ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

จอมแพทย์นิรนาม (ก็อป) ตอนที่ 17 ประลองรอบแรก(ต่อ) by กระปี่หัก

เริ่มโดย ekklesta, เมษายน 28, 2010, 02:59:11 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ekklesta

         จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 17 ประลองรอบแรก(ต่อ)
          โดย ท่านกระปี่หัก


เป็นภาพที่เหลือเชื่อในขณะข้างนอกกำลังพันตูด้วยการประลองอย่างเอาเป็นเอาตายข้างในก็กำลังพันตูระหว่างซือแป๋กับคนรักของศิษย์ตอนนี้ร่างของซือไถ้เปลือยเปล่านมใหญ่คล้อยตามวัยแต่หัวนมยังเป็นสีชมพูเอวบางสะโพกผายกลีบพลูขนาดใหญ่ถูกอัดแน่นด้วยแท่งหยก บ่อเมี้ยอุ้มร่างอันบอบบางโดยให้มือกอดรอบคอขาของซือไถ้รัดที่เอวของบ่อเมี้ยบ่อเมี้ยพาเดินรอบห้องพักทั้งโยกทั้งส่ายซอยแบบไม่ยั้งซือไถ้ปากกัดผ้าแต่ส่ายหน้าปลายนิ้วจิกไปที่แผ่นหลังของพร้อมกอดบ่อเมี้ยอย่างแนบแน่นแสดงให้รู้ว่าเสร็จไปอีกครั้ง!?
**** ข้อความถูกซ่อน ตอบกระทู้เพื่อดูข้อความ *****
จริงจริงแล้วฤทธิ์ผงสวาทมีฤทธิ์น้อยกว่าดีพญางูเพียงแค่ครั้งเดียวก็สลายคลายไปแล้วแต่ความรู้สึกส่วนตัวของบ่อเมี้ยกับอยากอยู่กับอาจารย์ของพวกเบญจมาศนานๆด้วยคุณสมบัติพิเศษของพลูดอกไม้ที่ใครสามารถผ่านกำแพงแก้วได้จะได้รับการดึงดูด การตอด การบีบรัด ทั้งนิ่มนวลแนบกระชับ ที่เหนือกว่าสาวใดเป็นรางวัล บ่อเมี้ยวางร่างของนางที่เตียงโดยไม่ยอมถอดแท่งหยกบ่อเมี้ยก็ต้องการพักไม่อยากรีบหลั่งจึงต้องใช้การยืดเวลาเหมือนกัน บ่อเมี้ยจูบที่ซอกคอของนางพร้อมกระซิบที่ข้างหูนางเบาๆ
"ข้าพเจ้าขอเรียกท่านเป็นซือแป๋อีกคนเพราะท่านช่วยให้คลายจุดข้าพเจ้าเพราะเยื่อกำแพงของท่านทำให้ข้าพเจ้าต้องใช้พลังร้อนในขณะที่ภายในท่านกับร้อนผ่าวทำให้ข้าพเจ้าต้องใช้พลังเย็นทำให้จุดที่ตีบตันข้าพเจ้าคลายเพิ่มอีกสองจุด สืบเนื่องวิธีการร้อนเย็นกะทันหันทำให้ข้าพเจ้ามีวิธีหาหนทางให้ตัวเองต่อไป"
"ถ้า....แฮก....อย่าง...นั้น...แฮก ...แฮก ก็พอ....ได้....แล้ว...."
นางคลายผ้าที่กัดออกตอบอย่างเหนื่อยหอบนางเองก็ถึงเข้าเฝ้าเซียนบนสวรรค์จนนับไม่ถ้วนทั้งเจ็บทั้งเสียวทั้งเหนื่อยและนางก็อายที่ต้องมาทำอะไรกับคนรุ่นลูกแถมยังเป็นคนรักของลูกศิษย์ แต่บ่อเมี้ยกระซิบว่ายังรักษาไม่เสร็จพิธีการอาจกำเริบอีกเมื่อไรก็ได้ในขณะที่พูดก็บดแท่งหยกไปซ้ายและขวา อูย...เจ้า...อูย....เอา...อีก...แล้วเหรอ....อูย ซือแป๋เบาเบาเดี๋ยวข้างนอกได้ยิน ซีด ซือแป๋ดีเหลือเกิน บ่อเมี้ยกระซิบที่ข้างหูลมหายใจเป่าเบาเบาบ่อเมี้ยเลื่อนมาที่แก้มและสัมผัสที่ปากมือซ้ายก็นวดบีบที่ปทุมถันนิ้วบี้ไปที่ปลายไปยอดพธูแท่นหยกก็ซอยช้าๆเป็นเร่งเร็วขึ้นเร็วขึ้นนางได้แต่กัดฟันเงยหน้ามือกอดไปที่หลังของบ่อเมี้ย บ่อเมี้ยจึงจูบไปที่ปากเพื่อปิดไม่ให้เสียงรอดออกไป บ่อเมี้ยเปลี่ยนท่าให้นางก้มหันหลังบ่อเมี้ยเสียบจากข้างหลังรวดเดียวเข้าไป อ้า......นางหลุดเสียงออกมาแล้วหันไปกัดฟันต่อ แต่บ่อเมี้ยไม่ปราณีปราสัยกดกระหน่ำโดยไม่ยั้งเมื่อใกล้อีกครั้งบ่อเมี้ยชักออกรีบร้องบอกซือแป๋รับยาด้วยนำแท่งหยกจ่อที่ปากนางให้นางอมแล้วซอยนำน้ำจากหยกขาวเข้าปากนาง อูย ซือแป๋อย่าให้หกนะนี่คือตัวยาที่ซือแป๋กับศิษย์ร่วมกันทำ อูย บ่อเมี้ยลูบศีรษะที่มีหมวกครอบเบาเบา
บ่อเมี้ยนอนกอดแม่ชีตันหยงอย่างหมดแรง
"ซือแป๋ของซือแป๋ดีหรือเกิน"
"อย่าเรามันแก่แล้ว ยาที่เจ้าให้เราหมายความว่าเราถอนพิษหมดแล้วใช่ไหม"
"ใช่ซือแป๋แต่ศิษย์ขออนุญาตมาดูอาการซือแป๋ได้หรือไม่"
"เจ้าเล่ห์นักเราหายแล้วไม่ต้องให้เจ้ามาดูอาการ"
นางตอบแต่น้ำเสียงไม่ได้โกรธกับมีสีชมพูที่ใบหน้านางนึกถึงนี่เป็นครั้งแรกของนางเจ้าตัวดีก็รักษาให้นางจนนางแทบจะตายแต่ก็เต็มไปด้วยความสุขและเสียวซึ่งความรู้สึกนี้มีมากกว่าสิบครั้ง
"บ่อเมี้ยมาดูอาการและจะได้ขอคำปรึกษาและได้ขอคำแนะนำฝึกฝีมือด้วย"
คราวนี้นางหน้าแดงจริง ๆอาจเป็นศักดิ์ศรีของนาง อายุฐานะเป็นของต้องห้ามจริงๆ แต่ บ่อเมี้ยมันไม่สนใจอยู่แล้ว
"ไปรีบแต่งตัวเดี๋ยวใครเข้ามาจะยุ่งเรื่องอื่นค่อยว่าที่หลังไปเราจะพักผ่อนแล้ว"
นางรีบตัดบทก่อนที่ความในใจของตนจะเผยมากกว่านี้ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับบ่อเมี้ยแล้วนางไม่ ปฎิเสธก็หมายความว่าเรือนร่างที่น่าหลงใหลบ่อเมี้ยมีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองอีกครั้ง
บ่อเมี้ยออกมาจากห้องพักเมื่อพ้นโค้งได้สองก้าวเบญจมาศก็โผล่มาพอดี
"อ้าวบ่อเมี้ยซือแป๋เป็นอย่างไรบ้างกำลังจะเข้าไปเยี่ยมพอดี"
"อ๋อไม่เป็นอะไรแล้วแต่นางอย่าพึ่งถูกลมไว้ตอนเช้าค่อยไปเยี่ยมนางก็แล้วกันการประลองเป็นไงบ้าง"
ทั้งสองเดินคุยจนถึงลานประลองอีกครั้งตอนนี้สนามประลองจุดด้วยคบไฟโดยรอบทำให้ดูสว่างราวกับกลางวัน บนลานประลองเป็นการประลองระหว่างอันดับที่แปดขอทานแปดทิศกับอันดับที่เก้าประมงเบ็ดเดียว ขอทานสมเป็นขอทานผมเผ้ารุงรังหนวดเคราหน้าตาเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเสื้อผ้าเดิมน่าจะเป็นสีขาวแต่ปัจจุบันหาความขาวไม่เจอรอบเอวมีกระเป๋าปะอยู่ สี่ใบ อือเป็นลำดับเม็ดแดงของพรรคกระยาจก ลำดับพรรคยาจกแบ่งออกเป็นสิบระดับเบี้ยแดง เบี้ยดำ เม็ดแดง เม็ดดำ ม้าแดง ม้าดำ เรือแดง เรือดำ โคนซ้ายขวา และขุน
โดยใช้กระเป๋าปะเป็นตัวแบ่งระดับ อาวุธที่ใช้ไม้ไผ่ยาวห้าเชี่ยะกำลังวิ่งวนเคาะไม้ไผ่ ส่วนประมงเบ็ดเดียวใส่เสื้อผ้าสีครามสวมหมวกกุ๊ยยืนนิ่งถือคันเบ็ดยาวกว่า สิบเชี่ยะ ประมงเบ็ดเดียวชาวยุทธน้อยครั้งจะเห็นวิทยายุทธ เพราะเป็นจอมยุทธที่ขี้เกียจแย่งชิงชอบอยู่แบบสงบแต่ถ้าไม่ประลองก็จะลดตำแหน่งนานๆจะมาประลองสักที ขอทานแปดทิศวิ่งวนเพื่อหาจุดอ่อนแต่ยิ่งหาก็ยิ่งกังวลขอทานเคยประลองกับประมงผู้นี้มาหลายครั้งทุกครั้งไม่กี่กระบวนท่าประมงเบ็ดเดียวก็ยอมแพ้ทุกครั้ง ครั้งนี้ปะกระบวนท่ามามากกว่าสามสิบเพลงยุทธ์ยังไม่มีแววที่จะยอมแพ้และไม่มีแววแพ้มีแต่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆจนขอทานไม่แน่ใจนี่มันใช่ประมงคนเดิมหรือไม่เมื่อหาจุดอ่อนไม่ได้ก็สร้างมัน ขอทานโดดขึ้นแยกออกเป็นแปดทิศมุ่งโจมตี บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ทั้งล่วงหน้า และทางถอย นี่เป็นไม้ตายสร้างชื่อประมงไม่ตายก็บาดเจ็บหนักแน่ เผียะตุบ
ทุกคนตกตะลึงเพราะคนที่ล้มลงไปกับเป็นขอทานกลางหน้าผากมีรอยเรียวแดง ขอทานได้แต่เงยหน้ามองด้วยสายตาไม่เชื่อถือและฟุบสลบไป
"ประมงเบ็ดเดียวได้เลื่อนตำแหน่ง"
หลวงจีนนิรทุกข์กล่าวเสียงกังวาน
"ท่านใต้ซือข้าผู้น้อยขอท้าประลองลำดับแปดต่อ"
สร้างความตกตะลึงที่ผู้ชนะประลองขอท้าประลองต่อโดยไม่ขอพักแต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความสนุกแก่ผู้ชมที่ชอบการตื่นเต้น
"บุคคลผู้นี้ไม่ธรรมดามีฝีมือดีแต่เก็บซ่อนงำไว้ตัวเองถือเบ็ดมือขวาแต่พลังฝีมือกับอยู่ที่มือซ้าย"
"บ่อเมี้ยเห็นหรือ"
"อือ"
ทั้งสี่สาวต่างมองม้อเบี้ยเป็นตาเดียวคนอื่นไม่เห็นตาบ้านี่เห็นท่าทางเป็นเรื่องจริงซิด้วยลองดูหน่อยดีกว่า
"งั้นมาดูคู่นี้บ่อเมี้ยว่าใครชนะ"
"ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว"
สิ้นเสียงปรากฏชายหนุ่มรูปงามใส่ชุดสีน้ำตาลทำให้ขับความเข้มแข็งออกมามือถือพัดจีบพัดไปมา
"ข้าผู้น้อยขอคาราวะแม่นางแสนสวยทั้งสาม เอ่อแล้วแม่นางที่น่ารักผู้นี้เป็นใคร"
"กงซุนเป่ย"
"แม่นางโบตั๋นยังสวยสะคราญเหมือนเดิมข้าผู้น้อยดีใจที่แม่นางจำข้าผู้น้อยได้ หลายเพลาแล้วข้าผู้น้อยดั้นด้นตามหาไม่ทราบว่าแม่นางท่องเที่ยวอยู่แห่งหนใด หลังจากจบการประลองเรียนเชิญแม่นางทั้งสามเอ่อแม่นางผู้น่ารักด้วยไปเยี่ยมที่ป้อมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้อนรับให้เป็นอย่างดีทีเดียว"
ตลอดเวลาที่กงซุนเป่ยพูดหาได้สนใจบ่อเมี้ยไม่เปรียบเสมือนก้อนหินทีเดียว
"นี่คือซากุระแห่งค่ายฟูซะ และนี่ บ่อเมี้ย ทั้งสองท่านเป็นสหายสนิทของเราและเจ้เจ้ นี่กงซุนเป่ยแห่งป้อมมังกรผู้มีชื่อเสียงในอันดับแปด" เบญมาศเป็นฝ่ายแนะนำแทนโบตั๋น
"อือ ซากุระ ดอกไม้งามแห่งเกาะฟูซึง(ญี่ปุ่น)ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักท่าน เอาล่ะข้าพเจ้าขอตัวไปประลองก่อนเดี๋ยวจบข้าพเจ้าจะเลี้ยงน้ำชาพวกท่าน"
พูดจบก็โชว์พลังตัวเบาหมุนตัวบิดเกลียวลงสู่เวทีทันที
"เจ้เจ้เพื่อนเจ้น่าคบน่ะ"
น้ำเสียงเย็นจนคนฟังรู้สึกได้โบตั๋นเองก็รู้สึกกระสับกระส่ายกงซุนเป่ยเป็นคนที่นางคบมานานถึงจะมีนิสัยหยิ่งยะโสแต่กับนางกงซุนจะยอมทุกอย่างแต่บ่อเมี้ยเองก็เป็นมากกว่าคนรักนางอยากอธิบายแต่สถานที่ผู้คนมากมายไม่อำนวยให้นางทำ บ่อเมี้ยเองก็นิ่งเงียบภายใต้หมวกที่มีผ้าคลุมหน้าไม่สามารถรู้ว่าสีหน้าความคิดคิดอะไรอยู่ กงซุนเป่ยเดินรอบๆประมงเบ็ดเดียวช้าๆพัดจีบโบกเบาๆมีรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า
"ท่านประมงท่านเป็นฝ่ายท้าข้าพเจ้าแต่ท่านเอาแต่นิ่งเฉยหรือรอเวลาให้เช้าให้ข้าพเจ้าหมดแรงแพ้ไปเองหรือไฉน"
ดวงตาของประมงเบ็ดเดียวแวววาวร้องเพ้ย หวดฟาดเบ็ดที่แฝงพลังลมปราณสามารถฟาดหินให้แหลกลาญได้ไปที่หัวของกลซุนเป่ย กลซุนเพียงเบี่ยงตัวหลบพร้อมพัดฟาดตามสภาวะที่ประมงถล่ำออกมาประมงได้แต่ท่าลาเกียจคร้านกลิ้งตัวหลบพร้อมเปลี่ยนจากถือด้ามเบ็ดด้วยมือขวาเป็นถือด้วยมือซ้าย ใช้ท่ากวาดทั้งกองทัพพลังเสียง หวือด้วยถ้าโดนอาจถึงกับพิการได้ กงซุนกระโดดหลบพร้อมเปลี่ยนขาขึ้นบนหัวอยู่ข้างล่างมือถือพัดเหยียดตรงหมุนตัวคล้ายลูกข่างนี่คือท่าไม้ตายสร้างชื่อ ของกงซุนเป่ยนาม ลมพัดหวล ประมงจวนตัวได้แต่นำเบ็ดคู่มือมาต้านรับพร้อมเกร็งลมปราณจนสุดตัว ตูม กงซุนเป่ยแย้มยิ้มโบกพัดในมือเบาเบา ส่วนประมงเบ็ดเดียว นั้น คันเบ็ดคู่ชีพหัก นั่งกระอักเลือดอยู่ข้างเวที
"กงซุนเป่ย ประมงเบ็ดเดียวดำรงตำแหน่งเดิม สิ้นการประลองรอบแรก"
"ช้าก่อน"
เสียงหยาดเยิ้มเบาๆแต่เข้าหูทุกผู้นามเป็นพลังวัตรที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
"ประสกมีข้อคัดค้านประการใด"
"ข้าพเจ้านางพญาเซี่ยววี่...."
แค่ได้ยินชื่อผู้ชมก็ร้องอา พึมพำไม่ขาดสาย นางได้ชื่อว่าเป็นจอมอำมหิตที่สุดในยุทธภพถึงแม้เป็นหญิงแต่มีนิสัยร่านสวาทและผู้ที่เสพกับนางถ้านางต้องการให้ตายผู้นั้นต้องตายผู้ใดให้เป็นก็จะสติไม่สมประกอบตามคำร่ำลือนางมีอายุอานามกว่าร้อยปีมีพลังยุทธก็ล้ำลึกยิ่งแล้วดีที่ว่านางไม่เคยอาละวาทกับใครก่อนมีแต่เหล่ามวลภมรต้องการพิสูจน์มักไปกวนการบำเพ็ญตนของนางแต่ครั้งนี้กับผิดออกไปนางโผล่ที่การประลองครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายใด
"ข้าพเจ้าหาได้คัดค้านผลการประลองไม่แต่ท่านบอกเสร็จสิ้นข้าพเจ้าขอค้าน อันดับหนึ่ง มือพิฆาตมังร กับอันดับสอง พู่กันหยก ยังไม่ได้ประลองทั้งที่ตั้งแต่ลำดับสามถึงลำดับสิบต่างประลองท่านว่าไม่เป็นการเอาเปรียบผู้มีอันดับท่านอื่นๆหรอกหรือ"
ขณะที่พูดก็มีชายสี่คนแบบเกี้ยวขนาดใหญ่ตกแต่งสวยงามปานเกี้ยวเจ้าสาวมาที่ข้างเวที ประมงเบ็ดเดียวเดินกระย่องกระแย่งไปที่ข้างเกี้ยวนั้นฉับพลันมีมือที่ขาวนวลยื่นออกมาจากเกี้ยวและตบไปที่ประมงเบ็ดเดียวจนร่างเซถลาไปลุกขึ้นได้ก็นั่งคุกเข่าไม่ตอบโต้สร้างความมึนงงแก่ชาวยุทธที่พบเห็นยิ่งนัก หลวงจีนนิรทุกข์ และเต้าหยินบ่วงเซาะหายตะลึงจากภาพที่ปรากฏจึงประกาศออกไปว่าไม่มีผู้ท้าทายในลำดับที่ หนึ่ง และ สอง ซึ่งผู้ท้าทายต้องเป็นหนึ่งในสิบลำดับเท่านั้นจึงต้องยุติการประลองรอบแรกในวันนี้พรุ่งนี้จึงเปิดรอบต่อไปหลังเที่ยง เกี้ยวเจ้าสาวขนาดใหญ่ถูกชายสี่คนลุกแบกเดินไปหลังเขาโดยมีประมงเดินตามโดยไม่พักในเต้นท์รับรองแต่อย่างใด

Empire13

อ่านแล้วอ้านอีกสำนวนของท่านผู้เขียนไม่เป็นสองรองใคร


Empire13