
ต่อๆๆๆๆๆ
“นั่นซินะ เจนก็กลับไปเรียนแล้ว หงส์เองก็คงไม่ไปค้างกับเราอีกแล้ว” “พี่บีเสียใจหรอค่ะที่หงส์ไม่ไปอยู่ด้วยแล้ว” ก้อย “เออ เปล่านะ ทำไมพี่ต้องเสียใจด้วยหละ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะก้อยเข้าใจ พี่บีอย่าฝืนความรู้สึกเลย” ก้อย “พี่ก็ไม่ได้ฝืนอะไรนี่” “เอาเถอะค่ะ เอาไว้ก้อยไปหาคืนนี้ก้อยจะช่วยปลอบใจที่โดนสาวทิ้งนะค่ะ” ก้อย “สาวทิ้งอะไรก้อย เดี๋ยวเถอะคืนนี้จะไม่ยอมให้นอนเลย” “ให้จริงเถอะค่ะ ก้อยจะรอนะค่ะเย็นนี้เจอกัน” ก้อย “ครับเย็นนี้พี่ไปรับเวลาเดิมนะ บาย” “บายค่ะ” ก้อย ผมวางสายจากก้อยไม่นาน หงส์ก็โทรมาบอกว่าพี่คมเรียกให้ผมขึ้นไปหา ผมก็รีบขึ้นไปหาแกทันที “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ทำไมเรียกผมแต่เช้า” “มีซิวะ แกดูนี่ซิ” พี่ผมยืนเอกสารมาให้ผมดู “นี่มัน แผนงานของบริษัทคู่แข่งเรานี่ครับ พี่ได้มายังไง” “ได้มายังไงไม่สำคัญแต่แกดูซิ ตรงแผนผังผู้บริหาร” พี่คม “โหนี่คุณวิบูลย์คุมหมดเลยนี่ครับ แทบจะไม่ต้องขออนุมัติใครเลยถ้าจะใช้เงินทำอะไร” “ใช่ แบบนี้ถ้ามันคิดจะใช้บริษัทคู่แข่งมาแก้แค้นเราเรื่องที่เราทำให้มันชวดเงินร้อยล้านไป มันก็ทำได้โดยไม่มีใครขัดขวาง” พี่คม “ก็จริงครับพี่แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับที่มันจะล้างแค้นเรา บริษัทเราเองก็มั่นคงไม่แพ้บริษัทนั้นเหมือนกัน” “เออมันก็จริงๆ นี่พี่ไพศาลฝากมาบอกว่าให้แกศึกษาเรื่องหุ้นของบริษัทฯ ด้วยนะ ไหนๆ เค้าก็ติดตั้งเครื่องให้แกแล้วใช้ประโยชน์หน่อย” พี่คม “โหพี่ผมเอาไว้เปิดหนังโป๊ดูไม่ได้เอาไว้ดูหุ้น” ผมแกล้งแหย่พี่คม “ไอ้บ้า เรียกกูไปดูบ้างซิ” พี่คม “พี่ผมล้อเล่น” “กูก็ล้อเล่น กูจะดูทำไมเมียกูเด็ดกว่าเยอะ” พี่คม “เหอๆ เดี๋ยวผมออกไปบอกพี่นุ่นให้นะ” “ไอ้บ้าหาเรื่องให้กูโดนด่า” พี่คม “ว่าแต่พี่สองคนแต่งงานกันแล้ว ทำงานด้วยกันแบบนี้มันจะดีหรอครับ” “เออ พี่นุ่นกำลังจะย้ายไปเป็นผู้จัดการแผนกอื่นแล้ว” พี่คม “พี่ก็มีเลขาใหม่ซิ แบบนี้ผมก็ต้องมาหาบ่อยๆ” “พอเลยมึง เด็กกูห้ามยุ่ง” พี่คม “โหพี่งกจัง” “พี่มึงยังห้ามกูยุ่งกับเด็กมึงเลย” พี่คม “โหจำได้อีก” “เออ ไม่มีอะไรแล้วมีเรื่องบอกแค่นี้แหละ อย่าลืมหละศึกษาเรื่องหุ้นไว้หน่อย อ้อไม่แน่แกอาจจะต้องรับพนักงานที่เก่งเรื่องหุ้นมาทำฝ่ายแกซักคนสองคนด้วยนะ” พี่คม “พี่ นี่ผมทำงานสองฝ่ายแล้วนะ จะเพิ่มเป็นสามฝ่ายเลยหรอ โหแบบนี้เงินเดือนแค่นี้คงไม่พอยาไส้นะเนี่ย” “หน่อย มึงกูรู้นะว่าเงินเดือนมึงตอนนี้เท่าไหร่ เลี้ยงเด็กนักศึกษาได้เป็นโหลเลยมั้ง ทำเป็นไม่พอยาไส้ ได้เงินเยอะก็ต้องทำให้คุ้มโว้ย” พี่คม “โหพี่ รู้สึกผมจะคุ้มอยู่คนเดียวเลยนะ” “เอออย่าบนเลยเดี๋ยวก็ได้เพิ่มอีกทำๆ ไปเหอะมึงเมียเยอะต้องใช้เงินเยอะ” พี่คม “นั่นซินะพี่ เหอๆ งั้นผมไปดีกว่าก่อนจะได้งานเพิ่มอีก” “เออไปได้แล้วไป” ผมยังไม่รู้สึกว่าคุณวิบูลย์จะทำอะไรบริษัทฯ ผมได้อย่างที่พี่คมกลัว แต่ผมก็คงต้องเริ่มศึกษาเรื่องเล่นหุ้นกับเขาซะแล้ว ผมควรเริ่มยังไงดีนะ ผมคิดว่าน่าที่จะลองไปดูสถานที่ที่เค้าเล่นหุ้นกันจริงๆ ว่าเป็นยังไง ช่วงบ่ายผมเลยไปลองไปที่ตลาดหลักทรัพย์ดู และเพื่อให้ดูดีผมเลยใส่สูทเข้าไป พอดีมีการจัดสัมมนาเรื่องการซื้อขายหุ้นอยู่พอดีแต่คนที่จะเข้าไปฟังได้ต้องเป็นคนที่มีบัตรเชิญเท่านั้น ผมอยากจะเข้าไปแต่ก็มีบัตรไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าทางเข้า คิดว่าเดี๋ยวพอเริ่มสัมมนาแล้วคนเฝ้าคงไม่อยู่ผมจะได้ถือโอกาสเข้าไป แต่พองานเริ่มคนเฝ้าหน้าทางเข้าก็ยังไม่ไปไหนเหมือนจะกำลังรอใครอยู่ ผมกำลังคิดว่าจะลองไปขอเข้าไปข้างในดู เท่าที่เห็นคนน่าจะมากันไม่มากนักยังไงก็คงมีที่ว่างให้ผมนั่งฟังได้ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้เดินเข้าไปถามคนเฝ้า ก็มีเด็กสาวในชุดนักศึกษาคนนึงวิ่งมาหาผม “ขอโทษนะค่ะที่ให้รอ เชิญค่ะ” นักศึกษาสาว “เออคือ” “สัมมนาเริ่มแล้วค่ะ เชิญค่ะ” นักศึกษาสาว ผมเดินตามเธอเข้าไป เธอคงคิดว่าผมเป็นคนอื่นแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรผมเองก็อยากจะเข้าไปอยู่แล้ว “นี่นะค่ะลำดับการขึ้นพูด เดี๋ยวจูนจะเป็นคนมาบอกพี่เองนะค่ะพอถึงตอนที่พี่ต้องขึ้นไปพูด” จูน “เออ คือ” เด็กสาวไม่ฟังผมเธอเดินไปหาแขกท่านอื่น ผมคิดในใจว่าซวยแล้วทำไงดีหละเนี่ย น้องจูนคิดว่าผมเป็นคนที่จะมาพูดในงานสัมมนานี้ทำให้เธอพาผมเข้ามา ผมก็แค่อยากมาฟัง ถ้าต้องขึ้นไปพูดผมจะพูดอะไรหละเนี่ย ผมนั่งฟังสัมมนาไปก็กังวลไปกลัวว่าถึงเลาผมต้องขึ้นไปพูดผมจะบอกจูนยังไงดี เธอคงโกรธผมแน่ๆ ที่ทำให้เธอเข้าใจผิด และแล้วเวลานั้นก็มาถึง จูนมาหาผมและบอกว่าผมต้องพูดเป็นคนต่อไป “อะไรนะค่ะพี่ไม่ใช่พี่ไม่ใช่คนที่จะมาขึ้นพูดหรอค่ะ” จูน “พี่ขอโทษจริงๆ นะพี่แค่อยากเข้ามานั่งฟังแต่พี่ไม่มีบัตรเชิญ พอน้องจูนเรียกให้พี่ตามเข้ามาพี่เลยปล่อยเลยตามเลย” “พี่ต้องรับผิดชอบนะค่ะ พี่ต้องขึ้นไปพูด ไม่งั้นหนูตกวิชานี้แน่ๆ” จูน จูนบอกว่าการสัมมนานี้เป็นวิชานึงที่เธอเรียนถ้ามันล้มเธอจะพลอยตกไปด้วย ผมเลยยืนยันกับเธอว่าผมจะขึ้นไปพูดและไม่ทำให้เธอต้องตกวิชานี้แน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี ผมควรทำยังไงดี ถึงผมจะกล้าขึ้นไปพูดแต่เดี๋ยวผมพูดคนละเรื่องกับเรื่องการซื้อขายหุ้น และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องขึ้นไปพูด ผมพยายามเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะคิดเรื่องที่จะพูดให้ได้มากที่สุด ผมเดินไปจนถึงข้างเวที ผมรู้สึกว่ามือผมเหงื่อออกท่วม ผมค่อยก้าวไปทีละก้าวช้า เพื่อยื้อเวลาในการคิดเรื่องพูด แต่แล้วผมก็ก้าวมาถึงบันไดข้างเวที แล้วก็มีเสียงที่ผมรู้จักดังขึ้น “อ้าวพี่บีก็มางานนี้หรอครับ เดี๋ยวผมมาคุยนะถึงคิวผมพูดพอดี รถติดมากเลยนึกว่าไม่ทันซะแล้ว” ตวง ตวงแย่งขึ้นไปบนเวที ผมได้แต่ยืนงงมองดูตวงขึ้นไปแล้วก็เริ่มพูด พอผมรู้สึกตัวก็รีบเดินกลับไปนั่งที่เดิม น้องจูนเดินมาทางผมแล้วยิ้มให้ ผมเองก็โล่งใจที่ไม่ต้องขึ้นไปพูด เพราะไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไรออกมาบ้างจะทำงานเค้าล้มหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตวงพูดจบก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังที่จัดไว้ ตวงมองมาทางผมแล้วโบกมือให้ ผมนั่งฟังสัมมนาต่ออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนผมรู้สึกง่วง ผมปิดปากหาวแล้วก็เห็นมือขาวๆ คู่นึงส่งแก้วกาแฟมาให้ ผมเงยหน้ามองเป็นน้องจูนนั้นเอง ผมรับแก้วกาแฟจากเธอมือผมสัมผัสกับมือเธอ มันเหมือนมีไฟฟ้าสถิต ทำให้เราทั้งคู่ต้องรีบดึงมือออกห่างกัน จูนยืนข้างๆ ผมระหว่างนั้นเธอก็ชวนผมคุยไปด้วย เธอนั่งไม่ได้เพราะว่าเธอต้องคอยดูแลแขกและมีอาจารย์คอยดูอยู่ แต่เธอก็แกล้งทำเป็นยืนดูแขกและแอบคุยกับผมไป “นึกว่าจูนจะต้องตกวิชานี้ซะแล้วนะค่ะ” จูน “พี่ขอโทษจริงๆ นะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกจูนจริงๆ” “ไม่เป็นไรค่ะ พี่เองก็แสดงให้จูนเห็นแล้วว่าพี่รับผิดชอบที่ทำให้จูนเข้าใจผิด นี่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงไม่กล้าที่จะขึ้นไปพูดหรอกนะค่ะ” จูน “ก็มันเป็นทางเดียวนี่ครับที่จะไม่ทำให้งานล้ม” “ใครบอกหละค่ะ จริงๆ จูนก็แค่บอกว่าคนที่จะขึ้นพูดยังไม่มาขอให้คนอื่นขึ้นพูดแทนก่อนแค่นี้ก็จบ” จูน “อ้าวแล้วทำไมน้องจูนไม่บอกพี่หละครับตอนที่อาสาขึ้นไปพูด” “จูนเห็นพี่น่ารักดีค่ะ แล้วเห็นพี่อยากจะรับผิดชอบ จูนก็เลยแกล้งพี่เล่นหนะค่ะ” จูน “โหแกล้งแรงนะครับพี่เกือบจะเป็นลมแล้วรู้หรือเปล่าตอนที่พี่กำลังจะก้าวขึ้นเวที ถ้าตวงไม่มาซะก่อนพี่คงได้ขายหน้าคนทั้งที่สัมมนานี้แน่ๆ” จูนหัวเราะเบาๆ เธอดูน่ารักดีเหมือนกัน ผมชักจะเริ่มนิสัยไม่ดีอีกแล้วซิ ผมเริ่มสังเกตหุ่นจูน ถึงเธอจะผอมๆ บางแต่ตรงนั้นอูมมากจนเห็นเป็นลูกดันออกมาที่ด้านหน้ากระโปรงของเธอ มันคงจะนิ่มมากถ้าได้ซุกหน้าเข้าไป “พี่รู้จักพี่ตวงด้วยหรอค่ะ” จูน “ครับก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน” “แล้วพี่สนใจเรื่องหุ้นหรอค่ะ” จูน “พี่โดนเจ้านายให้มาศึกษาหนะ ไม่รู้ว่าจะศึกษายังไงก็เลยขับรถมาที่นี่เลย” จูนหัวเราะอีกแล้ว ผมนึกในใจอย่าทำแอ๊บนักซิน้องเดี๋ยวพี่ก็อดใจไม่ไหวพาไปปล้ำซะหรอก “จูนเรียนมาด้านนี้และก็พอจะเล่นหุ้นเป็นนะค่ะ คุณพ่อเปิดพอร์ทให้ จูนสอนให้พี่ก็ได้นะ” จูน “จริงหรอครับดีเลย” เหอๆ ดีเลยเดี๋ยวพี่จะตอบแทนให้สาสมกันโคกอูมๆ น่าฟัดของน้องเอง ผมเริ่มจีบจูนไปเรื่อยๆ จนจบงานสัมมนะจูนแอบให้เบอร์ผม ผมเลยให้นามบัตรเธอ จูนตกใจพอเห็นนามบัตรผมเธอไม่คิดว่าผมจะมีต่ำแหน่งใหญ่ในบริษัทฯ ชื่อดังทั้งๆที่ผมยังดูหนุ่มอยู่ ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับตวงเพราะดูเหมือนตวงจะเป็นคนมีชื่อเสียงทางการซื้อขายหุ้นมีนักข่าวรอสัมภาษณ์กันหลายคน “พี่ขับรถมาใช่ไหมค่ะ” จูน “อ้อครับ ทำไมหรอ” “จูนขอติดรถไปด้วยนะค่ะ รอจูนแป๊บนะค่ะ จบตอนที่ 8 ตอนนี้ไม่มีอะไรมากแค่คิดว่าเจนน่าสงสาร แทบไม่มีบทเลย พูดก็ไม่ทันคนอื่น เลยขอส่งเธอกลับไปเรียนต่อซะคราวนี้เจอกับเจนอีกทีคือจบจริงๆ แล้วนะ ช่วงนี้ยังคิดเนื้อเรื่องต่อไม่ค่อยออก ดันคิดตอนที่ข้ามไปออกซะนี่ แย่จริงๆ ยังไงรอกันหน่อยนะครับจะพยายามเข็นมาลงต่อเนื่อง ปล ผมแต่งก้อยแบบ remake and director cut ไว้ 1 ตอน อยู่ใน Blog ใครอ่านแล้วเมนท์หน่อย จริงๆ ว่างๆ ก็นั่งแก้ไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ลงต่อรอดูคนอ่านก่อน เรื่องคล้ายเดิมแต่รายละเอียดไม่เหมือนเดิมแน่นอน และไม่มีเสียว 55 ขออีกเรื่องครับ Blog ผมถ้าแค่เข้าไปอ่านไม่ต้องสมัครก็ได้ครับ แต่ใครสมัครก็จะมีข้อความเชียร์ให้ร่วมงานนะ ทำใจหน่อย ขอบคุณเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและติดตามผลงานมาตลอดครับ