ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_punyang

The New World : จอมคนโลกใหม่ 12

เริ่มโดย punyang, เมษายน 10, 2016, 05:07:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

punyang

ต่อเนื่องและยาวนาน ตอนนี้คือแบบมาราธอนสุดๆ

ด้วยสปีดขนาดนี้แล้ว เห็นทีจะไม่พ้นสงกรานต์ แต่ก็ดีจะได้ไม่ค้างคาใจกันเท่าไหร่

เราจะแยกย้ายกันไปเล่นสงกรานต์อย่างสบายใจ

...
ผมพาพวกเธอแฝงตัวเข้าเมืองในรูปของคาราวานพ่อค้า ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกาพวกเธอเสียใหม่ ให้เหมือนบ่าวทั่วๆไป ผลจากการเปลี่ยนชุดแต่งกายครั้งแรก ผมบอกตรงๆผมอึ้งมาก นักรบชนเผ่านี้แต่ละนวลนางนี่หุ้นแซ่บทั้งนั้น เรียวขายาวสวยสะโพกผายเข้ารูป หน้าท้องไร้ไขมัน ใบหน้าคมคาย  คนที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุดหนีไม่พ้น ริน เธอดูนุ่มนวลขึ้นมากยามไม่ได้ใส่ชุดดำซึ่งเป็นเครื่องแบบนักรบ หน้าอกคู่งามที่เคยถูกรัดกระชับไว้ถูกปลดปล่อยออก

ริน นี่นมใหญ่พอๆกัน มินตรา มีอา เลยครับ แต่ผิวเธอคล้ำกว่า ใบหน้าคมคายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนเผ่านี้ ขับเน้นเธอดูโดดเด่นขึ้น หลังออกมาจากเขตหมู่บ้าน คาราวานสินค้าถึง 3 คันรถนี่มันเดินทางได้ช้ามาก หนีไม่พ้นจะต้องใช้เวลาเดินทางถึง 2 วัน ระหว่างทางผมพยายามจะคลอเคลียกับรินอยู่บ่อยๆ แต่เป็นเธอเนี่ยสิครับที่คอยผลักไส้ผมออกอยู่เรื่อย อันที่จริง เราไม่มีอะไรที่โกรธกันเลย แต่ผมเดาว่า กีช่า คงสั่งอะไรกับเธอแน่ๆ เธอถึงได้เย็นชากับผมขนาดนี้

ในคาราวานที่นำกลับมาด้วยมีลูกหาบที่เป็นหญิงชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับชนเผ่าประมาณ 10 คน รินนำพาลูกน้องของเธอมาอีก 5 คนเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วครับ เพราะในแถบนี้นอกจากพวกเหล่าก็ไม่มีกลุ่มไหนคอยดักปล้นคาราวานพ่อค้าอีกแล้ว

ผมอาศัยความคุ้มเคยกับพวกทวารประตู ลักลอบพาพวกเธอเข้ามาอย่างง่ายดาย สินค้าล็อตแรกของผมมาถึงเมืองแล้ว

เรื่องพวกนี้ต้องสร้างความลิงโลดให้กับพวกสาวๆเป็นแน่ ผมรีบเดินทางให้ถึงที่ตั้งร้าน แต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า
เอาอีกแล้ว ผมร้องบ่นในใจ ครั้งนี้ผมไปไม่นานจริงๆนะ เพียงแค่ 5 วันเอง เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอกันแน่

ผมเริ่มใจคอไม่ดีเท่าไหร่ สอบถามกับบรรดาโรงน้ำชาที่อยู่ข้างเคียงได้ความว่า ลินดา อีกแล้วครับ เธอสั่งให้คนมาพาตัวทาสสาวของบ้านนี้ไปหมด ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาจากก้นบึ่งหัวใจ จบถึงบัดนี้ยังเดาไม่ออกว่าเธอเป็นมิตรหรือศัตรู ผมบอกให้คอยดูแลบ้านให้ด้วย ไม่ได้บอกให้จับคนของผมไปหมดแบบนี้ ไม่รู้เธอคิดจะแก้แค้นผมหรืออย่างไร แต่ถ้าคิดจะทำ ทำไมไม่ทำเอาตอนที่ผมอยู่

ผมบุ่มบ่ามไปที่บ้านใหญ่ของเธอ ทหารหน้าประตูรู้สึกถึงภัยคุกคามชักมีดดาบออกกันผู้คนไว้

แต่พวกเธอไม่ฉลาดเอาเสียเลยที่กล้าหันดาบใส่กลุ่มนักรบแมวดำ ริน ติดตามมาติด ทันทีที่เธอเห็นทหารกลุ่มนั้นชักดาบขึ้น เธอเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วคว้าแขนพวกมันไว้ก่อนจะตวัดขาบิดข้อแขนจนดาบพวกดาบล่วงหล่นจากมือ

รินชักมีดขึ้นหวังปลิดชีพ ผมตะโกนห้ามเธอไว้ได้ทัน ผมบอกรินให้เก็บมีดเสีย พวกหล่อนเพียงทำตามหน้าที่

ริน ลังเลขึ้นพักหนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือและเร่งฝีเท้าตามผมไป ร่างกายของทหารหญิงทั้งสองนางกำยำไม่น้อย เทียบกับรินที่ดูบอบบาง แต่นางกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล้วปลดอาวุธพวกเหล่าได้ในพริบตา ผมเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังไม่อยากทำให้นางโกรธ ยามเป็นนักรบเธออันตรายทุกฝีก้าวจริงๆ

ผมมุ่งตรงเข้าไปยังศาลากลางน้ำหลังเดิม ที่ซึ่งลินดาชอบนั่งอยู่

บรรยากาศลมเอื่อยๆ เบาสบายเคล้าคลอกับเสียงดนตรีเครื่องสายหลากหลายชิ้นของเล่านางในของเธอ ลินดา นั่งเลือกผ้าแพรสีสันสดใสอยู่หลายผืน โดยมีชิงชิงเป็นผู้ช่วย เมื่อพวกเธอเห็นผมเดินเข้ามาอย่างเกรียวกราดพร้อมกับนักรบหญิงในชุดรัดรูปสีดำ ทุกนางล้วนต้องตื่นตกใจบรรยากาศปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด ก่อนที่จู่ๆ เสียงสดใสเจี้ยวแจ้วของท่านสี่นางก็ประสานขึ้นพร้อมกัน

นายท่าน !!
.....
ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด มีอา มินตรา โมอา ไลลา ทุกนางล้วนอยู่ที่นี่ กำลังหัดดีดสีตีเป่า เครื่องดนตรีกันคนละชนิด โดยมีบ่าวสาวของลินดาเป็นคนช่วยสอน

ผมงุนงง จนตั้งตัวไม่ถูก พวกนางดูไม่เหมือนผู้ถูกจองจำ กลับดูเริ่งร่าอย่างมีความสุข

ไม่นานนัก ทหารหญิงอาวุธ ครบมือกว่า 40 นาง กรู่กันเข้ามาจากทุกเส้นทางโอบล้อมผมกับรินไว้

รินประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอผิวปากด้วยโทนเสียงแหลมยาวเฮือกใหญ่ จู่ๆ นักรบแมวดำอีก 5 นางก็กระโจนออกมาจากทุกมุมหลังคาตึก กระโดดลงเข้ากลางวงล้อมผมไว้เป็นโล่มนุษย์

พวกเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมสั่งให้เฝ้าคาราวานไว้ไม่ใช่หรอ ผมลอบทอดถอนใจ ลึกๆก็หนักอกหนักใจ แต่อีกใจหนึ่งก็ลอบตื่นเต้นไม่ได้ พวกนางทุกคนล้วนมืออาชีพ นี่ผมมีกองกำลังส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่เรื่องที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้ากว่านั้นคือ ทุกคนล้วนชักอาวุธเตรียมห่ำหันกัน

หยุดได้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน  เสียงสวรรค์ของลินดาดังขึ้นหยุดทุกการเคลื่อนไหว

ท่านฝากบริวารท่านไว้กับผู้อื่น พอคิดจะเอาคืนก็ยกคนบุกเข้ามาในบ้านผู้อื่นแบบนี้ น่ะหรอ เธอลอบด่าทอผมต่อหน้า

นายท่าน ที่มันอะไรกัน ท่านลินดา ดูแลพวกเราอย่างดี แถมยังสอนพวกเราเล่นเครื่องดนตรีไว้ให้นายท่านฟังอีก แล้วกลุ่มพวกผู้หญิงชุดดำนี่ใคร  มินตราเอ่ยถามบ้าง

มินตราตัดพ้อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเท่าไหร่ รินที่ยืนระวังอยู่ ชักดาบขึ้น ก่อนตวาดเสียงลั่นว่า

นางนี่ ปากเสียนัก เธอฮึดฮัดเหมือนจะลงไม้ลงมือ มินตราจ้องเขม็งที่รินอย่างไม่วางตา ปฎิกริยาพวกหล่อนดูเกรี้ยวกราดด้วยกันทั้งคู่

โอ้ย ตายแล้วๆ  ผมยังนึกเสียวสันหลังอยู่ การมีองครักษ์หญิงหุ่นแซ่บขนาดนี้ติดตามอยู่ 6 นาง ยังนึกไม่ออกว่าจะอธิบายพวกเธออย่างไร แต่ตอนนี้รถไฟ 4-5 ขบวนชนกันเละเทะไปหมดแล้วครับ สับรางไม่ทัน

พอๆ หยุดได้แล้ว ผมโบกไม้โบกมืออย่างใจเย็น ลินดาสั่งทหารเธอลดอาวุธลง และตัดพ้อว่าคงเป็นความเข้าใจผิดของใครบางคน ผมลอบด่าทอในใจ ใครบางคนที่ไหน เอ่ยชื่อมาเลยดีกว่า ผิดที่ผมชัดๆที่บุ่มบ่ามไปเอง

ผมบอกให้ทั้งหมดกลับบ้านได้แล้ว ไปคุยกันที่บ้านดีกว่า มินตราเป็นคนแรกที่เสียงแข็งขึ้นบอกว่า

กลับแล้วจะไปนอนที่ไหน นายท่านมีมาใหม่แล้วอีกตั้ง 6 คน เราขออยู่ที่นี่ดีกว่า เธอเอ่ยอย่างฉุนเฉียว

มินตราก็ยังเป็นมินตราคนเดิม งี่เง่า งอแง และขี้งอน ผมยังโชคดีที่มีนางฟ้าอย่าง มีอา มาโปรด เธอดึงน้องนั่งลงให้สงบ ก่อนจะตอบปากรับคำกับผมว่า มีอา จะพาน้องๆกลับบ้านเองคะ ผมต้องขอบคุณเธอจริงๆ

ผมปล่อยให้ 4 สาวกลับไปก่อน และให้ ริน และกลุ่มของเธอไปรอด้านนอก ในห้องเหลือเพียงผมลินดาและชิงชิง

ผมขอโทษขอโพยเธอยกใหญ่ ในความเข้าใจผิดครั้งนี้ เธอยิ้มอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะบอกว่า

ไม่เป็นไร เราชินกับท่านแล้ว ท่านมักเป็นคนประหลาดให้เราแปลกใจอยู่เสมอ แล้วนี่ท่านไปมาอย่างไรจู่ๆถึงมีผู้ติดตามกลับมาได้คงไม่ได้ลอบปลุกปล้ำจนพวกหล่อนหลงปรักปรำหรอกมั่ง เธอเหมือนอ่านเกมส์ในใจผมออก

ถึงตรงนี้ ชิงชิง เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่นายหญิงพูด เธอมองหน้าผมด้วยสายตาเอียงอาย เธอยังจำรสสวาทที่ถูกผมปรนเปรอให้ได้ติดตา ก่อนจะรีบก้มสายตาลงต่ำอย่างรวดเร็ว

ผมรีบดึงเรื่องวาบหวิวมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ก่อนจะถามเธอว่า

ตำราที่ให้ไป เรียนถึงขั้นไหนแล้ว ยังอยากให้เราสอนเจ้าอีกหรือไม่  ผมเอาถามตรงๆ

เป็นชิงชิง ที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ เธอใบหน้าเขินอายแดงก้ำไปจนถึงใบหู ลินดาเธอถูกถามขึ้นตรงๆอย่างนี้แล้วเธอสะดุ้งขึ้นเฮือกใหญ่ เธอนึกถึงภาพสวาทที่ถูกชายผู้นี้จับแหกร่องเชยชมร่องสวาทที่เธอหวงแหนแล้วก็อดวาบหวิวใจไม่ได้

ปากเสียนัก ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านแทะโลมผู้คนหรืออย่างไร  ถึงจะผิดถูกเราก็จะฝึกฝนด้วยตนเอง ท่านไม่ต้องยุ่งกับเราอีกแล้ว   เธอคงกลัวจะเสียทีผมอีก ถึงได้ตัดพ้อผมลงแบบนั้น

ถ้าเจ้าสงสัยตรงไหน ไม่กล้าถามเราโดยตรง ส่งชิงชิงมาถามเราก็ได้นะ เราจะสอนกลับไปให้ทุกกระบวนท่าเลยแหละ  ผมต่อปากกับเธอบ้าง

นี่เจ้า  เธอตบโต๊ะอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะสังเกตใบหน้า หญิงรับใช้คนสนิท ยามนี้เธอแอบยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่นในใจ ใบหน้าเขินอายเหมือนลูกตำลึงสุก ทำเอาเธอหัวเสียยิ่งนัก

ชิงชิง เจ้ายิ้มอะไร ถ้าชอบเขานักเราจะยกเจ้าให้เขาเลยดีไหม  ลินดาประชดประชันจนเด็กรับใช้สาวหน้าถอดสี

เธอหันไปคุกเข่าต่อหน้าเธอ ก่อนจะส่ายหัวและเอ่ยว่า เปล่าค่ะ บ่าวไม่ได้ต้องการแบบนั้น บ่าวขออยู่กับนายหญิง

ท่านหญิงลินดา คือผู้ชุบเลี้ยงเธอมา เธอจะอกตัญญู ทิ้งนายหญิงไปหาผู้ชายเชียวหรือ เธอไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ

ผมขอบคุณลินดาอีกครั้ง ที่ช่วยดูแลพวกเธอตามที่ผมร้องขอ ก่อนจะขอปลีกตัวออกมา

.....

ผมจัดการเช่าโรงเตี๊ยมชนิดที่เหมาโรงให้กับพวกของริน และ ลูกหาบในกองคาราวาน คือคิดๆแล้วว่า น่าจะนำเข้าบ้านไม่ได้ มีหวังบ้านแตกแน่ๆ

รินแม้จะดูแข็งกร้าวในระหว่างทางยังไง แต่เมื่อรู้ว่าผมมีทาสสาวที่งดงามรออยู่ถึง 4 คน เธอก็มีอาการหึงหวงให้เห็นบ้าง เธอถามผมว่า พวกหล่อนใช่ไหมเป็นเหตุผลที่ทำให้นายท่านทิ้งชนเผ่ามาในครั้งแรก

ผมบอกเธอว่าอย่าพูดแบบนี้อีก เธอดูมีอาการน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด ผมบอกกับเธอแบบไม่อ้อมค้อมว่า ถ้าจะให้พูดตรงๆ ถ้าเราไม่เจ้าชู้หลายใจ ริน ก็คงไม่ได้เป็นเมียเรา

เธอหันกลับมาถามผมอย่างสงสัย เจ้าชู้ คือตัวอะไร

โอ้ยยย โอเค ผมหยุดอยู่ตรงนั้น และบอกเธอว่าผมจะเป็นผู้ชายนะ การที่ผมมีทาสไว้ปรนนิบัติหลายคน แล้วผมผิดตรงไหน เธอสะท้านขึ้นคราหนึ่ง เหมือนจะกลับมารับรู้ถึงข้อความจริง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างงอนแงนว่า เราไม่ได้ว่านายท่านผิดสักหน่อย เราแค่ถามเฉยๆว่าพวกนางใช่ไหมทำให้ท่านตัดใจไปอยู่ในชนเผ่าไม่ได้
...

ผมไม่ได้ตอบคำถามเธอ นี่ขนาดกับแค่ ริน ยังจัดการยากขนาดนี้ ถ้าถึงวันที่ต้องเจอกับ กีช่า ผมนี่ไม่แหลกเป็นจุลเลยหรอ ผมลอบคิดในใจ บุรุษผู้อื่นในโลกล้าแห่งนี้ มีใครต้องปวดเศียรเวียนเกล้าแบบผมบ้าง หรือพวกเขาแค่เอาๆกันไปให้น้ำแตกแล้วก็แยกจากทางกัน ผมจะทำแบบนั้นได้หรอ
..
ระหว่างทางกลับบ้าน ผมพบเจอกลุ่มคนผู้คนในตลาดยืนมุงดูบางอย่างกันอย่างโจ่งแจ้ง ทำเอาต่อมความสงสัยของผมเริ่มทำงาน ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าไปสมทบกันคนกลุ่มนั่น

ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คือหลักไม้ 1 หลักปักอยู่ยังจุดกึ่งกลาง และมีขอนไม้วางล้อมรอบอีก 4 ทิศ เสียงของเด็กชายวัยประมาณ 16-17 เอ่ยขึ้นว่านี่คือจักรวาลกลไลพระอาทิตย์ เขาค่อยๆอธิบายต่อไปว่า ในย่ำรุ่งของทุกวันแสงแดดจะส่องหลักไม้ตรงนี้และก่อให้เกิดเงาเป็นเส้นทอดยาวไปขอนไม้จุดที่ 1 และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆเงาจะทอดผ่านไม้ที่จุดที่ 1 จนไปถึงหลักไม้จุดที่ 2   

เด็กหนุ่มหยุดลงเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเอ่ยต่อไปอย่างช้าๆว่า

หลังจากนั้นเงาที่ทอดยาวนี้จะค่อยๆหดสั้นลงจนเงานั้นหายไป นั่นคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกเราให้รู้ว่า เวลามันผ่านไปครึ่งวันแล้ว

และเงาที่ทอดยาวนั่นจะเคลื่อนไปยังจุดที่ 3 และพระอาทิตย์จะมืดดับลงเมื่อเงาของหลักไม้นี้ เคลื่อนไปถึงจุดที่ 4 เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นและทรงพลังในสิ่งที่เขาเพิ่งค้นพบ ผมลอบตบมือฉาดใหญ่ดังสนั่น จนเด็กชายคนนั้นหันมามอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

พี่ชาย เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม  เขาเอ่ยถามผม

ผมหันซ้ายหันขวาและพบว่า ผมน่าจะเป็นบุรุษคนเดียวในแถบนี้ ผมจึงพยักหน้าตอบเบาๆ

เด็กชายคนนั้นแสดงอาการลิงโลดขึ้นใหญ่ และอธิบายต่อไปว่า จากหลักการอันนี้จะทำให้เรารู้ว่า ตอนไหนคือใกล้ค่ำ แสงแดดจะหมดวันเมื่อไหร่   เด็กหนุ่มประกาศก้องอย่างได้ใจ เหมือนเพิ่งค้นพบจักรวาลแห่งใหม่

ก่อนจะมีเสียงหญิงนางหนึ่งในตลาดเอ่ยถามกลับว่า นายน้อยแล้วถ้าวันไหนไม่มีแดดเล่าเราจะดูอย่างไร
ใช่ๆ แล้วกลางคืนเล่า เราจะรู้ได้อย่างไร หญิงสาวนางอื่นสมทบ

เด็กชายเริ่มสงวนท่าทีอย่างอับจนถ้อยคำ ก่อนที่เสียงพร่ำพรำในทำนองเห็นด้วยจะค่อยๆดังขึ้น ความแคลงใจก่อตัวขึ้นเป็นวงใหญ่ก่อนจะสลายการชุมนุมให้บางตาไป เด็กชายหน้านิ่วอยู่ในอาการผิดหวัง บัดนี้เหลือผมกับเขาแค่ 2 คน

น้องชาย เจ้าอย่างกังวลไปเลย เจ้ามาถูกทางแล้ว ผมปลอบใจเขา

ผมแอบคิดไปว่าเด็กชายตีหน้าเศร้าเหมือนคนที่ผิดหวัง แต่กลับไม่ใช่เอาเสียเลย เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ว่า
ไม่ใช่ๆ เราลืมคิดถึงข้อนั้นไปได้อย่างไร  เขากลับครุ่นคิดเพิ่มเติมจนหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าหากัน

เขาดูเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม ใบหน้าผุดผ่องได้ต่างจากอิสตรี ดูท่าแล้วน่าจะเป็นลูกของคนชั้นสูงสักคนของโลกนี้ ใบหน้าดูหลักแหลม ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะคิดและสังเกตอะไรในเรื่องที่คนอื่นมองผ่าน หากเขาเป็นเด็กในโลกปัจจุบันคงหนีไม่พ้นที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงโลก ผมรู้สึกถูกชะตากับเจ้าเด็กนี่เสียจริงๆ

ผมชักชวนเด็กหนุ่มไปดื่มกันสักเที่ยว และแนะนำตัวแก่กัน

พี่ชายท่านมีนามว่าอะไร เขาเอ่ยถามผม

ชื่อผมหรอ ใช่นะสิ ผมแทบลืมชื่อตัวเองไปเสียสนิท ในโลกที่ผู้ชายน้อยนิดขนาดนี้ ผมถูกเรียกหาว่านายท่านจนแทบจะลืมชื่อตัวเองไปแล้ว

เกล้ากำเนิด หรือจะเรียก เกล้าเฉยๆก็ได้  ผมเอ่ยบอกเขา

ท่านชื่อประหลาดจัง  เราเรียกท่านว่า พี่ชายเหมือนเดิมดีกว่า

เด็กหนุ่มเรียกว่าผมพี่ชาย ส่วนตัวเขาชื่อเสียงเรียงนามว่า ทิวา เขาบอกเพียงว่าเขาอยู่เมืองด้านใน ซึ่งผมก็เดาไม่ผิดจริงๆนั่นแหละ

ผมรู้สึกถูกชะตากับ ทิวา จนแอบเผยความลับบางอย่างให้ ผมแกล้งบอกว่าในดินแดนที่ผมจากมา เราเรียกสิ่งนั้นว่า เวลา

ทิวา นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ คือสนใจในเรื่องที่คนอื่นไม่สน สุราและสตรี ไม่เคยอยู่ในสายตาของเค้า ทิวาตั้งใจในสิ่งที่ผมบอกอย่างใจจดใจจ่อ

ผมบอก ทิวา ว่าจริงๆแล้วเราแบ่งซอยย่อยกว่านั้น คือกลางวัน 12 ชั่วโมง กลางคืน 12 ชั่วโมง ครบเวียน 1 วันคือกลางวันและกลางคืนเป็น 24 ชั่วโมง ใน 1 ชั่วโมงเราแบ่งแยกไปอีกว่ามี 60 หน่วยเรียกว่านาที

ทิวาเบิกตาโต ก่อนจะเอ่ยกับผมเสียงดังลั่นว่า ท่านช่างอัจฉริยะนัก ผมได้แต่หัวเราะในใจ นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่เรียนสมัยประถมด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่เด็กชายยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าในเวลากลางคืนกับวันที่ไม่มีแดดเล่า จะจัดสรรอย่างไร นั่นจุดประเด็นผมให้นึกขึ้นได้ ผมติดนาฬิกาเข้ามาในโลกแห่งนี้ 1 เรือนนิหน่า เอาเข้าใจริงๆผมแทบไม่ได้ใช้มันนานแล้ว ผมรีบปรี่กลับบ้านไปแล้วนำออกมาให้ทิวา ได้เห็น

เด็กหนุ่ม ตื่นเต้นเหมือนคนได้ของเล่นชิ้นใหม่ ผมอธิบายหลักการดูเวลาให้เขาเข้าใจ

สิ่งนี่มันช่างซับซ้อนนัก ทิวา พลิกนาฬิกาข้อมือเพื่อดูแล้วดูอีกหลายตลบ มันเป็นนาฬิกาที่ใช้ถ่านครับ ซึ่งในโลกนี้คงยังไม่มีเป็นแน่

ผมบอกว่า นี่มันเป็นกลไกชั้นสูงที่ยากจะเข้าใจ แต่เราเคยได้ยินมาว่าในบางสถานที่ก็สร้างมันขึ้นมาง่ายๆด้วยการใช้แรงสะสมให้มันทำงานด้วยการไขลาน ทิวา ตื่นเต้นเหมือนเจอโลกใหม่

เด็กชายถามผมว่าท่านมาจากที่ใดกันแน่ มันน่าจะเป็นเมืองที่มีแต่ผู้คนที่ชาญฉลาดใช่ไหม เรื่องแบบนี้นับเป็นการค้นพบครั้งใหม่ เราขอคบหาท่านเป็นสหายได้ไหม  เด็กหนุ่มเอ่ยถาม

ผมหัวเราะอย่างชอบใจ เอาสิ นับตั้งแต่มาอยู่นี่ วันๆผมเอาแต่ซั่มหญิง ยังไม่มีเพื่อนเป็นบุรุษสักที ที่มีมันก็หวังแต่จะง้าบสาวๆของผม เลยไม่ค่อยสนใจจะคบใครเท่าไหร่ แต่กับทิวาเขาแตกต่าง เด็กหนุ่มผู้นี้แสวงหาและสนใจแต่วิทยาการแปลกๆ ผมชักชอบและสนใจในเด็กนี่แล้วสิ

ผมยกนาฬิกาเรือนนั้นเป็นของขวัญแด่มิตรภาพของเรา ทิวา รับไว้อย่างตื้นตันใจ เราแยกย้ายกันกลับไปและหวังว่าสักวันจะต้องพบกันใหม่
....

ผมกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบพลบค่ำ มีอา โมอา และไลลา กำลังช่วยกันจัดแจงสินค้าล็อตใหญ่ เข้าร้านแห่งนี้ มีอาเอ่ยถามผมว่า นายท่านไปหาสินค้าคุณภาพดีเหล่านี้มาจากไหน

แต่มินตรานี่สิครับ กลับถามย้อนเสียใหม่ว่า

นายท่านไปเอาเหล่าองครักษ์หญิงพวกนั้นมาจากไหน   เธอเอ่ยกลบเสียงมีอาอย่างฉุนเฉียว

5555 ผมโคตรตลกเธอ บางครั้งเธอดูน่ากลัวกว่าพวกนักรบซะอีก อะไรมันจะเกรี้ยวกราดได้ขนาดนั้น

......
มินตรา ฉุนเฉียวที่ผมหัวเราะเธอ แต่ก็แอบนั่งฟังอยู่ห่างๆ

ผมเล่าให้พวกเธอฟัง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ผมบอกว่าครั้งนั้นที่ผมหายไปเพราะพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของกลุ่มอาชูร่า ถึงตรงนี้ทุกนางล้วนเบิกตาโต เมื่อเอ่ยถึงกลุ่มอาชูร่า พวกนางต้องนึกถึงกลุ่มแมวดำ มีอาโผออกมาคนแรกว่า อย่าบอกนะว่านั่นคือกลุ่มแมวดำ

ผมพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบเธอ

มีอาแทบจะร้องไห้ออกมา ถามว่าพวกนางทำอะไรนายท่านหรือเปล่า พวกนางขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย ถึงตรงนี้ มินตราอดมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงไม่ได้ ผมเล่าต่อไปว่าตอนแรกพวกนางก็คิดจะฆ่าผม  สิ้นเสียงผมตรงนี้

มินตราเป็นคนแรกที่โผเข้ามากอดผมบ้าง เธอบอกว่า นายท่านห้ามกลับไปที่นั่นอีกแล้วนะ ถ้าเป็นอะไรไปมินตราจะทำอย่างไร  ผมโอบกอดเธอกลับด้วยความถทะนุถนอม

โมอาแกล้งหยอกกลับว่า พี่มินตราก็เวอร์ไป นายท่านกลับมาแล้วไง ไม่เห็นต้องร้องไห้ขนาดนั้นเลย  เด็กสาวคนนี้ก็ยังไม่ทิ้งความแก่นแก้วเหมือนอย่างเดิม มินตราเชิดใส่เล็กๆ ก่อนจะอาศัยโอกาสนี้โอบกอดผมไว้อย่างแนบแน่น โดยมีไลลานั่งยิ้มอยู่ห่างๆ

ผมบอกเธอว่าเราตกลงทำการค้ากัน เธอให้ผมส่งสินค้าให้เราช่วยขายต่อ โดยที่เราตอบแทนเธออย่างสมน้ำสมเนื้อ กลุ่มที่มินตราเห็นเมื่อกลางวัน คือกลุ่มที่มาคุ้มกันคาราวานไง  ผมบอกเธอไปอย่างนั้น

พวกนางไม่ได้ปรนนิบัตินายท่านใช่ไหมคะ  มินตราไม่รีรอที่จะเอ่ยถามก่อน

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า  ก็ไม่ทุกคน

มินตราทุบอกผมยกใหญ่ ก่อนจะตัดพ้อว่า นั่นไง ในที่สุดก็สารภาพแล้ว นายท่านจะต้องมีอีกสักกี่คนถึงจะพอใจ
....

กิริยาท่าทาง อันงอนแงนของมินตรา บางทีก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผม แต่บางคราวก็ทำให้พวกเราทุกคนอดขำไม่ได้ ดูเหมือนคนอื่นๆจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แม้ผมจะมีใหม่สักกี่คน ก็มีมินตรานี่แหละครับที่คอยท้วงติงอยู่ตลอด
ผมบอกให้สาวๆรีบ เก็บร้านสักที คืนนี้เรา 4 คน มานอนด้วยกันให้หายคิดถึงสักหน่อย

โมอา แบะปากเหมือนจะร้องไห้ ฮืออออ นายท่านจัดการพี่มินตราคนเดียวเลยนะ เธอดื้อสุด โมอา ไม่เคยหึงหวงนายท่านเลย  กิริยาอาการบอกปัดของเธอแบบนี้ดูแล้วก็แก่นแก้วดี เธอนั่นแหละที่ผมคิดถึงที่สุด

ตอนตัดสินใจโกนขนกีช่า ก็เพราะคิดถึงร่องหีเด็กเนียนๆของเธอนี่แหละ
....
ผมไม่รอให้ทั้ง 4 เก็บร้านเสร็จพร้อมกัน ผมปล่อยให้มีอาและมินตราเก็บไปเพียงลำพัง และจงใจเดินได้ไปจูงมือสองเด็กสาวออกมาก่อน

นายท่านจะพาน้องๆ ไปไหน  มีอามีสีหน้ากังวลใจที่สุด และเอ่ยถามขึ้นก่อน

โอ้ยไม่เห็นต้องถามเลย มีอานี่ละก่อน คงไม่ได้ชวนไปนั่งคุยกันกระมั่ง  ผมบอก

แต่นายท่านบอกว่ารอให้เก็บของเสร็จก่อนไง  มีอาท้วงติง

ผมจะไปอาบน้ำ สักหน่อยงั้นขอโมอาไปคนเดียวก็ได้ ให้ไลลาช่วยเก็บของก่อนดีไหม  ผมเอ่ย

ผมรู้ครับว่าเธอเป็นห่วงน้องสาว เธอเห็นผมจากบ้านไปหลายวัน กลับมาครั้งนี้ ไม่รู้นานท่านจะอึดอัดอยู่ในระดับไหน เธอกลัวน้องเธอจะบอบช้ำจนเดินไม่ได้กระมั่ง พอผมบอกให้ทิ้งไลลาไว้ให้ช่วยเก็บของ มีอา รีบตัดพ้อใหญ่ ว่าไม่ต้องเลย ไปทั้งสองคนนั่นแหละ  เธอรู้ความหื่นกามของนายท่านเธอดี ขืนปล่อยให้ไปกับน้องเธอเพียงลำพัง น้องสาวเธออ่วมแน่ๆ

โมอา ออกอาการแข็งขืนเล็กน้อยตามแบบนิสัยเด็กๆ 

นายท่าน จะรังแก โมอา อีกแล้วใช่ไหม  เธอเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง

เปล่าสักหน่อย เราจะให้เจ้าอาบน้ำให้เราต่างหาก ผมบอกเธอ แต่เธอดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อครับ ไม่นานนักผมก็นั่งเปลือยเปล่าอยู่กลางห้องน้ำ ปล่อยให้สองเด็กสาวช่วยกันลูบน้ำและขัดถูไปตามเรือนร่างทั้งด้านหน้าด้านหลัง

มือเรียวสวยและนิ้วของน้องนางทั้งสองมันนุ่มชวนฝัน ผมแค่ปล่อยให้ทั้งสองนางลูบไล้ไปตามเรือนร่างมันก็แข็งหมดแล้วครับ ผมแสดงอาการหยาบคายกับพวกเธอด้วยการปล่อยให้ดุ้นเอ็นขนาดใหญ่มันตั้งโด่เด่ ผงกหัวหงึกๆเรียกร้องหาร่องของทั้งสองสาวอย่างไม่อายฟ้าอายดิน

ไลลา ถูกตัวให้ผมอยู่ด้านหน้า เธอเห็นชัดเจนที่สุด เด็กสาวทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยให้ดุ้นใหญ่ๆมันชี้หน้าเธอและผงกหัวอยู่อย่างนั้น
ผมมองเรือนร่างอ้อนแอ่นของเด็กสาวลูกครึ่งที่เปลือยเปล่า มันขาวไปทั้งตัวจริงๆ เธอนั่งหนีบร่องหีเอาไว้ไม่ให้เห็น แต่นมกระเปาะน้อยๆ ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตา เธอเห็นผมจ้องมองเธอไม่วางตาจนเธอเริ่มเขิน

นายท่านมองไลลาอย่างนั้นทำไม บ่าวเขินเป็นนะ เธอเอ่ยขึ้นบอกผม

โมอา ที่อยู่เบื้องหน้าขยับเข้ามาข้างกายผมก่อนจะกระซิบว่า

ไลลาบอกคิดถึงนายท่านประจำเลย นายท่านจะจัดการเธอยังไง โมอาช่วยจับได้นะ เธอเสนอตัว

ผมลอบร้องคำว่าร้ายกาจในใจ เด็กสาวคนนี้รู้จักเอาตัวรอดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหันไปมองเรือนร่างบอบบางของเธอบ้าง ก่อนจะก้มสายตาลงต่ำบริเวณเนินสามเหลื่ยมที่เกลี้ยงเกลาของเด็กสาว

โมอา ขยับตัวถอยห่างผมบ้าง ก่อนจะเอ่ยอย่างอายๆว่า นายท่านอย่างมองแบบนี้สิ โมอากลัวนะ

ไลลา เราจะจัดการบ่าวที่ขายเพื่อนแบบนี้ยังไงดี ผมหันไปเอ่ยกับไลลา เธอเริ่มยิ้มออกอย่างนึกสนุก

นายท่านจัดการเลยไหมค่ะ เด่วไลลาช่วยจับไว้ให้ เธอเอ่ย

ฮืออออ โมอา ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง เธอเพิ่งรู้สึกว่าเกมส์มันพลิกไปหมดแล้ว เธอหวังถ่วงเวลาไว้ให้พวกพี่ๆเขาเก็บร้านเสร็จ เธอจะได้ไม่โดนหนักนัก แม้เธอจะไม่ได้รังเกียจนายท่าน แต่เธอยังทำใจรับดุ้นของนายท่านไม่ได้อยู่ดี มันคงใหญ่เกินไปสัมผัสเด็กสาวอย่างเธอ เธอโดนทีไร วันรุ่งขึ้นเธอไม่พ้นที่จะต้องนอนซมทุกที

โมอา ถูกไลลาจับล็อกแขนไว้ไม่ให้ดิ้นไปไหน  นายท่านย่างกรายเข้าหาเธอ ก่อนจะจับเธอแหวกขาออกจนสุด นายท่านเบิกตาโตอย่างชอบใจ ก่อนจะเอ่ยชมว่าหีเด็กๆมองกี่ครั้งก็น่าเลียจริงๆ

เธอหวาบหวิวใจไม่น้อยที่นายท่านเอ่ยชมร่องเสียวของเธอ ไม่นานนักนายท่านก็ทิ้งตัวลงประกบจูบลงที่หน้าท้องของเธอ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนต่ำลงไปถึงร่องสวาทที่เป็นรอยแยก

โอ้วววว  เด็กสาวครางลั่นห้องน้ำ เธอเสียวชนิดที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ โมอาดิ้นพร่านอีกครั้งเหมือนถูกจี้จุดอ่อน นายท่านทั้งแหวกแคมเธออก และลงลิ้นอย่างหนักหน่วงบริเวณแคมด้านใน

โอ้ยยยย นายท่าน โมอาเสียว อื้อออ เธอเผลอจิกหัวนายท่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว ก่อนที่ห้องน้ำทั้งห้องจะขาวโพลนไปหมด ลิ้นสากๆตวัดเลียน้ำหีเธอจนหมดเกลี้ยง เธอนอนหอบหายใจอยู่บนร่างกายเพื่อนสาวอย่างไม่มีสติ ก่อนที่เบื้องหลังเธอคือไลลาที่นั่งอยู่จะเริ่มสงเสียงครางออกมาบ้าง

อื้อออ อื้อออ  โอ้วว นายท่าน บ่าวไม่ไหวแล้ว อื้อออ เด็กสาวรูปร่างประหลาดคนนี้ แม้จะอยู่ในวัยใกล้ๆ เธอ แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก ไลลา ครางอย่างเสียงกระสั่น ทำเอาเธออดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้

นายท่านยกสะโพกเธอขึ้น เพื่อจะมุดไปซุกร่องเสียวของ ไลลา ได้ถนัด เธอจำภาพนี้ได้ติดตาตลอด วันแรกที่เธอเห็นนายท่านซุกร่องหีไลลา เธอกลับมาพร้อมกับพี่ๆ หลังจากไปรับสินค้า หลังจากนั้นเธอแทบไม่เคยลืมภาพรัญจวนใจตอนนั้น จนถึงวันที่เธอถูกพรากสวาทไปบ้าง

โมอา แทบไม่สงสัยเลย ทำไม ไลลาถึงได้ดูมีความสุขขนาดนั้น แต่ที่เธอไม่ชอบเธอคือการโดนยัดเจ้าดุ้นแข็งๆนี้เข้ามา มันสร้างความเจ็บปวดให้เธอมากกว่าความรู้สึกสุข
...
ผมตวัดลิ้นเลียที่หี โมอาที ก่อนจะเลียที่ร่องหี ไลลาอีกที เป็นการอาบน้ำที่ไหน มันเอาแต่จะสร้างเหงื่อเสียมากกว่า เด็กสาวทั้งสองดูมีอารมณ์มากๆ เมื่อผมไม่ได้ยัดดุ้นใส่ร่องหีพวกเธอ บางทีผมเริ่มรู้สึกว่าจริงๆแล้วพวกเธอปรารถความเสียวในแบบนี้มากว่าการถูกกระทำชำเราด้วยดุ้นเอ็น โมอาที่แรกๆที่กลัวๆ กลับร่อนเอวสู้ปากผมอย่างว่าง่าย

ผมประคองสองสาวออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะจับเธอทั้งสองคนนั่งคุกเข่าลงที่ปลายเตียง ผมชี้ดุ้นใหญ่ๆใส่หน้าเด็กสาวทั้งสอง นี่ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องสอนพวกเธอหัดดูดมันอย่างจริงจัง พวกเธอเคยทำมาบ้างแล้วแต่ยังไม่คล่องเท่าไหร่

ผมเอาดุ้นใหญ่ๆหัวบาน ตีริมฝีปากพวกเธออย่างชอบใจ พวกเธอหลับตาปี๋อย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะถูกผมบังคับให้ค่อยๆ ช่วยกันเลียที่โคนมันไปรอบๆ

อูยยยย โคตรเสียวเลยเว้ย ลิ้นสีชมพูอ่อนๆของสองสาว ตวัดลิ้นเลียข้างลำดุ้นอยู่คนละข้าง ผมกดหัวพวกเธอก่อนจะกระเด้าเบาๆผ่านริมฝีปากของพวกเธอ

ไม่มีอะไรจะฟินไปกว่าการได้รังแกหญิงสาวที่ไม่มีทางสู้แบบนี้อีกแล้ว ผมให้พวกเธอผลัดกันอมมันไปคนละรอบ โมอาดูจะยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เธอสำลักอยู่บ่อยครั้ง ผมเริ่มรู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาที่จะเย็ดหีเด็กๆพวกนี้คลายเงี่ยนลงสักที ซึ่งตอนนี้ถ้าจะจับพวกเธอกดจริงๆ มันคงไม่ได้ยากเย็นอะไร ถ้ามีอา และ มินตราไม่รีบเก็บร้านจนเข้ามาสมทบเสียก่อน

มินตราและมีอา เธอพุ่งตรงเข้ามาหาน้องอย่างเป็นห่วงเป็นใย มีอาเห็นร่องน้องสาวยังไม่ได้ถูกแทรกผ่านจนบวมช้ำเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

อะไรกัน เห็นผมเป็นตัวร้ายแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ผมบ่นอุบจนพวกเธอต้องรีบแก้ปัญหาแคลงใจ

ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ นายท่าน พวกเราแค่กลัวนายท่านจะรุนแรงกับพวกน้องๆ

ใช่ๆ นายท่านโรคจิต นิหน่า ปรนนิบัติทีเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย  มินตราเสริม

ผมเริ่มหัวเสีย บางครั้งผมรู้สึกว่าเธอเล่นมากไป เดี๋ยวนี้ถึงขั้นบอกว่าผมโรคจิตเชียวหรือ

มินตราคงเห็นผมโกรธจริงจัง เธอรีบโผเข้ามากอดผมไว้อย่างแนบแน่น

มินตราขอโทษ มินตราพูดเล่น นายท่านอย่างโกรธมินตรานะ  ลูกออดอ้อนของเธอสุดท้ายก็เป็นแบบนี้ทุกที

ผมมักแพ้ลูกอ้อนของเธอประจำ ทำเอาเธอเหลิงใหญ่ ก็เพราะความใจอ่อนของผม ผมปัดเธอออกอย่างวางฟอร์ม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หญิงสาวทั้ง 4 เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ มีอา เริ่มดุมินตราว่า มินตราพูดเกินไป บ่าวสาวที่ไหนหยอกล้อกับนายท่านแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่ามินตราคงรู้สึกผิดไม่น้อย

ผมบอกเลยครับ ผมไม่ได้ออกมาเพราะฉุนเฉียวเป็นประเด็นหลัก ผมออกมาหาตัวช่วยต่างหาก

...
ผมเปิดห่อผ้าคลุมที่ผมลอบไปเก็บผลคลุ้มคลั่งออกมาจากหุบเขา และหยิบผลไม้สีแดงสดชนิดนี่ขึ้นมา 1 เม็ด  ผมไม่รู้ว่าฤทธิ์ของมันจะกินเวลายาวนานสักแค่ไหนแต่รู้สึกโดยส่วนตัวว่า ยังไงเสียคืนนี้ผมคงต้องใช้มัน

....

ประสบการ์ที่ ริน ได้รับไปอย่างเลวร้ายครั้งนั้น ทำเอาผมเสียวๆเหมือนกัน ผมกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แสดงอาการหยาบช้าใส่พวกเธอ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าฤทธิ์ของมันจะรุนแรงเพียงไหน วันนั้นหลังจากกินผลสงบซึ่งถือเป็นยาแก้ผลคลุ้มคลั่งเข้าไป ผมจำได้ว่าผมแข็งและสามารถเย่อกับกีช่าได้เกือบทั้งคืน ทั้งๆแตกไปแล้วถึง 2 รอบ แต่มันกลับแข็งตัวอยู่ได้อย่างที่ไม่อ่อนปวกเปียก

ผมกลืนมันไปได้สักครู่แล้ว ร่างกายมันกลับร้อนรุ่มขึ้นทันตาเห็น ผมเริ่มมีเหงื่อออกตามใบหน้าและลำตัว ร่างกายมันเร่าร้อนเหมือนต้องการปลดปล่อย ดุ้นที่ตอนแรกมันแข็งตัวอยู่แล้ว ตอนนี้มันผงกหัวขึ้นชนิดที่แทบปริแตก ทรมานมากครับ ผมนั่งตัวงออยู่เพียงลำพัง เหมือนมันร้อนไปทั้งตัว

เป็นจังหวะที่ มือคู่งามคู่หนึ่งโอบกอดผมจากด้านหลัง

นายท่าน มินตราขอโทษ มินตราไม่ได้ตั้งใจจะว่านายท่านจริงๆนะ หญิงสาวช่างไม่รู้เวลาร่ำเวลาเสียเลย ความคิดตอนนี้ผมมุ่งตรงไปเพื่อจะควานหาผลสงบมาแก้อาการ ผลไม้ชนิดนี้มันฤทธิ์ร้อนทำให้ความคุมตัวเองไม่ได้

ทาสสาวจ้องมองนายท่านด้วยสายตา งุนงง แววตาของนายแดงก้ำและหื่นกระหายจนเธอรู้สึกกลัว เธอคิดไปเองว่านายท่านคงกำลังโกรธเธอมาก ถึงไม่ยอมกลับเข้าไปในห้องที่พวกพี่ๆน้องๆรออยู่ มีอาบอกให้มินตราออกมาง้อนายท่านเลย เธอทำตามที่บ่าวสาวผู้พี่แนะนำ และไม่คิดว่าจะมาเจอนายท่านอยู่ในท่าทางที่น่ากลัวแบบนี้

แทนที่ผมจะมุ่งตรงไปหาผลไม้ กลิ่นกายอันหอมรัญจวนของหญิงสาวมันเหมือนเหย้ายวนเป็นพิเศษ ผมพุ่งเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงมินตรา จนเธอตั้งตัวแทบไม่ติด

มือหยาบกร้านล้วงลงไปใต้ร่มผ้าอย่างรุนแรง ผมตะปบหน้าอกคู่งามของมินตราและบีบคลึงมันอย่างบ้าคลั่ง

โอ้ยยยยย นายท่าน มินตราขอโทษแล้วไง ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วย  นายท่านโอ้ยอย่ากัดสิคะ อื้อออ

ผมขบกัดที่ซอกคอหญิงสาวจนเป็นรอยเพราะความหมั่นเคี้ยว ผมกัดเคี้ยวเงี้ยวฟันอย่างขาดสติ หญิงสาวแสดงออกทางแววตาด้วยความกลัว ภาพทารุน รุนแรงแบบนี้ทำเอาเธอนึกถึงตอนสมัยก่อนที่จะเจอกับนายท่าน ภาพความเลวร้ายของการถูกข่มขืนอย่างไร้ปราณีผุดขึ้นมาทำเอาเธอหน้าซี๊ดเซียดไปหมด

เธอรู้สึกถึง ดุ้นแข็งๆมันจ่อเข้ามาที่ร่องหีของเธออย่างไม่ได้รับเชิญ นายท่านไม่มีการปลุกปั่น ไม่เล้าโลมเธอเลยจู่ๆ ก็อัดกระแทกดุ้นเนื้อใหญ่ๆเข้ามาในร่างเธออย่างฝืดเคือง

โอ้ยยยยย มินตราไม่ได้ร้องอย่างเสียวกระสันสักนิดเดียว เธอครางอย่างเจ็บปวด ผมเห็นภาพของมินตรากำลังทุรนทุรายไม่ต่างจากริน เพียงแต่เธอไม่ได้ขัดขืน ปล่อยผมรุนแรงกับเธอย่างไร้ทางสู้

นายท่าน มินตราผิดไปแล้ว อย่าลงโทษมินตราแบบนี้ มินตรากลัวนะ อื้อออ เธอโอบกอดผมไว้แน่น ปล่อยให้ผมกระเด้าร่องเธออย่างรุนแรงและป่าเถื่อน เธอตีแขนทุบอกผมอย่างร้อนรน

ผมขบกัดที่หัวนมเธอจนเป็นรอยกัดไปทั่วเรือนร่าง  อือออ หญิงสาวเริ่มร้องไห้อย่างสำนึกผิด

ผมทำอะไรลงไปอีกแล้ว ผมพยายามรวบรวมสติเฮือกสุดท้าย ผละเธออกจากอ้อมกอด ทันทีที่ดุ้นหลุดออกมาร่องหี มินตรารีบถอยร่นไปนั่งกุมเข่าอยู่มุมห้องด้วยความกลัว

ผมรับไปคว้า ผลสีฟ้า เอาไว้แล้วรีบกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผมพยายามรวบรวมสติอยู่พักใหญ่ มินตราจ้องมองผมอย่างตื่นกลัว เธอเห็นผมนั่งสั่นไหวเป็นเจ้าเข้า ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า นายท่านเป็นอะไร

เธอละซึ่งความกลัว วิ่งเข้ามาประคองผม เธอโอบกอดผมอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเอ่ยถามไม่ขาดปากว่า นายท่านเป็นอะไร บอกมินตราได้นะ มินตราไม่โกรธนายท่านแล้ว นายท่านบอกมินตราเถอะ
ผมนั่งสั่นอยู่พักใหญ่ ก่อนสภาพร่างกายจะรู้สึกเย็นขึ้น ผมเริ่มหอบหายใจได้เป็นปกติ จึงได้เงยหน้ามองที่มินตรา

โหยยย ผมทำอะไรกับเธอเนี่ย ต้นคอขาวระหงที่ไร้ริ้วรอย มันพลอยเป็นรอยจ้ำแดงๆ จากรอยดูด เนินเนื้อหน้าอกเธอมีรอยฟันที่ผมฝากไว้ เสื้อผ้าเธอหลุดลุ่ย ผมเผ้ากระเซิงเหมือนเพิ่งโดนศึกใหญ่

มินตรา ผมขอโทษ ผมโอบกอดเธออีกครั้ง ผมไม่น่าเล่นอะไรแผลงๆกับเธอเลย

ดูเหมือนผลข้างเคียงของผลอันนั้น จะทำเอาผู้ที่กินเข้าไปคลุ้มคลั่งจนขาดสติ อย่างเรียกว่าคลั่งเลย เรียกว่าเงี่ยนจนขาดสติจะดีกว่า แต่การกินผลสีฟ้าที่มีฤทธิ์เย็น แก้อาการพิษตรงนั้นได้ และผลลัพธ์ของมันคือ มันทำให้ผมแข็งไม่ยอมหดอยู่อย่างนี้ เรานั่งโอบกอดปลอบประโลมกันอยู่พักใหญ่ มินตราแอบมองดุ้นผมที่แข็งโด่อยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า นายท่านคงอึดอัดแย่แล้ว ไปเถอะค่ะ พี่มีอากับน้องๆรออยู่แล้ว ให้พวกเราปรนนิบัตินายท่านนะคะ

ไปสิ  ผมเอ่ยกับเธอเบาๆ และขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย ก่อนจะเข้าไปเจอศึกหนักกับ 4 สาว

ผมเดินตามออกมาเพื่อจะสมทบกับมินตราไปยังสรวงสวรรค์ของพวกเรา แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

มินตรายืน ขบเม็ดผลสีแดงอย่างสงสัย เธอหลับตาปี๋ทำหน้าทะเล้นว่า เปรี้ยวจัง

ผมร้องฉิบหายแล้วในใจ ผลสีฟ้า ผมเก็บมาได้เม็ดเดียวซะด้วย ตอนนี้มันไม่มียาแก้อีกแล้ว

มินตรา ดูจะสงสัยเอ่ยถามผมว่า มีอะไรหรอคะ นายท่าน  หรือว่านายท่านหวงของกิน  เธอเอ่ยอย่างทะเล้นแบบไม่ดูสถานการณ์เสียเลย

....

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wwerwe

พึ่งมาอ่านครับแต่สนุกมากๆขอบคุณครับ

Wolf Stranger

มันยิ่งกว่าไวอาก้าเลย
แต่เนื้อขาดหายไป จินตนาการเลยดับวูบลง ๕๕๕

applej2k


nankung


19662509

แล้วลูกสีฟ้าไม่มี  แล้วมินตราจะอย่างไร
ขนาดนายท่านยังคุมสติ ไม่อยุ่เลย..คิดแล้วเสียวอ่ะ
ต้องขอบคุณผู้ประพันธ์  ที่คิดพล๊อดเรื่องได้   สุโค่ยมาก

asper


mommampup01


yui10139

ขอ อนุญาตกลับมาอ่านใหม่อีกรอบครับ

ursula.aki


somc217

เนื้อเรื่องสนุก จากจินตนาการที่สุดบรรเจิด
ทำให้เป็นโลกที่น่าอยู่มาก
ขอบคุณมากครับ

Tosak7483

กลับมาอ่านอีกครั้งและอีกครั้ง

tueytuey

อยากได้มากินมั้งจริงๆน่อ ดีกว่ายาเดี้ยวนี้เยอะเลย

phozis

ขอบคุณที่มาเพิ่มเติมผลงานที่่หายไปนะครับ  ::Thankyou:: ::Thankyou::
ขออ่านอีกรอบนะครับ ::GiveMe:: ::GiveMe::

pjny

สนุกจนหยุดอ่านไม่ได้เลยครับ