ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_GoDeRsOuL

กามาพลิกชะตา : เศษฝุ่นในเมืองใหญ่ (EP1)

เริ่มโดย GoDeRsOuL, มิถุนายน 16, 2025, 12:05:24 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

GoDeRsOuL

เรื่องนี้เกือบจะเป็นสไตล์ที่เป็นตัวตนทั้งหมดของผมเลย
พลังพิเศษ สมจริง มืดหม่น ดร่าม่า ฮาเร็ม หวังว่าจะชื่นชอบกันนะครับ

ช่วงนี้จะลงแค่2ตอนแรกนี้ก่อนนะครับ แล้วจะกลับไปลุยผู้คุมจิตต่อก่อน รอดูกระแสเรื่องนี้ไปด้วยสักพักครับ
ลงให้อ่านที่นี่ที่แรก ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่ลงตามเว็บแบบเก็บเงินตรงการใช้ภาษาที่หยาบคายดิบเถื่อนกว่านิดหน่อยครับ


**ซ่อนตรงSex Scence นะครับ ไม่มีผลต่อเนื้อหาตอน คอมเม้นได้ตามสะดวก**


อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ (ห้องสมุด) ของผมครับ
และสามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับ

(Fictionlog)
(ธัญวลัย)
(readAwrite)
(Hongsamut)


EBOOK ผู้คุมจิต
เล่ม1
เล่ม2
เล่ม3
เล่ม4
เล่ม5

***ท่านใดติดขัด ไม่สะดวกในการอ่านผ่านเว็บอื่นๆ หรือทำไม่เป็น สามารถเข้ากลุ่ม Line OPENCHAT มาสอบถามหรือพูดคุยเรื่องอื่นๆ ได้ครับ (ไม่ระบุตัวตน)***
กดเข้ากลุ่มที่ Link นี้ >>> OPENCHAT


อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ
(FACEBOOK PAGE)





...หลายปีก่อนหน้า...


เสียงนาฬิกาปลุกดิจิทัลจากโทรศัพท์มือถือราคาถูกแผดเสียงก้องสะท้อนผนังปูนเปลือยที่ร้าวราน
มันคือเสียงเรียกจากนรก...
เสียงที่กระชาก "เอกพล" ออกจากห้วงฝันอันว่างเปล่า กลับมาสู่ความจริงที่ว่างเปล่ายิ่งกว่า

เขาลืมตาขึ้นในความมืดสลัวของห้องเช่าสี่เหลี่ยมขนาดสี่คูณสี่เมตร... อาณาจักรเดียวที่เขามี
กลิ่นอับชื้นของตึกเก่าที่ซึมซับความสิ้นหวังของผู้คนมานานหลายสิบปี ปะทะกับกลิ่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เขากินเหลือไว้เมื่อคืน
มันคือกลิ่นของความพ่ายแพ้... กลิ่นประจำตัวของเขา

เขาเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์แล้วกดปิดเสียง
ความเงียบเข้ามาแทนที่ แต่เป็นความเงียบที่อื้ออึงไปด้วยเสียงความคิดของตัวเอง
...เสียงที่ตอกย้ำถึงความล้มเหลวในทุกๆ ลมหายใจ

เอกพลทิ้งตัวนอนแผ่บนฟูกแข็งๆ ที่วางอยู่บนพื้น จ้องมองเพดานที่มีคราบน้ำซึมเป็นวงดูคล้ายแผนที่ของดินแดนที่ไม่มีใครต้องการ
เขาอายุ 25 ปี วัยที่ใครหลายคนกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว, มีความรัก, มีความฝัน...
ส่วนเขา...เขามีแค่หนี้ กยศ. กับตำแหน่งกราฟิกดีไซเนอร์ปลายแถวในบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่พร้อมจะบีบเขาให้แหลกสลายได้ทุกเมื่อ

ชีวิตของเขาไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์... แต่มันเหมือนจะเริ่มต้นจากหลุมดำที่ดูดกลืนทุกความหวัง

หลังจากลากสังขารไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว เขาก็ก้าวออกจากห้องเช่าเพื่อไปเผชิญกับสงครามเดิมๆ บนรถไฟฟ้าบีทีเอสในชั่วโมงเร่งด่วน
เขาถูกเบียดเสียดท่ามกลางฝูงชน...กลิ่นน้ำหอมราคาแพงของใครบางคน...กลิ่นเหงื่อของใครอีกคน... ทั้งหมดผสมปนเปกันจนน่าคลื่นไส้
ร่างกายของเขาถูกผลักไปมาเหมือนสิ่งของไร้ชีวิตในขบวนรถที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมือง ใจกลางของสมรภูมิที่เขาเป็นเพียงทหารเลวที่ไม่มีใครจดจำชื่อ

เขามองเห็นหนุ่มสาวออฟฟิศในชุดสวยงามกำลังหัวเราะกับเพื่อนฝูง เห็นคู่รักกำลังกระซิบกระซาบกันอย่างมีความสุข
ทุกคนดูเหมือนจะมี "ชีวิต" ในขณะที่เขาแค่ "มีชีวิตอยู่"

เมื่อมาถึงออฟฟิศ บรรยากาศก็ไม่ได้ต่างกัน
เขาเดินผ่านโต๊ะของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ไปยัง "หลุมดำ" ที่มุมในสุดของห้อง
ตำแหน่งที่ถูกจัดสรรไว้สำหรับคนที่ไม่มีความสำคัญพอจะนั่งในที่ที่แสงส่องถึง

ไม่มีใครทักทายเขาเป็นพิเศษ นอกจากพยักหน้าให้ตามมารยาท
หรือบางทีอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ...

เอกพลสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
แล้วเดินถือแฟ้มงานไปยังโต๊ะของ "พี่อาร์ต" หัวหน้าทีมการตลาดผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายโปรเจกต์ของทุกคน

"เอก...เอกพลครับ...ไอเดียที่ผมลองแก้มาอีกทีตามที่พี่บอกครับ"

พี่อาร์ต...ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ที่ประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต เงยหน้าขึ้นมาจากจอแมคบุ๊กแวบหนึ่ง
สายตาของเขาฉายแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง เขารับแฟ้มจากมือเอกไป เปิดดูผ่านๆ... เร็วเสียจนเอกไม่แน่ใจว่าเขาได้อ่านมันจริงๆ หรือไม่

"อืม...ก็ดีขึ้น"
พี่อาร์ตพูดเสียงเรียบ...แต่เย็นชา
"แต่พี่ยังว่ามันไม่สุดว่ะเอก ไอเดียมันยังดูจืดๆ ไปหน่อย...มันไม่มี 'อะไร' ที่จะทำให้ลูกค้าว้าวได้...เอาเป็นว่าวางไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่คิดต่อเอง"

สิ้นคำพูดนั้น พี่อาร์ตก็วางแฟ้มของเขาลงบนกองเอกสารสูงท่วมหัว
เหมือนวางขยะชิ้นหนึ่ง โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
มันคือการปฏิเสธที่สุภาพ แต่เชือดเฉือนหัวใจของเอกจนเป็นแผลลึก

'ไอ้เวรเอ๊ย'
เอกได้แต่ก่นด่าในใจ

เขาก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ความรู้สึกไร้ค่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
เขาเปิดโปรแกรมขึ้นมา จ้องมองหน้าจอว่างเปล่า สมองของเขาตันไปหมด
ไอเดียที่เขาอดหลับอดนอนคิดมาสามคืน ถูกทำลายลงในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที

สายตาของเขาเผลอเหลือบไปมอง "มิ้นท์" AE สาวสวยดาวเด่นของทีมที่เขาลอบมีใจให้
เธอคือแสงสว่างเดียวในออฟฟิศที่มืดหม่นแห่งนี้ วันนี้เธอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีครีมที่ขับเน้นทุกส่วนโค้งส่วนเว้าของร่างกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
อกเป็นอก...เอวเป็นเอว...สะโพกกลมกลึง...ทุกย่างก้าวของเธอดูเหมือนนางพญา
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ฟุ้งออกมาจากผิวกายของเธอเมื่อเธอเดินผ่าน มันปลุกเร้าจินตนาการด้านมืดที่เขาต้องเก็บกดเอาไว้

เขาจินตนาการถึงสัมผัสของผิวเนียนละเอียดใต้เนื้อผ้านั่น...
จินตนาการถึงเสียงครางหวานๆ ของเธอในยามที่...

"น้องเอกคะ...ขอไฟล์โลโก้ลูกค้าเจ้านั้นหน่อยสิ พอดีพี่จะใช้ด่วน"
เสียงของมิ้นท์ดึงเขาออกจากภวังค์ แต่เป็นเสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

"ดะ...ได้ครับพี่มิ้นท์"
เขาตอบตะกุกตะกัก รีบหาไฟล์แล้วส่งให้เธอ

"โอเค ขอบใจจ้ะ"
เธอพูดแค่นั้น...แล้วหันกลับไปคุยโทรศัพท์กับลูกค้าต่อ...ไม่ได้ชายตามองเขาอีกเลย

เขาเป็นแค่อากาศธาตุ...เป็นแค่เครื่องมือ...ไม่ใช่ผู้ชายในสายตาเธอ

พักกลางวัน เอกนั่งกินข้าวคนเดียวที่โรงอาหารเหมือนเช่นเคย
โต๊ะของเขาว่างเปล่า มีเพียงจานข้าวราดแกงราคาประหยัดกับแก้วน้ำพลาสติกหนึ่งใบ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไถดูชีวิตที่สวยหรูของคนอื่น
เพื่อนสมัยเรียนโพสต์รูปขับรถสปอร์ตคันใหม่ รุ่นน้องที่เคยยืมเงินเขาโพสต์รูปดินเนอร์หรูกับแฟนสาวบนรูฟท็อปบาร์
ทุกคนดูเหมือนกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า มีแต่เขาที่ยังย่ำอยู่กับที่ จมปลักอยู่กับความล้มเหลว

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประกอบในหนังชีวิตของคนอื่น
ตัวประกอบที่ไม่มีใครสนใจ...และไม่มีบทพูด
ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างกัดกินหัวใจของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
ทำไมชีวิตของเขาถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงไม่เคยได้รับโอกาสเหมือนคนอื่นบ้าง...
คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ วนเวียนอยู่ในหัวของเขา พร้อมกับข้าวสวยที่ฝืดคอจนแทบกลืนไม่ลง

เอกกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แต่จิตใจของเขาไม่ได้อยู่ที่หน้าจออีกต่อไปแล้ว
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแก้วที่ร้าว พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
เขาพยายามฝืนทำงานต่อ พยายามคิดไอเดียใหม่ แต่ในหัวมันกลับว่างเปล่า มีเพียงภาพของมิ้นท์ที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา...

เวลาในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า...เชื่องช้าจนน่าทรมาน
จนกระทั่งถึงช่วงเลิกงาน เอกเก็บของอย่างเงียบๆ รอให้คนอื่นๆ ทยอยกลับไปจนเกือบหมด
เขาตั้งใจจะกลับเป็นคนสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับใคร เขาไม่มีแรงแม้แต่จะฝืนยิ้มอีกต่อไปแล้ว

เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตั้งใจจะเดินไปที่ประตู
แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าไฟในห้องทำงานของพี่อาร์ตยังคงเปิดอยู่
ประตูไม่ได้ปิดสนิท มีแสงสว่างลอดออกมาเป็นลำ

และที่สำคัญกว่านั้น... เขาได้ยินเสียง...
เสียงหัวเราะคิกคักที่แผ่วเบา... เสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี... เสียงของมิ้นท์

ขาของเอกมันก้าวไปเอง เหมือนถูกแม่เหล็กดูด
เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนั้น หัวใจเต้นแรงด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เขาก้มตัวลงเล็กน้อย มองผ่านช่องแง้มของประตูที่เปิดอยู่
และภาพที่เขาเห็น มันก็คือฉากสุดท้ายที่ตอกฝาโลงให้กับชีวิตอันไร้ค่าของเขา...

มิ้นท์ไม่ได้แค่นั่งอยู่บนตักของพี่อาร์ต เธอกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาจริงๆ
หันหน้าเข้าหากัน กระโปรงเดรสรัดรูปของเธอถลกขึ้นไปจนเห็นต้นขาขาวเนียน
แขนของเธอโอบรอบคอของพี่อาร์ตไว้ ในขณะที่ร่างของทั้งสองคนกำลังโยกไหวเป็นจังหวะเนิบนาบ
พวกเขาไม่ได้แค่จูบกัน แต่กำลังบดเบียดร่างกายเข้าหากันอย่างเร่าร้อน
เสียงครางต่ำๆ ของพี่อาร์ตและเสียงซี๊ดปากของมิ้นท์ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

มันคือภาพของการเย็ดกันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน...
ในห้องทำงานที่เขาเพิ่งถูกหยามเกียรติไปเมื่อตอนเช้า...

เอกยืนนิ่ง... ตัวแข็งทื่อ...
เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้รู้สึกเสียใจ
ความรู้สึกเหล่านั้นมันพุ่งเกินจุดเดือดไปแล้ว...

สิ่งที่เหลืออยู่คือความ "ว่างเปล่า" ที่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
โลกทั้งใบของเขาพังทลายลงมาตรงหน้า เสียงรอบข้างเงียบหายไป
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวิญญาณที่กำลังล่องลอยมองดูฉากละครน้ำเน่าฉากหนึ่ง...

เขาเป็นแค่ตัวประกอบที่ไม่มีใครเห็น...ไม่มีใครสนใจ...
เขาหมุนตัวเดินออกจากออฟฟิศ ไม่มีใครสังเกตเห็นการมาและการไปของเขา
เขาเป็นแค่อากาศธาตุ...เหมือนเช่นเคย

การเดินทางกลับห้องบนรถไฟฟ้าเที่ยวนี้ แตกต่างออกไป
เขาไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดหรือเบียดเสียดอีกแล้ว
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวิญญาณที่ลอยผ่านผู้คน มองดูพวกเขาด้วยสายตาที่เฉยชา
ความสุข...ความทุกข์...ความรัก...ความหวังของคนอื่นๆ...
มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป

เมื่อกลับมาถึงห้องเช่าสี่เหลี่ยมที่คุ้นเคย เขาทิ้งตัวลงบนฟูกแข็งๆ จ้องมองเพดานที่มีคราบน้ำซึม...

'ชีวิต...แม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ' เขาคิดในใจ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเองจริงๆ เลย
ไม่เคยมีเพื่อนแท้ ไม่เคยมีคนรัก
ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ที่ให้กำเนิด ก็เลี้ยงดูเขาด้วยเงิน ด้วยทรัพย์สมบัติ แต่ไม่เคยถามเลยสักครั้งว่าเขาต้องการมันไหม
ทุกอย่างที่เขามี คือสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้ ยกเว้นความล้มเหลว นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาหามาได้ด้วยตัวเอง

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา แต่ไม่ใช่เพราะความเสียใจ
มันคือน้ำตาของความคับแค้น ความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมาตลอด 25 ปี

"ถ้าชีวิตมันจะไร้ค่าขนาดนี้..."
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงแหบพร่า
"...การกระทำของกูก็คงไม่มีความหมายอะไรเหมือนกัน"

ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้นเอง โฆษณาชิ้นหนึ่งในโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมา
มันเป็นโฆษณาของแอปหาคู่ที่ชื่อว่า "Nectar"
ภาพของหญิงสาวสวยงามกับชายหนุ่มรูปหล่อกำลังหัวเราะให้กัน พร้อมกับคำโปรยที่ว่า 'ค่ำคืนนี้...คุณจะไม่เดียวดายอีกต่อไป'

เอกหัวเราะเยาะ มันคือคำโกหกที่สวยหรูที่สุด โลกนี้ไม่มีที่สำหรับคนอย่างเขา

แต่แล้ว...ความรู้สึกอยากจะประชดประชันโชคชะตา
ความรู้สึกแบบ "พังเป็นพัง" ก็แล่นขึ้นมาในสมอง
ในเมื่อชีวิตของเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว...ก็ลองดูสักตั้งจะเป็นไรไป

เขากดดาวน์โหลดแอปนั้น เหมือนคนกำลังจะตายที่กดปุ่มขอความช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้าย
เขาใช้รูปถ่ายติดบัตรที่ดูจืดชืดที่สุดเป็นรูปโปรไฟล์ พร้อมกับเขียนแนะนำตัวแค่ว่า 'เอกครับ หาคนคุย'

มันคือโปรไฟล์ที่น่าสมเพชที่สุด โปรไฟล์ของไอ้ขี้แพ้...

เขาเริ่มปัดหน้าจอ รูปของผู้หญิงสวยๆ มากมายไหลผ่านไป
แต่ละคนดูเหมือนนางฟ้า ดูเหมือนคนที่อยู่คนละโลกกับเขา
ความรู้สึกเกลียดชังตัวเองตีรวนขึ้นมาในอก เขากำโทรศัพท์แน่น แล้วเริ่มปัดขวา...ปัดขวา...ปัดขวา...ปัดขวารัวๆ โดยไม่ดูหน้า
เหมือนคนบ้าที่กำลังสับไกปืนที่ไม่มีลูกกระสุน เขาแค่ต้องการระบายความคลั่งในใจ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรเลย

...จนกระทั่ง

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินดังขึ้น...

'It's a Match! '

เอกชะงัก...มือที่กำลังปัดรัวๆ หยุดค้าง
เขาขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ใครกันวะ? บอทเหรอ? หรือพวกหลอกลวง?
เขากดเข้าไปดู แล้วหัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้น

รูปโปรไฟล์ของผู้หญิงคนนั้นเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น
เธอมีใบหน้าสวยคม ดวงตาเย้ายวน และรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนกำลังท้าทายคนทั้งโลก
ชื่อของเธอคือ "แพร" ในโปรไฟล์มีแต่รูปท่องเที่ยวต่างประเทศกับรูปในชุดเดรสหรูๆ เธอคือผู้หญิงที่สวยและดูรวยกว่ามิ้นท์เป็นสิบเท่า

'หลอกลวงแน่นอน...ร้อยเปอร์เซ็นต์'
เขาคิด...กำลังจะกด Unmatch ทิ้ง

แต่แล้วข้อความจากเธอก็เด้งขึ้นมา...

แพร: ว่างเหรอคะ คืนนี้?

ความตรงไปตรงมาของเธอทำให้เอกอึ้งไป สงครามความคิดระเบิดขึ้นในหัวของเขา

'มันคือกับดัก...แก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่ๆ...เดี๋ยวมันก็หลอกให้โอนเงิน'
'หรืออาจจะเป็นพวกที่จะนัดไปเจอแล้วปล้น...หรือถ่ายคลิปแบล็คเมล์'
'มันเป็นไปไม่ได้...ผู้หญิงแบบนี้ไม่มีทางสนใจคนอย่างเรา'

ความคิดด้านลบพรั่งพรูออกมา
แต่แล้ว...เสียงอีกเสียงที่มืดมนกว่าก็ดังแทรกขึ้นมา

'แล้วจะกลัวอะไรวะ?...เงินในบัญชีก็แทบไม่มี...ชีวิตก็ไม่มีค่าอะไรให้ปล้น...ต่อให้โดนถ่ายคลิป...ก็ไม่มีใครสนใจจะดูชีวิตของไอ้ขี้แพ้อย่างมึงหรอก'
เสียงนั้นพูดถูก...เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วจริงๆ

'อย่างน้อย...ถ้ามันเป็นความฝัน...ก็ขอฝันให้มันสุดๆ ไปเลยแล้วกัน'

เขาพิมพ์ตอบกลับไปด้วยมือที่สั่นเทา...
พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งคำตอบที่สั้นที่สุดออกไป

เอก: ครับ

ไม่ถึงสามวินาที ข้อความตอบกลับก็ปรากฏขึ้น
พร้อมกับที่อยู่ของรูฟท็อปบาร์สุดหรู และเวลาที่นัดหมาย

เอกจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ แสงสว่างจากมันส่องกระทบใบหน้าของเขาในห้องที่มืดมิด
เขากำลังยืนอยู่บนทางแยก ทางที่อาจจะนำไปสู่ความอัปยศอดสูที่มากกว่าเดิม
หรืออาจจะนำไปสู่บางสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นจากเตียง
คืนนี้... จะเป็นคืนที่เขาโยนความกลัวทั้งหมดทิ้งไป แล้วลองเดินตามสัญชาตญาณดิบของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต

......

เริ่มซ่อนตรงนี้ครับ

 

...

เมื่อพายุอารมณ์ผ่านพ้นไป แพรนอนนิ่งด้วยอาการหอบอ่อนระทวย
ร่างกายของเธอกระตุกเบาๆ ดวงตาเหม่อลอย เธอมองเอกด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มันไม่ใช่การบูชา แต่เป็นความ ทึ่ง สงสัย  และปรารถนาอย่างรุนแรง
แววตาของนักวิจัยกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่การวิจัยของเล่น แต่เป็นการค้นพบขุมทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้

"เหลือเชื่อ..."
เธอพึมพำกับตัวเอง
"เด็กน้อยที่ทำอะไรไม่เป็นเลย...แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกได้ขนาดนี้ได้ยังไงกัน"

แล้วเธอก็ค่อยๆ หันมาสบตาเขา...กระซิบประโยคที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

"ฉัน... ฉันต้องการอีก... เอก... และฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าความลับของเธอคืออะไร"







เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

naris1423

เมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ก็ลองลุยเอามันให้สุดทางไปเลย
อาจจะดีกว่าที่ตรงนี้อีก ลุยเลยนายเอก

jojo2005

 ::Ajark:: เมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้วต้องกลัวอะไรกันหล่ะทีนี้ ::Evil::


ryg123456

เอกรู้สึกท้อแท้ด้อยค่าตัวเอง หวังว่าแพรน่าจะมาช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาได้นะ

tantawan2244


asper7352

ใช่ สำหรับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยังต้องกลัวอะไรอีก

po3026


sincethai


dick1050

เอกในวัย 25 เป็นคนจำพวก Negative Thinking ดูถูกตัวเอง ก็จะต้องติดตามดูต่อไปว่า จะมีอะไรที่มาเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึกนี้ของนายเอกนะครับ
Make love Not War



tann sathien


Magic.cross

เริ่มต้นก็น่าค้นหาแล้ว ต้องลองดูสักตั้ง