ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มหายุทธสยบรัก ตอนที่ 6: หวังอี้ออกแสวงหาเซียวเฟยซิง

เริ่มโดย KaohomLM, เมษายน 06, 2025, 07:50:02 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

    ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หวังอี้ก็มาถึงท่าน้ำที่เฮี๊ยงกวยหลี่ช่วยมันขึ้นมา
    "เราลอยแม่น้ำมาถึงที่นี่หรือ" หวังอี้เหลียวมองรอบกาย "แล้วแม่นางเซียวเล่า นางจะไปที่แห่งใดได้เล่า"
    เท่าที่มันคิดได้ เป็นไปได้แค่สองทางเท่านั้น
    ต้นน้ำ กับปลายน้ำ
    ทั้งสองหล่นลงน้ำมาด้วยกัน ดังนั้นต้องถูกสายน้ำพัดพาไปในทางเดียวกัน
    แต่นางเป็นสตรี ร่างบอบบางเบากว่า คงถูกน้ำซัดไปไกลกว่ากระมัง
    หรือว่า เพราะความเบา นางจะถูกน้ำซัดขึ้นเกยฝั่งก่อนมาถึงจุดนี้แล้ว
    หวังอี้มองกลับไปกลับมาระหว่างทางต้นน้ำกลับปลายน้ำ จิตใจปั่นป่วน ลังเลมิกล้าตัดสินใจ
    "เซียวเฟยซิงล้ำเลิศวรยุทธนัก นางย่อมได้สติก่อนข้า นางคงได้สติแลตะเกียกตะกายเข้าหาฝั่งได้เองเป็นแน่" หวังอี้พูดกับตัวเอง และตั้งหน้าทำท่าจะเดินขึ้นทวนกระแสน้ำ ทว่าเดินไปได้เพียงหกเจ็ดก้าวมันก็หยุดชะงัก "ทว่า นางบาดเจ็บจากฝีมือโจรชั่วหวังฟันเจ้า หมดสติเสียตั้งแต่ก่อนตกลงในแม่น้ำเสียอีก นางจะได้สติก่อนข้าได้อย่างไรกันเล่า"
    มันกลับหลังหัน เดินหน้าไปสี่ห้าก้าว ก่อนจะหยุดชะงักอีกรอบ
    "ข้าดูหมิ่นฝีมือนางนัก ผู้มีวรยุทธกล้าแข็งแม้บาดเจ็บย่อมจักฟื้นตัวได้เร็วกว่า....ไม่ ข้าหยุดคิดแล้ว หากข้าไม่หยุดคิด ข้าไม่ได้เริ่มออกค้นหาเป็นแน่แท้" ว่าแล้ว มันก็มุ่งหน้าออกเดินสวนทางกระแสน้ำไป
    ตลอดทางที่เดิน หวังอี้พยายามเปิดตามองดูที่สองฝั่งแม่น้ำ หวังว่าจะได้เห็นแววของร่างขาวผ่องของนางนอนทอดกายอยู่ หรือแม้ร่องรอยเท้าในโคลนที่ริมฝั่งอันจะบอกได้ว่ามีคนตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ
    ทว่ามันก็มิได้เห็นร่องรอยใด ๆ
    "ข้าก็มิได้รู้แผนที่แถบนี้เสียด้วย" มันตัดพ้อกับตัวเอง "มิรู้เลยว่าที่นี่อยู่ห่างจากเมืองวิปลาสเพียงใด ถูกสายน้ำพัดพามาไกลแค่ไหน"
    หากเดินไปไกลจนถึงเมืองวิปลาสมันจะทำอย่างไรเล่า มันอาจได้เริ่มเรียนวิชายุทธแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ายังไม่ใกล้เคียงเป็นคู่มือหวังฟันเจ้าแน่ แค่พวกลิ่วล้อของมันก็คงยังสู้มิได้ด้วยซ้ำ
    "ที่ท่านอาจารย์สอนมา ไม่อาจตัดคอคนได้ด้วยมือเปล่าเช่นที่ชายร่างใหญ่คนนั้นทำเป็นแน่"
    "ฮี่ม...."
    เดินทางมาเกือบเต็มวันแล้ว ทว่าสองข้างทางยังมิมีวี่แววแม่นางเซียวเฟยซิงเลย
    "ท่านลุง ท่านลุง" มันร้องเรียกชายชราที่นั่งหาปลาในเรือไม้ลำเล็ก
    "มีเรื่องอันใดรึ พ่อหนุ่ม" ลุงหาปลาถาม
    "ท่านลุง ท่านอยู่ใกล้แม่น้ำสายนี้ สามวันก่อน ท่านเห็นหญิงสาวคนหนึ่งบ้างหรือไม่"
    "สาวรึ...ไม่เห็นดอก" ลุงหาปลาบอก
    "ไม่ ข้าไม่เห็นหญิงสาวคนใดเลย" ป้าที่ซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำบอกเมื่อหวังอี้เข้าไปถาม
    "ผู้เฒ่า.....ท่านอาศัยอยู่ในบ้านริมน้ำแห่งนี้ เมื่อราวสามวันก่อน เห็นผู้หญิงลอยมาในน้ำหรือไม่"
    "ไม่มีดอก เมื่อสามวันที่แล้วเห็นแต่ผู้ชายลอยมา ข้าพยายามช่วยขึ้นมาอยู่ แต่ไม่ทัน วันนั้นน้ำไหลเร็วมาก ข้าหาไม้ยาว ๆ ได้มันก็ลอยหายไปแล้ว"
    นั่นคือตัวข้าสินะ
    ตอนนั้น ข้าลอยมาคนเดียว
    แปลว่าแม่นางเซียวต้องได้สติ หรือไม่ก็ถูกน้ำซัดเข้าเกยฝั่งก่อนถึงจุดนี้แล้วเป็นแน่
    "ข้าขอขอบคุณท่านผู้เฒ่ามาก"
   
    เมื่อใกล้ยามเย็น หวังอี้จึงได้มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
    "ใกล้ค่ำแล้ว ยังไม่พบวี่แววของนาง" หวังอี้รำพึงกับตนเอง "หมู่บ้านดูเล็กนัก หาได้มีโรงเตี๊ยมไม่ หากข้าจะขอพักนอนกับชาวบ้านพวกเขาจะยอมไหมหนอ"
    "สวัสดี พี่ชาย" มันโค้งคำนับให้ชายหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่หน้าบ้านหนึ่ง "ข้าเป็นชายเพนจรผ่านมา หวังอาศัยพักนอนในยามค่ำ ไม่ทราบว่ามีที่ใดในหมู่บ้านให้ข้าได้อาศัยได้หรือไม่"
    "หมู่บ้านเรามิรับคนแปลกหน้า" ชายคนนั้นกล่าว "ใกล้เมืองวิปลาส โจรผู้ร้ายชุกชุมนัก ให้คนนอกมาอยู่อาศัยมีแต่นำภัยถึงตัว เจ้าไปเสียเถิด"
    "ข้าหาใช่โจรผู้ร้ายไม่" หวังอี้พยายามอธิบาย "แต่ข้าเดินทางมาทั้งวันเหนื่อยล้านัก หากท่านมิอาจรับข้า โปรดชี้ทางไปโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุดด้วยเถิด"
    "หันหลังแล้วกลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า" ชายหนุ่มยืนกรานเสียงแข็ง
    "ไม่ได้สิ อาเหลียง" เสียงจากในหมู่บ้านดังออกมา
    "บิดา โปรดกลับไปนอนพักผ่อนเถิด ข้าไล่ชายแปลกหน้าแล้ว" อาเหลียงบอก
    "ไล่มันไป ไม่ช้ามันก็พาพวกกลับมาสังหารเราทั้งหมู่บ้านสิ มารดาแลภรรยาเจ้าก็ถูกพวกมันฉุดคร่าจำมิได้หรือ"
    "แต่มันบอกว่ามิใช่คนจากเมืองวิปลาส" อาเหลียงเถียง "แม้เราไม่ต้อนรับ ก็มิจำเป็นต้องฆ่าแกงกันนี่"
    "มันโกหก!!!!" พ่อของอาเหลียงร้อง "เหล่าโจรมันโฉดชั่วนัก อาเหลียง ฆ่ามันเถิด!!"
    "ข้าหาใช่คนของเมืองวิปลาสไม่" หวังอี้พยายามชี้แจง "ผู้อาวุโส โปรดเชื่อข้าเถิด ข้าหาประสงค์ร้ายไม่ ขอเพียงพักนอนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ข้าจักเดินทางต่อแล้ว"
    "เจ้ามันเป็นโจรร้าย ให้เข้ามาเจ้าข่มขืนหลานสาวข้าแน่ อาเหลียง เจ้าจักปล่อยให้ลูกสาวถูกล่วงเกินเช่นที่เมียเจ้าโดนรึ"
    อาเหลียงเลือดขึ้นหน้า ปรี่เข้ามาชกใส่หวังอี้เต็มแรง
    ทว่าอาเหลียงก็เป็นเพียงชายหนุ่มแข็งแรงที่มิได้ศึกษาวิชายุทธ์ หวังอี้มิได้ประสงค์ทำร้ายจึงปัดป้องเสียทุกหมัด
    "นั่น!!!" พ่อของอาเหลียงร้อง "มันมีฝีมือวิชายุทธ ต้องเป็นคนของเมืองวิปลาสแน่ อาเหลียง รับดาบ ใช้ดาบฟาดฟันมันให้สิ้นใจเสีย"
    อาเหลียงรับดาบจากพ่อมันมา
    หวังอี้หน้าซีด อาจารย์ไม่เคยสอนให้มันสู้กับอาวุธมาก่อน
    "โปรดเชื่อข้าเถิด ข้าหาได้มุ่งร้ายต่อท่านไม่ มิใช่โจรผู้ร้ายจากเมืองแห่งนั้นด้วย"
    ขวับบบบบ
    ดาบเล่มใหญ่ฟาดมาเฉียดใบหูหวังอี้ไปนิดเดียว
    เมื่อไม่มีทางเลือก หวังอี้จึงต้องสู้
    เพี๊ยะ!!!
    "อาห์"
    เมื่ออาเหลียงเงื้อดาบจะฟาดเป็นครั้งที่สองหวังอี้ก็ฟาดที่หน้าอกของมันด้วยฝ่ามือตะปบเต้า อาเหลียงฟุบลงกับพื้นทันที ใบหน้าบิดเบี้ยว อ้าปากค้างจนเห็นลิ้นกระดิกไปมา
    "เจ้า!!! เจ้าฆ่าลูกชายข้า!!!!" ชายชราร้อง
    "ข้าเปล่า ข้าเพียงแค่...."
    "เจ้าตายเสียเถิดดดดดดด" ชายชราเดินขโยกเขยกเข้ามา หวังอี้จึงเตะไม้เท้าที่ชายชราถือ มันกลิ้งล้มลงไปกับพื้นทันที
    "ขออภัย พี่ชาย ท่านผู้เฒ่า" หวังอี้ยกมือขึ้นคารวะ "ข้าน้อยขอตัว ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว"
    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!" เสียงแหลมใสร้อง
    หวังอี้หันไปมอง เห็นดรุณีน้อยคนหนึ่ง วัยยังเยาว์นัก หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ทว่ามีรอยย่นบนจมูกอันบ่งว่าเป็นสตรีที่ดื้อรั้นไม่น้อย นางสวมอาภรณ์ดั่งหญิงสูงศักดิ์สีชมพูเหลืองงดงาม ทว่ารัดรึงกระชับกว่าทั่วไปเพื่อให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนกายได้สะดวก

    "แม่นาง" หวังอี้คำนับ
    "มิต้องมาทำวาจาสุภาพกับข้า เจ้าคนถ่อย" ดรุณีในอาภรณ์ชมพูตวาด "ข้าผ่านมาพอดี เห็นเจ้ารังแกพี่ชายท่านนั้นและชายชรา เป็นผู้ศึกษาวรยุทธกลับนำวิชามารังแกผู้ไร้ทางสู้ น่าอับอายเป็นที่สุด วันนี้ ข้า ไช่อี้เหนียง จะสั่งสอนให้เจ้ารู้สำนึก มิกล้าทำร้ายผู้อื่นอีกเลย"
    "แม่นางไช่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว" หวังอี้ก้มศีรษะแสดงความเคารพ "ข้าหาได้กลั่นแกล้งใครไม่ เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น"
    "เจ้าคนโกหก..." ชายชราโอดครวญ
    "เจ้ารังแกท่านผู้เฒ่า ยังมีหน้าแก้ตัว" ไช่อี้เหนียงว่า "ช่างหน้าไม่อาย"
    "แม่นาง ท่านผู้เฒ่า เราเลิกรากันเพียงเท่านี้เถิด ข้าจักไปตามทางของข้า ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว ที่ผ่านมา ข้าน้อยขออภัย" ว่าแล้วหวังอี้ก็หันหลังเดินลัดเลาะตามทางผ่านชายขอบหมู่บ้าน มุ่งหน้าขึ้นทวนกระแสน้ำไหลเช่นเดิม
    "หยุดก่อน!!!" ไช่อี้เหนียงคว้าชายกระโปรงยกแล้วเดินจ้ำอ้าวตาม "เจ้าคนถ่อย เรื่องแบบนี้ใช่ว่าขออภัยแล้วจบ ข้าต้องสั่งสอนเจ้าเสียก่อนเรื่องมันถึงจะจบได้!!!"
    "แม่นางไช่น่ารำคาญนัก" หวังอี้บอก "ข้าหาได้ประสงค์ต่อตีไม่ โปรดปล่อยข้าไปตามทางของข้าเถิด"
    "เจ้าหามีศักดิ์ศรีไม่" นางยังตะโกนบริภาษหวังอี้ไม่หยุด แม้เมื่อมันเดินเร่งฝีเท้าจนหมู่บ้านเบื้องหลังเกือบลับตาแล้ว "ข้าบอกว่าจะสั่งสอนเจ้า ไยไม่รับคำท้า เจ้าเป็นชาวยุทธประเภทใดกัน"
    หวังอี้กัดฟันปิดปากไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่านางย่อมต่อปากอีกแน่ มันรีบเร่งฝีเท้าตั้งใจจะไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด
    ฟึ่บบบบบ
    ไช่อี้เหนียงทะยานด้วยวิชาตัวเบามาดักหน้า
    "ข้าบอกว่า ข้าจะสั่งสอนเจ้า" นางพูด มือท้าวสะเอว "ไยเจ้าตั้งแต่จะหนีอยู่ถ่ายเดียวเล่า"
    "แม่นางไช่ ข้ามิอยากประฝีมือกับท่าน" หวังอี้บอก "ข้าต้องตามหาสหายข้าที่หายไปในธารแห่งนี้ โปรดหลีกทางเถิด"
    ใบหน้าไช่อี้เหนียงอ่อนลงวูบหนึ่ง ก่อนจะแข็งกร้าวขึ้นอีก "เจ้าโกหก เจ้าคนสามานย์"
    "ข้าหาโกหกไม่"
    "เช่นนั้น..." ไช่อี้เหนียงท้าวสะเอว "บอกชื่อแซ่ แลประลองยุทธกับข้า วิชายุทธจะบอกได้ว่าท่านโกหกหรือพูดความจริง"
    หวังอี้ถอนหายใจ งานนี้คงเลี่ยงการปะทะไม่ได้จริง ๆ
    "ข้า หวังอี้ บุตรชายหวังฉีนายอำเภอ ศิษย์เฮี๊ยงกวยหลี่" หวังอี้คารวะ
    "เจ้ารู้นามข้าแล้ว ไช่อี้เหนียง ธิดาคนเดียวของไช่หัว ประมุขพรรคป่าวงกต ตระกูลข้าพิทักษ์ธรรมมาหลายชั่วคน ข้ามิอาจปล่อยเจ้ารังแกชาวบ้านแล้วจากไปเฉย ๆ ได้"
    "ข้าหาเคยได้ยินนามพรรคป่าวงกตไม่"
    "สามหาว! พรรคป่าวงกตยิ่งใหญ่ก้องปฐพี กำจัดคนพาลอภิบาลคนดีถ้วนหน้า บิดาสั่งสอนเพลงยุทธจนข้าฝีมือล้ำเลิศ โจรป่าอย่างเจ้าเทียบชั้นมิติดดอก"
    "แม่นางไช่ ไยท่านไม่อยู่พรรคกับบิดาเล่า"
    นางย่นจมูก "บิดามองว่าสตรีอ่อนแอ แม้ท่านจะฝึกข้า แต่มิยอมให้ข้าได้ออกปราบเหล่าร้าย"
    "ท่านจึงหนีออกมาหรือ"
    "ใช.....ไม่ ไม่ ข้ามิได้หนีออกมา ข้าออกมาเมื่อบิดาไม่สังเกต เพื่อพิสูจน์ว่าตัวข้าก็ปราบโจรผู้ร้ายได้.....หวังอี้...เจ้าจะเป็นโจรร้ายคนแรกที่ข้าปราบ ข้าจะพิสูจน์ฝีมือตนเอง เตรียมรับไว้เถอะ"
    ถึงว่าสิ ทำไมนางช่างรั้นนัก ที่แท้ก็เด็กอ่อนกระหายพิสูจน์ตนเอง
    "หากท่านประสงค์จะประลองฝีมือ หวังอี้ก็พร้อมสนอง" มันตัดสินใจ และตั้งท่าพร้อมต่อสู้
    "ดี ดี เตรียมตัวเถิด โจรถ่อย" ไช่อี้เหนียงร้อง นางขยับตัวไปมาสามก้าว ก่อนพุ่งตัวรวดเร็วว่องไวเข้าหาหวังอี้ มืองนางร่ายรำเป็นท่วงท่างดงาม ชุดคลุมยาวสีชมพูเหลืองพลิ้วเป็นทางตามการเคลื่อนที่อ่อนไหวทว่าแข็งแกร่ง
    นางมิได้โกหก ฝีมือที่แสดงออกให้เห็นได้นี้ไม่ได้อ่อนด้อยเลย
    ฝ่ามือแรกเฉียดจมูกหวังอี้ไปเพียงเส้นยาแดง แต่ฝ่ามือที่สองหวังอี้ปัดป้องไว้ได้ด้วยกระบวนท่าที่แปดจากสิบสองกระบวนท่าปัดป้องของสงวน นางไม่ยอมแพ้งัดกระบวนท่าหมัดแลฝ่ามือหลายชุดระดมใส่หวังอี้ ทั้งฝ่ามือสยบโค หมัดป่าวงกต ดัชนีทลายโลหะ ฝ่ามือปราบหกทิศ ทว่าทุกกระบวนท่าล้วนถูกสกัดเอาไว้ได้หมด สิบสองกระบวนท่าปัดป้องของสงวนของเฮี๊ยงกวยหลี่นั้นเป็นเลิศในหมู่วรยุทธป้องกัน
    "แฮ่ก แฮ่ก โจรกระจอก ไยเอาแต่ปัดป้อง" นางร้องยุ หลังกระบวนท่าที่หกสิบแปดถูกหวังอี้ปัดป้องได้ "หากมิจู่โจมกลับเจ้ามิอาจเอาชนะข้าได้ดอก"
    "แม่นางไช่ ท่านบอกว่าวรยุทธจักแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ท่านยังคิดว่าข้าโกหกอยู่หรือ"
    "เจ้ายังปกปิดความจริงอยู่" นางหอบ และโจมตีเป็นกระยวนท่าที่หกสิบเก้า "หากมิได้เห็นฝีมือเต็มที่ ข้ามิอาจบอกความจริงในใจเจ้าได้"
    "ถ้าอย่างนั้น หวังอี้ขอล่วงเกิน!!!"
    "อ๊ะ!!!!!!!"
    นางเล็งเห็นแล้วว่าหวังอี้จะจู่โจมกลับ ทว่าฝ่ามือตะปบเต้านั้นยากจะระบุทิศทางแลขัดขวางได้ มือของหวังอี้สอดแทรกผ่านสองแขนที่นางยกขึ้นกำบังแลคว้าหมับเข้าที่เต้าซ้ายใต้อาภรณ์สีชมพู
    "อาห์" หวังอี้คราง
    มันไม่เคยใช้ฝ่ามือตะปบเต้ากับสตรีจริง ๆ มาก่อน มีแต่ใช้กับผลไม้แลบุรุษเช่นอาจารย์และอาเหลียง
    เต้านมสตรีนุ่มหยุนในมือมันนั้นช่างรู้สึกวิเศษเสียจริง!!!
    ฝ่ายไช่อี้เหนียงเล่า ครั้นเมื่อถูกลวนลามอย่างนั้นก็พลันสติหลุด สองแขนร่วงผล็อยลงข้างกาย ดวงตาเบิกกว้าง นางมิเคยรู้สึกเยี่ยงนี้มาก่อน ราวกับมีมือนับหมื่นมารุมบีบนวดที่ปทุมถันจากทั้งด้านนอกแลด้านในพร้อมกัน นางกัดฟัน แต่กุมไม่อยู่ ต้องหลุดปากส่งเสียงร้องน่าอับอายออกมา
    "อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
    เห็นนางตั้งตัวไม่อยู่ หวังอี้ก็ถือโอกาส ใช้ฝ่ามือตะปบเต้าใส่หน้าอกด้านขวาของนางด้วย
    "ซี๊ดดดดดด สุดยอดจริง ๆ นุ่มมือมาก!!!" หวังอี้ร้อง
    ไช่อี้เหนียงทรุดลงไปคุกเข่า มือหนึ่งยกขึ้นปิดยังสองเต้าที่ยังรู้สึกปั่นป่วน อีกมือกุมที่ของสงวนไม่แน่ใจว่าต้องการจะปิดหรือต้องการเขี่ย ใบหน้าของนางแดงก่ำเลื่อนลอยหมดแววความซุกซนดื้อรั้น "จะ....ทเจ้าทำอะไรกับข้า.....ไยข้ารู้สึก.....อูยยยยย ซี๊ดดดดดด...........อ๊าาา"
    หวังอี้ถอยหลังจากนาง พยายามจดจำความนุ่มที่มือตนได้รู้สึกเมื่อครู่ ก่อนจะคารวะ "ขออภัยที่ล่วงเกินแม่นางไช่ หวังอี้ขอตัว"
    มันหันหลังเตรียมจะเดินจากไป ทว่าไช่อี้เหนียงกลับกระเสือกกระสนดันตัวขึ้นมาขาของนางสั่นระริก ทว่านางยังคงก้าวเซถลาตามหลังหวังอี้
    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าคนถ่อย.....ข้า......ข้ายังไม่แพ้ ข้า......" นางเงื้อมือตบหลังของหวังอี้ แต่เป็นฝ่ามือของหญิงสาวแรกรุ่นธรรมดาคนหนึ่งหาได้แฝงด้วยพลังยุทธใดไม่ หวังอี้แทบไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ
    เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ
    "หยุดเถิด แม่นาง"
    "ไม่ ข้าหยุด แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ข้า ซี๊ดดดดดดดดด....ข้า................... เจ้ามันเป็นคนเลวนัก" นางด่าไปหอบไป มือก็พยายามทุบตามเนื้อตัวของหวังอี้
    "ขออภัยเถิด แม่นาง ดัชนีทิ่มถ้ำ!!!"  


เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

neimuchan

จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

songsak

ถึงโอกาสได้แสดงฝีมือแล้ว

teerawatc

สมกับเป็นพระเอกของเรื่องผู้มีพลังแฝง ฝึกไม่กี่วันก็เก่งเทียบชั้นจอมยุทธได้

ว่าแต่วิชาที่พระเอกฝึกจะส่งผลรุนแรงกับผู้ชาย แต่จะอ่อนโยนกับผู้หญิงใช่ไหมครับ

peddo

แค่ตะปบก็อ่อนระทวย เจอทะลวงมีหวังเข่าอ่อน หวังดี อ่อนโยนกับนางหน่อยน่ะ

ryg123456




chairat04



maitree_kongton

พระเอกของเราได้วิชามาแล้ว ต้องเอามาใช้ให้เต็มที่