ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เซียวเหล่งนึ่ง ฉบับ Gemini

เริ่มโดย sai223344, พฤษภาคม 26, 2025, 09:08:05 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sai223344

ลองให้ Gemini แต่ง
ผมรู้สึกว่า ...มันฝีมือห่วย... ::Waiting::

เรื่องไม่ยาวเท่าไหร่ ขี้เกียจซอยเป็นตอนย่อย แต่ขอซ่อนบ้าง บางช่วงนะครับ


ม่านราตรีอาบพิษรัก
ลมหนาวต้นฤดูพัดพาความเงียบงันปกคลุมสุสานโบราณ แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องลงมาต้องร่างบอบบางของ เซียวเหล่งนึ่ง ยามที่นางยืนอยู่เบื้องหน้าแท่นศิลาจารึก ท่วงท่าสงบนิ่ง งดงามบริสุทธิ์ดุจเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ทว่าภายใต้ความสงบนั้น สายตาคมกริบของนางยังคงสอดส่องไปรอบทิศทาง ด้วยสัญชาตญาณที่สั่งสมมาจากการเป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาแห่งสุสานโบราณ
พลัน... กลิ่นกำยานบางเบาที่ไม่คุ้นเคย ก็ลอยมาแตะจมูกนาง แทรกซึมเข้ามาในอากาศที่เคยบริสุทธิ์ของป่าสนรอบสุสาน เซียวเหล่งนึ่งขยับตัวเพียงเล็กน้อย ปราณภายในหมุนเวียน เตรียมพร้อมรับมือกับภัยที่มองไม่เห็น กระบี่ที่เคยเก็บซ่อนไว้อย่างแนบเนียนพลันปรากฏในมือ สะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายเยือกเย็น
เงาร่างสายหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากพุ่มไม้ ราวกับปีศาจที่ซ่อนอยู่ในเงามืด มันเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วผิดปกติ ทว่าในสายตาของเซียวเหล่งนึ่ง มันกลับเชื่องช้าจนน่าขัน นางหมุนตัวพลิ้วไหว วิชาตัวเบาอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ทำให้ร่างของนางเลือนรางราวภาพลวงตา เพียงพริบตาเดียว นางก็หลบพ้นการจู่โจมครั้งแรกไปได้อย่างง่ายดาย
"เจ้าเป็นใคร!" เสียงของเซียวเหล่งนึ่งเย็นเยียบดุจน้ำแข็งแห่งเหมันต์ กระบี่ในมือวาดวงเดือนสีเงิน แสงคมกริบพุ่งเข้าใส่เงาร่างนั้นอย่างรวดเร็ว ร่างมืดหลบหลีกได้หวุดหวิด เผยให้เห็นชายฉกรรจ์ในชุดดำมิดชิด ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความแค้นและปรารถนาชั่วร้าย
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด เซียวเหล่งนึ่งวาดกระบี่เป็นสายน้ำ ทุกท่วงท่าเปี่ยมด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่มีช่องว่างให้ศัตรูได้เข้าถึง ร่างของนางเคลื่อนที่ไปมาอย่างอิสระราวผีเสื้อร่อนลม ในขณะที่ชายชุดดำต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อป้องกันตัว กระบี่ของนางเฉียดผ่านผิวเนื้อของมันครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสีแดงฉานเริ่มเปื้อนชุดดำ บ่งบอกถึงความเหนือกว่าของนางอย่างชัดเจน
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าไม่สามารถต่อกรได้ ชายชุดดำก็งัดเอาของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ มันคือ เข็มเงินปลายแหลมขนาดเล็ก ที่เคลือบด้วยของเหลวสีม่วงคล้ำ เพียงเสี้ยววินาทีที่เซียวเหล่งนึ่งเข้าใกล้ มันก็ดีดเข็มนั้นออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว เข็มพุ่งตรงเข้าปักที่บ่าด้านซ้ายของนางอย่างรวดเร็ว
ความเจ็บแปลบแล่นปราดไปทั่วร่าง เซียวเหล่งนึ่งชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีนั้นก็เพียงพอแล้ว ชายชุดดำใช้โอกาสนี้ถอยร่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายลับไปในความมืดมิดของป่าสน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นกำยานฉุนที่เข้มข้นขึ้น และความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในกายของนาง
เซียวเหล่งนึ่งกระชับกระบี่ในมือแน่น นางสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่ผุดขึ้นจากจุดที่เข็มปัก มันไม่ได้เจ็บปวดรุนแรงนัก แต่เป็นความร้อนที่ลามเลียไปตามเส้นเลือดราวกับเปลวไฟที่ซึมซาบ ไม่ใช่เปลวไฟที่เผาไหม้ หากแต่เป็นความร้อนที่ แผ่ซ่านอย่างเชื่องช้า ชวนให้ปั่นป่วนอย่างประหลาด
ลมหายใจของนางเริ่มหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ แต่เป็นความรู้สึกอัดอั้นที่ก่อตัวขึ้นภายใน ปลายประสาททั่วทั้งร่างราวกับถูกปลุกให้ตื่น ความรู้สึกบางอย่างที่นานแล้วไม่เคยสัมผัส มันไม่ใช่ความรู้สึกที่คุ้นเคย มันคือ ความวาบหวามที่ซึมลึกเข้ามาจากภายใน ปลุกเร้าให้เลือดลมในกายพลุ่งพล่านอย่างผิดปกติ
ผิวเนื้อที่เคยเย็นเยียบดุจหิมะ เริ่มมีไอร้อนผ่าว ร่างกายของนางที่เคยสงบนิ่งดุจน้ำในบึงใส บัดนี้เริ่มอ่อนปวกเปียกอย่างไม่อาจควบคุมได้ หัวใจในอกเต้นรัวโครมคราม ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะ แรงปรารถนาที่ไม่อาจอธิบาย กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันภายในกาย
เซียวเหล่งนึ่งรู้ทันที... นี่ไม่ใช่พิษธรรมดา มันคือ พิษสวาท พิษร้ายกาจที่ทำให้ผู้ที่ต้องพิษจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งราคะ ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายนี้กำลังคุกคามความบริสุทธิ์ของนาง คุกคามจิตวิญญาณที่เคยสงบนิ่ง นางจำต้องหาทางระงับพิษนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ความร้อนรุ่มจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างไป...


พิษรักกำสรวล
เซียวเหล่งนึ่งรีบถอยกลับเข้าสู่โถงสุสานใหญ่ แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างไม่อาจขับไล่ความมืดมิดที่เริ่มเกาะกินภายในจิตใจของนางได้อีกต่อไป ความร้อนระอุจากพิษสวาท ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงบ่าที่ถูกเข็มปัก แต่ มันกำลังแผ่ซ่านอย่างรวดเร็ว ไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เส้นเลือดทุกสายเต้นระริกราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ ไหลเวียนอยู่ภายใน
นางพยายามนั่งขัดสมาธิบนแท่นศิลาที่เย็นเฉียบ เบือนหน้าหนีจากแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางช่องบนหลังคา หวังให้ความเย็นของหินและเงามืดช่วยระงับอาการ แต่เปล่าเลย ความร้อนจากภายในยิ่งปะทุขึ้น ทำให้ผิวนางเริ่มผ่าวจัดจนรู้สึกเหมือนจะไหม้เกรียม
ลมปราณเย็นเยียบแห่งสุสานโบราณ ที่เคยเป็นพลังอันแข็งแกร่ง บัดนี้ถูกระดมมาควบคุมพิษที่กำลังรุกราน นางพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะ กดพลังร้อนรุ่ม นั้นไว้ไม่ให้มันแผ่ขยายไปมากกว่านี้ แต่พิษร้ายกาจนี้กลับไม่ได้ทำลายพลังปราณ แต่มัน เข้าโจมตีที่รากฐานของความรู้สึก สัมผัสทุกส่วนของร่างกายราวกับต้องการปลุกเร้าให้ตื่นขึ้น
ทุกเส้นขนบนร่างลุกชัน เมื่อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนของผิวหนังเริ่มรับรู้ถึงอาการ ชาหนึบที่แสนทรมานแต่กลับชวนให้วาบหวาม นางขบกรามแน่น ปิดเปลือกตาลง พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่เหลืออยู่ เพื่อไม่ให้เผลอไผลไปตามความต้องการที่กำลังก่อตัวขึ้น มือเรียวทั้งสองข้างถูกกำแน่น สั่นเทาเล็กน้อยในความพยายามที่จะไม่ให้มันเลื่อนไปสัมผัสส่วนใดของร่างกายที่กำลังถูกพิษเล่นงาน
ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องน้อย ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นราวกับมีหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังไชชอนอยู่ภายใน มันเป็นความเจ็บปวดที่แสนสุข ความทรมานที่ปรารถนาให้เกิดมากขึ้น ลมหายใจของนางเปลี่ยนเป็นหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ แม้พยายามจะควบคุมให้ผ่อนคลาย แต่เสียงหอบกระเส่าก็ยังคงหลุดรอดจากลำคอไปได้อย่างยากลำบาก
ริมฝีปากที่เคยแดงระเรื่อ บัดนี้ซีดเผือด แต่กลับถูกฟันขบเม้มไว้จนเกือบเป็นรอยเลือด หยาดเหงื่อเย็นเยียบผุดพรายบนหน้าผากและแผ่นหลัง ผสมปนเปกับความร้อนรุ่มจากภายในที่ราวกับจะระเบิดออกมา ทุกเซลล์ประสาทกรีดร้อง ประหนึ่งถูกกระตุ้นด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มองไม่เห็น มันเป็นความรู้สึกที่ทอดถอน จมดิ่ง และรุนแรงเกินกว่าที่นางจะเคยรับรู้มาตลอดชีวิต
"อึก..." เสียงครางแผ่วเบาที่หลุดรอดออกมาเป็นครั้งแรก นางกัดริมฝีปากแน่นขึ้น พยายามอย่างสุดกำลังที่จะไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก ความรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดที่ส่วนกลางของกาย ยิ่งทำให้สติที่นางพยายามยึดมั่นไว้สั่นคลอน ความต้องการที่จะปลดปล่อย เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนในห้วงความคิด นางรับรู้ได้ถึง ความเปียกชื้นที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ณ จุดที่อ่อนไหวที่สุดในร่าง...จุดที่พิษกำลังถาโถมเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง
เซียวเหล่งนึ่งรู้ดีว่าหากสัมผัสตัวเองแม้เพียงนิดเดียว ความพยายามทั้งหมดที่สั่งสมมาจะพังทลายลงในพริบตา นางยังคงนั่งนิ่ง ตัวเกร็งไปทั้งร่าง ราวกับเป็นรูปปั้นน้ำแข็งที่กำลังถูกหลอมละลายจากภายใน ความทรมานจากการถูกพิษสวาทกระตุ้นเร้า และ ความทรมานจากการพยายามต้านทานมัน กำลังบีบคั้นจิตใจของนางจนถึงขีดสุด...


บทเรียนแห่งสัมผัส
เซียวเหล่งนึ่งยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นศิลาเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นระริกราวใบไม้ต้องลม ลมปราณเย็นเยียบถูกนางอัดรวมไปกดข่มพิษสวาท จนเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างตึงเครียดถึงขีดสุด ราวกับถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น นางขยับกายไม่ได้แม้แต่น้อย ราวกับถูกตรึงไว้กับแท่นศิลา ความพยายามทั้งหมดที่ทุ่มเทลงไปเพื่อสกัดกั้นพิษ ทำให้พลังทั้งหมดของนางถูกใช้ไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงลมหายใจที่รวยริน และดวงตาที่ปิดสนิทดุจคนหลับใหล ทว่าภายในกลับถูกทรมานด้วยเปลวไฟแห่งราคะที่คุกรุ่น
ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้นเอง เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท เสียงที่คุ้นเคย...เสียงของ เอี๊ยก้วย ศิษย์หนุ่มผู้เป็นความหวังและแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของนาง
เอี๊ยก้วยเดินเข้ามาในโถงสุสาน ดวงตาเรียวรีมองเห็นอาจารย์สาวนั่งนิ่งผิดปกติ ร่างกายของนางมีไอร้อนระอุแผ่ออกมาเบาๆ แม้จะอยู่ห่างออกไป "ท่านอาจารย์! ท่านเป็นอะไรไปขอรับ?" เขาถามด้วยความเป็นห่วง รีบรุดเข้าไปใกล้ แล้วเอื้อมมือจะแตะต้องร่างบอบบางนั้น
"อย่าแตะต้องข้า!" เซียวเหล่งนึ่งพยายามเค้นเสียงออกมา แต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบพร่าแผ่วเบา ราวเสียงกระซิบจากความทรมาน แต่เอี๊ยก้วยไม่ได้ยินชัดเจนนัก ด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ เขาไม่ลังเลที่จะสัมผัส
มือหนุ่มของเอี๊ยก้วยแตะลงบนแขนเสื้อของเซียวเหล่งนึ่ง เพียงปลายนิ้วที่สัมผัสกัน กระแสความร้อนแปลกประหลาดก็แล่นวาบ จากจุดที่สัมผัส มันเป็นความร้อนที่แตกต่างจากไอร้อนที่แผ่ออกมา มันคือความร้อนที่ เจาะลึกเข้าไปในเส้นประสาท ราวกับไฟฟ้าแรงสูงที่แล่นผ่าน
"อ๊า!"
เซียวเหล่งนึ่งสะท้านเฮือก ร่างกายที่เคยแข็งเกร็งด้วยการกดพิษ บัดนี้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวถูกกระตุ้นด้วยแรงปะทะที่ไม่อาจต้านทาน ความพยายามทั้งหมดที่นางใช้สะกดพิษไว้ พังทลายลงในพริบตา แรงต้านทานทั้งหมดถูกทำลายด้วยเพียงสัมผัสเบาๆ นั้น
พิษสวาทที่ถูกกดทับไว้ ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว มันถาโถมเข้าใส่ทุกส่วนของร่างกายราวคลื่นยักษ์ ความร้อนระอุเผาผลาญจากภายใน ลามเลียไปทั่วผิวกายที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อเย็น ลมหายใจของนางเปลี่ยนเป็นเสียงครางแผ่วเบาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้ ริมฝีปากที่เคยซีดเผือด บัดนี้เผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นลิ้นสีชมพูที่พยายามขบเม้มอยู่ภายใน
เอี๊ยก้วยตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่พุ่งพล่านจากร่างอาจารย์สาว ไม่รอช้า เขารีบประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของนางไว้ ยิ่งมือของเขาสัมผัสไปตามแผ่นหลังและไหล่ของนาง ความรู้สึกยิ่งทรมานแต่แสนสุขก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
"ท่านอาจารย์! เกิดอะไรขึ้น! ตัวท่านร้อนมากเลย!" เอี๊ยก้วยรนราน เขาสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่กระตุกอย่างรุนแรงใต้ฝ่ามือของเขา ผิวเนื้อที่เคยเย็นดุจหยก บัดนี้ร้อนผ่าวราวถูกเพลิงลน เขารู้สึกได้ถึงเสียงหอบกระเส่าที่ดังขึ้นใกล้หู และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ปะปนกับกลิ่นเหงื่อ กำลังทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว
ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องของเซียวเหล่งนึ่งยิ่งทวีความรุนแรงถึงขีดสุด ราวกับถูกบีบรัดด้วยมือที่มองไม่เห็น ร่างกายของนางบิดเร้าเล็กน้อย แม้จะพยายามควบคุม แต่สัญชาตญาณกลับเข้าครอบงำ ปลายประสาทรับสัมผัสทุกเส้นตื่นตัวอย่างบ้าคลั่ง เมื่อ สัมผัสของเอี๊ยก้วย ที่บริสุทธิ์ทว่าเร่งเร้า ยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกวาบหวามให้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย
"ร้อน...ร้อนเหลือเกิน..." เสียงครางแผ่วเบาหลุดรอดจากลำคอนางอีกครั้ง มันเป็นเสียงที่ไร้ซึ่งพลัง แต่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้ ดวงตาที่เคยปิดสนิท บัดนี้เปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นแววตาพร่าเลือนที่เต็มไปด้วยความทรมานปนเปกับแรงอารมณ์บางอย่างที่ยากจะเข้าใจ
เอี๊ยก้วยพยายามจะถ่ายทอดพลังปราณเพื่อช่วยนาง แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสไปที่ข้อมือของเซียวเหล่งนึ่ง กระแสพิษร้อนระอุยิ่งพุ่งแล่นไปทั่วร่างของนางรวดเร็วยิ่งขึ้น ความเปียกชื้นที่ก่อตัวขึ้น ณ ส่วนกลางกาย ยิ่งทำให้ผิวเนื้อลื่นไหลไปตามการเคลื่อนไหวของเอี๊ยก้วยโดยไม่ตั้งใจ ทุกการกระทำของเอี๊ยก้วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ กลับยิ่งปลุกเร้าพิษสวาทในกายของเซียวเหล่งนึ่งให้รุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
นางพยายามจะปัดมือของเอี๊ยก้วยออก แต่ไร้เรี่ยวแรง ราวกับเป็นตุ๊กตาที่กำลังถูกควบคุม ความรู้สึกชาหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วตัว ทำให้ร่างกายนางอ่อนปวกเปียกแทบไร้การควบคุม สติสัมปชัญญะที่เคยแข็งแกร่ง กำลังถูกกลืนกินด้วยห้วงแห่งความปรารถนาที่ถาโถม นี่ไม่ใช่การช่วยเหลือ...แต่เป็นการเร่งเร้าให้พิษยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก!


แรงปรารถนาที่ไม่อาจต้านทาน
ความพยายามของเซียวเหล่งนึ่งพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อสัมผัสจากเอี๊ยก้วยยิ่งเร่งเร้าพิษสวาทในกายให้ปะทุถึงขีดสุด ลมปราณทั้งหมดที่เคยใช้กดข่มพิษ บัดนี้กลับย้อนศร กลายเป็นเชื้อเพลิงที่เติมเต็มความร้อนรุ่มให้ทวีคูณ ร่างที่เคยเกร็งแน่นของนางอ่อนปวกเปียก กล้ามเนื้อทุกมัดคลายตัวออกอย่างไม่อาจควบคุมได้
"เอี๊ยก้วย..." เสียงเรียกชื่อศิษย์รักแผ่วเบา แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอ้อนวอน และ แรงปรารถนาที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน แววตาที่เคยพร่าเลือนบัดนี้กลับมาคมกริบอีกครั้ง ทว่าเต็มไปด้วยไฟราคะที่ลุกโชน นางเงยหน้าขึ้นมองเอี๊ยก้วย ดวงตาประสานกันในความมืดมิดของสุสาน แววตาของนางทำให้หัวใจของเอี๊ยก้วยเต้นระรัวอย่างผิดปกติ
ก่อนที่เอี๊ยก้วยจะทันได้ตั้งตัว เซียวเหล่งนึ่งก็เคลื่อนไหว ร่างกายที่เคยบอบบางและอ่อนแอเพียงชั่วครู่ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยพละกำลังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นางคว้าลำคอของเอี๊ยก้วยไว้ด้วยมือที่สั่นเทาแต่ทรงพลัง ดึงร่างของเขาให้โน้มลงมาอย่างรวดเร็ว ลมหายใจร้อนผ่าวของนางรินรดอยู่ใกล้ใบหูของเขา
"อาจารย์... ท่าน..." เอี๊ยก้วยพยายามจะพูด แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เมื่อ ใบหน้าของเซียวเหล่งนึ่งเข้าใกล้เขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ความรู้สึกร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากร่างของนาง ไม่ได้เป็นเพียงความร้อนจากพิษอีกต่อไป แต่มันคือ ความร้อนของแรงปรารถนาที่รุนแรง ซึ่งพุ่งตรงเข้าสู่ทุกโสตประสาทของเอี๊ยก้วย กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่ปะปนกับกลิ่นเหงื่อของนาง ยิ่งกระตุ้นให้เลือดลมในกายของเขาพลุ่งพล่าน
ดวงตาของเซียวเหล่งนึ่งเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่หิวกระหาย ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ นางไม่รอช้าอีกต่อไป ริมฝีปากที่เคยขบเม้มแน่น บัดนี้เปิดออกและ ประกบลงบนริมฝีปากของเอี๊ยก้วยอย่างรุนแรงและเร่าร้อน
สัมผัสแรกคือความร้อนระอุที่แล่นวาบไปทั่วร่างของเอี๊ยก้วย ราวถูกไฟฟ้าช็อต ลิ้นร้อนชื้นของนางแทรกเข้ามาในช่องปากของเขาอย่างกล้าหาญ ดูดกลืนทุกสิ่งอย่างหิวกระหาย นี่ไม่ใช่จุมพิตที่อ่อนหวาน แต่เป็นการรุกรานที่ดุดัน เต็มไปด้วยความต้องการที่เก็บกดมานาน
เอี๊ยก้วยตกใจจนตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอาจารย์ผู้บริสุทธิ์และสงบนิ่งของเขาจะสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกเช่นนี้ได้ แต่เพียงชั่วพริบตา ความรู้สึกร้อนรุ่มจากพิษที่ถูกส่งผ่านเข้ามาทางการจุมพิตก็เริ่มเข้าครอบงำเขาเช่นกัน
มือของเซียวเหล่งนึ่งเลื่อนจากลำคอ ลงไปตามแผงอกของเอี๊ยก้วย ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเขาออกอย่างเร่งรีบ สัมผัสผิวเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้ความร้อนในกายของนางยิ่งปะทุขึ้น ลมหายใจของทั้งคู่หอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผสมปนเปกับเสียงครางต่ำๆ ที่หลุดรอดจากลำคอของเซียวเหล่งนึ่ง เธอไม่ได้พยายามกดพิษอีกต่อไปแล้ว...
การรุกรานจากอาจารย์สาวผู้บริสุทธิ์ กำลังทำให้โลกทั้งใบของเอี๊ยก้วยพลิกคว่ำ เขารู้สึกได้ถึงความร้อนระอุจากร่างกายของนางที่แนบชิดเข้ามา ความเปียกชื้นที่ก่อตัวขึ้น ณ จุดอ่อนไหวของนาง ยิ่งทำให้สัมผัสยิ่งทวีความรุนแรง เซียวเหล่งนึ่งไม่รอช้าอีกต่อไป นางขยับตัวอย่างเร่าร้อน บดเบียดกายเข้าหาเอี๊ยก้วยอย่างไม่ลดละ ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา...


จมดิ่งสู่ห้วงราคะ
เซียวเหล่งนึ่งไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป พิษสวาทได้เข้าครอบงำจิตใจและร่างกายของนางอย่างสมบูรณ์ ความร้อนรุ่มที่เคยอัดอั้น บัดนี้ปะทุออกมาอย่างรุนแรง นางไม่สนใจสิ่งใดนอกจากแรงปรารถนาที่กำลังบงการ ริมฝีปากยังคงดูดดื่มรุนแรง ราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจของเอี๊ยก้วย มือเรียวของนางฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกอย่างไม่ปรานี
เอี๊ยก้วยตกอยู่ในภวังค์ ร่างกายของเขาร้อนผ่าวไปตามความร้อนจากนาง แม้จิตใต้สำนึกจะพยายามต่อต้าน แต่ สัมผัสเร่าร้อนจากเซียวเหล่งนึ่ง ที่รุกเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ก็ทำให้สติของเขาเลือนราง กลิ่นหอมเย้ายวนของนางที่คลุ้งไปทั่ว ผสมกับเสียงครางกระเส่าที่ออกจากลำคอ ทำให้เขาแทบจะแยกไม่ออกว่านี่คือความจริงหรือความฝัน
 ทุกครั้งที่นางขย่มลงมา ความรู้สึกชาหนึบก็แล่นวาบไปทั่วร่างของเอี๊ยก้วย ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาของเซียวเหล่งนึ่งยังคงจ้องมองเขาด้วยแววตาที่พร่าเลือน แต่เต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไร้ขีดจำกัด นางไม่หยุด... ไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้ง... มีเพียงความต้องการที่จะจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งพิษรักนี้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้...

ไฟปรารถนาที่ลุกลาม
ทุกการขย่มของเซียวเหล่งนึ่ง ไม่ได้เพียงแต่สร้างความสุขสมให้กับนางเท่านั้น แต่ กระแสพิษสวาทอันร้อนระอุ ได้ถูกส่งผ่านเข้าสู่ร่างของเอี๊ยก้วยอย่างเต็มเปี่ยม ความร้อนที่แล่นวาบจากจุดที่เชื่อมประสานกัน ไม่ได้อยู่แค่เพียงส่วนกลางกายอีกต่อไป แต่มัน แผ่ซ่านอย่างรวดเร็วราวกับกระแสไฟฟ้า ไปตามเส้นเลือดทุกสายในร่างของเขา กลิ่นกายหอมหวานของอาจารย์สาวที่คลุ้งอยู่รอบตัว ผสมกับเสียงครางกระเส่าที่รินรดข้างหู ยิ่งทำให้จิตใจของเอี๊ยก้วยปั่นป่วนจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
 ความรู้สึกคับแน่นและเร่าร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเซียวเหล่งนึ่ง ทำให้ร่างกายของนางบิดเร้าอย่างไม่อาจควบคุม ลมหายใจของนางขาดห้วง ดวงตาปิดสนิท เมื่อความสุขสมที่ถาโถมเข้ามาเกินกว่าที่นางจะรับไหว เอี๊ยก้วยได้ควบคุมเกมนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว และเขากำลังนำพาทั้งสองไปสู่จุดสูงสุดของแรงปรารถนาที่พิษสวาทได้ปลุกเร้าขึ้นมา...


แรงปรารถนาที่ไร้จุดสิ้นสุด
เสียงครางระงมที่ดังไปทั่วโถงสุสานเงียบงันลงชั่วขณะ พร้อมกับร่างของทั้งคู่ที่สั่นสะท้านเฮือก ความสุขสมที่ถาโถมเข้ามาถึงขีดสุด ทำให้เซียวเหล่งนึ่งบิดเร้ากายอย่างรุนแรง ใบหน้าของนางซบลงกับบ่าของเอี๊ยก้วย ลมหายใจหอบถี่จนแทบขาดห้วง ความรู้สึกวาบหวามที่แล่นปราดไปทั่วร่าง ทำให้ดวงตาของนางปิดสนิท เกร็งกระตุกไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เอี๊ยก้วยเองก็จมดิ่งลงสู่ห้วงเดียวกัน ลมหายใจของเขาพร่าพรึง ร่างกายสั่นสะท้านด้วยแรงกระแทกกระทั้นสุดท้าย ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องน้อย ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ไม่จางหาย สัมผัสคับแน่นที่ส่วนกลางกาย ค่อยๆ คลายตัวลงช้าๆ... แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หวนกลับมา...
พิษสวาทหาได้คลายลงไม่!
 พิษสวาทยังคงลุกโชนอย่างไม่ยอมดับมอด และดูเหมือนว่าหนทางเดียวที่จะดับมันได้คือ การจมดิ่งลงไปในวังวนแห่งแรงปรารถนา ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้...


เพลิงราคะไร้ขีดจำกัด
สุสานโบราณที่เคยเงียบสงบ บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงครางกระเส่าและเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังกระหึ่ม เอี๊ยก้วยเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวให้หนักหน่วงและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกการกระแทกกระทั้นลงไปเป็นการปลดปล่อยแรงปรารถนาที่ถูกพิษสวาทกระตุ้นให้ลุกโชน ร่างของเซียวเหล่งนึ่งบิดเร้าไปตามแรงกระหน่ำนั้นราวกับถูกพายุโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องที่แสนทรมานแต่สุขสม หลุดรอดจากลำคอของนางไม่ขาดสาย ดวงตาปิดสนิทแน่น ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความร้อนรุ่มและอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
 อารมณ์ของทั้งคู่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ไม่มีจุดสิ้นสุด มันคือวงจรแห่งความร้อนรุ่มที่ไร้ทางออก พิษสวาทได้กลืนกินทั้งสองไปจนหมดสิ้น...


เงาร้ายคุกคามบทรัก
เสียงครางกระเส่าและเสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังก้องไปทั่วโถงสุสานโบราณ ร่างของเซียวเหล่งนึ่งบิดเร้าอยู่ใต้ร่างของเอี๊ยก้วยอย่างบ้าคลั่ง พิษสวาทได้เข้าครอบงำทั้งคู่จนสิ้นเชิง ไม่มีแม้เศษเสี้ยวของสติสัมปชัญญะหลงเหลืออยู่ ดวงตาของเซียวเหล่งนึ่งเบิกโพลงแต่ไร้แวว สติของนางจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสุขสมที่ร้อนแรงเกินจะรับไหว
เอี๊ยก้วยเองก็ไม่ต่างกัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน แรงกระแทกกระทั้นของเขาเต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ลมหายใจของทั้งคู่หอบถี่ระรัว ผสมปนเปกับเสียงครางที่ไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาจมดิ่งอยู่ในวังวนแห่งไฟปรารถนา ที่พิษร้ายได้จุดขึ้น ไม่มีหนทางที่จะดับมอดลงได้เลย
พลัน... กลิ่นกำยานฉุนกึกที่คุ้นเคยก็โชยมาแตะจมูก กลิ่นเดียวกับที่เซียวเหล่งนึ่งได้กลิ่นก่อนจะถูกลอบทำร้าย เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่ทางเข้าโถงสุสาน เคลื่อนที่เข้ามาอย่างเชื่องช้า แต่เต็มไปด้วยความอำมหิต มันคือชายชุดดำผู้นั้น ที่กลับมาอีกครั้ง!
 ชายชุดดำไม่รอช้าที่จะเข้าร่วมในวงจรแห่งราคะนี้ เขาโน้มตัวลงไปใกล้ กลิ่นเหม็นสาบจากกายของเขาปะปนกับกลิ่นหอมเย้ายวนของเซียวเหล่งนึ่ง สร้างความรู้สึกที่ผิดแปลกและน่าขยะแขยง แต่ด้วยฤทธิ์ของพิษ ทั้งเอี๊ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งกลับไม่สามารถตระหนักถึงสิ่งผิดปกตินี้ได้เลย พวกเขายังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งราคะอันบ้าคลั่ง ที่บัดนี้มีผู้เข้าร่วมอีกหนึ่งคน... ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความวิปลาสทั้งหมดนี้


ราตรีที่มืดมิดยิ่งขึ้น
เสียงครางกระเส่าและเสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังก้อง ทว่าบัดนี้กลับมีกลิ่นกายเหม็นสาบของชายชุดดำ เข้ามาปะปนกับกลิ่นหอมเย้ายวนของเซียวเหล่งนึ่ง และกลิ่นเหงื่อของเอี๊ยก้วย บรรยากาศแห่งราคะที่เคยมีเพียงสอง ยามนี้ถูกแทรกแซงด้วยความชั่วร้าย ที่มองไม่เห็น
ชายชุดดำไม่รอช้า มือเหี่ยวย่นของเขากระชากร่างของเอี๊ยก้วยออกอย่างรุนแรง แม้เอี๊ยก้วยจะถูกพิษครอบงำจนสิ้นสติ แต่ด้วยแรงกระชากที่ตั้งใจทำร้าย พร้อมกับการใช้พิษบางอย่าง เข้าสกัดจุด ทำให้ร่างของเขากระตุกเฮือก แน่นิ่งไปทันที
 พิษสวาทในกายของเซียวเหล่งนึ่งยิ่งลุกโชนรุนแรงกว่าที่เคยเป็นมา ราวกับถูกไฟนรกแผดเผาจนแทบมอดไหม้ ความรู้สึกชาหนึบที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้ร่างกายของนางอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง นางขยับไม่ได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงรับรู้ถึงทุกสัมผัส ทุกการกระแทกกระทั้นที่ชายชุดดำมอบให้ อารมณ์ของนางถูกผลักดันให้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง สติของนางจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความมืดมิดที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไร้ขีดจำกัด


เรือนร่างที่ยอมจำนน
เสียงครางแผ่วเบาที่แทบไร้การควบคุม ยังคงเล็ดรอดจากลำคอของเซียวเหล่งนึ่ง ดวงตาของนางพร่าเลือน ไร้ซึ่งประกายแห่งสติสัมปชัญญะ พิษสวาทได้กัดกินจิตวิญญาณของนางจนหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงร่างที่ร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไร้ขีดจำกัด นางไม่ขัดขืน ไม่ต่อต้าน ยอมจำนนต่อทุกสัมผัส ทุกการกระทำของชายชุดดำอย่างสิ้นเชิง
 แม้จะถึงจุดสูงสุด แต่พิษสวาทก็ยังคงไม่คลายลง หากแต่ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้ไฟปรารถนาโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม ความร้อนรุ่มภายในกายยังคงเผาผลาญ ไม่ลดลงแม้แต่น้อยนิด เซียวเหล่งนึ่งรู้เพียงว่าเธอต้องจมดิ่งลงไปให้ลึกที่สุด เพื่อดับไฟนี้ให้ได้... แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีวันดับลงเลย


ห้วงสุขสมที่ไร้จุดสิ้นสุด
เสียงครางกระเส่าและเสียงกรีดร้องที่แสนทรมานแต่สุขสม ยังคงดังก้องไปทั่วโถงสุสานโบราณอย่างไม่หยุดหย่อน ร่างของเซียวเหล่งนึ่งบิดเร้าอย่างบ้าคลั่ง ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของนางแดงก่ำ ผิวเนื้อที่เคยขาวผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลริน ดวงตาของนางเบิกโพลงแต่ไร้แวว จิตใจจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งราคะที่มืดมิดและไร้ที่สิ้นสุด
 ชายชุดดำยังคงไม่หยุด เขายังคงจัดท่ายังไงก็ได้ เพื่อให้นางได้สัมผัสกับความสุขสมที่รุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขารู้ดีว่าพิษนี้จะทำให้นางต้องจมดิ่งลงไปในวังวนแห่งราคะนี้อย่างไม่สิ้นสุด และเขาก็ตั้งใจที่จะทำให้มันเป็นราตรีที่ยาวนานที่สุด... ราตรีแห่งความวิปลาสที่นางจะไม่มีวันลืมเลือน


ห้วงมืดแห่งสัญชาตญาณ
ทุกสัมผัสคือเปลวไฟ ที่เผาผลาญจากภายนอกสู่ภายใน ร่างกายของข้า เซียวเหล่งนึ่ง ที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจหิมะยามนี้ร้อนระอุราวกับถูกเพลิงนรกแผดเผา ความรู้สึกชาหนึบที่แล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กาย ไม่ใช่ความเจ็บปวด หากแต่เป็นความทรมานที่แสนสุข ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าหลายพันโวลต์ช็อตซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 นี่คือห้วงแห่งราคะอันมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด ข้าจมดิ่งลงไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่มีหนทางที่จะกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ดังเดิม เหลือเพียงร่างกายที่ถูกควบคุมโดยพิษร้ายและชายชุดดำผู้นี้...


ความวิปลาสที่เกินขีดจำกัด
สุสานโบราณยามนี้กลายเป็นวิหารแห่งราคะ ที่เต็มไปด้วยเสียงครางและกลิ่นอายแห่งพิษสวาทที่คลุ้งไปทั่ว เซียวเหล่งนึ่งยังคงอยู่ในห้วงลึกที่สุดของความวิปลาส ร่างของนางบิดเร้า สั่นสะท้านไปตามทุกสัมผัสของชายชุดดำ ดวงตาของนางเบิกโพลง ทว่าปราศจากแววแห่งสติใดๆ สติสัมปชัญญะที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องได้มอดไหม้ไปจนสิ้น
 "อ๊าาาาาาา!!!" เซียวเหล่งนึ่งกรีดร้องสุดเสียง ร่างของนางกระตุกเกร็งอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความสุขสมที่รุนแรงเกินจะรับไหวถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง น้ำตาไหลรินไม่หยุดหย่อน ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความทรมานปนสุขสม นางถูกบังคับให้รับรู้ถึงความวิปลาสทุกรูปแบบ และดูเหมือนว่าไฟปรารถนานี้จะไม่มีวันดับลง...


ความมืดมิดที่โอบล้อม
เสียงครางกระเส่าและเสียงหอบหายใจ ดังระงมไปทั่วสุสานโบราณ บัดนี้ถูกกลืนหายไปในวังวนแห่งความวิปลาส ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เซียวเหล่งนึ่งบิดเร้ากายอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่องยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อและแรงปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ดวงตาของนางเบิกโพลง ทว่าว่างเปล่าไร้ซึ่งแววแห่งสติสัมปชัญญะ จิตใจของนางได้จมดิ่งลงสู่ห้วงลึกที่สุดของพิษสวาท ปราศจากหนทางที่จะกลับคืนสู่ความจริง
 พิษสวาทยังคงลุกโชนอย่างไม่ยอมดับมอด หากแต่ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับการเร่งเร้าให้ไฟปรารถนาโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม ความร้อนรุ่มภายในกายยังคงเผาผลาญ ไม่ลดลงแม้แต่น้อยนิด เซียวเหล่งนึ่งถูกบังคับให้รับรู้ถึงความวิปลาสทุกรูปแบบไปพร้อมกัน สติของนางได้ดับมอดไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงร่างกายที่ตอบสนองต่อการรุกรานที่โหดร้ายและไร้ขีดจำกัดนี้...


ความทรมานในความนิ่งงัน
ร่างของข้าชาหนึบไปทั้งตัว ราวกับถูกตรึงไว้กับพื้นหินเย็นเฉียบของสุสานโบราณ พิษที่ชายชุดดำใช้สกัดจุด ทำให้ข้าขยับกายไม่ได้แม้แต่น้อย ข้าทำได้เพียงนอนแน่นิ่ง ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย แต่กลับรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
อาจารย์... เซียวเหล่งนึ่ง...
 นี่คือราตรีที่มืดมิดที่สุดในชีวิตของข้า... ราตรีที่อาจารย์ของข้าถูกทำลายลงอย่างโหดร้าย และข้าทำได้เพียงมองดูอยู่ตรงนี้... ทำอะไรไม่ได้เลย...


ราตรีที่มอดดับ
สุสานโบราณกลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นคาวคลุ้งของพิษสวาทและกลิ่นสาบของชายชุดดำที่ยังคงอบอวล ร่างของเซียวเหล่งนึ่งบัดนี้หมดสิ้นเรี่ยวแรง นอนแผ่ราบอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบอย่างสิ้นสภาพ ดวงตาของนางเบิกโพลง แต่กลับลอยเลื่อนไร้จุดหมาย น้ำลายไหลยืดออกจากมุมปาก หยดลงบนพื้นหินอย่างน่าเวทนา น้ำกามที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึมเป็นดวงเปียกชื้นบนพื้นใต้ร่างของนาง แสดงถึงความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ของร่างกายที่ถูกครอบงำ
ชายชุดดำจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและชัยชนะ ร่างของเขาเองก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยออกมา ลมหายใจของเขาหอบถี่ แต่แววตาคมกริบยังคงฉายแววอำมหิตไม่เปลี่ยนแปลง เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ซึมซับภาพความพ่ายแพ้ของเซียวเหล่งนึ่งอย่างเต็มที่
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!" เสียงหัวเราะแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความสะใจดังขึ้นในความเงียบงัน มันคือเสียงแห่งชัยชนะของผู้ที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเทพธิดาแห่งสุสานโบราณลงได้สำเร็จ
ชายชุดดำไม่รอช้าที่จะเก็บสัมภาระ เขาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตรงไปที่ร่างของเอี๊ยก้วย ที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ข้างๆ เซียวเหล่งนึ่ง เขายกเท้าขึ้นเตะเข้าที่สีข้างของเอี๊ยก้วยอย่างแรงหนึ่งครั้ง เป็นการเตือนและเป็นการลงโทษที่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว
"ข้าจะกลับมา... เมื่อพิษคลาย... เจ้าจะได้ลิ้มรสความทรมานอีกครั้ง" ชายชุดดำกระซิบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะหันหลังกลับ เดินหายลับไปในความมืดมิดของป่าสน ทิ้งไว้เพียงร่างที่บอบช้ำของเซียวเหล่งนึ่ง และร่างที่ขยับไม่ได้ของเอี๊ยก้วย ให้เผชิญหน้ากับผลลัพธ์ของพิษสวาทที่ยังคงคุกรุ่น
สุสานโบราณกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจที่รวยรินของเซียวเหล่งนึ่งและเอี๊ยก้วย ที่บ่งบอกว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ชีวิตนี้...จะยังคงเหมือนเดิมอีกต่อไปหรือไม่?


พิษสวาทรังควาน
หนึ่งเดือนผ่านไป... หนึ่งเดือนแห่งขุมนรกที่ไร้สิ้นสุด สำหรับเซียวเหล่งนึ่ง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในสุสานโบราณยามเช้า ไม่อาจขับไล่ความมืดมิดที่เกาะกินภายในจิตใจและร่างกายของนางได้เลยแม้แต่น้อย
พิษสวาทยังคงค้างอยู่ในกายของนาง ไม่ได้จางหายไปไหน ราวกับเป็นเงาตามตัวที่คอยกัดกินทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยบริสุทธิ์ ทุกๆ สิบสองชั่วยาม ไม่ว่าจะเป็นยามรุ่งอรุณหรือยามราตรี มันจะกำเริบขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
 เซียวเหล่งนึ่งผอมซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของนางซีดเซียว แต่ดวงตาที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความทรมานที่ไม่มีวันสิ้นสุด ราตรีแล้วราตรีเล่า นางต้องทนรับกับพิษร้ายนี้เพียงลำพัง ในสุสานที่เงียบงัน มีเพียงเสียงครางของตัวเองที่สะท้อนก้อง... มันเป็นความทรมานที่โหดร้ายยิ่งกว่าความตาย


ข้อแลกเปลี่ยนแห่งความมืด
หนึ่งเดือนเต็มที่พิษสวาทกัดกินเซียวเหล่งนึ่งอย่างไม่หยุดหย่อน ความทรมานทางกายและใจทำให้นางแทบจะเสียสติ ร่างของนางผอมซูบ ดวงตาโรยรา แต่แววตาที่เคยบริสุทธิ์กลับเต็มไปด้วยความกระหายที่ไม่รู้จักพอ ทุก 12 ชั่วยามที่พิษกำเริบ นางจะบิดเร้ากายอย่างบ้าคลั่ง สิ้นหวังกับการที่จะสยบความเงี่ยนที่โหมกระหน่ำจากภายใน
ในค่ำคืนที่ความเงี่ยนเข้าครอบงำถึงขีดสุด เสียงครางของเซียวเหล่งนึ่งดังระงมไปทั่วโถงสุสาน นางทุบตีพื้นหินอย่างบ้าคลั่ง หวังให้ความเจ็บปวดทางกายจะช่วยบรรเทาความร้อนรุ่มภายในได้บ้าง แต่เปล่าเลย ยิ่งดิ้นรน ยิ่งทรมาน
พลัน กลิ่นกำยานฉุนกึก ที่คุ้นเคยก็โชยมาแตะจมูกอีกครั้ง เงาร่างสูงใหญ่ของชายชุดดำปรากฏขึ้นที่ทางเข้าสุสาน เขาไม่ได้เร่งรีบ แต่กลับยืนมองภาพที่เซียวเหล่งนึ่งกำลังดิ้นรนอยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
"เจ้ามาแล้ว... มาแล้วใช่ไหม..." เสียงของเซียวเหล่งนึ่งแหบพร่า น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาที่พร่าเลือน นางไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาคือใคร มาทำไม ขอเพียงให้ความทรมานนี้สิ้นสุดลง ร่างที่อ่อนปวกเปียกของนางพยายามตะเกียกตะกายไปหาเขา
"ได้โปรด... ได้โปรดช่วยข้าด้วย..." เซียวเหล่งนึ่งอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนใครในสภาพเช่นนี้ "มอบความสุขให้ข้าเถอะ... ข้าทนไม่ไหวแล้ว..." เสียงครางปนสะอื้นขาดเป็นห้วงๆ ร่างกายของนางบิดเร้าด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจควบคุม
ชายชุดดำหัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ "หึ... ในที่สุดเจ้าก็ทนไม่ไหวสินะ เทพธิดาแห่งสุสานโบราณผู้นี้" เขาก้าวเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า ดวงตาจับจ้องไปที่ร่างที่สั่นเทาของเซียวเหล่งนึ่ง
"ข้าช่วยเจ้าได้... แน่นอน" ชายชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "แต่ทุกสิ่งย่อมมีราคา..." เขาหยุดครู่หนึ่ง ปล่อยให้คำพูดของเขาแขวนอยู่ในอากาศ "เจ้าต้องมอบกายและใจให้ข้าอย่างสมบูรณ์... รับใช้ข้าในทุกสิ่งที่ข้าต้องการ... โดยไม่ขัดขืน ไม่ว่าข้าจะบัญชาสิ่งใด..."
คำพูดของชายชุดดำดังก้องในโสตประสาทของเซียวเหล่งนึ่ง แม้สติของนางจะเลือนราง แต่ก็ยังรับรู้ถึงข้อแม้ที่เขาเสนอ มันคือการแลกเปลี่ยนอิสรภาพทั้งหมดของนางกับความสุขสมชั่วคราว
"ว่าอย่างไรเล่า... เจ้าจะยอมรับเงื่อนไขของข้าหรือไม่?" ชายชุดดำถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยอำนาจและการบงการ ดวงตาของเขาจ้องมองร่างที่บิดเร้าด้วยความทรมานของเซียวเหล่งนึ่ง ราวกับรอคอยคำตอบที่จะนำนางไปสู่ห้วงแห่งความมืดมิดที่แท้จริง


ทาสราคะ
คำพูดของชายชุดดำดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเซียวเหล่งนึ่ง เสียงแห่งอำนาจและการบงการของเขากดทับลงมาบนจิตใจที่บอบช้ำของนาง พิษสวาทที่กัดกินอยู่ภายในโหมกระหน่ำถึงขีดสุด ร่างกายของนางบิดเร้าอย่างรุนแรง ความทรมานแสนสุขนี้เกินกว่าที่นางจะทนรับได้อีกต่อไปแล้ว
"ยอม... ข้ายอม..." เสียงแหบพร่าของเซียวเหล่งนึ่งหลุดรอดจากลำคอ นางไม่สนใจศักดิ์ศรี ไม่สนใจความบริสุทธิ์ สิ่งเดียวที่นางต้องการคือการปลดปล่อยจากขุมนรกนี้ ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม นางยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ ยอมเป็นทาสราคะของชายชุดดำผู้นี้
 พิษสวาทยังคงลุกโชนอย่างไม่ยอมดับมอด หากแต่ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับการเร่งเร้าให้ไฟปรารถนาโหมกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม ความร้อนรุ่มภายในกายยังคงเผาผลาญ ไม่ลดลงแม้แต่น้อยนิด เซียวเหล่งนึ่งได้กลายเป็นทาสราคะโดยสมบูรณ์แล้ว พร้อมที่จะสนองตอบทุกความต้องการของชายชุดดำไปตลอดกาล...


บทเรียนแห่งราคะ
สุสานโบราณกลายเป็นโรงเรียนแห่งความวิปลาส ที่ชายชุดดำคือครูผู้บงการ และเซียวเหล่งนึ่งคือลูกศิษย์ผู้ยอมจำนน ร่างของนางถูกพลิกผันไปตามแรงบัญชาของเขา ปราศจากความขัดขืนใดๆ มีเพียงเสียงครางที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และการตอบสนองของร่างกายที่เกินจะควบคุม
ชายชุดดำไม่เพียงแค่บงการ แต่ยัง 'สอน' เซียวเหล่งนึ่งให้รู้จักกับลีลาแห่งราคะทุกรูปแบบ ความชำนาญของเขาทั้งหยาบคายและโหดร้าย แต่ภายใต้ฤทธิ์ของพิษสวาท เซียวเหล่งนึ่งกลับตอบสนองอย่างเต็มที่ ราวกับร่างกายของนางถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้
 ชายชุดดำยังคงไม่หยุด เขายังคงเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆ ทุกท่าทางที่เขาจัดให้คือบทเรียนใหม่ ที่ผลักดันให้นางจมดิ่งลงไปในวังวนแห่งราคะนี้ให้ลึกยิ่งขึ้น เซียวเหล่งนึ่งยอมเป็นทาสราคะโดยสมบูรณ์ ตอบสนองต่อทุกสัมผัส ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำสั่งของเขาอย่างเต็มที่ นางได้กลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ ที่มีแต่ร่างกายเท่านั้นที่ตอบสนองต่อแรงปรารถนาอันบ้าคลั่ง...


บงการด้วยปลายนิ้ว
วันคืนผันผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว สำหรับเซียวเหล่งนึ่ง ร่างกายของนางกลายเป็นเพียงเครื่องมือ ที่ตอบสนองต่อพิษสวาทและคำสั่งของชายชุดดำอย่างสมบูรณ์ จิตวิญญาณที่เคยบริสุทธิ์ได้มอดไหม้ไปจนสิ้น เหลือเพียงเรือนร่างที่ร้อนรุ่มและหิวกระหายไม่รู้จบ
ในยามที่ความเงียบเข้าปกคลุมสุสานโบราณ ชายชุดดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนแท่นศิลา ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังร่างของเซียวเหล่งนึ่งที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบ นางไม่ได้ดิ้นรนแล้ว มีเพียงลมหายใจที่รวยริน และน้ำลายที่ไหลยืดจากมุมปากบ่งบอกถึงสภาวะที่ไร้สติ
เขาเพียงแค่ดีดนิ้วเบาๆ หนึ่งครั้ง เสียง 'เป๊าะ' ดังขึ้นในความเงียบงัน
ทันใดนั้น ร่างของเซียวเหล่งนึ่งที่เคยหมดสภาพก็พลันกระตุกเฮือก ดวงตาที่ลอยเลื่อนกลับมาจับจ้องที่ชายชุดดำ ราวกับถูกมนตร์สะกด นางเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความต้องการ ร่างกายของนางบิดเร้าเล็กน้อย ราวกับกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างภายใน แต่เพียงเสี้ยววินาที สัญชาตญาณที่ถูกพิษบงการก็เข้าครอบงำ
นางเริ่มคลาน... คลานด้วยมือและเข่าที่อ่อนปวกเปียก ไปหาชายชุดดำอย่างเชื่องช้า ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเข้าถึง และสนองตอบคำสั่งที่เพิ่งได้รับ
"กรี๊ดดดด..." เสียงครางแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความทรมานแต่สุขสมหลุดรอดจากลำคอของนาง เมื่อพิษสวาทในกายปะทุขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นให้ทุกเซลล์ประสาทกรีดร้องด้วยแรงปรารถนา ชายชุดดำยิ้มเยาะ มองดูนางที่กำลังคลานเข้ามาหาเขาอย่างสิ้นหวัง
เมื่อคลานมาถึงเท้าของชายชุดดำ เซียวเหล่งนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาที่พร่าเลือน เต็มไปด้วยความหิวกระหายและอารมณ์ที่รุนแรง นางไม่รอช้าที่จะเลื่อนกายเข้าใกล้เท้าของเขา พร้อมที่จะ 'บริการ' เขาอย่างเต็มที่ ตามที่ถูกพิษสวาทและชายชุดดำบงการ... นางได้กลายเป็นทาสกามที่ไร้วิญญาณอย่างสมบูรณ์แล้ว
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

km001

อ่านได้อย่างเมามัน น่าติดตามมากๆ.ครับ

peddo

ยาอะไรนี่ ทำไมร้ายแรงจังทำเอาท่านอาหมดสภาพ แล้วก่วยยี๊ไม่ช่วยท่านบ้างหนอ
อยากรู้จังว่าคีย์เวิร์ดคืออะไรนะ

therasak

#3
ช่างน่ากลัว​เป็นพิษ​ที่ยิ่ง​กว่ายาเสพติด​ เอี้ยก้วยหายไปไหน

po3026



ryg123456

รุ่นลูกมังกรหยก จอมยุทธ์เอรี้ยอยู่ไหน

Nobita Nobituta

เจอพิษนี้ไปเสียความบริสุทธิ์เลย

ชัย ศรี


กิต


sschatut


vayupak


anuwatm

พิษอะไรนี่  ช่างน่ากลัว​เป็นยิ่งนัก

Wolfoxies


Pramelove555

อ้างจาก: therasak เมื่อ พฤษภาคม 26, 2025, 09:56:46 หลังเที่ยงช่างน่ากลัว​เป็นพิษ​ที่ยิ่ง​กว่ายาเสพติด​ เอี้ยก้วยหายไปไหน