ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_GoDeRsOuL

มากกว่าเราสองคน : "ครั้งแรกที่ข้ามเส้น" (EP1+EP2)

เริ่มโดย GoDeRsOuL, มิถุนายน 25, 2025, 12:39:18 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

GoDeRsOuL

ก่อนอื่นขอฝากผู้คุมจิต เล่ม6 ด้วยนะครับเพิ่งวางขายไป

ช่วงนี้ฟิตแปลกๆ ครับ เลยจับเรื่องที่หลายคนติดตาม(และยังเขียนไม่จบ) อย่าง "ผม..คุณ..เขา..เราสามคน" มาปัดฝุ่นใหม่
ปัดไปปัดมา เลยเอาเรื่องจริงของตัวเองมาเป็นสารตั้งต้นแล้วเขียนใหม่ไปซะเลย
ก็ลองอ่านๆ กันดูครับ มีเรื่องจริงของผมปนอยู่หลายส่วน

เรื่องนี้ดำเนินเรื่องแนวบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งผมถนัดที่สุด หวังว่าจะชอบกันนะครับ
แต่บอกก่อนนะครับว่าตัวละครทั้งหมดสมมุติขึ้นมา ไม่ต้องไปตามหากันล่ะครับ ฮ่าๆ

เรื่องนี้ผมคงไม่ซ่อนอะไร เพราะตั้งใจเขียนสุดๆ เขียนไปก็แปล๊บๆ หัวใจนิดๆ
จึงใช้เวลานานมากในการเขียน เรียกว่าละเมียดก็ได้ ถ้าผลตอบรับดี ก็คงเป็นกำลังใจให้เขียนมาให้อ่านกันอีกเรื่อยๆ
ขอคอมเม้นต์ดีๆ จำนวนหนึ่ง ก็จะปั่นตอนที่ 2 ให้ครับ (ถ้าถึงสำหรับเรื่องที่ไม่ซ่อน ผมก็ว่าเยอะมากแล้ว)


************

สามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับ

(Fictionlog)
(ธัญวลัย)
(readAwrite)
(Hongsamut)

EBOOK ผู้คุมจิต
เล่ม1
เล่ม2
เล่ม3
เล่ม4
เล่ม5
เล่ม6

***ท่านใดติดขัด ไม่สะดวกในการอ่านผ่านเว็บอื่นๆ หรือทำไม่เป็น สามารถเข้ากลุ่ม Line OPENCHAT มาสอบถามหรือพูดคุยเรื่องอื่นๆ ได้ครับ (ไม่ระบุตัวตน)***
กดเข้ากลุ่มที่ Link นี้ >>> OPENCHAT

อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ
(FACEBOOK PAGE)




เสียงหัวใจของผมเต้นรัวอยู่ในอกราวกับกลองศึกที่ถูกประโคมก่อนการออกรบครั้งสำคัญ
มันดังเสียจนผมกลัวว่าคนขับแกร็บที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจะได้ยินไปด้วย
ทั้งที่เครื่องปรับอากาศในรถเย็นฉ่ำ แต่ฝ่ามือของผมกลับชื้นเหงื่อจนต้องคลายมือออกจากกางเกงสแล็คสีเข้มที่สวมใส่อยู่เป็นระยะ

นี่เป็นครั้งแรก... ครั้งแรกจริงๆ ที่ผมทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้

หลายเดือนที่ผ่านมา โลกของผมถูกแบ่งออกเป็นสองใบอย่างลับๆ
โลกใบแรกคือโลกที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับ 'ไอริน' แฟนสาวของผม ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนแสงสว่าง เป็นทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะวาดฝันถึงได้
เรามีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมในสายตาของทุกคน แต่ในโลกใบนั้น กลับมีมุมมืดที่แสงสว่างของเธอสาดส่องไปไม่ถึง มุมที่ผมต้องจมอยู่กับความเหงาและความปรารถนาที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม

และนั่นคือจุดกำเนิดของโลกใบที่สอง... โลกที่ซ่อนอยู่หลังหน้าจอสมาร์ทโฟน

โลกที่ผมเป็นเพียง 'K' ชายหนุ่มลึกลับในแอปพลิเคชันสีเพลิง ที่ซึ่งผมได้ปลดปล่อยตัวตนอีกด้านผ่านตัวอักษรและรูปภาพ
โลกที่ทำให้ผมได้ค้นพบว่า 'ความเป็นชาย' ที่ผมเริ่มไม่แน่ใจในคุณค่าของมัน กลับเป็นที่ต้องการและเป็นที่ชื่นชมของผู้หญิงมากมายที่ผมได้สนทนาด้วย

แต่การสนทนาเหล่านั้นก็เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านปลายนิ้ว
มันไม่เคยเป็นความจริง ไม่เคยจับต้องได้

จนกระทั่งการมาถึงของ 'มีนา'

มีนาแตกต่างจากคนอื่นๆ เธอตรงไปตรงมา ชัดเจนในความต้องการของตัวเอง
และที่สำคัญ... เธอกล้าหาญพอที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนผมให้ออกจากโลกหลังหน้าจอมาเจอกันในโลกแห่งความจริง

"คุยกันมาเป็นเดือนแล้วนะคะคุณ K ฉันว่า... เรามาพิสูจน์กันดีกว่าไหม ว่าสิ่งที่เราคุยกันไว้มันจะดีงามแค่ไหนเวลาได้สัมผัสกันจริงๆ"

ข้อความนั้นของเธอเหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงมาทำลายผืนน้ำอันนิ่งสงบในใจผม
ความกลัวและความรู้สึกผิดตีรวนกันจนปั่นป่วน

แต่ลึกลงไปกว่านั้น... คือความตื่นเต้นและความท้าทายที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้

และนั่นคือเหตุผลที่ผมมานั่งอยู่ในรถคันนี้ กำลังมุ่งหน้าไปยัง "Vesper" บาร์กึ่งร้านอาหารเล็กๆ ในซอยคอนแวนต์ที่เธอเป็นคนเลือก
มันเป็นสถานที่ที่ฉลาดพอจะไม่ดูโจ่งแจ้งเหมือนการนัดเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวมากพอที่จะไม่พลุกพล่านจนอึดอัด

รถจอดเทียบหน้าร้าน ผมสูดหายใจเข้าลึกเป็นครั้งสุดท้าย จ่ายเงินและก้าวลงจากรถ กลิ่นอายของเมืองกรุงยามค่ำคืนปะทะเข้ากับใบหน้า
ผมจัดปกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมทับกางเกงให้เข้าที่ พยายามทำตัวให้ดูสบายๆ ที่สุด ทั้งที่ภายในกำลังสั่นสะเทือน

Vesper ตกแต่งด้วยโทนสีเข้มขรึมของไม้และหนัง
แสงไฟสลัวสีวอร์มไลท์สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว
เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลอเคลียอยู่ในอากาศ
ผมกวาดตามองหาโต๊ะที่เธอบอกว่าจองไว้ให้... โต๊ะมุมในสุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

แล้วผมก็เห็นเธอ

มีนานั่งหันข้างให้ผมเล็กน้อย เธอกำลังยกแก้วค็อกเทลสีอำพันขึ้นจิบอย่างเนิบช้า
แสงไฟตกกระทบลงบนผิวสีน้ำผึ้งของเธอทำให้มันดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา
ชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำรัดรูปขับเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายที่ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี
เส้นผมสีดำขลับที่ถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นลำคอระหงและแผ่นหลังเนียนละเอียด


เธอไม่ใช่คนสวยจัดแบบพิมพ์นิยมอย่างไอรินที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลัง
แต่เธอคือผู้หญิงที่มี 'เสน่ห์' ดึงดูดอย่างร้ายกาจ
ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูมั่นใจและเปี่ยมไปด้วยพลังงานบางอย่างที่ทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้

ผมเดินเข้าไปที่โต๊ะ หัวใจกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง

"คุณมีนา... รึเปล่าครับ" ผมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่พยายามคุมให้ราบเรียบที่สุด

เธอละสายตาจากแก้วในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมช้าๆ
วินาทีที่ดวงตาคมกริบคู่นั้นสบเข้ากับตาของผม โลกทั้งใบของผมราวกับหยุดหมุน

เธอมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับอยู่ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่อ่านยาก
มันดูเหมือนทั้งทักทาย ท้าทาย และเชื้อเชิญในเวลาเดียวกัน

"คุณ K... ได้เจอกันซะทีนะคะ" น้ำเสียงของเธอทุ้มนุ่มแต่กังวานใส "ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอีกนะ สูงกว่าที่คิดไว้... นั่งก่อนสิคะ"

ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พยายามระงับอาการประหม่าของตัวเอง "คุณก็เหมือนกันครับ... คุณมีนาดู... มีเสน่ห์มาก"

เธอยิ้มกว้างขึ้น คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ "ขอบคุณค่ะ เรียกมีนาเฉยๆ ก็ได้ ส่วนฉัน... ขอเรียกคุณว่า 'คิณ' นะคะ... วันนี้ไม่มีคุณ K แล้วเนอะ"

การที่เธอเรียกชื่อจริงของผมที่ผมเคยบอกเธอไปแค่ครั้งเดียว ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจและผ่อนคลายลงอย่างน่าประหลาด
มันเหมือนเธอกำลังบอกผมว่า คืนนี้เราจะไม่มีอะไรปิดบังกัน

พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาพอดี ผมสั่งวิสกี้ออนเดอะร็อกไปเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้ความร้อนรุ่มในใจทุเลาลงได้บ้าง

"ตื่นเต้นเหรอคะ?" มีนาถามขึ้นหลังจากพนักงานเดินจากไปแล้ว
สายตาของเธอยังคงจับจ้องมาที่ผมไม่วางตา ราวกับกำลังอ่านทุกความคิดของผมอยู่

ผมพยักหน้ารับตรงๆ "นิดหน่อยครับ... ไม่สิ... ต้องบอกว่ามากเลย"

"ดีแล้วค่ะ" เธอหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ถ้าคุณไม่ตื่นเต้น ฉันคงจะผิดหวังแย่เลย เพราะฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน"

บทสนทนาของเราหลังจากนั้นไหลลื่นไปอย่างไม่น่าเชื่อ
เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เรื่องงานอดิเรก เรื่องหนังที่ชอบ เหมือนกับการเดทครั้งแรกทั่วๆ ไป
แต่สิ่งที่แตกต่างคือกระแสไฟฟ้าสถิตที่วิ่งวนอยู่รอบๆ โต๊ะของเรา มันคือความตึงเครียดทางเพศที่ก่อตัวขึ้นอย่างหนาแน่น
ทุกครั้งที่สายตาของเราประสานกัน ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเราเผลอสัมผัสกันตอนที่ยื่นแก้วให้กัน มันเหมือนมีประกายไฟเล็กๆ ปะทุขึ้นมา

มีนาเป็นผู้หญิงฉลาดและมีอารมณ์ขัน เธอเล่าเรื่องต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เป็นผู้ฟังที่ดี เธอตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูดและถามคำถามที่แสดงให้เห็นว่าเธอใส่ใจจริงๆ

"แล้ว... ทำไมวันนี้คิณถึงยอมออกมาเจอมีนได้ล่ะคะ?" เธอถามขึ้นในจังหวะหนึ่ง
ใช้ชื่อเล่นจริงๆของเธอเรียกแทนตัวเองอย่างสนิทสนมเป็นกันเองขึ้น เปลี่ยนโหมดจากเรื่องสบายๆ มาเป็นคำถามที่ตรงประเด็นอย่างนุ่มนวล

ผมจิบวิสกี้ในแก้ว คำถามของเธอเหมือนกุญแจที่ไขเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของใจผม ผมควรจะตอบอย่างไรดี

"ผม..." ผมเว้นจังหวะ รวบรวมความกล้า "...ก็แค่อยากลองดูให้แน่ใจ... พิสูจน์อะไรบางอย่างกับตัวเองน่ะครับ"

"พิสูจน์?" เธอยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "พิสูจน์ว่าอะไรคะ?"

ผมสบตาเธอนิ่ง ดวงตาสีเข้มของผมสะท้อนภาพของเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า

"พิสูจน์ว่า... ตัวตนของผมที่อยู่ในโลกใบที่สอง... มันมีอยู่จริงหรือเปล่า"

รอยยิ้มที่มุมปากของมีนากลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันดูเข้าใจและอ่อนโยน
เธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ลดเสียงลงจนเป็นเสียงกระซิบที่ได้ยินกันแค่สองคน

"คืนนี้... เดี๋ยวมีนช่วยคิณพิสูจน์เอง" เธอยื่นมือของเธอข้ามโต๊ะมา วางลงบนมือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ
ผิวของเธออุ่นและนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ "เรามาดูกัน... ว่าตัวตนของคุณน่ะ... มัน 'ของจริง' แค่ไหน"

เพียงแค่สัมผัสนั้น... ประกายไฟที่เคยปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่โหมลุกโชนขึ้นในใจกลางกายของผมอย่างฉับพลัน...

คำพูดและสัมผัสของมีนาเปรียบเสมือนน้ำมันที่ถูกราดลงบนกองไฟแห่งความปรารถนาที่คุกรุ่นอยู่ในใจผมมานานแรมปี
ความร้อนรุ่มที่เคยถูกกักเก็บไว้บัดนี้ได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ความประหม่าและความรู้สึกผิดที่เคยเกาะกุมหัวใจค่อยๆ
ถูกหลอมละลายและแทนที่ด้วยความต้องการอันแรงกล้าที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป

ผมพลิกมือของผมขึ้น กอบกุมมืออันนุ่มนวลของเธอไว้ ประสานนิ้วของเราเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น
สายตาของเรายังคงจับจ้องกันนิ่ง ราวกับกำลังแลกเปลี่ยนบทสนทนานับพันคำพูดผ่านม่านแห่งความเงียบ

"ร้านสวยดีนะครับ" ผมเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบลงด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่ากว่าปกติ "แต่ผมว่า... เราไปหาที่ที่มัน 'ส่วนตัว' กว่านี้... เพื่อ 'พิสูจน์' กัน... ดีไหมครับ"

แววตาของมีนาฉายประกายแห่งความพึงพอใจ เธอยิ้มรับคำเชื้อเชิญของผมอย่างไม่มีลังเล "เห็นด้วยเลยค่ะ"

เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมปล่อยมือจากเธอเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาวางธนบัตรจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะซึ่งมากเกินพอสำหรับค่าเครื่องดื่มของเราสองคน
จากนั้นผมก็ลุกขึ้นยืนและยื่นมือให้เธออีกครั้ง เป็นการเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการให้เธอร่วมเดินทางไปกับผมในค่ำคืนนี้

มีนารับมือของผมและลุกขึ้นยืนเคียงข้าง ร่างกายของเราอยู่ใกล้กันจนผมได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
มันเป็นกลิ่นหอมหวานของดอกไม้รัตติกาลผสมกับกลิ่นเครื่องเทศจางๆ ที่ชวนให้ลุ่มหลงและมึนเมาในเวลาเดียวกัน

เราเดินออกจากร้านเคียงข้างกันโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกอย่างมันชัดเจนในตัวเองแล้ว
การเดินทางบนรถแท็กซี่เที่ยวที่สองของคืนนี้แตกต่างจากเที่ยวแรกอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีอีกแล้วความประหม่าอึดอัด มีเพียงความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาล
ผมนั่งชิดเธอมากขึ้นกว่าเดิมจนต้นขาของเราเบียดชิดกัน ความร้อนจากร่างกายของเธอส่งผ่านเนื้อผ้าเข้ามาสู่ร่างกายของผม

ผมรวบรวมความกล้า เอื้อมแขนไปโอบไหล่ของเธอไว้ ดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย
มีนาไม่ได้ขัดขืน ตรงกันข้าม เธอกลับเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของผมอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่าเราทำแบบนี้กันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

แสงไฟนีออนของกรุงเทพฯ ยามราตรีสาดส่องผ่านกระจกรถเข้ามาเป็นระยะๆ ฉาบไล้ใบหน้าด้านข้างของเธอให้เกิดเป็นเงาที่ดูลึกลับน่าค้นหา
ปลายนิ้วของผมเริ่มลูบไล้ไปตามต้นแขนอันเนียนลื่นของเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสทุกตารางนิ้วของผิวเนื้ออุ่นที่อยู่นอกร่มผ้า
ผมรู้สึกได้ถึงจังหวะหายใจของเธอที่ลึกขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณตอบรับที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงด้วยความคาดหวัง

โรงแรมที่ผมเลือกไว้สำหรับค่ำคืนนี้เป็นบูทีคโฮเทลที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยที่ไม่พลุกพล่านนัก มันให้ความรู้สึกหรูหราแต่ก็เป็นส่วนตัว
ผมจัดการเรื่องเช็คอินอย่างรวดเร็ว ในหัวแทบไม่ได้สนใจรายละเอียดอะไรนอกจากคีย์การ์ดในมือและผู้หญิงที่ยืนรออยู่ข้างๆ อย่างสงบ

เสียง "คลิก" ของประตูห้องที่ปิดลงเบื้องหลังเราดังขึ้นราวกับเป็นสัญญาณของการตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์

ตอนนี้... ในห้องสี่เหลี่ยมที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มีรสนิยมแห่งนี้ มีเพียงเราสองคนเท่านั้น

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างแผ่วเบา
เรายืนเผชิญหน้ากันกลางห้อง ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว สายตาของเราประสานกันอีกครั้ง
ในแววตาของมีนาไม่มีอีกแล้วความท้าทายขี้เล่นเหมือนตอนอยู่ที่บาร์ มันถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่ลึกล้ำและเปิดเผย...
เป็นแววตาเดียวกันกับที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของผม

ผมเป็นฝ่ายขยับเข้าไปหาก่อนช้าๆ ทุกย่างก้าวเหมือนการนับถอยหลังสู่การระเบิดครั้งสำคัญ
ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของเธอไว้อย่างแผ่วเบา ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้พวงแก้มเนียนของเธอเบาๆ

"คุณสวยมาก... มีนา" ผมกระซิบ

และนั่นคือทั้งหมดที่ต้องพูด...

ผมโน้มใบหน้าลงไป ผนึกริมฝีปากของผมเข้ากับริมฝีปากอิ่มของเธอ
จูบแรกของเราไม่ใช่จูบที่อ่อนโยนหรือค่อยเป็นค่อยไป มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความหิวกระหาย เป็นดั่งการปลดปล่อยทุกความตึงเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งคืน
ลิ้นของเราพัวพันเข้าหากันอย่างไม่มียอมกัน เป็นการเต้นรำอันร้อนแรง เป็นบทสนทนาไร้เสียงที่ต่างฝ่ายต่างบอกเล่าถึงความต้องการของตนเอง
ผมได้รสชาติหวานซ่านของค็อกเทลที่เธอเพิ่งดื่มระคนกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง ซึ่งมันหอมหวานยิ่งกว่าสิ่งใด

มือของผมเลื่อนจากใบหน้าของเธอลงมาโอบรอบเอวคอด กอดรัดร่างของเธอให้แนบชิดกับร่างของผมจนแทบไม่มีช่องว่าง
ในขณะที่มือของมีนาก็เลื่อนขึ้นมาสอดประสานที่ท้ายทอยของผม ขยำกลุ่มผมของผมเบาๆ เป็นการตอบรับและเร่งเร้า

เราจูบกันเนิ่นนานจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จนกระทั่งผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
เราหอบหายใจเล็กน้อย หน้าผากของเรายังคงจรดกันอยู่

"เสื้อเชิ้ตของคุณ..." เธอกระซิบเสียงพร่า "...มันเกะกะ"

ผมหัวเราะในลำคอ ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากเอวของเธอเพื่อปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกทีละเม็ด
สายตาของเธอมองตามการเคลื่อนไหวของนิ้วผมไม่วางตา
เมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก ผมก็ถอดมันโยนทิ้งไปที่ไหนสักแห่งในห้อง
เผยให้เห็นแผงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ได้มาจากการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

แววตาของมีนาฉายประกายชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
มือของเธอเลื่อนจากท้ายทอยของผมลงมาทาบบนแผงอก
ลูบไล้ไปตามมัดกล้ามที่ซ่อนรูปอยู่นั้นอย่างพึงพอใจ

"หุ่นดีกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย"

"ถึงตาคุณแล้วครับ" ผมบอก พลางเลื่อนมือไปที่ซิปด้านข้างของชุดเดรสสีดำของเธอ

"เอาเลยสิคะ... รออะไรอยู่" เธอตอบรับคำท้าทายนั้น

ผมค่อยๆ รูดซิปลงอย่างช้าๆ เสียงของมันดังเสียดสีกับความเงียบในห้องราวกับเป็นท่วงทำนองแห่งการเชื้อเชิญ
เมื่อซิปลงจนสุด ชุดเดรสรัดรูปนั้นก็คลายตัวออกอย่างง่ายดาย
ผมปล่อยให้มันร่วงหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นแทบเท้าของเธอ เผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดชั้นในลูกไม้สีดำเข้าชุด

มีนาคือผลงานชิ้นเอกของธรรมชาติอย่างแท้จริง สรีระของเธอสมส่วนทุกตารางนิ้ว
เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายกลมกลึง เนินเนื้อนุ่มสองลูกภายใต้บราเซียร์ลูกไม้ดูอวบอิ่มชวนฝัน
ยอดถันสีหวานที่ดันผ้าลูกไม้บางเบาจนนูนขึ้นมาเป็นปุ่มไตแข็งคือเครื่องยืนยันถึงระดับอารมณ์ของเธอในขณะนี้

ผมคุกเข่าลงตรงหน้าเธออย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเธออีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงจุมพิตที่หน้าท้องแบนราบของเธอ
ไล่เลียขึ้นมาอย่างเชื่องช้าจนถึงขอบกางเกงชั้นในตัวจิ๋ว ได้กลิ่นกายอันบริสุทธิ์ของเธอผสมกับกลิ่นน้ำหอมจางๆ

"คิณ..." เธอครางชื่อผมออกมาเป็นครั้งแรก เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความซ่านสยิว

ผมไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ผมใช้มือทั้งสองข้างปลดเปลื้องปราการด่านสุดท้ายของเธอออกไปอย่างนุ่มนวล
และในที่สุด... ดอกไม้เร้นลับที่ซ่อนกายอยู่ก็ปรากฏสู่สายตาของผมเป็นครั้งแรก
กลีบผกาอันอวบอิ่มถูกดูแลรักษามาเป็นอย่างดี มันคือภาพที่งดงามและปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในตัวผมให้ลุกโชนขึ้นอย่างเต็มพิกัด

ผมเงยหน้ามองเธออีกครั้ง เห็นเธอหลับตาพริ้ม
กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ เพื่อสะกดกลั้นเสียงครางที่กำลังจะเล็ดลอดออกมา

ผมรู้ดีว่าผมไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จัดการปลดเข็มขัดและปลดเปลื้องกางเกงของตัวเองออกเป็นชิ้นสุดท้าย
และในวินาทีนั้นเอง... ตัวตนที่แท้จริงของผมที่เคยซ่อนเร้นอยู่ภายใต้โลกสองใบก็ได้ปรากฏกายขึ้นสู่สายตาของเธออย่างเต็มภาคภูมิ

มีนาลืมตาขึ้น และวินาทีที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังแกนกลางแห่งความปรารถนาของผมที่ผงาดขึ้นอย่างเต็มที่นั้น...
ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นอย่างชัดเจน ริมฝีปากของเธอเผยอออกเล็กน้อยด้วยความตกตะลึงระคนไปกับความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด

ลมหายใจของเธอสะดุด... และนั่นคือเสียงที่ไพเราะที่สุดที่ผมได้ยินในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ลมหายใจที่สะดุดของมีนา คือเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุด คือคำสรรเสริญที่ผมโหยหามาตลอดหลายปี
ความตกตะลึงในแววตาของเธอค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความปรารถนาอันลึกล้ำที่ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
เธอก้าวเข้ามาหาผมอีกหนึ่งก้าว ยื่นมือที่สั่นเทาเล็กน้อยออกมา เหมือนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือความจริงหรือภาพฝัน

ปลายนิ้วเย็นๆ ของเธอสัมผัสลงบนยอดสุดของแก่นกายผมอย่างแผ่วเบาที่สุด
สะเก็ดไฟแห่งความปรารถนาแล่นปราดจากจุดที่ถูกสัมผัสไปทั่วทั้งร่าง
ผมแข็งค้าง ปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายสำรวจ

"ไม่เคย..." เธอกระซิบเสียงสั่นพร่า ดวงตายังคงจับจ้องสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ

"... ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย... มันทั้งใหญ่...ทั้งสวย..."

คำพูดของเธอเหมือนสายน้ำเย็นที่ชโลมลงบนบาดแผลเรื้อรังในใจผม
เธอค่อยๆ กระชับมือขึ้น กอบกุมตัวตนอันแข็งขืนของผมไว้เต็มฝ่ามืออุ่นของเธอ
ความร้อนจากมือของเธอและความยิ่งใหญ่ในอุ้งมือของผมผสมผสานกันอย่างลงตัว
ความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อนได้พวยพุ่งขึ้นในใจผมอย่างท่วมท้น

ผมไม่ใช่คนขี้เหงาที่ต้องแอบซ่อนในโลกใบที่สองอีกต่อไป

ในวินาทีนี้... ผมคือบุรุษเพศ คือศูนย์รวมความปรารถนาของผู้หญิงตรงหน้า

มีนาค่อยๆ ย่อตัวลง คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผมในท่วงท่าที่เปี่ยมไปด้วยการยอมจำนนและการบูชา
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาผมอีกครั้ง แววตาของเธอสื่อความหมายชัดเจน...
เธอพร้อมแล้วที่จะปรนเปรอผมด้วยวิธีที่ผมไม่เคยได้รับจากไอรินมานานแสนนาน... หรืออาจจะไม่เคยได้รับอย่างแท้จริงเลย

ริมฝีปากอิ่มของเธอค่อยๆ เผยอออก ครอบครองส่วนปลายสุดของผมเข้าไปอย่างนุ่มนวล
ความอุ่นชื้นและอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้มเข้ามาทำให้ผมต้องสูดปาก
สองมือของผมยกขึ้นไปวางบนเรือนผมสลวยของเธอโดยอัตโนมัติ สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมนั้นเบาๆ

เธอเริ่มต้นบทเพลงรักด้วยปลายลิ้น บรรเลงไปรอบๆ ส่วนยอดอย่างช่ำชอง ก่อนจะค่อยๆ ดูดกลืนความเป็นชายของผมเข้าไปลึกขึ้น... และลึกขึ้น...
ทุกจังหวะการขยับ ทุกครั้งที่ลิ้นของเธอตวัดไล้ มันเหมือนกับการจุดชนวนระเบิดลูกเล็กๆ ไปทั่วทั้งลำ
ความรู้สึกซ่านสยิวแล่นพล่านจากแกนกลางของร่างกายกระจายไปทั่วทุกเส้นประสาท เป็นความสุขสมที่ผมเกือบลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร

"อ่าห์... มีนา..." เสียงครางทุ้มต่ำเล็ดลอดออกจากลำคอของผมอย่างไม่อาจควบคุม

เธอยิ่งได้ใจเมื่อได้ยินเสียงของผม เธอยิ่งปรนเปรอผมหนักหน่วงขึ้น
ใช้ทั้งริมฝีปากและโพรงแก้มอุ่นสร้างสุญญากาศที่ดูดเร้าทุกความรู้สึกของผมไปรวมไว้ที่จุดเดียว

ผมหลับตาลง เอนศีรษะไปด้านหลัง ปล่อยให้คลื่นแห่งความหฤหรรษ์ซัดสาดเข้าใส่ตัวอย่างเต็มที่
แต่ผมรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้นานเกินไป บทเพลงรักของเราอาจจะต้องจบลงเร็วกว่าที่ควร
ผมจึงค่อยๆ ดึงตัวเองออกมาจากพันธนาการอันหอมหวานนั้นอย่างยากลำบาก

"เดี๋ยวก่อนครับ..." ผมพูดเสียงพร่า "ยังไม่ถึงเวลา... ผมขอบ้างสิ"

ผมช้อนร่างของเธอขึ้นอุ้มในอ้อมแขน มีนาตัวเบากว่าที่คิด
เธอหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอผมไว้แน่น
ผมพาเธอไปยังเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง วางร่างของเธอลงบนผืนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดยับย่นอย่างนุ่มนวลที่สุด

ภาพของมีนาที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงสีขาวนั้นงดงามราวกับภาพวาดชิ้นเอก
เรือนร่างสีน้ำผึ้งตัดกับสีขาวของผ้าปูอย่างเด่นชัด หน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ
และดอกไม้เร้นลับใจกลางกายที่รอคอยการมาเยือนของผมอย่างใจจดใจจ่อ

ผมไม่รอช้า ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง โน้มตัวลงไปจุมพิตซอกคอหอมกรุ่นของเธอ
ไล่ลงมายังเนินอกอิ่ม จรดริมฝีปากลงบนยอดถันสีหวานที่ชูชันท้าทายผมอยู่
ผมใช้ลิ้นตวัดหยอกเย้ามันเบาๆ ก่อนจะดูดดึงอย่างนุ่มนวล

"อื้อ..." มีนาบิดตัวเร่า แอ่นอกรับสัมผัสจากผมอย่างเต็มที่ เสียงครางหวานเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย

ผมปรนเปรอเธออยู่เนิ่นนาน สำรวจทุกตารางนิ้วบนร่างกายของเธอด้วยริมฝีปากและปลายลิ้น
จนกระทั่งร่างกายของเธอสั่นสะท้านพร้อมรับการรุกรานอย่างเต็มที่แล้ว

ผมพลิกกายขึ้นคร่อมร่างของเธอ จัดตำแหน่งของตัวเองให้อยู่ ณ ปากถ้ำสวรรค์ที่กำลังรอคอย
มือข้างหนึ่งของผมสอดประสานกับมือของเธอไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามเอวคอดของเธอ

ผมจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธออีกครั้ง "พร้อมไหมครับ?"

เธอไม่ตอบเป็นคำพูด แต่พยักหน้ารับช้าๆ แววตาของเธอฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำแห่งความปรารถนา

และแล้ว... การเดินทางที่แท้จริงก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ผมกดแก่นกายอันแข็งแกร่งของผมเข้าไปในใจกลางความอ่อนนุ่มของเธออย่างช้าๆ ช้าที่สุด...
เพื่อให้เราทั้งคู่ได้ซึมซับทุกความรู้สึกของการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ความคับแน่นที่ร้อนผ่าวและตอดรัดอยู่ภายในตัวเธอนั้นช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจนแทบทำให้ผมคลั่ง
ผมหยุดนิ่งค้างไว้ ปล่อยให้ร่างกายของเราปรับตัวเข้าหากัน

"โอ... คิณ... คะ...คุณ... มัน...ใหญ่มาก..." เธอกระซิบเสียงขาดห้วง
ใบหน้าเหยเกด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความเจ็บปวดเล็กน้อยและความสุขสมอย่างท่วมท้น

เมื่อแน่ใจว่าเธอพร้อมแล้ว ผมจึงเริ่มขยับ...

บทเพลงรักบทใหม่ได้เริ่มบรรเลงขึ้น ผมเริ่มต้นด้วยจังหวะที่เนิบนาบแต่หนักแน่น ทรงพลัง
ทุกการสอดใส่ลึกล้ำจนสุดทาง ทุกการถอนตัวเกือบสุดปลาย เพื่อให้เธอได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของผมในทุกมิติ

นี่คือลีลาที่ผมฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน... ไม่ใช่ในสนามรบจริง แต่ในสนามรบแห่งจินตนาการ เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะทำให้ไอรินพึงพอใจ
แต่ในวันนี้... มันกลับถูกนำมาใช้เพื่อปรนเปรอผู้หญิงอีกคน และเธอก็ตอบสนองต่อมันอย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

เสียงครวญครางของมีนาดังขึ้นไม่ขาดสาย จากเสียงกระซิบกลายเป็นเสียงครางหวาน
จากเสียงครางหวานกลายเป็นเสียงครวญที่หลุดรอดออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
ร่างกายของเธอแอ่นรับทุกจังหวะการกระแทกกระทั้นของผมอย่างรู้งาน
เล็บของเธอจิกลงบนแผ่นหลังของผมเพื่อระบายความซ่านเสียว

ผมเร่งจังหวะขึ้นทีละน้อย เปลี่ยนจากท่วงทำนองเพลงบัลลาดอันเชื่องช้าให้กลายเป็นเพลงร็อกที่ร้อนแรง
สะโพกของผมทำงานอย่างบ้าคลั่ง ตอกตรึงแก่นกายเข้าใส่จุดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้อง ผสมผสานกับเสียงหอบหายใจและเสียงครางของเราสองคน ก่อเกิดเป็นซิมโฟนีแห่งความปรารถนาอันดิบเถื่อน

"อ๊า...คิณ...ตรงนั้นแหละ... ใช่... อื้อ...ดี...ดีมากเลยค่ะ"

ผมได้ยินเสียงของเธอ ผมรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อภายในที่ตอดรัดผมถี่กระชั้นขึ้น
ผมรู้ว่าเธอกำลังจะเดินทางไปถึงฝั่งฝันแล้ว ผมยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วและรุนแรงขึ้นอีก
โหมกระหน่ำเข้าใส่จุดอ่อนไหวของเธอซ้ำๆ ไม่ให้เธอได้หยุดพักหายใจ

และแล้ว... ร่างของมีนาก็เกร็งกระตุกอย่างรุนแรง
เธอแอ่นกายขึ้นจากเตียงจนสุด ดวงตาเบิกโพลง
ริมฝีปากอ้าค้างกรีดร้องออกมาเป็นเสียงครวญที่ไร้ถ้อยคำ
คลื่นสวรรค์ลูกแรกซัดสาดเข้าใส่เธออย่างบ้าคลั่ง
ความสุขสมมหาศาลระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ จากใจกลางกายของเธอ
ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านราวกับลูกนก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกของผู้ชนะ... ชัยชนะที่ผมไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน ชัยชนะครั้งแรกหอมหวานราวกับน้ำผึ้งป่า

ผมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านระลอกสุดท้ายที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของมีนา
ผมชะลอจังหวะลง แต่ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง
ผมยังคงตอกตรึงแก่นกายของผมคาไว้ในใจกลางความอ่อนนุ่มของเธอ
ขยับไหวอย่างเชื่องช้า เนิบนาบ เป็นการปลอบประโลมหลังจากพายุอารมณ์ลูกใหญ่ได้พัดผ่านไป

เสียงหอบหายใจของเธอดังอยู่ข้างหูของผม ร่างกายที่เคยเกร็งแน่นค่อยๆ ผ่อนคลายลงใต้ร่างของผม
แต่ประกายแห่งความสุขสมยังคงทอชัดอยู่ในแววตาที่ฉ่ำเยิ้มคู่นั้น

"สุดยอด... มันสุดยอดจริงๆ ค่ะ คิณ..." เธอกระซิบเสียงแหบพร่า มือที่เคยจิกอยู่บนแผ่นหลังของผมเปลี่ยนเป็นการลูบไล้ไปมาอย่างอ่อนโยน

ผมยิ้มรับคำชมนั้น โน้มตัวลงไปจูบซับเหงื่อบนขมับของเธอ "นี่ยังแค่เริ่มต้นครับ"

ผมเริ่มต้นบรรเลงเพลงรักบทต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ คราวนี้มันไม่ใช่การรุกรานที่บ้าคลั่ง แต่เป็นการเต้นรำที่หยั่งเชิงและหยอกเย้า
ผมค่อยๆ หมุนสะโพกเป็นวง สร้างแรงเสียดสีที่แตกต่าง ทำให้เธอได้รับรู้ถึงมิติของความเป็นชายของผมในทุกองศา

มีนาตอบสนองต่อท่วงทำนองใหม่นี้อย่างรวดเร็ว เสียงครางหวานเริ่มกลับมาอีกครั้ง
ร่างกายของเธอเริ่มบิดเร่าและแอ่นรับสัมผัสของผมอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ราวกับร่างกายของเธอคือเครื่องดนตรีชั้นเลิศ และผมคือนักดนตรีเอกที่รู้ว่าจะต้องดีดสีตีเป่า ณ จุดไหนเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงที่ไพเราะที่สุด
ผมนำพาเธอไต่ระดับขึ้นสู่ยอดเขาแห่งความปรารถนาอีกครั้งอย่างช้าๆ แต่หนักแน่นมั่นคง
คราวนี้เธอไม่ได้กรีดร้อง แต่เป็นเสียงสะอื้นแห่งความสุขที่ดังออกมาไม่ขาดสาย เป็นการยอมจำนนต่อความสุขสมที่ผมมอบให้อย่างหมดหัวใจ

และเมื่อพายุลูกที่สองซัดสาดเข้าใส่ร่างของเธออีกครั้ง รุนแรงและลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งแรก ผมก็รู้ว่าถึงเวลาของผมแล้ว...

เขื่อนที่ผมกักเก็บความปรารถนาอันพลุ่งพล่านนี้ไว้มานานแสนนานกำลังจะทลายลง
ผมเร่งจังหวะสุดท้ายอย่างบ้าคลั่ง ตอกตรึงตัวตนทั้งหมดของผมเข้าสู่ใจกลางกายของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกระทั่งโลกทั้งใบของผมขาวโพลนไปชั่วขณะ ร่างกายเกร็งกระตุกอย่างรุนแรง
พายุอารมณ์ที่ถูกอัดอั้นไว้ได้ระเบิดออกเป็นการปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุด
ผมคำรามลึกในลำคอขณะที่สายธารแห่งชีวิตอันอุ่นร้อนได้ฉีดพุ่งเข้าไปเติมเต็มในช่องทางรักของเธอจนหมดสิ้นทุกหยาดหยด

ผมทิ้งตัวลงนอนทาบทับร่างของเธออย่างหมดแรง ซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นของเธอ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
กลิ่นกายของเธอผสมกับกลิ่นรักของเราเป็นกลิ่นที่ช่างบริสุทธิ์และดิบเถื่อนในเวลาเดียวกัน
เรานอนนิ่งกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ปล่อยให้เสียงหัวใจที่เต้นรัวของเราค่อยๆ กลับคืนสู่จังหวะปกติ

สักพักใหญ่ ผมจึงพลิกตัวลงนอนตะแคงเคียงข้าง ดึงร่างอันอ่อนระทวยของเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่และชุ่มชื้นเป็นพยานให้กับสมรภูมิรักอันดุเดือดที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นความเงียบที่อิ่มเอมและอบอุ่น

"คิณ..." มีนาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน เสียงของเธอใสขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงเจือความแหบพร่าจากการใช้เสียงไปมากโข

"นี่มัน... เหลือเชื่อมากจริงๆ"

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จูบลงบนกลุ่มผมของเธอเบาๆ "ผมดีใจที่คุณชอบ"

"ชอบเหรอ?" เธอหัวเราะเบาๆ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผม แววตาของเธอจริงจังและเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมอย่างที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน

"โห...คำว่าชอบยังน้อยไปเลยค่ะ... ฉัน...ไม่เคยเจอใครแบบคุณจริงๆ นะ"

หัวใจของผมเต้นแรง... แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นทางกาย

"ผู้ชายคนอื่น... บางทีก็มีดีแค่ไซส์ ทำเหมือนส่งการบ้านให้มันจบๆ ไป" เธอพูดต่อพลางใช้นิ้วลูบไล้ไปตามแผงอกของผม

"แต่คุณ... โห... คุณไม่เหมือนใครเลย ลีลาของคุณ คุณรู้หมดเลยว่าจะต้องทำยังไง คุณใส่ใจ... คุณเป็นคนคุมจังหวะทั้งหมด คุณทำให้ฉันรู้สึก...พิเศษ... จนฉันเสร็จไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้เนี่ย"

ทุกคำพูดของเธอเหมือนรางวัลเลอค่าที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับ มันคือการยืนยัน... การพิสูจน์ที่ผมตามหามาตลอด
ผมไม่ได้คิดไปเอง ผมไม่ได้ไร้น้ำยา ขนาดของผมมันสมบูรณ์แบบ ลีลาของผมมันยอดเยี่ยม
ความมั่นใจที่เคยพังทลายถูกก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่จนสมบูรณ์ในชั่วข้ามคืน

"ขอบคุณครับ" ผมตอบได้เพียงเท่านั้น เสียงของผมสั่นเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม

แต่แล้ว... ท่ามกลางความรู้สึกภาคภูมิใจนั้นเอง ความรู้สึกเย็นเยียบก็แล่นเข้ามาในหัวใจอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

'ทำไม...'

คำถามนั้นผุดขึ้นมาในหัว

'ทำไมคนพูดคำเหล่านี้ถึงไม่ใช่ไอริน?'

รอยยิ้มบนใบหน้าของผมจางลงเล็กน้อย ภาพของไอรินซ้อนทับขึ้นมาบนใบหน้าของมีนา

ไอรินที่มักจะนอนนิ่งๆ
ไอรินที่แทบไม่เคยส่งเสียงครางออกมา
ไอรินที่บอกว่า "พอแล้ว" หลังจากที่ผมเพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นาน
ไอรินที่ไม่เคยเอ่ยปากชมผมเลยสักครั้งหลังจากที่เราเสร็จสิ้นภารกิจรัก

ความปิติยินดีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดระคนสับสนอย่างรวดเร็ว
คำชมของมีนาที่เปรียบเสมือนยาชูกำลังชั้นดี บัดนี้ได้กลายเป็นยาพิษที่กรีดลึกลงไปในแผลเก่าให้เปิดอ้ากว้างกว่าเดิม

ผมได้ลิ้มรสชาติของสิ่งที่ผมขาดหายไปแล้ว... และมันหอมหวานเกินกว่าจะลืมเลือน
การกลับไปสู่ความว่างเปล่าแบบเดิมๆ คงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากยิ่งกว่าเก่า

การกระทำที่ผมคิดว่าจะเป็นการแก้ปัญหา... แท้จริงแล้วมันอาจจะเป็นการสร้างปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม

ผมมาที่นี่เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง และผมก็ได้พิสูจน์มันแล้ว
แต่ราคาของมันคือความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งและช่องว่างในความสัมพันธ์ของผมกับไอรินที่ดูเหมือนจะถ่างกว้างออกไปจนสุดสายตา

ผมกอดมีนาไว้ในอ้อมแขน แต่ใจของผมกลับล่องลอยไปไกลแสนไกล... กลับไปที่คอนโดที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงที่ผมรักที่สุด

ผมได้รับชัยชนะในสมรภูมิที่ไม่ใช่ของตัวเอง และในความเงียบงันของค่ำคืนนี้ ผมเพิ่งตระหนักว่า...

ผมอาจจะเพิ่งพ่ายแพ้ในสงครามที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว



testman

ลีลาและสำนวนการเขียนของคุณ God ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
ดีงามและละเอียด ได้อารมณ์เหมือนเคย ขอบคุณสำหรับเรืองใหม่ครับ อย่าลืมเรื่องเก่า ๆ ด้วยนะครับ

sthanya

ทำไปแล้วรู้สึกผิดกับแฟน ก็เลิก ถ้าไม่ก็ไปต่อ

Au Nanma

ภาษาสวยงามสละสลวย
เนื้อเรื่องปลุกเร้าอารมณ์ยอดเยี่ยมมากครับ

tuktong21

อ่านคอมเม้นก่อนหน้านี้แล้วก็นึกว่าจะเป็นแค่คนเดียวที่คิดว่าเรื่องนี้ภาษาสวยงามสละสลวยละเมียดละไม การปูเนื้อเรื่องปูพื้นมันสมควรจะใช้คำว่า " วรรณกรรม " ได้เลย ขอบคุณผลงานดีๆครับ

txxt30

เมื่อความสุขจากความเสียวผ่านไป  ความทุกข์ใจในสิ่งผิดที่ได้กระทำลงไปก็เข้ามาแทนที่

therasak

เหมือนนักรบผู้ชาญศึก​  แต่ได้ม้าป่วยมาขี่ย่อมยากเปล่งประกายแห่งขุนศึก​ออกมาได้