ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มหายุทธสยบรัก ตอนที่ 17: พบพานเจ็ดอุบาทว์

เริ่มโดย KaohomLM, พฤษภาคม 17, 2025, 10:02:18 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   หวังปี้นอนแผ่หลาจมในน้ำลึก เจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย มันกัดฟันยกมือขึ้นทำคารวะ
   "ขอบคุณแม่นางจง....ที่ยั้งมือไว้ไมตรี"
   จงไฉ่พ่นลมหายใจทางจมูก บัดนี้ตาของนางทอประกายสีฟ้าน้ำแข็งอีกครั้ง แลหยาดน้ำก็ประสานกันเป็นอาภรณ์น้ำแข็งห่อหุ้มกายอีกหน ทว่ากลับไม่แพร่กระจายจนแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างเช่นเมื่อก่อน
   "ท่านช่างลามกนัก" นางตัดพ้อ "มิใช่เพียงมองข้าเปลือย ยังมองข้าเปลือยด้วยสายตาหิวกระหายยิ่ง"
   "อูยยยยย" หวังปี้ดันตัวลุกขึ้น "แม่นางฝีมือเยี่ยมยุทธนัก"
   "ข้าติดอยู่ในวังสิบปี ศึกษาคัมภีร์ทุกเล่มขึ้นใจหมดสิ้น" นางว่า "ไยแปลกใจเล่า"
   "อาจารย์ข้าบอกว่า ฝึกฝนเป็นเพียงหนึ่งส่วนในวิทยายุทธ อีกเก้าส่วนนั้นคือประสบการณ์จากการท่องยุทธจักร"
   "เช่นนั้น คงถึงคราวข้าท่องยุทธจักรแล้ว" นางว่า "ปราณสุริยันช่วยข้าคุมปราณน้ำแข็งได้มากนัก ข้าสามารถคุมความเย็นให้อยู่เพียงรอบกาย ไม่ทำร้ายผู้อื่นแล้ว ข้าสามารถออกจากวังน้ำแข็งได้แล้ว"
   ความกระตือรือร้นในน้ำเสียงของนางทำให้หวังปี้อดยิ้มไม่ได้
   "แน่นอน สิ่งแรกที่ข้าจะทำ คือช่วยท่านกำจัดหวังฟันเจ้า" นางว่า "ด้วยข้าลั่นวาจาสัตย์ไปแล้ว"
   "ขอบคุณแม่นางมากนัก"
   
   ครั้นออกจากวัง จงไฉ่รีบวิ่งไปบนพื้นหญ้า ถอดรองเท้าน้ำแข็งออกแล้วเอาเท้านางแตะบนพื้นดิน
   "ข้าลืมไปแล้ว ว่าดินรู้สึกเป็นอย่างไร" นางว่า "แลความรู้สึกเวลาหญ้าสัมผัสนิ้วเท้า"
   "เห็นแม่นางมีความสุข ข้าก็ยินดีนัก" หวังปี้บอก

   ทั้งคู่เดินทางลงใต้อย่างช้า ๆ ด้วยจงไฉ่ประสงค์สำรวจโลกรอบตัวไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ ก้อนหิน ก้อนอิฐปูบนพื้นถนน ซากเกวียนเก่า ๆ ที่พังอยู่ริมทาง บางอย่างนางไม่รู้จักก็ซักถามมันหลายข้อนัก หวังปี้รู้สึกราวกับว่าตนเองออกเดินร่วมทางกับเด็กหญิงตัวน้อย
   "หวังปี้ ไยน้ำนั้นขยับเคลื่อนไหวเล่า"
   "นั่นแม่น้ำ" หวังปี้ว่า "มันไหลจากทางหนึ่งไปทางหนึ่ง หาได้อยู่นิ่งเหมือนน้ำในอ่างแลบ่อไม่"
   "ยาวแค่ไหน ไหลไปที่แห่งใด"
   "ข้าหาทราบไม่ ข้าไม่รู้จักแม่น้ำสายนี้" หวังปี้ว่า "ทว่าแม่น้ำบางสายยาวนับพันลี้ ไหลจากบนเขาสูงสู่ผืนทะเล"
   "ข้าไม่เคยเห็นทะเล" นางว่า
   "ข้าก็ไม่เคยเห็น แต่มันเป็นผืนน้ำใหญ่สุดลูกตา"
   "ข้อนั้นข้าก็รู้....ดูซี นั่นนกน้ำนี่!!!"
   "ใช่แล้ว"
   "แลมัน.....จับกินปลาจากในแม่น้ำ" นางหันมามองมัน "หวังปี้ ไยนกน้ำช่างโหดร้ายนักเล่า"
   "นกน้ำหาได้โหดร้ายไม่ มันเพียงทำตามธรรมชาติ หากมิได้กินปลา นกน้ำย่อมอดอาหารจนตาย"
   "แล้ว....เหล่าโจรที่ท่านเล่าให้ข้าฟังเล่า พวกมันทำตามธรรมชาติด้วยหรือไม่"
   "หามิได้ โจรมิได้แตกต่างจากคนดี ต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ต่างที่คนดี ทำงานเมื่อต้องการเงิน โจรกลับชิงจากผู้อื่น คนดีอยากหาอาหารย่อมปลูกผัก ล่าสัตว์หรือตกปลา โจรเมื่อต้องการอาหาร ก็ขโมย คนดีเมื่อต้องการความรักก็ใช้คำหวานแลความถ้อยทีถ้อยอาศัย ทว่าโจรกลับใช้วิธีฉุดคร่า คนดีหากหันไปใช้วิธีของโจรย่อมกลายเป็นโจร โจร หากเปลี่ยนวิธีการกลายเป็นคนดีได้ แต่นกน้ำ แม้นเลิกกินปลาก็ยังเป็นนกน้ำ"
   "ข้า......เข้าใจ" จงไฉ่ว่า "แล้วนั่นเล่า มันอยู่ในน้ำ แต่หาใช่ปลาไม่"
   "นั่นกุ้ง"
   
   เมื่อลงใต้ ก็กลับสู่ดินแดนที่เริ่มมีผู้คนอีกครั้ง ตกเย็น หวังปี้และจงไฉ่ก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
   "ข้าไม่เคยเห็นผู้คนมากมายเท่านี้มาก่อน" จงไฉ่ว่าเมื่อเห็นผู้คนที่สัญจรผ่านหน้าโรงเตี๊ยม นางขยับเข้าใกล้หวังปี้โดยไม่รู้ตัว อาภรณ์น้ำแข็งหนาวเย็นนักเมื่อแนบกับหลังของมัน
   "แล้ว...ก่อนวังน้ำแข็งปิดตาย....."
   "สำนักมิเคยมีผู้คนพลุกพล่าน อย่างมากก็สิบคน" นางว่า "แต่นี่....ข้านับได้ถึงยี่สิบเศษ"
   "โรงเตี๊ยมบางแห่งรับคนได้ถึงร้อย" หวังปี้ว่า "แลในเมืองมีผู้คนนับหมื่น"
   นางตาโต
   "มาเถิด เราน่าจักหาห้องนอนได้คืนนี้"
   หวังปี้เดินนำนางตรงไปที่โรงเตี๊ยม
   ก่อนที่ตัวมันเองจะชะงัก แล้วหันไปหาจงไฉ่ด้วยสีหน้าร้อนรน "แม่นางจงไฉ่ ท่านมีเงินติดตัวหรือไม่"
   "วังน้ำแข็ง ของมีค่ามากมายนัก" นางว่า "แต่....ข้ามิได้หยิบออกมาแม้สักชิ้น"
   จริงสินะ มันก็เห็นตอนแม่นางจงไฉ่แช่แข็งน้ำรอบกายเป็นชุดที่นางสวมอยู่ตอนนี้ เห็นชัดเจนว่าไม่มีสิ่งอื่นใดในชุดนอกจากน้ำแข็ง
   "ข้าเองก็ไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะ" หวังปี้บอก มันเอาเงินให้พวกโจรป่าใช้ตั้งตัวใหม่หมดสิ้นแล้ว ตอนที่มันเดินทางกับแม่นางหลิวอัง แลคิดว่าจะได้เดินทางกับนางต่อ
   "เราไปขออาศัยที่โรงเตี๊ยมได้ไหม" จงไฉ่ถาม "หากเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นคนดีมีเมตตา ต้องยอมให้เราพักเป็นแน่"
   หวังปี้เบะปาก คงไม่ง่ายเช่นนั้นแน่
   "ข้ามีผ้าปูสำหรับนอนอยู่" มันว่า "เราไปเถิด"
   "แต่....ข้ามิเคยพักอาศัยในโรงเตี๊ยมมาก่อน ข้าอยากลองนัก"
   "ท่านก็ไม่เคยนอนกลางแจ้งเหมือนกัน ไม่อยากลองบ้างหรือ"
   "โธ่ ท่านหวังปี้"

   "ข้าไม่เคยคิดเลย ว่าดวงดาวสวยงามขนาดนี้" นางว่า
   "เห็นไหม ข้าบอกแล้ว ท่านจะชอบ" หวังปี้ว่า
   "จริงด้วย..." นางแย้มยิ้ม "ในวังน้ำแข็งข้านอนมองแต่เพดาน แม้นข้าก้าวออกไปน้ำแข็งก็ปกคลุมทุกสิ่ง มิเคยได้เห็นท้องฟ้าเลย"
   หวังอี้เหลียวมองนาง
   ผมขาวทั้งหัว ดวงตาเป็นสีน้ำแข็ง แต่ความแปลกเหล่านี้ก็ไม่อาจกลบความงามของนางได้ ยิ่งบัดนี้นางกระตือรือร้น ซึมซับความสุขจากทุกสิ่งเช่นเป็นเด็กเล็กหัดเรียนรู้ ยิ่งทำให้มันรู้สึกผูกพันรักใคร่ขึ้นไปอีก
   "นั่นอะไร ไฟอันใดลอยอยู่ใกล้มือข้านัก"
   "หิ่งห้อยน่ะ" หวังปี้ว่า "เป็นแมลงชนิดหนึ่ง"
   "ไยมันจึงมีแสงในตัวเล่า"
   "ข้าหาทราบไม่"
   "ข้านึกว่าท่านรู้ทุกสิ่งเสียอีก"
   "ข้ายังไม่รู้เลยว่าทำไมชุดน้ำแข็งท่านจึงไม่ละลาย"
   "ท่านอยากให้มันละลายใช่หรือไม่"
   "....."
   "ท่านอยากให้ชุดข้าละลายใช่หรือไม่"
   "ข้ามิอยากโกหกท่าน ข้าจึงขอไม่ตอบ"
   "ใครจะรู้เล่า บัดนี้ข้าไม่ได้แช่แข็งทุกอย่างตลอดเวลาเช่นแต่ก่อนแล้ว หากเผลอหลับ ชุดอาจละลายก็เป็นได้"
   "ข้าจักรอชม"
   "ท่านช่างลามกนัก"
   
   ทว่าเมื่อตื่นเช้ามา อาภรณ์น้ำแข็งก็ยังเกาะตัวแน่นเหนียวอยู่ หาได้ละลายไม่
   "ข้าผิดหวังยิ่งนัก" หวังปี้พูด ขณะทำอาหารให้นางรับประทาน
   
   เดินทางอีกสองวัน จึงมาถึงเมืองแห่งหนึ่ง
   เข้าเมืองมาได้เพียงนิดเดียวก็ได้ยินเสียงหญิงสาวกรีดร้อง
   หวังปี้และจงไฉ่รีบวิ่งไปตามเสียง
   หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งสวนมา เอามือปิดหน้า
   "แม่นาง เกิดอะไรขึ้นหรือ" หวังปี้ร้องถาม
   "พวกมัน!!! พวกมันช่างอุบาทว์นัก" หญิงนั้นร้องและวิ่งต่อไป
   ชายเจ็ดคนวิ่งตามหญิงสาวมา ปากก็หัวร่อร่า
   "หยุดนะ" หวังปี้ร้อง "พวกเจ้าเป็นใร ไยย่ำยีสตรี"
   ชายทั้งเจ็ดหัวเราะ
   แล้วหวังปี้จึงสังเกตว่า ชายคนที่อยู่หน้าสุดหาได้ใส่กางเกงไม่ แท่งทวนประจำตัวของมันห้อยต่องแต่ง
   "ข้า สมญาว่า อุบาทว์ใหญ่ ออกจากบ้านมิชอบใส่กางเกง" ชายคนนั้นว่า
   "ข้า อุบาทว์รอง แต่ก่อนเป็นชาวประมง แต่จับปลาได้ ข้าชอบใช้ปลาสำเร็จความใคร่แลหลั่งน้ำพิสุทธิ์ในปากปลาก่อนนำไปขาย" ชายคนที่สองว่า
   "ข้า อุบาทว์สาม ชอบอุจจาระบนท้องถนน"
   "ข้า อุบาทว์สี่ ชอบเอาปัสสาวะทาหน้าประตูบ้านผู้อื่น"
   "ข้า อุบาทว์ห้า ชอบเลียผลไม้ตามตลาด"
   "ข้า อุบาทว์หก ชอบผายลมใส่หน้าผู้อื่น"
   "สุดท้าย ข้าคืออุบาทว์น้อย สิ่งใดท่านพี่ทั้งหกให้ทำ ข้าทำหมด"
   "พวกเราคือออออออ เจ็ดอุบาทว์ไหหลำ!!!!!!!!" พวกมันประสานเสียง
   "น่ารังเกียจนัก" จงไฉ่ร้อง
   "ทุกผู้คนต่างขนานนามเราว่าอุบาทว์ ขับไล่เราจากเกาะไหหลำ" อุบาทว์ใหญ่ร้อง "ไยเราต้องทนให้มีใครมาด่าว่าเราอีก อุบาทว์น้อย จัดการมัน!!!!"
   อุบาทว์น้อยได้ยินที่พี่สั่งก็พุ่งตรงเข้าหาจงไฉ่ หวังอี้เข้าสกัด แต่พลันมันก็สังเกตว่าลมปราณของอุบาทว์น้อยนั้นประหลาดนัก
   ฝ่ามือเบา ๆ ซัดไปครั้งหนึ่งปะทะกับหมัดที่อุบาทว์น้อยเหวี่ยงมาสุดแรง
   อุบาทว์น้อยปลิวถอยหลัง เลือดไหลทะลักพุ่งออกจากทั้งปากและจมูก
   "ท่านพี่.....ข้าเลือดออกมากนัก ข้าชนะใช่ไหม ข้าเก่งใช่ไหม" อุบาทว์น้อยร้องถามก่อนจะสิ้นสติไป
   หกอุบาทว์หัวเราะสะใจนัก
   "ไยเป็นเช่นนี้" หวังปี้ร้องถาม "ลมปราณของมันกลับทิศ ต่อยใครเท่าไหร่ ตนเองกลับเจ็บกว่าสิบเท่า วิชาวิตถารเช่นนี้ไยมันจึงใช้"
   "พวกเราจงใจสอนมันผิด ๆ" อุบาทว์สี่บอก
   "ยามมันสู้แล้วเจ็บตัว พวกเราล้วนขบขันนัก" อุบาทว์ห้าว่า
   "ดูสิ หมัดเดียวสลบเหมือดเลย 5555555555555555555" อุบาทว์รองร้อง
   "คนพวกนี้เป็นโจรโดยแท้" จงไฉ่ว่า "ท่านหวังปี้ เราปราบพวกมันกันเถิด"
   "เราหกอุบาทว์ หาได้อ่อนด้อยเหมือนน้องเล็กไม่" อุบาทว์ใหญ่ร้อง พลางก็แกว่งไกวอวัยวะเพศไปด้วย "และเราจักเที่ยวแสดงความอุบาทว์ ไม่ยอมให้ใครหยุดยั้ง เมื่อเราพอใจจักไปเอง เจ้าสองคนไปเถิด ไม่เช่นนั้นเราหกอุบาทว์จักไม่ออมมือ"
   หยาดน้ำแข็งพุ่งใส่หกอุบาทว์ ทว่าพวกมันทุกคนฟาดจนน้ำแข็งแตกสลายไปโดยง่าย
   หวังปี้กับจงไฉ่มองหน้ากัน นอกเหนือจากอุบาทว์น้อยที่สลบไปแล้ว หกคนนี้ดูจะมีฝีมือดีนัก
   "เมื่อเตือนไม่ฟัง อย่าหาว่าเราเจ็ดอุบาทว์โหดร้าย" อุบาทว์หกพุ่งตัวเข้ามา ตามด้วยอุบาทว์รอง
   หวังปี้รับด้วยฝ่ามือเบิกธรณี วิชานี้นั้นเป็นการโจมตีอย่างเปิดเผยทว่าแฝงลมปราณซ่อนเร้นเข้าไป หากศตรูตั้งรับลมปราณซ่อนเร้นนี้สามารถฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมันได้ ดังที่หวังปี้เคยใช้ทำลายเสื้อผ้าของขอทานเฒ่าที่ปุคไฮ อุบาทว์รองรับฝ่ามือได้ ทว่าเสื้อผ้ามันกลับฉีกขาดหลุดลุ่ย
   "55555 ข้าได้แสดงเรือนร่างเต็มที่ ข้าสะใจนัก" อุบาทว์รองร้อง
   เสียงต่อสู้ปะทะกันบอกหวังปี้ว่าจงไฉ่กำลังประมือกับอุบาทว์หกอยู่ แต่อุบาทว์สามกับอุบาทว์ห้าที่ตรงเข้ามาหามันก็ทำให้หวังปี้มิอาจเหลียวมองได้
   อุบาทว์รองเอื้อมมือมาราวพยายามจะจับไข่มัน หวังปี้ป้องกันตัวด้วยสิบสองกระบวนท่าปัดป้องของสงวน อุบาทว์สามตะปบมาที่ใบหน้า แต่หวังปี้ก็หลบหลีกได้ อุบาทว์ห้าหยิบไม้กระบองมาจากไหนไม่รู้ฟาดมา หวังปี้จวนตัวนัก ชักกระบี่ออกสู้
   เคร้งงงงงง กระบี่กระทบกระบองดังลั่น ที่ไม้กระบองไม่ขาดสะบั้นก็เห็นแล้วว่าอุบาทว์ห้าฝีมือดีไม่น้อย
   ตัวตนต้องเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ หวังปี้นึกถึงคำสอนของแม่นางหลิวอัง ต้องเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่
   หวังปี้ฟาดกระบี่ใส่อุบาทว์รอง มันเกร็งมือเป็นกรงเล็บรับไว้ได้
   พวกนี้ฝีมือดีนัก   หวังปี้คิด แต่ไยพฤติกรรมอุบาทว์เช่นนี้เล่า
   เสียงน้ำแข็งแตกดังมาจากด้านหลัง หวังปี้พยายามเหลียวมองทว่าอุบาทว์สามก็เข้ามาขวาง หวังปี้ฟาดด้วยกระบี่แลตามด้วยฝ่ามือตะปบเต้า อุบาทว์สามปัดป้องมิทัน โดนฝ่ามือไปเต็ม ๆ เต้านมมันสั่นระรัว อุบาทว์สามทำหน้าเคลิบเคลิ้มก่อนจะล้มลง
   "น้องสาม!!!" อุบาทว์รองร้อง มันใช้วิชากรงเล็บจู่โจมต่อเนื่องรวดเร็วรุนแรงจนหวังปี้ได้แต่ถอยกรูดปัดป้อง
   เคล้งงงงงง
   กระบี่ในมือหวังปี้ปลิวหลุดเมื่อกรงเล็บแหลมจิกลงไปที่ข้อมือของมัน แต่หวังปี้ก็พลันถือโอกาสคว้าข้อมืออุบาทว์รอง แล้วดึงตัวมันเข้าใกล้
   "อ๊าาาาา" หวังปี้คว้าพวงสวรรค์ของอุบาทว์รองด้วยวิชาทลายกล่องดวงใจมังกร "ข้า ข้า.....อย่าบีบเชียวนะ...."
   หวังปี้บีบ อุบาทว์รองร้องโหยหวน แต่ก่อนที่พวงไข่จะทันแหลกสลาย อุบาทว์ห้าก็ซัดฝ่ามือใส่หวังปี้ มันปล่อยตัวอุบาทว์รองแลหันไปปัดป้อง อุบาทว์รองทรุดลงไปกองกับพื้น กุมลูกอัณฑะหน้าเขียว
   "ชนะเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะเอาผลไม้ที่ข้าเลียไว้ยัดปากเจ้า!" อุบาทว์ห้าร้อง
   หวังปี้สกัดจุดมัน อุบาทว์ห้าร่างแข็งทื่อ ล้มลง
   แล้วหวังปี้จึงได้หันกลับไปมองจงไฉ่
   นางยืนหอบหายใจ อาภรณ์น้ำแข็งมีรอยแตกร้าวหลายจุด
   อุบาทว์สี่แลอุบาทว์หกนอนอยู่แทบเท้า เหลือเพียงอุบาทว์ใหญ่ อวัยวะเพศชายของมันยังคงห้อยต่องแต่ง ทว่าในมือมันถือดาบใหญ่เงื้อง่า
   ก่อนหวังปี้จะทันขยับเข้าช่วย อุบาทว์ใหญ่ก็ก้าวเข้าหาจงไฉ่อีกครั้ง ดาบใหญ่วาดเป็นวงกว้าง นางกระโดดขึ้นจากพื้นหลบหลีกใบดาบที่วาดผ่านไปในตำแหน่งที่เมื่อครู่เอวของนางอยู่แล้วพลันตะปบไปที่ใบหน้าของมันด้วยกรงเล็บอินทรีน้ำแข็ง อุบาทว์ใหญ่เอียงหน้าหลบ เล็บของนางเกี่ยวแก้มของมันเป็นรอยแผล ทว่าก่อนนางจะได้ลงแตะพื้นมันก็ฟาด้วยดาบใหญ่ใส่จนร่างนางลอยปลิวกระเด็น อาภรณ์น้ำแข็งที่สะโพกแตกเป็นรอยกว้าง เศษน้ำแข็งปลิวกระเด็นไปทั่วทุกทิศ
   จงไฉ่ตกลงร่างกระแทกพื้นดังอั่ก น้ำแข็งที่ก้นแลต้นขาแตกกระจายเพิ่ม อุบาทว์ใหญ่ไม่รอช้า พุ่งตัวเข้ามา เงื้อดาบเตรียมฟาดลงกลางกระหม่อม
   หวังปี้ไม่มีเวลาไปเก็บกระบี่แลรู้ตัวดีว่าไม่อาจรับแรงฟาดจากดาบใหญ่ด้วยมือเปล่า มันจึงจำต้องพึ่งอาวุธสุดท้ายที่มีเหลือ มันกระชากกางเกงลง แลมองไปที่ร่างของจงไฉ่ ที่บัดนี้เห็นสะดืองาม สะโพกผายแลพงขนเหนือถ้ำรักชัดเจนนัก ทวนเนื้อของมันพลันแข็งแกร่งขึ้นด้วยเลือดแลพลังลมปราณที่ไหลเวียน
   ดาบใหญ่ฟาดลงสุดแรงเกิด หวังปี้กระโจนเข้ารับด้วยทวนเนื้อ ดาบและทวนกระทบกันเสียงดังสนั่นลั่นไปทั่วซอกถนน
   ทว่าอุบาทว์ใหญ่หาใช่ผู้ชำนาญเพลงอาวุธจนคนแลดาบเป็นอันหนึ่งอันเดียวเหมือนเทพกระบี่หลิวอังไม่ ในมือของมันดาบใหญ่ก็เป็นเพียงท่อนโลหะชิ้นหนึ่งที่มิอาจทนทานความแข็งแกร่งแห่งเลือดเนื้อและพลังยุทธ ดาบใหญ่หักสะบั้นลงเสียงดังเพล้ง อุบาทว์ใหญ่ลอยหวือถอยกระเด็นไปด้วยแรงปะทะ หวังปี้รีบรุกไล่ติดตามแลเอาทวนเนื้อแทงจ่อที่ใบหน้าของมัน
   "หากไม่ยอมแพ้ ข้าจักเอาทวนเนื้อแทงหัวเจ้าให้ทะลุ" หวังปี้ขู่
   อุบาทว์ใหญ่จับจ้องที่ทวนเนื้อ ก้มลงไปมองเศษดาบใหญ่ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ท่อนเอ็นของตนเองที่ยังห้อยต่องแต่ง
   "ท่านปรมาจารย์!!!!" มันร้อง ก้มหัวลงเอาหน้าผากแตะพื้น "ท่านช่างเยี่ยมยุทธนัก โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด"
   หวังปี้ผงะ
   "ข้าและน้อง ๆ ท่องยุทธภพมาแสนนาน ไม่เคยเห็นผู้ใดใช้วิชายุทธเยี่ยงท่าน ท่านช่างล้ำเลิศนัก โปรดสั่งสอนวิชาของท่านให้ข้า แล้วข้าและน้อง ๆ จะตามรับใช้ท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่"
   อุบาทว์สามและอุบาทว์รองที่เริ่มได้สติแล้วพอเห็นพี่ใหญ่ของมันคุกเข่าวิงวอน ก็พลันคุกเข่าลงด้วย "ท่านจอมยุทธโปรดรับเราเป็นศิษย์"
   หวังปี้ดึงกางเกงขึ้นเก็บทวนเนื้อ อุบาทว์ใหญ่จ้องมองด้วยความโหยหา
   สมาชิกที่เหลือของเจ็ดอุบาทว์ต่างเริ่มฟื้นคืนสติ ต่างคนต่างก็คุกเข่าต่อหน้าหวังปี้
   หวังปี้มิเคยพบเจออะไรเช่นนี้ ขยับตัวถอยหลังด้วยความงุนงง จงไฉ่ซ่อมอาภรณ์น้ำแข็งเสร็จแล้วจึงดันตัวลุกขึ้นและกระซิบเข้าที่ข้างหู "หากท่านรับอุบาทว์มนุษย์พวกนี้เป็นศิษย์ ข้าคงมิอาจร่วมทางกับท่านได้อีกต่อไป"
   "ท่านเจ็ดอุบาทว์ โปรดลุกขึ้นก่อนเถิด"
   "หากท่านไม่รับเราเป็นศิษย์ เราจักนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่" อุบาทว์ใหญ่ร้อง
   "ท่านเจ็ดอุบาทว์ โปรดมีเหตุผลหน่อย เราเพิ่งได้พบเจอแลประมือกัน ไยพวกท่านจึงต้องการเป็นศิษย์ของข้าเล่า"
   "ตั้งแต่อายุสิบหก ข้าหาเคยใส่กางเกงออกจากบ้านไม่" อุบาทว์ใหญ่บอก "แต่ข้ามิเคยรู้เลย ว่าสามารถนำเอาอวัยวะสำคัญมาใช้ได้เช่นนี้ ช่างล้ำเลิศนัก ข้าได้เห็นท่านเปรียบเสมือนหิ่งห้อยได้เห็นแสงสุริยัน เสมือนลูกนกปีกอ่อนได้เห็นหงส์อันเหินบินบนสวรรค์สูงส่ง เสมือนปลาตัวน้อยได้แลเห็นพญามังกรอันขดตัวอยู่ใต้ห้วงสมุทร หากข้าได้ฝึกฝนวิชาของท่านแลนำเอาทวนเนื้อมาใช้ได้เช่นนี้ ตัวข้าย่อมนับว่าเกิดมาแล้วไม่เสียชาติเกิด ท่านจอมยุทธโปรดมีเมตตาด้วย"
   จงไฉ่อาเจียน
   "ขออภัย ข้ามิอาจรับพวกท่านเป็นศิษย์ได้" หวังปี้ว่า
   หยดน้ำตาหลั่งไหลจากดวงตาของอุบาทว์ใหญ่
   "ท่านจอมยุทธ เมตตาพี่เราด้วย" อุบาทว์รองถึงอุบาทว์เจ็ดร้อง
   "จักฝึกฝนยอดวรยุทธได้ ต้องมีวินัยในตนเองแลความทุ่มเท" หวังปี้ว่า "เหล่านี้ พวกท่านหามีไม่ อุบาทว์ใหญ่ หากแม้นเพียงใส่กางเกง ท่านยังใส่ไม่ได้ ท่านจักมีความอดทนฝึกฝนวิชา ยืนเอาทวนเนื้อฟาดต้นไม้วันละห้าร้อยรอบได้อย่างไรเล่า"
   จงไฉ่อาเจียนอีกรอบ
   "จงปรับปรุงตัวเถิด ละเลิกพฤติกรรมอันอุบาทว์ของท่าน สอนน้องเจ็ดของพวกท่านให้รู้วิชายุทธที่ถูกต้อง......"
   "ข้ารู้วิชาแลมีฝีมือเยี่ยมยุทธแล้ว" อุบาทว์น้อยร้อง "ท่านพี่บอกเสมอ ในการต่อสู้ ผู้ใดถูกอัดจนสลบก่อน ผู้นั้นเยี่ยมยุทธที่สุด ไม่เห็นหรือ ข้าสลบตั้งแต่หมัดแรก"
   "เงียบเถิด น้องเจ็ด"
   "ทำดังที่ข้าว่า แล้วหากพบกันอีก ข้าอาจมีเมตตาสั่งสอน"
   ดวงตาของอุบาทว์ใหญ่เป็นประกาย "ย่อมได้ ย่อมได้ ขอบคุณท่านจอมยุทธนัก"
   "อ้อ!" หวังปี้ร้อง "ข้ามีเรื่องอยากถามอีกเรื่องหนึ่ง  "
    
   

   

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

First10


peddo

ตอนนี้หวังอี้ไม่ได้ปรี้เลย จะผิดผีไหมนี่
เมื่อศิษย์ดีปรากฏตัว อาจารย์จะโผล่มา อันนี่กลับกัน ลูกศิษย์โฉดมาแต่ไกล อยากได้อาจารย์ที่ถูกจริต

ryg123456

ได้กลุ่มอุบาท์มาช่วย นับว่าเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก

maitree_kongton


xvenomz

รอลุ้นหวังปี้กับแม่นางจงไฉ่อยู่นะครับ ทวนเนื้อจะโดนแช่แข็งมั้ย อิอิ

lert


Dara1



jaja

 ::Angry:: เจ็ดวายร้ายถูกปราบด้วยทวนเนื้อช่างอ่อนนัก ::Angry::

navy868


Run2020

อุบาทย์เจออุบาทกว่าจนยอมสยบ เมื่อไหร่หนอจะได้เมียน้ำแข็งนะ

grindsaw

นึกว่าจะได้ลวนลามแม่นางจงไฉ่มากกว่านี้ซะอีก