ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เผ่ากินคน

เริ่มโดย Ppwerup, เมษายน 18, 2010, 08:39:53 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Ppwerup

โพสเยอะมากวันนี้ ขอนำความรู้มาฝาก เพื่อนๆหน่อยก็แล้วกัน


อันว่า  มนุษย์กินคน  จ้าวแห่งนักล่านั้น  มีมานานแล้วนับแสนนับล้านปี


               ปัจจุบันเราเรียกคนกินเนื้อคนพวกเดียวกันเองว่า Cannibalism ซึ่งแปลว่า "มนุษย์กินคน"


มีคำถามว่า "พวกมนุษย์กินคนยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อยู่หรือไม่"

คำตอบคือ ยังมีอยู่ครับ แถมยังอยู่ในทุกทวีปทั่วโลกซะด้วย      และที่สำคัญ  พวกนี้มิได้อยู่ไกลจากเราเลยครับ  


ชนเผ่า อาปาเช่ ซึ่งได้ อพยพมาจากแคนาดาตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณพันกว่าปีมานี้เอง  และชนเผ่านี้เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดประเพณี การล่าหัวมนุษย์ต่างเผ่า  ซึ่งสร้างความกลัวให้แก่คนผิวขาวมานานเนิ่นภายหลังเผ่าอาปาเช่ ได้ผู้นำเก่ง "เจอโรนิโม" ทำสงครามกองโจรกับสหรัฐฯ และเม็กซิโก ต่ออีกหลายปี เจอโรนิโม ได้นำนักรบอาปาเช่ ต่อสู้กับสหรัฐ จนถึงปี ค.ศ. 1885 เป็นชนพื้นเมืองเผ่าสุดท้ายที่ต่อต้านผู้รุกรานชนผิวขาว

ว่ากันว่า   หากพวกเขาจับชาวผิวขาวได้  จะนำมีดเชือดสัตว์  ปาดตอ  แล้วถลกหนังศีรษะกันสดๆเลยครับ  ส่วนเนื้อช่วงลำคอจะนำไปกินกันบ้าง  เพราะเขาเชื่อว่า  หากบริโภคสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม  จะได้รับคุณสมบัตินั้นๆของตัวเหยื่อ

จนกระทั่งอเมริกายึดครองพื้นดินแถบนั้นได้หมด  ทำให้ประเพณีดังกล่าวนี้หมดไปโดยสิ้นเชิง


ชนเผ่าซึ่งอาศัยในป่าดงดิบลึกๆ  ชนเผ่านี้คาดคะเนไม่ได้ว่าพวกเขาอยู่เผ่าอะไร  และกระจายไปตามทั่วโลก  ชาวเผ่าเผ่านี้จะกินเนื้อเพื่อเป็นพิธีทางศาสนาและไสยศาสตร์เท่านั้น  และที่ร้ายๆคือ  ชนป่ากลุ่มนี้ยังมีอยู่ในเขตป่าดิบชื้ออย่างป่าสาละวิน ตอนเหนือของพม่าอินเดียขึ้นไป  ซึ่งอยู่ในเขตของประเทศไทยเราซะด้วย ซึ่งเราอาจเรียกพวกเขาว่า "พวกล่าหัว"

และหากว่าพวกเขาเจอมนุษย์จากสังคมภายนอกเข้ามาหลงทางในป่า  พวกเขาจะออกตามล่าทันที  ซึ่งมนุษย์ภายนอกจะต้องหนี  ซึ่งพวกนี้จะไล่ต้อนจนกระทั่งประสาทเสีย  ก่อนที่จะจับได้  หากเป็นผู้หญิงจะถูกข่มขืนเรียงคิว  ทั้งหมู่บ้านมีเท่าไหร่ก็ออกมาเรียงคิวเท่านั้น  พอข่มขืนเสร็จก็นำก้อนหินทุบเข้าที่ศีรษะจนกระโหลกบิดบู้บี้  และนำหินที่ลับจนคม  หั่นคอทั้งเป็น  และเฉือนเนื้อมาทำอาหารกันสดๆ

เผ่าเลกุลุ  ในนิวกินี  ซึ่งจะจับเชือดคอเหยื่อ  ตัดหัวทั้งเป็น  โดยส่วนมาก เผ่านี้จะนำเนื้อส่วนเอ็นมาบริโภคอย่างเอร็ดอร่อย  แบบต้มเเซ่บ  และกินเนื้อส้วนภายนอกของร่างกายเท่านั้น  แต่ทว่า  พวกเขา  จะไม่แตะต้องส่วนของสมองและเครื่องใน  ตับ ไต ไส้ พุง เพราะมีความเชื่อว่า  เป็นแหล่งสะสมพิษ



ต่อมาทางการได้ตัดถนนเข้าไปในป่า  ทำให้ประเพณีเช่นนี้เริ่มหมดไปจากคนป่าเผ่านี้  คงเหลือแต่เศษซากหัวกระโหลกและกระดูกมนุษย์ที่ คนป่าเผ่าเลกุลุ นำมาเป็นเครื่องรางของขลัง

ชนเผ่า อัชติ  อยู่แถวแอฟริกาใต้    โดยขั้นตอนการบริโภคของมนุษย์กินคนเผ่านี้จะเน้นไปที่ความมีสามัคคีร่วม ครับ  เพราะจะมีการผ่าอกกันแบบสดๆเพื่อควักเอาหัวใจมาให้แก่หัวหน้าเผ่า  ซึ่งหัวหน้าเผ่าก็จะสวาปามไปซะเดี๋ยวนั้นเลย  ส่วนเนื้อและหนังที่แล่ออกมาได้จะนำไปแจกจ่ายทุกคนเพื่อนำไปบริโภค  กินกันไปกระดูกก็ยังไม่ทิ้ง  แต่จะนำไปขัดมันเพื่อให้หมอผีประจำเผ่าทำเครื่องรางของขลัง  ส่วนหนังมนุษย์จะนำไปทำเครื่องนุ่งห่ม

บุคคลรายสุดท้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นเหยื่อผู้โชคร้ายจากเผ่านี้  ถูกบริโภคคือ เซอร์ชาร์ลส์  แม็คคาธี่  นักสำรวจ กิตติมาศักดิ์ จากเมืองผู้ดี อังกฤษ นั่นเองครับ โดยถูกเผ่านี้ชำแหละดังว่า  และทางการได้ส่งกองกำลังทหารมากวาดล้างหมดแล้ว  แต่ไม่แน่ว่า  พวกเขาจะหมดไป  เพราะป่าในเขตคองโกนั้นกว้างใหญ่มาก

 ชนชาติ แอซเทค ซึ่งเป็น 1ใน10อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากอดีต  แต่นอกจากอาณาจักรนี้จะมีวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว  พวกเขายังมีประเพณีกินเนื้อคนและนำไปบูชายัญด้วย  ซึ่งวัตถุดิบในการทำ  ส่วนมากจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์เท่านั้น  และจะจัดแต่งองค์ทรงเครื่องของหญิงสาวคนนั้นให้สะอาดแล้วเชิญให้นอนบนแท่น  จากนั้นผู้ประกอบพิธีหลายคนจะยืดแขนและศีรษะของเหยื่อ  จากนั้นหมอผีจะทำการคว้านหัวใจออกมา  เผ่าเคารพต่อเทพเจ้า  บางทีหัวหน้าเผ่าก็จะนำมากินกันเอง  เพราะเชื่อว่า  จะทำให้เวทย์มนต์มายาของตนนั้นสูงส่งขึ้น


เผ่ากินคนในป่าดิบชื้น"คองโก" หากท่านได้พิจารณาหนังเรื่อง เปรตเดินดิน กินเนื้อคน จะได้รูปแบบมาจากคนป่าในแถบนี้  เพราะนอกจากเผ่านี้ไม่มีชื่อเรียกเป็นของตนเองแล้ว  ยังมีพฤติกรรมประหลาดๆคือ  เป็นชนนเผ่าที่เรียบง่าย  และต้อนรับขับสู้คนนอกเผ่าดี  ดูไม่น่าจะมีปัญหานะครับ

แต่......ใครจะรู้  หากทำอะไรขัดใจ หรือไม่เป็นที่พอใจเขา  จะจัดการชำแหละร่างอย่างในภาพยนตร์ที่เราดูทันที  หากเป็นสตรีนั้น  อาจถูกข่มขืนเรียงคิวทั้งเผ่าพันธุ์เลยก็ได้  จากนักเดินทางสำรวจหญิงผู้โชคดีรายหนึ่งกล่าวไว้ว่า  เธอได้หลงทางจากป่า  และบาดแผลที่ได้จากกับดักช้าง  เธอได้รับการช่วยเหลือจากคนป่าเผ่าดังกล่าว  หญิงนักสำรวจรายนี้ได้รับการต้อนรับในกระโจมของหัวหน้าเผ่าอย่างดี  แต่ภายในกระโจม  เต็มไปด้วยหัวกระโหลกของมนุษย์  กระดูก  และหนังของมนุษย์แขวนอยู่  ซึ่งคืนนั้นเธอก็นอนไม่เต็มตานัก  แต่พอรุ่งเช้าเธอก็กลับได้อย่างปลอดภัย


ชาวเกาะลูซอน  ประเทศ ฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านเรานี้เองครับ  ซึ่งหากหลายท่านมองสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา

หลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวว่า "ไม่จริง"  เพราะชาวเกาะนี้จะแต่งกายดี  นุ่งเสื้อเชิ้ต  มีเครื่องแต่งกายที่ดูแล้วเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนชนชาวชนบทธรรมดา  และไม่ได้มีเผ่าเดียวเท่านั้น  แต่จะกระจายตามส่วนต่างๆของเกาะ  และรบราฆ่าฟันกันโดยอ้างว่าเพื่อการชิงอำนาจ

โดยการรบนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์  บางครั้งอาจยกพวกทั้งเผ่าประทะกัน  บางครั้งจะลอบฆ่าทีละคน  เมื่อฆ่าศัตรูได้  พวกเขาก็นำมีดมาตัดที่คอเหยื่อ  แล้วมัดมือมัดขา  เอาสอดเข้าที่คานแล้วแบกไป  เสมือนกับขั้นตอนการเชือดหมูและไก่อย่างไรอย่างนั้น

แต่ทว่าเขาไม่ตัดหัวเพื่อนำไปทิ้ง  แต่ทว่าหัวนั้นเป็นอาหารชั้นดี  หัวหน้าเผ่าเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้ลิ้มลอง

ขั้นตอนการบริโภคนั้นเอาอีโต้ เฉาะ  และตอกกระโหลกเหมือนเฉาะผลมะพร้าว  เปิดประโหลก  ซึ่งจะมองเห็นสมองที่มีเลือดปนเยิ้มๆ  แล้วนำไปให้แก่หัวหน้าเผ่ากินทันที  แต่หากมีหลายศพ  หัวหน้าเผ่าก็ต้องกินได้ไม่เกิน 3 หัวเท่านั้น  เพราะต้องแบ่งให้ลูกบ้านบ้าง  มิฉะนั้นอาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งผู้นำ  และถูกบริโภคแทนเองก็ได้

 แต่ทว่า.....เผ่าที่ถูกล่านั้นใช่ว่าจะยอมแพ้กันง่ายๆ  หลายครั้งมีการยกพวกมาแก้แค้น  เพื่อนำศพของผู้พ่ายแพ้ของตนกลับมาทำพิธีศพตามหลักความเชื่อ

เผ่าดยัค  เผ่าอีฟูเกาส์  เผ่า อิเตตาพาน ชื่อไพเราะ เพราะเสนาะหู  แต่ขอประทานโทษครับเจ้านาย  ดุผิดมนุษย์มนาจริงๆ

ที่สำคัญเผ่าทั้ง3เผ่านี้ไม่ได้กระจุกอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง  แต่กรจายออกไปตามชายป่าต่างๆทั่วๆเกาะฟิลิปปินส์

สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวไว้ว่า  ทหารญี่ปุ่นแตกทัพจากการโจมตีของทหารชาวมะกัน  ได้เข้าไปหลบในเขต มินดาเนา  แต่ทว่าต้องพบจุดจบทั้งกองทัพจากการจู่โจมของมนุษย์กินคนทั้ง 3 เผ่าพันธุ์  ดุดีไหมครับ

การบริโภคของเผ่านี้จะนำหินทุบเข้าที่ศีรษะจนหมดสติ  จากนั้นก็นำหลาวไม้แหลมๆเสียบเข้าที่รูทวาร  จนทะลุออกมานอกปาก  และนำไปย่างและแจกจ่ายบริโภคกัน  แต่ภายหลัง  ได้มีการใช้ปืนผาหน้าไม้ในเผ่า  ทำให้เกิดความสะดวกขึ้นครับ  แต่ประเพณีบ้าๆนี้ก็ยังมีอยู่จนทุกวันนี้




Credit http://live.clipmass.com/story/8333
ขออภัยนะครับ ที่บทความนี้ ยาวไปหน่อย
กดนิยม วันละนิด จิตแจ่มใส