ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มหายุทธสยบรัก ตอนที่ 18: จงไฉ่เที่ยวราตรี

เริ่มโดย KaohomLM, พฤษภาคม 24, 2025, 12:32:07 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   ที่โรงเตี๊ยม หวังปี้และจงไฉ่รับประทานอาหารด้วยกัน ก่อนจะเตรียมการแยกย้ายไปนอนที่ห้องของตนเอง แต่เมื่อขึ้นถึงชั้นสองของโรงเตี๊ยม ก่อนที่หวังปี้จะทันได้แยกไปที่ห้องของตย มือเย็นของนางก็คว้าแขนเสื้อของมันไว้
   "ท่านหวังปี้ ได้โปรดมาที่ห้องของข้าก่อนเถิด"
   "แม่นาง จะดีหรือ" หวังปี้ร้องถาม
   จงไฉ่ไม่ตอบ แต่ออกแรงลากถูลู่ถูกังหวังปี้เข้าห้องของนางและปิดประตูลงกลอนแน่นหนา
   "แม่นาง..........."
   "ท่านหวังปี้ ข้ามีเรื่องพึงปรึกษาท่าน" นางว่า และนั่งลงบนเตียง
   "แม่นางว่ามาเถิด"
   นางยกสองมือขึ้นมอง "พลังของข้าลดน้อยถอยลงมากนัก"
   "แม่นางหมายความว่าอย่างไรกัน"
   "ในวังน้ำแข็ง ฝีมือข้าดีกว่านี้มากมายนัก ปราณร้อนในกายข้ารบกวนปราณน้ำแข็ง ข้ามิอาจตั้งสมาธิหรือเดินลมปราณได้คล่องแคล่วเช่นเดิม"
   หวังปี้หรี่ตา
   "ท่านโปรดอย่าเข้าใจผิด ข้ายินดีนัก ที่ไม่ต้องทนติดอยู่แต่ในวังน้ำแข็ง สามารถออกมาได้ พูดคุยกับผู้อื่น กินอาหารธรรมดา สัมผัสร่างกายผู้อื่น แต่......ท่านไปหาข้าที่วังน้ำแข็งเพราะต้องการผู้เยี่ยมยุทธ เพียงอุบาทว์มนุษย์เหล่านั้นข้ายังมิอาจเอาชนะได้ ข้าจะเป็นประโยชน์อันใดต่อท่านได้เล่า.....ตัวท่านเองก็มีทั้งปราณน้ำแข็งและปราณสุริยันอยู่ในร่าง ท่านทำอย่างไรจึงควบคุมพลังทั้งสองได้"
   "ข้าหาได้ควบคุมหรือใช้งานปราณร้อนแลปราณเย็นไม่" หวังปี้ตอบ "ข้าปล่อยปราณทั้งสองไหลเวียนอยู่ในตัวไม่แตะต้อง ใช้เพียงปราณธรรมดาที่ข้าใช้อยู่เป้นปรกติ แต่แม่นางฝึกฝนแต่เพียงวิชาที่ใช้ปราณน้ำแข็ง ปราณสุริยันคงรบกวนนัก ข้ามิทราบจริง ๆ ว่าควรทำเช่นไร"
   นางเงียบไป ยังคงจ้องมองที่สองมือราวกับอยากโคจรให้พลังน้ำแข็งกลับมาอีกครั้ง
   "หวังปี้ ท่านประลองกับข้าได้หรือไม่" นางเงยหน้าขึ้นถาม
   "แม่นางชนะข้าแล้วหนหนึ่งนี่ ยามที่ข้าเห็นร่างท่าน....."
   "หยุดเถิด!!!" นางตัดบท หน้าแดงก่ำ "แต่.....เห็นท่านสู้ในวันนี้ เห็นชัดเจนว่าวันนั้นท่านปล่อยข้าชนะ วันนี้เราประลองกันเถิด ให้ข้าได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่ หากข้ายังใช้วิชาได้เพียงเท่านี้ เกรงว่าคงไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านในการปราบโจรโฉดชั่ว"
   หวังปี้คิดยู่ครู่หนึ่ง "เช่นนั้นก็ได้ แต่ในห้องนี้คับแคบนัก ข้าเกรงว่าจะทำข้าวของของโรงเตี๊ยมเสียหาย"
   "ไม่ดอก หากเราระมัดระวัง" นางว่า
   หวังปี้ปลดกระบี่วางลงกับพื้น "เช่นนั้น เอาเถิด ทันทีที่แม่นางพร้อม"
   นางลุกขึ้น หลับตา โคจรพลังอยู่ชั่วครู่
   นางช่างสวยยิ่งนัก ผุดผ่องงดงาม ดูเย็นชาประดุจสลักเสลาจากน้ำแข็ง แต่ลึก ๆ หวังปี้กลับเห็นความอบอุ่นและความไร้เดียงสา กอปรกับความเหงาหงอยอันสุมมากว่าสิบปีที่นางอยู่เพียงลำพัง เกิดเป็นยอดหญิงแกร่งผู้งดงามทว่าแข็งแกร่งแต่เปราะบางในเวลาเดียวกัน ประดุจดั่งน้ำแข็งที่แข็งและคมกริบ แต่หากเพียงกระทบกระแทกแรง ๆ ก็แตกสะบั้นลงได้
   ดวงตาสีฟ้าประกายเฉิดฉานลืมขึ้น นางยกมือขึ้นตั้งท่า "ข้าพร้อมแล้ว"
   "เชิญแม่นางเถิด" หวังปี้ยกมือทำท่าเชื้อชวน
   ผั๊วะ!!! ฝ่ามือนางเย็นเฉียบ แม้มันเบี่ยงตัวหลีกหลบได้ก็ยังรู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่แผ่มาจากมือของนาง หวังปี้ตอบโต้ด้วยฝ่ามือตะปบเต้า มือของมันกระแทกเข้ากับสองเต้าเต็ม ๆ ทว่าความแข็งของอาภรณ์น้ำแข็งก็ต้านพลังยุทธเอาไว้ มิส่งแรงสะท้านสะเทือนต่อลงไปสู่เต้านมอวบอิ่ม
   "ช่างเป็นวิชาที่น่ากลัว" นางว่า "ข้ามิอาจบอกได้เลยว่าท่านจะจู่โจม"
   "เช่นนั้นสังเกตอีกครั้งเถิด" หวังปี้ว่าและใช้ฝ่ามือตะปบเต้าอีกครั้ง คราวนี้นางคว้าจับที่ข้อมือของมันได้ก่อนถึงเต้านมนางเพียงเส้นยาแดง หวังปี้รู้สึกปานเอามือจุ่มลงในถังน้ำแข็ง
   "ข้าเริ่มเห็นแนวทางการเคลื่อนไหวของท่านแล้ว" นางว่า "ถึงคราวข้าเป็นฝ่ายจู่โจมบ้าง"
   กรงเล็บอินทรีน้ำแข็งจู่โจมต่อเนื่อง แต่ละท่วงท่ารุนแรงเข้มแข็งนัก หวังปี้ปัดป้องเป็นพัลวันด้วยสิบสองกระบวนท่า แต่ยิ่งปัดป้องยิ่งรู้สึกว่าความเยียบเย็นของนางทำให้มันอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ หากไม่หาทางหยุดนางให้ทันท่วงที มันต้องแข็งตายเป็นแน่
   ดัชนีทิ่มถ้ำ!!!!
   นิ้วของมันแทบหักเมื่อกระทบกับน้ำแข็งที่ปกปิดของสงวนของนาง
   "อูยยยยย" หวังปี้ร้อง
   "ข้าเริ่มรู้สึกว่าวิชาของท่านมันช่างลามกนัก" จงไฉ่ตำหนิ
   "แต่...ท่านหาป้องกันตัวจากวิชาเหล่านี้ได้ไม่" หวังปี้ท้าทาย
   "เช่นนั้นหรือ"
   "ท่านอาศัยความแข็งของอาภรณ์น้ำแข็งปกป้องกาย ทว่าหากศตรูสามารถทำลายอาภรณ์น้ำแข็งได้ ท่านจักมีอันตรายนัก" หวังปี้ว่า
   "ข้าเพียงไม่คิดว่าท่านจะจ้องจับแลจิ้มที่ของสงวนเพียงเท่านั้น ลองทำอีกทีเถิด แล้วข้าจะปัดป้องให้ดู"
   "ไม่เอาดอก" หวังปี้ร้อง "จิ้มถูกแต่น้ำแข็ง ข้าเจ็บปวดนิ้วมือนัก"
   "หากมิใช่น้ำแข็ง ท่านต้องการสิ่งใดเล่าจากจ้าววังน้ำแข็ง" นางถาม
   "แม้นเป็นจ้าววังน้ำแข็ง ท่านก็เป็นดรุณีคนหนึ่งวัยแก่กว่าข้าเพียงสองสามปี ท่านมิมีความอบอุ่นเช่นดรุณีทั่วไปเลยหรือ"
   "ข้าหารู้ไม่ดรุณีทั่วไปต้องอบอุ่นอย่างไร" เสียงของนางกลับเย็นชา "ด้วยข้าหาเคยใช้ชีวิตเช่นดรุณีทั่วไปไม่"
   หวังปี้มองนางด้วยสงสารนัก "เช่นนั้น หากเราสิ้นสุดการประลองแล้ว ขอเชิญท่านออกไปเที่ยวเล่นในเมืองกับข้าเถิด ท่านจะได้แลเห็นบ้างว่าดรุณีทั่วไปทำตัวเช่นไร"
   ดวงตาสีฟ้าทอแสงประกายเจิดจ้า "ย่อมได้ แต่บัดนี้สู้กันเถิด"
   กรงเล็บอินทรีน้ำแข็งจู่โจมมาอีกครั้ง หวังปี้คราวนี้ไม่รอปัดป้องฝ่ายเดียวแต่ผลักดันมือนางออกด้วยกระบวนท่าปัดป้องของสงวนแล้วอัดกลับด้วยฝ่ามือเบิกธรณี นางยกมือขึ้นกันทว่าแรงกระแทกส่งผลให้น้ำแข็งตามร่างกายแตกร้าวหลายส่วน
   "วิชานี้ออกแบบมาเพื่อเปลื้องผ้าอิสตรีนี่" นางร้อง "นี่ท่านมีวิชาอันใดที่ไม่บัดสีบ้างหรือไม่!!!"
   "ขออภัยเถิด แม่นาง แต่อาจารย์ข้าสอนข้ามาเช่นนี้" หวังปี้ก้มศีรษะ
   "ชิ..... หากไม่เห็นด้วยตาตนเองว่าท่านเป็นคนดีนัก ข้าคงคิดว่าท่านแลเป็นโจรหื่นกามที่ต้องปราบ"
   "แม่นางเห็นข้าเป็นคนดีหรือ"
   นางหน้าแดงก่ำ "ข้า.......ข้ามิได้ตั้งใจจะพูดเช่นนั้น"
   "แม่นางจงไฉ่เห็นข้าเป็นคนดี หวังปี้ปลาบปลื้มยิ่งนัก" หวังปี้บอก
   มันแทบก้มหัวหลบฝ่ามือที่จะตะปบปากมันไม่ทัน
   "ท่านหุบปากเถิด ฟังท่านพูดข้าร้อนรุ่มยิ่งนัก"
   ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่า หวังปี้รู้สึกได้ว่าพลังน้ำแข็งของนางเบาบางลงนัก
   เจ็ดกระบวนท่าถัดไปนั้นมันปัดป้องโดยง่าย กระบวนท่าที่แปดมันสวนกลับด้วยฝ่ามือตะปบเต้า แผ่นน้ำแข็งที่เต้าซ้ายของนางแตกเป็นชิ้น ๆ เปิดเปลือยเต้าใหญ่ให้เด้งออกมารับโลก
   "นี่ท่าน!!!!!" นางร้อง พยายามยกมือปกปิดเต้าซ้าย ทว่าชุดของนางหลายส่วนเริ่มละลายหยดลงพื้น หวังปี้ฉวยโอกาสลูบไล้รอบเต้านมวนไปมาหลายรอบ
   ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของนางที่บัดนี้เบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก
   "นี่...ข้า....."
   "แม่นางใจเย็นก่อน" หวังปี้ร้อง "ยิ่งท่านร้อนรน ท่านยิ่งคุมปราณน้ำแข็งไม่ได้"
   "ข้า.............จริงซี" นางเลิกพยายามปกปิดร่างกาย สูดหายใจเข้าลึก ในสามอึดใจดวงตานางก็กลับเป็นสีฟ้าอีกครั้ง นางหันไปหยิบโถน้ำที่อยู่ข้างเตียงนอนเทลงบนร่างกาย น้ำฉับพลันก็แข็งเป็นน้ำแข็งหลอมรวมเป็นหนึ่งกับอาภรณ์ที่นางสวม
   "หากข้านิ่งสงบ ข้าจักคุมปราณน้ำแข็งได้ดีกว่ายามข้า........ร้อนรน" นางกล่าว
   "เป็นเช่นนั้น" หวังปี้ว่า
   "ขอบคุณท่านหวังปี้ ที่ช่วยให้ข้าได้ทราบในส่วนนี้" จงไฉ่ว่า
   "ฉะนั้น หากท่านอยากต่อสู้ ท่านจงฝึกใจให้เย็น อย่าได้วอกแวกแลไหลไปตามกระแสการต่อสู้อันเร่าร้อน" หวังปี้แนะนำ
   "ข้าจะทำเช่นนั้น ขอบคุณท่านมาก ท่านหวังปี้ เชิญท่านกลับห้องเถิด...........เดี๋ยวก่อน ท่านจับมือข้าทำไม........"
   "แม่นางบอกว่าจะไปเที่ยวเล่นกับข้ามิใช่หรือ"
   "ขะ...ข้าพูดเช่นนั้น..........ไยชุดข้าเริ่มละลายอีกแล้วเล่า......"
   หวังปี้หัวเราะ ออกแรงดึงที่มีอนางมากขึ้น "แม่นางมาเถิด ในเมืองมีตลาดราตรี น่าเที่ยวนัก ไปกันเถิด ท่านจักได้เห็นสิ่งที่สตรีทั่วไปได้เห็นบ้าง"
   "เดี๋ยวก่อนนนนนนนนน กระโปรงข้าละลายเหลือเพียงต้นขาแล้ววววววววว"
   "แม่นางจงทำใจให้เย็นเข้าไว้สิ เสื้อผ้าจักได้ไม่ละลาย"
   "ท่านจับมือแลลากจูงจนหัวใจข้าเต้นไม่เป็นส่ำเช่นนี้ ข้าจักใจเย็นได้อย่างไรเล่า ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ท่านลากแบบนี้ข้าได้เปลือยกลางเมืองแน่ ว๊ายยยยยยยยยยยยยย"
    ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่หล่นจากตรงไหนไม่รู้บนชุดของนางร่วงลงสู่พื้น

   หวังปี้เดินโดดเดี่ยวเพียงลำพังผ่านตลาดยามราตรีที่ผู้คนพลุกพล่านด้วยเป็นวันเทศกาลประจำเมือง แต่ด้านหลังของมันมีถังน้ำใหญ่ ๆ ถังหนึ่งเคลื่อนตามอย่างช้า ๆ ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาเหลียวมองด้วยความงุนงงสงสัย
   มันหยุดยืนหน้าร้านขายเสื้อผ้าสตรี แล้วจึงพูดคุยกับป้าเจ้าของร้านอยู่พักหนึ่ง
   "ข้าอยากจะซื้อเสื้อผ้าให้สหายของข้าเสียหน่อย" มันว่า
   "คงจะยาก" ป้าเจ้าของร้านว่า "เจ้าจักรู้ได้อย่างไรเล่าว่าสหายผู้นี้มีทรวดทรงเยี่ยงไร"
   "ข้าเคยเห็นนางยามเปลือยเปล่าแล้ว กะทรวดทรงได้ง่ายนัก" หวังปี้ว่า "ชุดนี้มิได้ จักรัดทรวงอกนางเกินไป ชุดนั้นสั้นเกินไปนัก ด้วยนางผู้นั้นสูงสง่ายิ่ง เอวของนางผาย แลสะโพกงอนนัก ข้าว่าชุดนั้นดูพอเหมาะยิ่ง"
   หวังปี้ชี้ไปที่ชุดกระโปรงยาวสีฟ้าชุดหนึ่ง ขณะที่ถังน้ำที่ตามมันอยู่ต้อย ๆ สั่นระริก
   เมื่อป้าห่อชุดให้แล้ว หวังปี้จึงจ่ายเงินและถือชุดเดินไปจนลับตาจากร้านข้ายเสื้อผ้า แล้วจึงเปิดฝาถังน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าสตรีลงไป
   "ไยต้องบอกนางว่าเคยเห็นข้าเปลือยด้วยเล่า" เสียงแหลมร้องถามมาจากในถัง หวังปี้รีบปิดฝาถังลงตามเดิม
   "แล้วอยู่ในนี้ ข้าจักใส่เสื้อผ้าได้อย่างไร ฮึ!!!!"
   หวังปี้จึงจำใจต้องเดินนำถังน้ำไปจนหลังตึกลับตาคน จงไฉ่จึงได้ปีนออกมาจากถังแล้วแต่งกาย
   "ข้ามิได้ใส่เสื้อผ้าธรรมดามาตั้งแต่อายุสิบสี่แล้ว" นางว่า "ฮึ่ม....ท่านช่างเลือกเสื้อผ้าได้พอดีตัวข้านัก"
   "ข้าย่อมจำร่างอันงดงามของแม่นางได้ขึ้นใจ"
   "หยุด!! ท่านจงหยุดพูดเรื่องบัดสีเหล่านี้ได้แล้ว!!!!"
   อีกสองสามอึดใจ ทั้งคู่จึงเดินออกจากหลังตึกด้วยกัน นางเดินกระโตกกระเตก ดูพิกลนัก หนุ่ม ๆ เดินผ่านมาต่างพากันเหลียวมอง
   "ไยพวกมันต่างมองข้าเล่า" นางกระซิบถาม
   "หนึ่ง แม่นางงดงามนักสอง ผมแม่นางขาวหมดหัวทั้งที่ยังอ่อนเยาว์ ดูประหลาดยิ่ง สาม ท่าเดินท่านดูราวกับ......." หวังปี้คิดหาคำมาอธิบาย
   "ข้ามิคุ้นชินกับเสื้อผ้ารุ่มร่ามเช่นนี้" นางว่า "อาภรณ์น้ำแข็งของข้ากระชับแลสวมใส่สบายยิ่ง"
   "เช่นนั้นท่านจงสร้างอาภรณ์น้ำแข็งขึ้นใหม่เถิด"
   "หากใจข้ายังร้อนรุ่มอยู่เช่นนี้ จะสร้างอาภรณ์น้ำแข็งได้อย่างไรเล่า"
   "แล้วไยจิตใจแม่นางถึงร้อนรุ่ม"
   "หุบปากแล้วพาข้าเดินชมงานดังที่ท่านสัญญาเถิด"
   เข้าตลาดราตรีเพียงครู่เดียว นางก็ลืมสิ้นที่บอกให้หวังปี้หุบปาก มือบางชี้ชวนดูนู่นนี่แลไต่ถามสารพัด จงไฉ่นั้นโตขึ้นในวังน้ำแข็งห่างไกลผู้คน ยิ่งหลังจากปราณน้ำแข็งในกายนางทวีอาณุภาพบนวังต้องปิดตายลง ยิ่งมิเคยได้สุงสิงกับผู้ใด นางจึงมิเคยเห็นแม้แต่สิ่งที่ชาวบ้านนับว่าสามัญธรรมดา
   "นั่น....น้ำตาลพันบนปลายไม้หรือ"
   "ใช่แล้ว"
   "ทำไปทำไมเล่า"
   "ยามดูดเลียกิน หวานฉ่ำลิ้นนัก"
   "ซื้อให้ข้ากินสักไม้ได้หรือไม่"
   "ย่อมได้"
   
   "ข้ามีความสุขยิ่งนัก" นางว่า หลังจากเดินออกจากตลาดราตรีแล้ว "ข้ามิเคยรู้เลย ว่าชีวิตข้าพลาดสิ่งใดไปบ้าง"
   โคมแดงห้อยระย้าอยู่เหนือศีรษะ จงไฉ่หันมองชายหนุ่มที่เดินโซเซเข้าไปในหอนางโลม มือถือไหสุรา "ข้าได้ยินเสียงคล้ายสตรีครวญคราง"
   "นี่หอนางโลม ย่อมมีเสียงเช่นนี้" หวังปี้ว่า "เรากลับโรงเตี๊ยมกันเถิด"
   "หอนางโลมคืออะไร"
   "คือที่ที่เหล่าบุรุษผู้ไม่อาจหาสตรีเป็นคู่ครอง ฤาไม่พอใจกับคู่ครองของตนเอง มาเพื่อเสพสมกับสตรีที่ขายตัว" หวังปี้ว่า
   "เสพสม..." นางหน้าแดง "เยี่ยงสามีภรรยากระนั้นหรือ"
   "เยี่ยงสามีภรรยา" หวังปี้ตอบ
   "หวังปี้......." นางลังเล "ท่านมีภรรยาหรือไม่"
   "ข้ามีภรรยาสองนาง หนึ่งคือไช่อี้เหนียง ประมุขพรรคป่าวงกต อีกหนึ่งคือเทพกระบี่หลิวอัง" หวังปี้ตอบ
   "บิดาข้ามีมารดาข้าเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว" นางรำพึง
   "บิดาข้าก็เช่นกัน" หวังปี้บอก "แต่ในโลกมีบุรุษหลายประเภท สตรีหลายรูปแบบ บ้างพอใจยินดีด้วยคู่ครองเพียงหนึ่ง บ้างเสพสมบ่มิสม มิอาจหยุดหย่อนได้"
   "ท่านเคยคิดจะมีภรรยาคนที่สามหรือไม่" นางถาม
   หวังปี้จ้องหน้านาง "ข้าต้องตาถูกใจธิดาบุปผาเซียวเฟยซิงนัก ทว่าพบกันคราก่อน นางผลักไสข้าอย่างมิมีเยื่อใย"
   ฉับพลันเหมือนอากาศรอบกายเย็นลงทันที หวังปี้เหลียวมอง ก่อนจะหันกลับมาจ้องลึกลงในดวงตาสีฟ้าน้ำแข็ง "ท่านเย็นชานัก"
   "คงมิต่างกับที่ธิดาบุปผารู้สึกกับท่าน"
   นางเร่งฝีเท้าก้าวผ่านหน้ามันไป หยาดน้ำค้างราตรีต่างก็จับตัวแข็งร่วงหล่นลงพื้น
   "แม่นางหยุดก่อน" หวังปี้คว้าจับข้อมือนางไว้ พลันก็รู้สึกถึงความเยียบเย็นที่แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นเกือบจะในทันที
   "หากมิมีจิตใจให้ข้า โปรดปล่อยมือเถิด" นางว่า
   "แม่นางงดงามเพียงนี้ ไยข้าจะไม่มีจิตใจเล่า" ความเยือกเย็นในอากาศพลันหายไปทันที
   ดวงตาสีน้ำตาลงามทอประกายด้วยน้ำตา "นี่....ท่านจะบอกว่า..........."
   "พลังปราณน้ำแข็งลดน้อยถอยลงนักยามแม่นางสุขสมหวัง"
   "หือ...ปราณ....อะไร....อันใด........" นางงุนงงที่อยู่ ๆ หวังปี้ก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นพูด
   "ยามแม่นางเศร้าโศกผิดหวัง พลังน้ำแข็งจะเยือกเย็นนัก ทว่าเมื่อมีความสุข ท่านกลับไม่ต่างจากคนปกติ ยามอยู่กับข้า พลังของแม่นางถดถอยหลายต่อหลายรอบแล้ว"
   "ด้วยข้ามีความสุขยามอยู่กับท่าน" นางกระซิบ
   "หาก.....ข้าสูบเอาพลังปราณสุริยันออกจากกายท่าน"
   "อย่าทำเช่นนั้น!!!! หากข้าคุมปราณน้ำแข็งไม่อยู่อีก ผู้คนทั้งเมืองต้องล้มตายเป็นแน่!!!"
   หวังปี้ไม่ตอบ แต่เชยคางนางขึ้นแลประกบปากจูบ
   "อื๊อออออออออออออออ" ร่างอุ่นนุ่มอ่อนระโหยโรยแรงปวกเปียกด้วยรสจูบ
   นางกึ่งจะรู้ตัวว่าหวังปี้กำลังดูดเอาปราณสุริยันออกจากร่างของนาง แต่ลิ้นนุ่มในโพรงปากนั้นก็ทำให้นางรู้สึกตัวเบาโหวงเสียจนหาได้สนใจไม่
   จนเมื่อแยกจากัน นางจึงรับรู้ได้ถึงความเยียบเย็นที่ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
   "ไยท่านทำเช่นนี้!!!!" นางร้อง น้ำแข็งพวยพุ่งออกรอบทิศทาง
   "แม่นางจงไฉ่ จงมองข้า!!" หวังปี้ร้อง "มองข้า แล้วนึกถึงที่เราท่องเที่ยวด้วยกันมาในราตรีนี้เถิด"
   นางชะงัก ดวงตาสีฟ้ายังคงเปล่งประกาย ทว่าน้ำแข็งหยุดแพร่กระจายออกไปแล้ว
   "สิบปีท่านรู้จักแต่ความเหงา ความว้าเหว่เดียวดาย ท่านจึงมิรู้ว่าแท้จริงกุญแจแห่งการควบคุมปราณน้ำแข็งอยู่ในจิตใจของท่านเองมาโดยตลอด หากหัวใจของท่านอบอุ่นเสียอย่าง ไม่ว่าปราณใดก็ไม่อาจเกาะกุมจิตใจของท่านได้หรอก!!!"
    "ท่าน........พูดได้ถูกนัก" น้ำแข็งรอบกายแตกสะบั้นลงทันทีที่นางรับรู้ถึงสภาพจิตใจของตน "ขอบคุณท่านหวังปี้นัก ที่อยู่ข้างกายข้า ช่วยให้ข้าได้ตระหนักถึงข้อนี้"
   หวังปี้ลูบไล้แก้มอุ่นของนาง "ด้วยความยินดียิ่ง"
   "เมื่อไร้ปราณสุริยันมารบกวน ข้าสามารถควบคุมพลังแห่งปราณน้ำแข็งได้เต็มที่" นางกวาดมือผ่านอากาศ ฉับพลันหยาดน้ำค้างก็รวมตัวเป็นบุปผางาม แต่ละกลีบล้วนกอปรขึ้นจากหยาดน้ำแข็ง "ทว่าหากจิตใจข้าอบอุ่น พลังแห่งปราณน้ำแข็งก็จักไม่ครอบงำเหนือกายหรือจิตใจของข้า"
   นางยื่นดอกไม้ให้หวังปี้ที่รับเอาไว้
   "คืนนี้......ท่านช่วยให้ความอบอุ่นกับจิตใจของข้าอีกได้หรือไม่.....ที่ห้องในโรงเตี๊ยมของเรา....."
   "ย่อมได้!!!" หวังปี้ร้อง "เรากลับโรงเตี๊ยมกันเถิด"
   ว่าแล้วมันจึงคว้าข้อมือนางแล้วมุ่งหน้าตรงกลับสู่โรงเตี๊ยม จงไฉ่หัวเราะชอบใจนักเมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของมัน
   
   ทว่าเข้าถึงได้เพียงชั้นล่างของโรงเตี๊ยม ก็มีชายแต่งตัวในชุดเดินทางผลีผลามเข้ามา ปากก็ร้องตะโกน
   "ในที่นี้มีชาวยุทธหรือไม่ มีผู้เดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ"
   หวังปี้ที่กำลังจูงมือจงไฉ่ขึ้นห้องนอนชะงัก  

   

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน






jaja

ท่านอยางมีภรรยาคนที่สามหรือไม่ เข้าทางโจรเลยแบบนี้  ::Shower::

First10



Magic.cross

กำลังจะได้มีความสุขอยู่แล้วเชียว มีเรื่องมาขัดจนได้


kodzilla



xvenomz

ช่างขัดลาภยิ่งนัก คนเขาจะไปทำความรู้จักกัน มาเรียกอะไรตอนนี้

peddo

#14
อ่านช่วงแรกรู้สึกว่านางช่างไร้เดียงสาเหมือนท่านอาของก้วยยี๊๊
แต่จริงๆ เธอรู้ความมากกว่านั้น หวังปี้ต้องดูแลครั้งแรกของนางดีๆ นะครับ

ช่วงหน้าจะเป็นการรวมเมียๆ​ ของหวังปี้ละครับ​ จะมีฉาก​5p รึเปล่า​(นับไม่ค่อยถ้วนแล้ว)