านอ่านแล้วตอบความคิดเห็นด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

------

บทเรียนที่ 1
SUV สีดำเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตเก่า ๆ ที่แตกร้าวเป็นแนวยาว บางช่วงมีรอยปะซ่อมเป็นหย่อม ๆ จากฝีมือของใครสักคนที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเรียบร้อยนัก ล้อรถบดไปบนผิวถนน เสียงเครื่องยนต์ต่ำหนักทำให้ผู้คนที่เดินอยู่สองข้างทางหันมามอง บางคนเพียงเหลือบตามองแวบหนึ่งแล้วก้มหน้ากลับไป บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนที่เดินข้าง ๆ
รัฐไม่แปลกใจกับสายตาเหล่านั้น
รถแบบนี้มันผิดที่ผิดทางเกินไปสำหรับอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ มันดูไม่เข้ากับภาพรอบตัวเลย
เขามองตรงไปข้างหน้า โรงเรียนมัธยมศึกษาธารเกษม ปรากฏอยู่ตรงสุดถนน ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางเริ่มบางลงเมื่อเขาเข้าใกล้มากขึ้น กำแพงปูนซีเมนต์เก่า ๆ ล้อมรอบตัวโรงเรียน ป้ายไม้ซีดจางที่แขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าเหมือนกำลังบอกว่าโรงเรียนแห่งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี
เสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้นในห้องโดยสาร เขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับที่นี่
มันไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะอยู่
แต่ก็ไม่มีที่ไหนเหลือให้เขาไปแล้ว
รัฐชะลอรถ ก่อนจอดมันที่ลานด้านหน้า อาคารเรียนสามชั้นตั้งเรียงเป็นรูปตัว L ดูเก่าตามกาลเวลาแต่ก็ยังแข็งแรงพอจะใช้การได้ เด็กนักเรียนบางคนเดินผ่านไป หันมามองรถของเขา บ้างกระซิบกระซาบ บ้างจ้องเขม็งอย่างเปิดเผย
เขาไม่ได้สนใจพวกเด็กมากนัก เพียงเปิดประตูลงจากรถ ลมร้อนพัดผ่านมาปะทะหน้า
"ครูใหม่สินะ?"
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านข้าง รัฐหันไปพบชายวัยกลางคนในชุดเชิ้ตแขนสั้นเก่า ๆ กับกางเกงสีกากีซีด ๆ ยืนพิงกำแพง มือข้างหนึ่งถือไม้กวาด อีกข้างถือแก้วกาแฟที่ดูเหมือนจะดื่มมาได้ครึ่งแก้วแล้ว
รัฐพยักหน้า "ครับ"
"ดูจากรถก็รู้แล้ว ไม่มีใครขับอะไรแบบนี้มาหรอก" ภารโรงหัวเราะในลำคอ "ทางนี้ เดี๋ยวพาไปห้องพักครู"
เขาเดินนำไปตามทางเดินหน้าตึกเรียน รัฐก้าวตามไปเงียบ ๆ ขณะที่เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบกับพื้นซีเมนต์ดังเป็นจังหวะ
"ผอ. ไม่อยู่นะ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับก็บ่าย ๆ โน่นแหละ" ภารโรงพูดเหมือนเรื่องนั้นเป็นเรื่องธรรมดา "ท่านไม่ค่อยอยู่โรงเรียนหรอก งานประชุมที่อำเภอบ้าง ที่จังหวัดบ้าง โรงเรียนพวกนี้นะ ครูรองกับฝ่ายธุรการแทบจะเป็นคนดูแลแทนผอ. อยู่แล้ว"
รัฐรับฟังเงียบ ๆ ไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นอะไร
"ครูที่นี่ก็ไม่ได้เยอะนักหรอก โรงเรียนอำเภอแบบนี้ คนที่อยู่นาน ๆ ก็มีไม่กี่คน ส่วนใหญ่ถ้าได้โอกาสย้ายไปที่อื่นก็มักจะไปกันหมด เหลือแต่พวกที่อยู่จนชินแล้ว หรือไม่ก็พวกที่ไม่มีทางเลือก"
เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ เหมือนตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าจัดอยู่ในกลุ่มไหน
"เด็ก ๆ ก็เหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กท้องถิ่น มีทั้งที่เรียนดีและที่ไม่สนใจอะไรเลย บางคนมุ่งมั่นจะไปต่อมหา'ลัย บางคนก็แค่รอให้เรียนจบไปทำงาน บางคนบ้านดี บางคนบ้านแย่ พวกเด็กทุนก็มีเยอะนะ แต่ก็คงลำบากหน่อย เรียนไปทำงานไป ไม่ค่อยมีเวลาสนุกเหมือนเด็กคนอื่นเขา"
รัฐเงียบ ไม่มีความเห็นอะไรกับเรื่องนี้
"ถึงแล้ว" ภารโรงพูดเมื่อพวกเขามาถึงห้องพักครู เขาผลักประตูไม้เก่า ๆ ออกให้
รัฐเดินเข้าไป กลิ่นกาแฟจาง ๆ ลอยฟุ้ง เสียงพูดคุยของครูคนอื่นดังเบา ๆ โต๊ะทำงานของเขาอยู่ที่ริมหน้าต่าง หันออกไปเห็นสนามกีฬา เขาวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเหลือบมองรอบห้อง
"เอ้อ..." ภารโรงหยุดเดิน หันกลับมาหาเขา "ครูรัฐใช่ไหม?"
"ครับ?"
"ขอต้อนรับละกัน" ภารโรงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไป
รัฐมองตามเขาไปสักครู่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ถอดแว่นออกมาถือไว้ พลางพ่นลมหายใจเบา ๆ
"เธอใช่ไหม? ครูใหม่"
เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านข้าง เขาหันไปมอง พบผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
เธอผมยาว หน้าหวานแต่แฝงความมั่นใจ สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกระโปรงยาวถึงเข่า ท่าทางดูผ่อนคลาย
"เราเรียกเธอว่าครูรัฐได้ใช่ไหม?"
"ใช่ แล้วเธอ..."
"เรา 'ปัด' สอนนาฏศิลป์" เธอพูดด้วยน้ำเสียงติดสำเนียงเป็นกันเอง "เรียกเราว่าปัดก็พอ ไม่ต้องเป็นทางการหรอก"
"โอเค ปัด"
เธอหัวเราะเบา ๆ "ขับรถมาเองเหรอ? คันใหญ่มากเลยนะ ไม่ใช่คนแถวนี้สินะ"
รัฐหัวเราะบาง ๆ "เดาเก่ง"
"ไม่ต้องเดาหรอก แค่ดูจากสายตาเด็ก ๆ ที่มองตามรถเธอเข้าไปในโรงเรียนก็รู้แล้ว"
เขาไม่ได้ตอบอะไร แค่ยิ้มจาง ๆ
เธอฉลาด และช่างสังเกต
"แล้วอยู่ห้องไหน?" ปัดถามต่อ
"อ๋อ ยังไม่รู้เลย ผอ. ยังไม่มา กว่าจะมาก็บ่าย ๆ"
"อืม ก็ตามนั้นล่ะนะ" เธอพยักหน้า "ที่นี่เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ แต่ก็อยู่ได้แหละ ถ้าไม่คิดอะไรมาก"
"เธออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?"
"เกือบห้าปีแล้วล่ะ" ปัดเอนตัวพิงโต๊ะข้าง ๆ "ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจอยู่นานหรอก แต่พออยู่ไป ๆ ก็ไม่ได้อยากย้ายไปไหน"
รัฐพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเลื่อนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองลานกว้างของโรงเรียนที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เด็กนักเรียนบางคนยังเดินไปมา บ้างมุดตัวอยู่ใต้ศาลาไม้เก่า บ้างนั่งก้มหน้ากับหนังสือที่วางอยู่บนตัก แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมรอบตัว
โรงเรียนมัธยมศึกษาธารเกษม เป็นโรงเรียนระดับอำเภอ มีนักเรียนราว ๆ เจ็ดร้อยกว่าคน อาคารเรียนมีสามหลัง แบ่งออกเป็นมัธยมต้นกับมัธยมปลาย คนที่อยู่ที่นี่มักเป็นเด็กท้องถิ่น บางคนมาจากหมู่บ้านไกล ๆ ที่ต้องขึ้นรถโดยสารมาเรียนทุกวัน โรงเรียนไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากนัก นอกจากเป็นสถานที่ที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ต้องมาเพื่อรอให้ถึงเวลาจบ แล้วไปต่อในเส้นทางของตัวเอง บ้างไปต่อมหาวิทยาลัย บ้างไปช่วยที่บ้านทำไร่ทำสวน บ้างก็เข้ากรุงเทพฯ หางานทำ
โรงเรียนแบบนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีการแข่งขันอะไรมาก ทุกอย่างดูดำเนินไปตามจังหวะของมัน
และเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่นี่
รัฐเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นปลดกระดุมแขนเสื้อสองเม็ด แล้วพับขึ้นอย่างลวก ๆ สมองของเขาหมุนย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด การกระทำของเขาไม่ใช่สิ่งที่ผิด—ไม่เคยผิด เขาแค่ใช้ชีวิตตามธรรมชาติของมัน
"ผู้ชายเป็นผู้นำ"
มันเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมชาติของโลกนี้ ผู้ชายเป็นผู้ให้ ผู้คุมทิศทาง เป็นคนที่มีอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของสิ่งรอบตัว มันเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และควรจะเป็นเช่นนั้นต่อไป
แต่บางคน... บางคนกลับไม่เข้าใจ
เขาถูกเพ่งเล็ง ถูกตั้งคำถามจากคนที่มองเขาจากภายนอกโดยไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาทำ
"คุณควรลดความสัมพันธ์กับนักเรียนให้เป็นทางการมากขึ้น เราได้รับเรื่องร้องเรียนมา..."
คำพูดของพวกนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว แต่มันไม่ได้มีผลอะไรกับเขาอีกแล้ว
เขามาที่นี่แล้ว
ที่ใหม่
ที่ที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาก่อน
"คิดอะไรอยู่?"
เสียงของครูปัดดึงเขากลับมาสู่ปัจจุบัน เขาหันไปมองเธอที่ยังคงยืนพิงโต๊ะใกล้ ๆ ท่าทางของเธอดูผ่อนคลาย ไม่เร่งเร้า แต่ก็มีแววอยากรู้อยากเห็นอยู่ในที
"เปล่า แค่คิดว่าที่นี่ดูเงียบกว่าที่คิด"
"อืม ก็เงียบแหละ" ปัดพยักหน้า "แต่เงียบแบบที่อยู่ไปนาน ๆ แล้วอาจจะเบื่อได้ ถ้าไม่มีอะไรทำ"
"งั้นเธออยู่ที่นี่มาได้ยังไงตั้งห้าปี?"
"เพราะเราชอบความเรียบง่ายมั้ง" ปัดหัวเราะ "หรืออาจจะเป็นเพราะเรามีลูกสาวที่ต้องดูแลด้วย ก็เลยไม่ได้คิดจะย้ายไปไหน"
รัฐเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เธอมีลูก?"
"ใช่ ลูกสาวคนเดียว อายุสิบขวบ อยู่ประถม"
"สามีล่ะ?"
"ไม่มี" ปัดตอบเสียงเรียบ ไม่ได้มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือกระอักกระอ่วนอะไร "เราเลี้ยงลูกเอง"
รัฐพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ
"ไม่มีสามี เลี้ยงลูกคนเดียว..."
เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ลำพัง ต้องแบกรับภาระเองทุกอย่าง คำพูดของเธอเมื่อกี้ฟังดูง่าย แต่เขารู้ว่ามันไม่ง่าย ผู้หญิงไม่ควรต้องเป็นแบบนี้ ไม่ควรต้องดิ้นรนอยู่คนเดียว แต่สังคมสมัยนี้กลับทำให้มันกลายเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะต้องรับมือกับทุกอย่างเอง
นั่นมันผิดธรรมชาติ
"แล้วเธอล่ะ?" ปัดถามกลับ "โสด?"
รัฐหัวเราะเบา ๆ "ทำไมถามแบบนั้น?"
"ก็แค่อยากรู้" เธอยักไหล่ "เราไม่ค่อยเห็นครูผู้ชายที่นี่อยู่นานสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ถ้าแต่งงานแล้วก็มักจะย้ายไปอยู่ใกล้บ้านเมียกันหมด"
"งั้นฉันก็คงเป็นข้อยกเว้น" รัฐตอบ
"อ้อ งั้นก็โสดสินะ?"
เขายิ้มบาง ๆ "ถ้าจะเรียกแบบนั้นก็คงใช่"
"อืม..." ปัดลากเสียงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "เธอคิดว่าอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน?"
รัฐเอนตัวไปด้านหลัง มือจับพนักเก้าอี้หลวม ๆ สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
"ฉันไม่คิดเรื่องนั้น"
"อืม ก็เข้าใจนะ"
เธอไม่ซักไซ้อะไรต่อ รัฐรู้ว่าเธอเป็นคนฉลาด รู้ว่าคำถามไหนควรถาม คำถามไหนไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ
เขายังไม่แน่ใจว่าเธอเป็นมิตรหรือเป็นเพียงคนที่อยากรู้เรื่องของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็เป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
เธออาจเป็นคนที่มีประโยชน์
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะดังขึ้นจากหน้าห้อง
"ครูรัฐใช่ไหมครับ?"
เขาเงยหน้าขึ้น เห็นครูชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง สีหน้าเร่งรีบเล็กน้อย
"ครับ"
"ผอ. มาแล้ว ท่านอยากคุยกับคุณที่ห้องทำงาน"
รัฐพยักหน้า ลุกขึ้นช้า ๆ ปัดรอยพับเล็ก ๆ บนเสื้อเชิ้ต ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
รัฐเดินออกจากห้องพักครู เสียงพูดคุยจอแจเบาลงเมื่อเขาก้าวพ้นธรณีประตู แสงแดดยามเที่ยงสาดลงมากระทบพื้นปูนคอนกรีตที่เริ่มแตกร้าวในบางจุด อากาศร้อนแผดเผา พื้นดินสะท้อนไอร้อนขึ้นมาเป็นภาพสั่นไหว เขาก้าวเท้าไปตามทางเดินที่ทอดไปยังอาคารบริหาร
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาธารเกษม
เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อน ไม่เคยพูดคุย ไม่มีข้อมูลอะไรมากนักเกี่ยวกับตัวผู้อำนวยการ มีแค่ชื่อที่ระบุในเอกสารราชการ และข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ยินจากภารโรงและครูในห้องพักครูเมื่อครู่
คนแบบนี้... เป็นพวกนักบริหารมากกว่าครูสอนหนังสือ
รัฐก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของอาคาร ขณะที่ครูที่นำทางเดินนำเข้าไปก่อนแล้วเพื่อแจ้งให้ท่านทราบ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานขนาดกลาง ป้ายไม้สลักชื่อผู้อำนวยการแขวนอยู่บนประตู เขาใช้เวลาสองวินาทีในการปรับแว่น สูดหายใจเข้าลึก แล้วเคาะประตูเบา ๆ
"เข้ามา"
เสียงจากข้างในตอบรับทันที
รัฐก้าวเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการ ประตูไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ ขณะที่เขาปิดมันลงตามหลัง เขายกมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาธารเกษมเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่ดูเหนื่อยล้าในแบบของข้าราชการที่ทำงานมานาน ผมของเขาเริ่มมีหงอกแซม คิ้วหนาเป็นปื้น นัยน์ตาคมกริบจ้องมองรัฐผ่านกรอบแว่นตา
"สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการ"
"ครูรัฐสินะ"
"ครับ"
"นั่งก่อนสิ"
รัฐทรุดตัวลงนั่งอย่างเรียบร้อย ขณะที่อีกฝ่ายเอนตัวไปด้านหลัง พิงพนักเก้าอี้ที่เริ่มเก่าไปตามกาลเวลา เสียงนาฬิกาบนผนังดังเป็นจังหวะช้า ๆ ขณะที่ชายตรงหน้าหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิด พลิกกระดาษไปมาสองสามครั้ง
"คุณย้ายมาจากโรงเรียนในเมือง ผมเห็นว่าเคยสอนที่โรงเรียนขนาดใหญ่กว่านี้" เขาพูดขึ้น เสียงของเขาไม่แข็งกร้าวนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรเสียทีเดียว "ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?"
"ที่เก่ามีปัญหาหลายอย่างครับ ผมคิดว่าการย้ายมาที่นี่น่าจะทำให้มีสมาธิกับการสอนมากขึ้น"
"หืม..." ผู้อำนวยการพยักหน้า "นั่นเป็นเหตุผลของคุณ"
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง พลิกแฟ้มไปอีกหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองรัฐตรง ๆ
"แต่คนอื่นเขาเล่ากันไปอีกแบบ"
รัฐยังคงนั่งตัวตรง สายตานิ่ง ไม่ได้แสดงอาการสะดุ้งหรือไม่สบายใจ "ท่านหมายถึงอะไรครับ?"
"ข่าวลือมันมีเยอะ" ผู้อำนวยการพูดเรียบ ๆ "บางคนบอกว่าคุณมีความสัมพันธ์ไม่เหมาะสมกับนักเรียน บางคนบอกว่าคุณมีปัญหากับครูที่นั่น บางคนก็ว่าคุณเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อเด็กมากเกินไป"
รัฐก้มศีรษะเล็กน้อย สีหน้าของเขายังคงสุภาพ "ผมเข้าใจครับว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานใกล้ชิดกับเด็ก ๆ แต่ผมขอยืนยันว่า ผมตั้งใจสอนและไม่เคยคิดจะทำอะไรที่เป็นปัญหาต่อโรงเรียน"
ผู้อำนวยการพิจารณาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ "ผมเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่เชื่อข่าวลือโดยไม่มีหลักฐาน"
รัฐยิ้มบาง ๆ "ขอบคุณครับ"
"แต่..." ชายตรงหน้ากดเสียงต่ำลงเล็กน้อย "ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมต้องเชื่อข่าวลือพวกนั้น"
รัฐโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แสดงออกถึงความเคารพ "ผมรับทราบครับ และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
ผู้อำนวยการมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพยักหน้าและปิดแฟ้มเอกสารลง "คุณได้เป็นครูที่ปรึกษาห้อง ม.5/1 และสอนเคมีระดับมัธยมปลายทั้งหมด"
"ม.5/1?"
"ใช่ ห้องเด็กหัวกะทิของที่นี่ ส่วนใหญ่ตั้งใจเรียน แต่บางคนก็หัวไวเกินไปจนเป็นปัญหา คุณคงต้องเรียนรู้ไปเอง"
"เข้าใจครับ"
ผู้อำนวยการนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "โรงเรียนนี้อยู่ในระบบของมันเอง เราพยายามดูแลเด็ก ๆ ให้ดีที่สุด แต่ไม่ได้เป็นที่ที่ใครจะมาสร้างอิทธิพลอะไรขึ้นมาเอง เข้าใจใช่ไหม?"
รัฐพยักหน้า "ครับ ผมเพียงแค่มาเป็นครู ไม่มีเจตนาอื่น"
"ดี"
อีกฝ่ายพยักหน้าเบา ๆ ทอดสายตามองเขาเหมือนต้องการอ่านให้ลึกกว่าคำพูดของเขา รัฐคงสีหน้าให้นิ่งที่สุด ไม่ให้มีสิ่งใดเล็ดรอดออกมาเกินความจำเป็น
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้เริ่มสอนวันแรก"
รัฐลุกขึ้น ยกมือไหว้ตามมารยาท "ขอบคุณครับ"
เขาหันหลังเดินออกจากห้องไป ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
ข่าวลือ...
รัฐเคยได้ยินมันมาหลายครั้ง คนชอบพูดถึงสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ ชอบตัดสินจากภายนอกโดยไม่พยายามมองให้ลึกถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน
ผู้อำนวยการพูดว่าเขาไม่เชื่อข่าวลือ...
แต่รัฐรู้ดีว่า "ไม่เชื่อ" กับ "ไม่ใส่ใจ" มันเป็นคนละเรื่องกัน
ชายคนนั้นอาจไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาที่ไม่มีหลักฐานจับต้องได้ หรืออาจเพียงแค่ไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวายในโรงเรียนของเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นั่นก็หมายความว่า เขายังอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ตราบใดที่เขาไม่ก่อปัญหาให้เด่นชัดเกินไป
รัฐพ่นลมหายใจออกเบา ๆ เดินไปตามทางเดินที่ทอดกลับไปยังห้องพักครู ที่นี่อาจไม่เงียบสงบอย่างที่เขาคิด แต่ครั้งนี้... เขาจะไม่พลาดเหมือนเดิมอีก
เขาเรียนรู้จากอดีตแล้ว ว่าต้องระวังอะไร และต้องใช้วิธีไหนในการรักษาสิ่งที่เป็นของเขาไว้
หลังจากเดินออกจากห้องผู้อำนวยการ รัฐกลับไปยังห้องพักครู แต่ไม่ได้อยู่ที่นั่นนาน เขาหยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กจากกระเป๋าเสื้อ จดรายละเอียดสั้น ๆ เกี่ยวกับการสนทนาที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนจะปิดมันลง ร่างกายของเขาอาจอยู่ที่นี่แล้ว แต่เขายังต้องทำความคุ้นเคยกับสถานที่นี้ให้มากขึ้น
เขาเดินออกจากห้องพักครูไปตามทางเดิน เสียงนักเรียนจากห้องเรียนดังแว่วออกมาเป็นระยะ ๆ เขามองไปรอบ ๆ สังเกตโครงสร้างของโรงเรียน โรงเรียนมัธยมศึกษาธารเกษม มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีอาคารเรียนสามหลัง อาคารบริหารหนึ่งหลัง และอาคารโรงยิมเก่าที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลมานาน ลานกว้างหน้าโรงเรียนเต็มไปด้วยต้นไม้สูงให้ร่มเงา แต่พื้นดินบางส่วนมีรอยแตกร้าวจากความแห้งแล้งของอากาศในช่วงนี้
รัฐเดินไปช้า ๆ ไม่ได้เร่งรีบ เขาผ่านโรงอาหารซึ่งยังคงเงียบอยู่เพราะยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยง กลิ่นอาหารโชยออกมาเบา ๆ จากครัวด้านหลัง นักการภารโรงสองสามคนกำลังขัดพื้นให้สะอาด
เขาหยุดยืนที่สนามกีฬา โรงเรียนมีสนามฟุตบอลขนาดย่อม และสนามบาสเกตบอลที่พื้นคอนกรีตเริ่มสึกกร่อน บ่งบอกถึงการใช้งานมายาวนาน เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นดังมาจากมุมหนึ่ง กลุ่มเด็กนักเรียนชายกำลังซ้อมยิงลูกบาสกันอยู่ พวกเขาหัวเราะกันเบา ๆ แต่ไม่ได้สนใจรัฐมากนัก
เขามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อ
สำรวจให้มากที่สุด
รู้จักพื้นที่ให้มากขึ้น
มันเป็นนิสัยของเขา การรู้จักสภาพแวดล้อมทำให้เขาปรับตัวได้เร็วขึ้น และทำให้เขารู้ว่าควรอยู่ตรงไหน ควรหลีกเลี่ยงตรงไหน
รัฐเดินมาถึงอาคารหลังเล็กด้านข้างโรงเรียน ป้ายไม้เก่าหน้าประตูระบุว่าเป็น ห้องสมุด เขาผลักประตูเข้าไป ด้านในเงียบสงบ แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างกระจกสูงที่ถูกขนาบด้วยชั้นหนังสือเก่า ๆ โต๊ะอ่านหนังสือจัดเป็นแถว เด็กนักเรียนบางคนนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ ไม่มีเสียงพูดคุย
บรรณารักษ์—หญิงวัยกลางคนที่สวมแว่นกรอบหนา—เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้าทักทาย รัฐพยักหน้าตอบกลับ แล้วเดินไปตามชั้นหนังสือ
เขาไล่สายตามองดูหัวข้อของหนังสือ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ วรรณกรรม และหนังสือเรียนเก่าที่ถูกวางซ้อนกันบนชั้นอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบ บางเล่มมีรอยขีดเขียนของนักเรียนที่ใช้มันมาก่อนหน้า
เขาหยิบหนังสือเคมีขึ้นมาดู เปิดผ่าน ๆ ก่อนจะวางมันกลับลงที่เดิม ตำราเรียนเก่ากว่าที่คิด
รัฐจดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุด
หลังจากสำรวจส่วนอื่นของโรงเรียน เขามุ่งหน้าไปยัง ห้องวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนที่อยู่ด้านข้างของโรงเรียน ประกอบด้วยห้องทดลองไม่กี่ห้อง โต๊ะทดลองในห้องหนึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์เก่าที่มีร่องรอยการใช้งานมายาวนาน
ขณะที่เขากำลังสำรวจอยู่นั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
"อาจารย์ใหม่ใช่ไหม?"
รัฐหันไปพบชายวัยกลางคน สวมเสื้อเชิ้ตสีซีดกับกางเกงสแลคเก่า ท่าทางผ่อนคลายแต่สายตาดูเฉียบคม
"ครับ"
"ผมอาจารย์ดำรง หัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์"
รัฐยกมือไหว้อย่างสุภาพ "สวัสดีครับอาจารย์ ผมรัฐ ย้ายมาสอนเคมีครับ"
"อืม ยินดีต้อนรับ" ดำรงพยักหน้า "มาดูห้องทดลองอยู่เหรอ?"
"ครับ ผมอยากทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่นี่ก่อนเริ่มสอน"
ดำรงหัวเราะเบา ๆ "ขยันดีนี่ ดีแล้ว ที่นี่มีของให้ใช้ไม่เยอะเท่าที่โรงเรียนในเมืองหรอกนะ ต้องปรับตัวหน่อย"
"ผมเข้าใจครับ"
"เอาล่ะ ฉันเอาตารางสอนของนายมาให้" เขาหยิบแผ่นกระดาษออกจากแฟ้มแล้วยื่นให้รัฐ "ม.4 กับ ม.5 เป็นส่วนใหญ่ ม.6 มีแค่สองห้อง พอไหวไหม?"
รัฐรับกระดาษมา พลิกดูรายวิชาและช่วงเวลา "ไหวครับ"
"ดี"
ดำรงมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะถามขึ้น "ผอ. คุยอะไรมาบ้าง?"
รัฐเงยหน้ามองอีกฝ่าย สายตาของดำรงเต็มไปด้วยแววอยากรู้ แต่ไม่ได้คาดคั้น
"ไม่ได้คุยอะไรมากครับ ท่านแค่บอกให้ผมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
"หืม..." ดำรงพยักหน้าเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "เอาเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะแนะนำมาก แค่สอนให้ดีก็พอ ที่เหลือก็ต้องดูเอง"
"ขอบคุณครับอาจารย์"
"เออ ๆ งั้นไว้เจอกัน"
ดำรงพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้อง รัฐมองตามหลังอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงมองตารางสอนอีกครั้ง
เมื่อรัฐออกจากห้องวิทยาศาสตร์ เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนก็ดังขึ้นพอดี เสียงเก้าอี้ถูกลากออกจากโต๊ะเรียน เสียงพูดคุยของนักเรียนดังขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พวกเขาเก็บของ เตรียมตัวกลับบ้าน บางคนวิ่งออกจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว บางคนยังยืนคุยกับเพื่อนใต้ถุนอาคาร
รัฐไม่ได้เร่งรีบ เขาเดินไปตามระเบียงชั้นสองของอาคารเรียน ปล่อยให้สายตากวาดมองไปยังภาพตรงหน้า
เด็ก ๆ กลับบ้านกันในหลายรูปแบบ
กลุ่มหนึ่งเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกัน หัวเราะคิกคัก มือถือขนมจากร้านค้าข้างโรงเรียน เด็กบางคนซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ชายหรือพี่สาวที่มารอรับหน้าโรงเรียน บางคนเดินไปยังป้ายรถสองแถวที่จอดอยู่ริมถนน ส่วนเด็กจากหมู่บ้านไกล ๆ หลายคนต้องรอรถกระบะรับส่งที่พ่อแม่ผลัดกันขับมารับ
ภาพของนักเรียนที่ค่อย ๆ ทยอยออกจากโรงเรียนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในที่แห่งนี้—ชีวิตที่ไม่เร่งรีบ ไม่มีความหวือหวา ทุกอย่างดำเนินไปตามจังหวะของมันเอง
แต่สิ่งที่รัฐสนใจไม่ใช่แค่ภาพเหล่านั้น
เขากำลังสังเกต
เด็กคนไหนเป็นผู้นำ
เด็กคนไหนชอบอยู่นอกสายตาคนอื่น
ใครเป็นที่นิยมในกลุ่มเพื่อน
ใครเดินกลับบ้านคนเดียว
เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปจนสนามหน้าโรงเรียนเริ่มโล่งขึ้น เสียงของเด็กนักเรียนค่อย ๆ ลดลง เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังนั่งรอรถรับอยู่ใกล้รั้วโรงเรียน
เมื่อคนเริ่มบางตา รัฐจึงตัดสินใจกลับบ้านพักของตัวเองบ้าง
เขาพับตารางสอนเก็บลงในสมุดบันทึก เดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับความคิดที่เริ่มเรียงตัวกันในหัว
ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง
เขารู้จักสถานที่แล้ว รู้ว่าห้องเรียน ห้องทดลอง และห้องพักครูอยู่ที่ไหน
เขารู้จักผู้อำนวยการแล้ว และรู้ว่าชายคนนั้นคิดยังไงกับเขา
เขาพบหัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์แล้ว และรู้ว่าชายคนนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ตราบใดที่เขาทำงานของตัวเองให้เรียบร้อย
เหลือแค่สิ่งเดียวที่เขายังไม่รู้จักดีพอ...
เด็กนักเรียนของเขา
แต่พรุ่งนี้เช้า เขาจะได้พบพวกเขาแล้ว
และเขาจะค่อย ๆ ทำความรู้จักกับพวกเขาไปทีละคน... ในแบบของเขาเอง

==========โปรดติดตามตอนต่อไป==========

ผลงานอื่น
โรงพยาบาลร้อนซ่อนรัก --> https://fictionlog.co/b/675aa26df7648a001cce3696

ติดตามผลงานอื่นได้ที่
FB กลุ่มเรื่องเสียวดารา -> https://www.facebook.com/groups/1592412624419234
Fictionlog -> https://fictionlog.co/u/Lustlow

bergkamp10

ว้าว เรื่องแบบนี้ซิ ที่จะเรียกว่าคุณภาพที่แท้จริง

navy868

เขาทำอะไรไว้จึงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ รอเฉลย ::Hmmm::

cd13579

ไอ้คนพวกนี้ต้องเหลี่ยมจัด และใจเย็นแน่ แล้วมักจะต้องม้าตายเมื่อผิดแผน
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

1819

ดราม่า อิโรติก เก็บบรรยากาศได้ดีเชี่ยว    คงต้องอ่านเรื่อยๆเพื่อนรอเฉลย สิ่งที่ค้างคา  แต่ เรื่อง โรงพยาบาลร้อนก็ยังไม่จบ ไรท์อย่าทิ้งนะ
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

drblackjack

ขอบคุณครับ ชอบการบรรยายในเรื่องทุกเรื่องเลย อ่านแล้วเห็นภาพละเอียดมากครับ

lustlow

#6
อ้างจาก: 1819 เมื่อ มีนาคม 18, 2025, 02:19:50 ก่อนเที่ยงดราม่า อิโรติก เก็บบรรยากาศได้ดีเชี่ยว    คงต้องอ่านเรื่อยๆเพื่อนรอเฉลย สิ่งที่ค้างคา  แต่ เรื่อง โรงพยาบาลร้อนก็ยังไม่จบ ไรท์อย่าทิ้งนะ
โรงพยาบาลร้อนซ่อนรัก อัพตอนใหม่ทุกวันพฤหัสที่ fictionlog ครับ

ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ  ::Fighto::
ติดตามผลงานอื่นได้ที่
FB กลุ่มเรื่องเสียวดารา -> https://www.facebook.com/groups/1592412624419234
Fictionlog -> https://fictionlog.co/u/Lustlow

dick1050

บรรยายออกมาได้เห็นภาพตามเลยครับ ท่าทาง ผอ.นี่ลึกลับแปลกๆ น่าติดตามต่อครับ
Make love Not War

swss2511

เขาหนีอะไรมาแล้วจะสร้างอะไรที่นี่น่าติดตาม

ET_ONE

เดาๆว่า รัฐ น่าจะเป็นคนที่ชอบวางแผน ควบคุม บงการ + เด็กๆชื่นชอบง่ายสินะ

Thanakitz

งานคุณภาพ รอติดตาม ยังเดาทางพระเอกไม่ออกว่าจะออกมาไม้ไหน