ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ตำนานนายขนมต้ม เล่ม ๓ ตอนที่ ๔

เริ่มโดย นีโอ, ตุลาคม 14, 2016, 09:50:00 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่ นีโอ
๔. ชิงพระแสง

พระตำหนักสวนกระต่าย

"ราชสมบัติเป็นของเจ้าน้องแล้ว ตัวพี่จะขอภัคดีต่อเหนือหัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่"

กรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก) ทูลต่อขุนหลวงพระองค์ใหม่ที่สมเด็จพระเจ้าบรมโกศตรัสมอบราชสมบัติให้ ซึ่งได้แก่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือเจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ และพระองค์เองจะได้ทรงกรมเป็นที่เจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต สำเร็จเรียบร้อยตามโบราณราชประเพณี เมื่อเข้ารับสัตย์ปฏิญาณและถวายตัวเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่

"แล้วเจ้ากรมพระองค์อื่นเล่า?" พระสุรเสียงเนิบช้าตรัสถาม

"..................." ไม่มีคำตอบจากเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต เพิ่งได้รอรับการสถาปนา

เจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ทรงเข้าพระทัยทันทีว่าเจ้าทรงกรมอีกสามคงไม่ยอมรับข้อเสนอของพระองค์ง่ายดาย

เมื่อเสด็จดำเนินสู่ที่รโหฐาน  กรมขุนอนุรักษ์มนตรี(เจ้าฟ้าเอกทัศ)ก็เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาแทน

"เจ้าน้องดอกมะเดื่อ ได้เป็นขุนหลวงพระองค์ใหม่แล้วโดยชอบธรรม" กรมหมื่นเทพพิพิธตรัสบอก

"ฉันรู้แล้ว"  กรมขุนอนุรักษ์มนตรี(เจ้าฟ้าเอกทัศ)ตรัสบอกกรมหมื่นเทพพิพิธอย่างห้วนๆ เพราะเจ้าฟ้าเอกทัศเจ้าพี่มีพระชนม์และยศศักดิ์สูงกว่าพระองค์เจ้าแขก กรมหมื่นเทพพิพิธ "บอกทำไม ฉันรู้แล้ว จะเย้ยกันหรือไร"

"หามิได้ ขอได้โปรดอย่าหาความใส่กันเลยนะเจ้าพี่" กรมหมื่นเทพพิพิธบอกอย่างไม่สบายใจยิ่ง แล้วก็คิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ล่วงมาแล้วตั้งแต่ปีกลาย คราวที่ตนเป็นต้นคิดกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานจากขุนหลวงในพระบรมโกศให้เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ กรมขุนพรพินิตประดิษฐานเป็นที่กรมพระราชวังบวร แต่ครานั้นเจ้าฟ้าดอกมะเดื่อทูลขอให้พระราชทานแด่เจ้าพี่คือเจ้าฟ้าเอกทัศ ทำให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไม่โปรด แล้วตรัสเกรี้ยวกราดลงที่เจ้าพี่ว่าเป็นคนโฉดเขลา หาสติปัญญาและความเพียรมิได้ ถ้าจะให้เป็นมหาอุปราช บ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติฉิบหายเสีย

เหตุนี้ทำให้เจ้าพี่กรมขุนอนุรักษ์มนตรีระแวงแหนงหน่าย เพราะทรงรู้ดีว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ใครสนับสนุนใคร

"สำนึกแล้วใช่ไหม การไปสุมหัวกับอ้ายสามกรมไม่มีประโยชน์อันใด ถึงได้เปลี่ยนใจกลับมาตายรัง"

พระสุรเสียงดั่งจะเยาะเย้ยอีกฝ่ายให้ได้อาย แต่เจ้าฟ้าแขก กรมหมื่นเทพพิพิธ กลับทูลอย่างหาญห้าว

"หม่อมฉันเพียงเข้าไปคลุกคลีฟังข่าว ว่าสามกรมคิดการอันใดเป็นภัยต่อราชบัลลังก์เท่านั้น หาได้ปลงใจไม่"

"ถ้าเช่นนั้นก็แสดงความภักดีออกมา จงไปเชิญพระแสงดาบพระแสงกระบี่ พระแสงง้าวข้างที่พระตำหนักมาถวาย ณ พระตำหนักสวนกระต่าย"เจ้าพี่กรมขุนอนุรักษ์มนตรีออกคำสั่งกรมหมื่นเทพพิพิธ ตรัสชี้แจงภารกิจที่ต้องทำตามโบราณราชประเพณี "ต้องเชิญมาให้หมดทุกองค์" กรมขุนอนุรักษ์มนตรีมีรับสั่งขึงขังดังลั่นให้กรมหมื่นเทพพิพิธปฏิบัติ "ต้องเชิญพระแสงในหีบพระแสงในโรงต้นไปด้วยให้ครบหมดทุกองค์ทุกประเภทศัสตราวุธ อย่าปล่อยทิ้งไว้สักองค์เดียว แล้วให้เชิญมาพระตำหนักสวนกระต่ายเท่านั้น อย่าเอาไปที่อื่น ถ้าใครไม่ทำตามนี้มีโทษคอขาดสถานเดียว"

"พระเจ้าข้า" กรมหมื่นเทพพิพิธสนองรับสั่งเจ้าพี่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเต็มพระทัยปฏิบัติ

พระที่นั่งทรงปืน

กรมหมื่นเทพพิพิธ อันเชิญเอาพระแสงดาบ, พระแสงกระบี่, พระแสงง้าว ,พระแสงปืนต้น ซึ่งประดิษฐานอยู่ข้างที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมโกศนั้น ส่งให้ขุนพิพิธรักษากับชาวที่ อันเชิญไปที่พระตำหนักสวนกระต่าย ตามเสด็จเจ้าน้องกรมพระราชวังบวรสถานมงคลที่ทรงพำนักอยู่พระตำหนักอยู่นั้น ความทั้งปวงได้ถูกส่งไปถึงพระกรรณของเจ้าทรงกรมทั้งสาม ซึ่งขณะนั้นกำลังปรึกษาความเพื่อระดมสรรพกำลังเข้ามาเพื่อประกาศทำสงครามขั้นเด็ดขาด

"เจ้าพี่แขกเอาใจออกห่างพวกเราไปเข้าด้วยขุนหลวงพระองค์ใหม่ แล้วยังไปเชิญพระแสงตัดหน้าพวกเราอีก เธอประพฤติเยี่ยงนี้ ฉันสิ้นนับถือจริงๆ" กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ) ตรัสอย่างเจ็บพระทัย จากนั้นก็มีรับสั่งทันที "หม่อมห่อหมก ขุนด่าน เท้าเพี้ยะ นำกำลังไปพระที่นั่งทรงปืนบัดเดี๋ยวนี้"ผู้ถูกขานชื่อรีบเข้ามากราบทูลรับบัญชาทันที

หม่อมห่อหมก เป็นเชื้อสายวังหลวง แต่เป็นปลายแถวจนหาหัวแถวหางแถวไม่ได้ จับต้นชนปลายไม่ถูกนัก ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่แท้จริง เจ้าสามกรมอุปการะไว้ใช้สอยเพราะรู้แน่ว่าเป็นเชื้อสายหลายแถวมาก่อน แล้วมีบรรพชนอยู่ในวังหลวงเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงมาช้านานดึกดำบรรพ์มากๆ

ขุนด่าน เป็นนายกองช้าง คอยจับช้างป่าอยู่ทางเมืองนครนายก มีช้างใช้งานอยู่กับหมู่บ้านจำนวนมาก ได้ถวายตัวเป็นข้าในเจ้าสามกรมอยู่ในความดูแลของหม่อมห่อหมก

ท้าวเพี้ยะ เป็นนายบ้านตีดาบเหล็กอยู่ทางแม่น้ำป่าสักไปพระพุทธบาท นอกจากมีบริวารจำนวนมากแล้ว ยังมีดาบเหล็กนับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นผู้กว้านตีดาบเหล็กส่งลงมากรุงซ่องสุมไว้เป็นอาวุธ


"เดี๋ยวก่อนพ่อรถ เธอจะไปไหน?"กรมหมื่นจิตรสุนทร(เจ้าปาน) เข้าขวางทาง

"หม่อมฉันจะไปแย่งชิงพระแสงมาถือครอง จะยอมให้ฝ่ายนั้นได้ไปไม่ได้"

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ตรัสบอกถึงเจตนา  กรมหมื่นเสพภักดี(เจ้ามังคุด)ขยับเข้ามาหาพลางตรัสว่า

"การล่วงเลยมาถึงเพียงนี้แล้ว เห็นจะช้าก็คงไม่ทัน ฝ่ายนั้นเคลื่อนไหวแล้ว เราต้องเร่งดำเนินตามแผนที่วางไว้"

"ก็ต้องว่าตามนั้น เจ้ารถ เจ้ามังคุด เธอทั้งสองไปชิงพระแสงจากเจ้าพี่แขก ส่วนฉันจะไประดมกำลังทั้งหมดมารวมกันที่พระตำหนักศาลาลวด จากนั้นจะเข้าปล้นคลังพระแสง เราต้องชิงลงมือก่อน อย่าให้พวกขุนหลวงพระองค์ใหม่ตั้งตัว ขออวยพรให้เธอทั้งสองประสพผลตามที่มุ่งหมาย"กรมหมื่นจิตรสุนทร(เจ้าปาน) มีรับสั่งถึงแผนการทั้งหมด

จากนั้นเจ้ากรมทั้งสามก็ยกกำลังที่ส้องสุมกันไว้แยกย้ายออกไปปฎิบัติการณ์ในเขตพระราชวังหลวง

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)พากันเสด็จเข้าไปข้างในวังหลวง แล้วอันเชิญพระแสงบนพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์เอาไปตำหนักศาลาลวดที่ประทับทั้งสิ้น แต่ไปที่พระตำหนักทรงปืนไม่พบพระแสงดาบ, พระแสงกระบี่, พระแสงง้าว ก็เข้าพระทัยได้ว่ากรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)ตัดหน้าอันเชิญไปแล้ว เจ้าทรงกรมทั้งสองให้กังวลวุ่นวาย สั่งขุนทหารบ่าวไพร่ให้ตามสกัดแย่งชิง  ถึงตอนนี้ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงเครื่องราชกกุฏพันตลอดจนพระแสงปืนพระแสงดาบมาถือครองไว้เพื่อประดับพระราชอำนาจ

"เจอแล้วพระพุทธเจ้าค่ะ เจ้าแขกกับกองล้อมวังหมู่หนึ่งกำลังอันเชิญพระแสงทั้งห้าองค์ไปตำหนักสวนกระต่าย ห่างจากที่ตรงนี้ไปชั่วเคี้ยวหมากแหลกพระพุทธเจ้าค่ะ" หม่อมห่อหมกรายงาน

"แล้วจะมัวชักช้าอยู่ทำไม รีบตามไปสิ!!!"

สิ้นรับสั่ง กลุ่มของเจ้าทรงกรมทั้งสองก็วิ่งไปตามทางที่บอกเป็นพรวน ขณะนั้นกรมหมื่นเทพพินิจ อันเชิญพระแสงดาบไว้กับพระองค์ทรงประทับบนเสลี่ยงกลีบบัว เหล่าบ่าวพี่เร่งหามโดยไม่แห่อย่างเร่งรีบเมื่อได้รับรายงานว่าเจ้าสองกรมพร้อมบ่าวไพร่ติดตามมาอย่างประสงค์ร้าย กองล้อมวังของขุนรองปลัดชู แวดล้อมอารักขามาหลายสิบคนรวมทั้งนายขนมต้มและเจ้าแมงเม่า พระแสงอื่นๆขุนพินิจรักษษและชาวที่พากันอันเชิญตามขบวนมา

แต่แล้วขบวนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อกรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)พร้อมบ่าวไพร่มาจุกช่องล้อมทางขวางเอาไว้ ขบวนอันเชิญต้องหยุดลงบรรดากองล้อมวังของขุนรองปลัดชูกระจายกำลังเข้าป้องกันรักษาพระแสงและผู้อันเชิญ เจ้ากรมทั้งสองทอดพระเนตรกรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)อย่างขัดเคืองพระทัย

"เจ้าพี่แขก ไยกลับลำไปเข้าด้วยขุนหลวง"กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ตรัสถาม

กรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)แย้มพระสรวญหยามเหยียด "ทำเช่นสัญชาติอสรพิษแว้งกัด คงละไว้มิได้"

"พอเถิดเจ้ารถ เจ้ามังคุด เธอทั้งสองอย่าถลำไปกว่านี้อีกเลย" กรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)พยายามเตือนพระสติ

"ตัวไม่ต้องมาสั่งสอนเรา เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้อง ส่งพระแสงมาให้พวกเรา"

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ) ตรัสสั่งเกรี้ยวกราด เมื่ออีกฝ่ายนิ่งจึงรับสั่งเสียงดัง

"พวกเอ็งทั้งหลายเข้าไปแย่งชิงพระแสงทั้งหมดมา หากใครขวางจงสังหารมันให้สิ้น!!!"

ขุนรองปลัดชูซึ่งสั่งรายกำลังป้องกันอยู่แล้ว พอพวกของเจ้าสองกรมเข้ามาหมายทำร้ายก็ร้องสั่ง

"อาทมาฎทุกคน ปกปักรักษาพระแสงทุกองค์และเจ้าแขกไว้"


"เฮ้!!!" เสียงกองอาทมาฎขานรับ

การรบตะลุมบอนเกิดขึ้นทันที  ทั้งสองฝ่ายเข้าประดาบกันเป็นอลอึง ฝ่ายเจ้ากรมทั้งสองพาพวกมามากกว่าก็รุกไล่กองอาทมาฎที่ตามไม่ถึง ๒๐ คนถอยร่น เจ้าแขกและชาวที่อันเชิญเครื่องแสงตกอยู่ในวงล้อม ต้องคอยหลบหลีกการประดาบวุ่นวาย เจ้ากรมทั้งสองให้เดือดดาลพระทัยที่กำลังพลของตนมากกว่าแต่ไม่สามารถเข้าช่วงชิงพระแสงได้ ทั้งสองพระองค์ชักดาบประจำพระกายนำหม่อมห่อหมก ขุนด่าน เท้าเพี้ยะเข้าร่วมวงไพบูรณ์ทันที

"หลีกไป ใครไม่หลีก กูจะฟันให้คอขาด"กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ประกาศพร้อมกวักแกว่งดาบ

ขุนรองปลัดชูเห็นกองกำลังอีกฝ่ายหนุนเนื่องมากมากกว่าหลายเท่าก็เห็นจะต้านไม่อยู่

หันไปสั่งสองศิษย์ที่ประดาบสกัดอยู่ "อ้ายหนมต้ม อ้ายแมงเม่า เอ็งทั้งสองเร่งรักษาแลอันเชิญพระแสงทุกองค์รวมทั้งเจ้าแขกฝ่าวงล้อมไปตำหนักสวนกระต่าย ทางนี้ข้าจะรับหน้าเอง"

"แต่พวกนี้มากโข ท่านครูจะรับมือไหวรึ?" นายขนมต้มถามอย่างเป็นห่วง

"นี่เป็นคำสั่งรีบไป!!!" ขุนรองปลัดชูกำชับเสียงดุ

นายขนมต้มกับเจ้าแมงเม่าและกองดาบอาทมาฎสาม – สี่คนแยกมาทางกลุ่มกรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)ที่อันเชิญพระแสงดาบยืนพระกายสั่นพระพักตร์ขาวซีด ส่วนชาวที่ก็ตื่นตระหนกมิต่างกัน ฝ่ายตรงข้ามพยายามเข้ามายื้อแย่งพระแสงต่างๆแต่นายขนมต้มกับพรรคพวกก็สกัดขัดขวางอย่างเต็มกำลัง เสียงดาบกระทบกันดังบาดหู บางครั้งเกิดประกายไฟวูบวาบน่าเสียวไส้ หลายคนถูกคมอาวุธตามร่างกายเลือดไหลนองนอนเกลื่อนพื้น บางคนร้องโอดโอ๊ย บางคนก็นอนนิ่ง

"เชิญเสด็จทางนี้ก่อนเถิดพระพุทธเจ้าข้า" นายขนมต้มทูลบอกกรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)

"เอ่อ..แล้วทางนี้"

"รีบเสด็จเอาพระองค์รอดก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วง ท่านครูกับคนอื่นๆจะสกัดไว้" นายขนมต้มทูลย้ำ

กรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก)สั่งพวกชาวที่อันเชิญพระแสงตามนายขนมต้มไป ฝ่ายกรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)ทอดพระเนตรเห็นก็รีบติดตามไปขัดขวาง ขุนรองปลัดชูเห็นเจ้าทรงกรมทั้งสองกับกำลังส่วนหนึ่งแยกไล่ตามกลุ่มอันเชิญพระแสง เขาก็รีบขยับจะไล่ตามไป แต่ขุนด่านและท้าวเพี้ยะควงดาบเข้าขวางทางไว้

"จะเร่งไปไหนขุนรองปลัดชู เจ้ากองอาทมาฎ" ขุนด่านควงดาบถามพร้อมแสยะยิ้ม

ท้าวเพี้ยะมาดักด้านหลังพลางเอ่ยทัก "คู่มือของขุนรองปลัดชูคือพวกข้า มาประดาบกันเล่นสนุกๆเถิด"

"กูไม่มีเวลามาล้อเล่นกับพวกมึง หลีกทางกูบัดเดี๋ยวนี้" ขุนรองปลัดชูบอกแล้วรำดาบเข้าใส่

และการประดาบระหว่างสองกับหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างดุเดือด บรมครูสำนักดาบอาทมาฎงัดตำราดาบเข้าต่อสู้อย่างเต็มกำลัง แต่ท้าวเพี้ยะและขุนด่านฝีมือมิได้ชั่ว เป็นมือดาบสำนักมีชื่อเช่นกัน ผ่านไปหลายสิบเพลงหลายสิบไม้ก็ยังไม่ได้เปรียบเสียเปรียบต่อกัน แต่ขุนรองปลัดชูไม่ใคร่จะมีสมาธิเพราะห่วงกลุ่มนายขนมต้มที่พากันหนีไปอีกทาง จึงเป็นเหตุให้ถูกขุนดาบทั้งสองรุกไล่จนถอยร่น

"อยากประดาบมานาน ขุนรองรองปลัดชู แต่น่าผิดหวังนะ ไม่เห็นเก่งสมคำร่ำลือเท่าไหร่" ขุนด่านเอ่ยเยาะ

ท้ายเพี้ยะก็ดูจะสำราญไม่น้อย "สงสัยสองหนึ่งมันจะต่อมากไป เอาตัวต่อตัวไหม?"

"จะกี่คนก็ผลเหมือนเดิม ดาบอาทมาฎมีไว้ปราบพวกหมาหมู่โดยเฉพาะ"

บอกแล้วขุนรองปลัดชูก็กำหนดจิตมุ่งสมาธิมาจัดการทั้งสอง เพราะกังวลไปก็ไม่อาจตามไปช่วยได้ การรุกไล่ด้วยเพลงดาบเต็มกำลัง ทำเอาสองผู้ท้าประลองถึงหลากใจ เนื่องจากครานี้ทั้งสองเป็นฝ่ายถูกตอบโต้และรุกไล่จนเข้าไม่ติด ต้องคอบปกป้องจุดสำคัญบนร่างกายเป็นสามารถ และได้ซาบซึ้งว่าเพลงดาบอาทมาฎของจริงเด็ดขาดรุนแรงปานใด
ฝ่ายนายขนมต้มรั้งท้ายขบวนอันเชิญพระแสงซึ่งหนีลัดเลาะไปตามทางแคบๆ กลุ่มเจ้ากรมก็ไล่ตามมาติดๆ เสียงโห่ร้องเสียงด่าอย่างกราดเกรี้ยวดังไล่หลังมาไม่หยุด จนกระทั่งกระชั้นชิดเข้ามาและด้านหน้าดันตื่นตกใจพาหลงมาเจอทางตัน ซึ่งจะไปต่อก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ ทางเดียวคือต้องมานะปีนข้ามกำแพงหนีไป ขณะพวกเจ้ากรมทั้งสองไล่ตามเข้ามาใกล้ นายขนมต้มจึงตัดสินใจหันกลับไปเผชิญกับกลุ่มผู้ไล่ล่า

"อ้ายแมงเม่า อันเชิญพระแสง เจ้าฟ้าแขกและชาวที่ปีนข้ามกำแพงไปก่อน ข้าจะสกัดเอาไว้เอง"

นายขนมต้มบอกอย่างเด็ดเดี่ยว เจ้าแมงเม่าหันมาถามเกลออย่างห่วงใย

"แล้วเอ็งจะต้านพวกมันไหวรึ พวกมันเยอะโขอยู่นะ"

"มันเป็นหน้าที่เพื่อตอบแทนพระกรุณาธิคุณ เอ็งก็เช่นกันทำหน้าที่อันเชิญไปให้เต็มสามารถ"

"อื่อ.." เจ้าแมงเม่าพยักหน้ารับ "เอ็งรักษาตัวด้วยนะ"

เจ้าแมงเม่าหันมาทูลเชิญเจ้าฟ้าแขก กรมหมื่นเทพพิพิธบอกชาวที่ทั้งหลายที่ตื่นตระหนกให้อันเชิญพระแสงปีนข้ามกำแพงอย่างทุลักทุเล ส่วนนายขนมต้มถือดาบสองมือยืนขวางทาง พวกที่ไล่ตามมาแออัดไล่ต่อไปมิได้ถูกตีถูกฟันล้มพับทับถมขวางทางล่วงผ่านไปไม่ได้สักคน สร้างความโกรธกริ้วให้เจ้ากรมทั้งสองยิ่งนัก

"อ้ายหน้าโง่ พวกมึงงุ่นง่ามอันใดกันวะ มันจะหนีข้ามกำแพงไปแล้ว"กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ตรัสบริภาษ

"อ้ายทหารคนนี้ฝีมือดาบมันร้ายกาจมาก ซ้ำเรี่ยวแรงดี ตีฝ่าไปมิได้พระพุทธเจ้าค่ะ" เสียงรายงานมา

"แค่ทหารเลวคนเดียวก็ฝ่าไปไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้อีกวะ ใครก็ได้จัดการมันที อย่าให้กีดขวาง"

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ) ตรัสสั่งด้วยพระสุระเสียงเดือดดาล

"ข้าพระพุทธเจ้าเอง" หม่อมห่อหมกสะพายดาบคู่ถือง้าวยาวเป็นผู้อาสา

พวกไพร่เลวล้มทับถมบ้างนอนแน่นิ่ง บ้างนอนร้องโอดโอ๊ย พวกที่เหลือไม่กล้าเข้าใกล้ นายขนมต้มเองใจสั่น มือสั่นเพราะใจเต้นไม่เป็นส่ำ ถึงจะผ่านสังเวียนต่อสู้มานับไม่ถ้วน แต่ก็เป็นการต่อสู้เอาสนุกทางหมัดมวย หาใช่ใช้ดาบประกันเอาเป็นเอาตายเยี่ยงนี้  ทุกครั้งที่ฟาดฟันคมดาบใส่ฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้ปรารถนาเข่นฆ่าถึงชีวิต ทว่าเพื่อรักษาชีวิตทำตามหน้าที่ไว้ก่อนเป็นปฐม จึงต้องจำใจทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้

หม่อมห่อหมกก้าวเดินมายืนด้านหน้า นายขนมต้มขยับกุมดาบสองมือวาดท่าคลุมไตรภพป้องกัน เขาจ้องภาพชายวัยกลางตรงหน้าไม่วางตา คนผู้นี้ไว้ทรงผมมหาดไทย ใบหน้ายาวเรียว จมูกงองุ้ม ตาเรียวเล็ก สองตาสาดประกายเจิดจ้า มีง้าวตั้งสูงเด่นข้างกาย ในปากเคี้ยวหมาก ชโลมริมฝีปากและฟันแดงฉานราวกับกลืนกินเลือดสด ใบหูทั้งสองข้างห้อยไว้ด้วยต่างหูเม็ดโตทำจากอัญมณีสีม่วง เสื้อผ้าที่สวมใส่ทำจากผ้าพลิ้วเบา สีสันฉูดฉาด นิ้วมือทั้งสิบต่างสวมใส่ด้วยธัมรงค์สีทองครบทั้งสิบนิ้ว ที่เอวเหน็บไว้ด้วยดาบเรียวยาวร่วมวา

"เพลงดาบอาทมาฎ อยากเจอมานานแล้ว" หม่อมห่อหมกเอ่ยเสียงเหยียบเยาะ

นายขนมต้มยังไม่ขยับเปลี่ยนท่า ยังคงคลุมไตรภพไว้ไม่เปิดช่องให้ใครล่วงผ่าน

"อ้อมไปดักจับพวกกรมหมื่นเทพพิพิธอีกทางตรงศาลาใบหนาด" หม่อมห่อหมกบอกทุกคน

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)เหมือนนึกออก

"พวกมึงเร่งอ้อมไปดักมันทางโน้นเร็วๆ" เสียงร้องสั่ง พวกสองเจ้ากรมก็หันหลังวิ่งตามไป

นายขนมต้มขยับจะวิ่งตาม หม่อมห่อหมกก็เข้ามาขวาง

"จะไปไหน เอ็งต้องเจอกับข้าก่อน"

หม่อมห่อหมกตวาดก้อง ปรับเปลี่ยนกระบวนท่าลีลา สืบเท้าก้าวโหมบุกจู่โจมราวพายุบุแคม ง้าวในมือหมุนควงรวดเร็วปานจักรผัน บังเกิดเงาทะมึนคลุมรัศมีร่วมห้าวา ตวัดฟันรุกไล่บุกตะลุย กระบวนท่าสังหารเร่งเร้าใช้ออกไม่หยุดยั้ง คมง้าวใหญ่วาดกรีดผ่าอากาศ ฟาดฟันออกทุกสารทิศ  เงาง้าวคล้ายสามารถจู่โจมออกทุกทิศทาง สะกดทุกทางถอยของนายขนมต้มจนหาทางออกจากรัศมีง้าวไม่เจอ

"ดาบอาทมาฎมันดีแต่รับแล้วถอยรึ" หม่อมห่อหมกหัวร่ออย่างได้ใจ กู่คำรามสุ้มเสียงกังวาน ดีดร่างโผทะยานขึ้นเหนือฟากฟ้า ตวัดง้าวกระหน่ำฟันนับสิบครั้ง จนนายขนมต้มเปิดตำรารับแทบไม่ทัน

กระแสลมอันเกิดจากพลังง้าว โถมทับกดใส่ร่างของนายขนมต้มจนมิอาจขยับหลบหลีก หม่อมห่อหมกฉวยจังหวะ พลิกคมวูบตวัดฟันเฉียงๆ หมายตัดร่างให้ขาดสะพายแล่ง!

เสี้ยวพริบตานั้น ดาบยาวในมือของนายขนมต้มทั้งสองข้างสาดประกายเจิดจ้าดุจต้องแสงตะวัน สองแขนคล้ายขยับเคลื่อนเพียงวูบ บังเกิดเส้นสายสีเงินเจิดจ้าพุ่งวาบไม่ต่างจากสายวิชชุ กรีดวาดผ่านภาทะลวงฝ่าเงาทะมึนของง้าวใหญ่ แทบบรรลุถึงร่างของหม่อมห่อหมก

"ตลบสิงขร!!!" นายขนมต้มเปลี่ยนแม่ไม้ดาบหลังเริ่มจับทางได้

หม่อมห่อหมก พอถูกโต้กลับขมวดคิ้ว ควงง้าวรับพัลวัน

"ย้อนฟองสมุทร!!!"

"เฮ้ย!!!" เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนก ชะงักกระบวนท่าแต่กลางคัน ผงะร่างถอยกรูด พลิกข้อมือตวัดง้าวใหญ่สกัดปะทะคมดาบสองมือวาววับ บังเกิดเสียงเปรี้ยงดังกึกก้อง สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบ ร่างเซถลาถอยกรูด ชนปะทะเข้ากับพนังกำแพงอีกด้าน   ทว่าเพียงหยุดยั้งร่างได้ หม่อมห่อหมกตวาดคำรามก้อง พุ่งร่างโถมทะยาน ง้าวใหญ่ในมือตวัดฟัน กระบวนท่ายิ่งกราดเกรี้ยวดุดันกว่าเดิม สืบเท้าโหมบุกไม่รั้งออมพละกำลัง

กระแสอากาศหนักหน่วงรุนแรง โหมซัดจู่โจมโถมปะทะเข้าใส่นายขนมต้ม ระลอกแล้วระลอกเล่า นายขนมต้มปัดป้องอย่างไม่ตื่นกลัว แม้อีกฝ่ายจะจู่โจมใส่ราวคลื่นโถมซัดทลายหาด นายขนมต้มยามนี้ได้แต่ตั้งรับอย่างรัดกุม ดาบสองมือยาวตวัดวูบรังสีดาบพุ่งแผ่คุ้มครองร่าง ถึงกระนั้นในบางจังหวะยังจำต้องถอยกรูดเป็นระยะ หม่อมห่อหมกแม้มีพลังฝีมือสูงเยี่ยม แต่โหมบุกต่อเนื่องเนิ่นนาน สังขารร่างกายย่อมอ่อนล้าลงเป็นลำดับ ไหนเลยต้านทานพละกำลังเปี่ยมล้น ในวัยฉกรรจ์ของนายขนมต้มผู้นี้ได้

หม่อมห่อหมกก็ทราบข้อนี้กระจ่าง ตลอดการต่อสู้จึงโหมบุกตะลุยอย่างหนัก ใช้ปมเด่นของตนเข้าหักหาญ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาพักหายใจ นายขนมต้มพอเห็นอีกฝ่ายเร่งเผด็จศึกก็ย่ามใจปลายดาบยาวกดต่ำลงเล็กน้อย สืบเท้ารี่เข้าประจันซึ่งหน้า ทุกย่างก้าวผนึกพลังสภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับดาบสองมือยาว ประกายดาบวาววับเจิดจ้าขึ้นอีกคำรบ ร่างไม่สูงใหญ่กู่คำรามก้อง ดีดร่างโผพุ่งทะยานขึ้น คมดาบวาววับวาดดุจสายฟ้าฟาด พุ่งปะทะคมง้าวใหญ่อย่างหักโหม

เสียงเปรี้ยงกึกก้องสะท้านสะเทือนทั้งห้วงรัตติกาล ง้าวในมือหม่อมห่อหมกหักสะบั้นเป็นสองท่อน!

"เฮ้ย!!!!" หม่อมห่อหมกถอยหลังเซไปหลายก้าว ข้อมือทั้งสองข้างปวดร้าว ฝ่ามือสั่นระริกไม่อาจจับง้าวหักไว้ได้

นายขนมต้มควงดาบสองมือคุมเชิง ด้วยไม่แน่ใจอีกฝ่ายยังมีลูกไม้อันใด

อีกด้านที่เจ้าแมงเม่านำเสด็จกรมหมื่นเทพพิพิธและชาวที่อันเชิญพระแสงทุกองค์หนีการไล่ติดตาม แต่แล้วก็ไม่สามารถหนีพ้น เมื่อกรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)กับไพร่พลไล่ตามมาจนทัน เจ้าแมงเม่าควงดาบสองมือเข้าขัดขวางแต่ก็ไม่อาจสู้รักษาพระแสงไว้ได้ เนื่องจากพรรคพวกของสองเจ้ากรมมากว่าหลายเท่า ไม่ช้าเจ้าแมงเม่าก็ถูกกลุ้มรุมจับตัวมัดไว้ดิ้นกระแด่วๆน่าสมเพช ส่วนคนอื่นๆก็ถูกคุมตัว บรรดาชาวที่ถูกแย่งพระแสงไปจนสิ้น เหลือเพียง กรมหมื่นเทพพิพิธที่อันเชิญพระแสงดาบ ไม่มีใครกล้าเข้าแย่งชิง

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)เดินเข้าหาต้อให้นกรมหมื่นเทพพิพิธติดกำแพง

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ตรัสด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ "เจ้าพี่แขก ส่งพระแสงมา"

อีกฝ่ายส่ายพระพักตร์ "พอเถอะ พ่อรถ พ่อมังคุด เธอทั้งสองหยุดเถอะ ยังไม่สายที่จะสำนึก"

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)เงื้อดาบขึ้นหมายจะฟันใส่ร่างของ กรมหมื่นเทพพิพิธ

อีกฝ่ายกุมพระแสงไว้มั่นจ้องพระเนตรด้วยพระทัยเด็ดเดี่ยว

"หากมิเห็นเจ้าพี่เป็นคนวงศ์เดียวกัน ฉันบั่นพระเศียรไปแล้ว" กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)ตรัสจบก็ยื้อพระแสงดาบจากพระหัตถ์ของกรมหมื่นเทพพิพิธ(เจ้าแขก) แม้จะพยายามฝืนแต่ที่สุดก็ถูกแย่งชิงไปจนได้ กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)กับกรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)ทอดพระเนตรพระแสงดาบในมืออย่างพอพระทัย

กรมหมื่นเสพภักดี (เจ้ามังคุด)หันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรบริวารก็ทรงพระสรวลอย่างพอพระทัย

"ได้มาแล้วทั้งสิ้น พระแสงข้อง้าว พระแสงกระบี่ พระแสงปืนต้น กลับกันได้"

พระแสงนี้หากฝ่ายใดได้ถือครองก็จะหมายถึงขวัญและกำลังใจที่เพิ่มพูนเนื่องจากถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์

กรมหมื่นสุนทรเทพ(เจ้ารถ)เองก็พอพระทัย "ป่านฉะนี้ เจ้าพี่ปานคงปล้นพระคลังแสงเสร็จแล้ว เราไปสมทบกันที่ตำหนักศาลาลวดเถิด แค่ต้นมือเราก็ชนะแล้ว ฮะๆๆๆ"

อีกฝั่งที่ขุนรองปลัดชูรับมือท้าวเพี้ยะกับขุนด่านอยู่ สองขุนทหารฝีมือฉกาจเข้ารุมฟันแทงขุนรองปลัดชูไม่หยุด คนหนึ่งถอยฉากอีกคนเข้าแทน ผสานฝีมืออย่างกลมกลืนจนอีกฝ่ายเหงื่อโทรม ขุนด่านเป็นคนรูปร่างใหญ่ ผิวดำ อ้วนลงพุง สวมเสื้อยันต์แขนสั้น เปิดอก นุ่งโจงรั้ง ใบหน้ากลม หัวเถิก ผมหยิกติดหนังหัว ตาพอง จมูกแบน ปากหนา ยามยิ้มเหมือนหลอก ยามหยอกเหมือนดุ ฝ่ายท้าวเพี้ยะรูปร่างผอม ตัวเล็ก ผิวเหลืองซีดๆ หน้ายาว ตารีเล็ก จมูกเรียว โพกศีรษะ สวมเสื้อแขนสามส่วนกลัดกระดุมหน้า ใส่กางเกงขาก๋วย คาดผ้าที่เอว เป็นชาวล้านนา ที่สำคัญทั้งสองชำนาญเพลงดาบไม่ด้อยไปกว่าขุนรองปลัดชู ช่างน่าชมเชยที่เจ้าสามกรมจัดหาคนมาใช้งานได้ดีมีฝีมือยิ่งนัก ฝ่ายสองขุนดาบได้ใจก็รุกไล่จู่โจมพร้อมกันหมายลบชื่อครูดาบยอดฝีมือแห่งสำนักอาทมาฎ

ปึ่ก!!!!

เสียงคมดาบฟาดแผ่นหลังของขุนรองปลัดชู

แต่ขุนด่านที่ลงมือฟันดาบคมใส่ร่างฝ่ายตรงข้ามต้องตาค้าง เพราะดาบในมือกระดอนกลับราวฟันใส่แผ่นหิน

"เฮ้ย!!!!" เสียงร้องอย่างตกตะลึงของขุนด่าน

ฝ่ายท้าวเพี้ยะเองก็ฟันเข้าเต็มๆหน้าท้องของขุนรองปลัดชู ซึ่งก็ถูกสะท้อนกลับราวฟันก้อนหินเช่นกัน

"มันมีอาถรรพ์คุ้มครอง ดาบไม่กินเนื้อ" ขุนด่านตะโกนบอกท้าวเพี้ยะ

ขุนรองปลัดชูยิ้มกว้าง "ไม่ได้มีแค่นั้นดอก"

ฟ้าวววว...เสียงคมดาบแหวกอากาศ และบาดคมเข้าที่แก้มของขุนด่าน

ปากแผลเปิดกว้าง เลือดไหลออกมาเนืองนอง ขุนด่านรีบเอามือกดปิดบาดแผล

ฉั๊บบบบ...เสียงคมดาบตวัดไปที่ข้อมือของท้าวเพี้ยะ เกิดแผลยาวเลือดไหลซึม

ดาบในมือหลุดร่วงลงพื้น ท้าวเพี้ยะเอามือกุมบาดแผล หน้าเสียขยับถอยหลังไปหลายก้าว

"ถ้าลึกกว่านั้นอีกสักองคุลี เอ็นข้อมือขาดแล้ว" ขุนรองปลัดชูควงดาบสองมือตั้งท่าคลุมไตรภพอยู่บอกเย้ยๆ

ขุนรองปลัดชู วาดท่าดาบเตรียมจู่โจม "คราวนี้ไม่เตือนแล้วนะ"

สองขุนทหารเจ้าสามกรมผงะถอยหลัง

แต่ก่อนขุนรองปลัดชู จะเข้าเผด็จศึก เสียงหนึ่งตะโกนดังมา

"ชิงพระแสงมาได้ครบทุกองค์แล้ว มีคำสั่งถอยกลับตำหนักศาลาลวด ถอยๆๆ"

เมื่อสิ้นคำสั่งถอยกลับ เพียงชั่วพริบตาพวกของเจ้ากรมทั้งสองก็อันตธานหายไปสิ้น

ไม่เว้นแม้หม่อมห่อหมก แต่ก่อนจะล่าถอยยังฝากคำอาฆาตินายขนมต้มไว้

"อ้ายหนุ่ม แล้วเจอกันใหม่" พูดจบก็วิ่งหนีหายไปในความมืด

การปะทะจบลงโดยพวกเจ้ากรมสามารถชิงพระแสงอาวุธทั้งหมดไปได้  มีกองอาทมาฎบาดเจ็บหลายคนมากบ้างน้อยบ้างต่างวาระแต่ไม่มีใครเสียชีวิต ฝ่ายคนของเจ้าสามกรมตาย ๑๒ คน บาดเจ็บหลายคน และถูกทิ้งเอาไว้อย่างไม่ใยดี คนตายถูกหามออกนอกเขตพระราชวัง ส่วนคนบาดเจ็บถูกคุมตัวไปจำไว้ กรมกมื่นเทพพิพิธให้แสนขุ่นเคืองพระทัย เร่งนำความจะไปกราบทูล แต่ทว่าพระยาอภัยราชา พระยารัตนาธิเบศและพระยาคลัง ซึ่งเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่พร้อมทหารล้อมวังจำนวนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหากรมหมื่นเทพพิพิธ

"มีเรื่องอันใดรึ?" กรมหมื่นเทพพิพิธตรัสถาม

พระยาอภัยราชารีบกราบทูล "มีผู้พบเห็นคนของเจ้าสามกรมชุมนุมแล้วจะพากันเข้ามาในเขตพระราชวัง คาดว่าคงจะเข้ามาสมทบกันที่ศาลาลวด เพื่อ..เอ่อ..เพื่อ..."

"ก่อการกบฏ!!!" กรมหมื่นเทพพิพิธตรัสด้วยพระสุรเสียงหยามเหยียด "สามกรมมันเตรียมการมานานแล้ว"

หลังจากตรองอยู่ครู่จึงมีรับสั่ง "พระยาอภัยราชา พระยารัตนาธิเบศ พระยาคลัง ท่านทั้งสามไปปิดประตูวังทุกประตู  ตรวจตราให้ถ้วนถี่ สั่งคนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า หากใครขัดคำสั่งจับกุดหัวได้ทันทีไม่มียกเว้น"

สามพระยารับพระบัณทูรแล้วรีบแยกย้ายไปปฎิบัติตามรับสั่งทันที

อีกด้าน กรมหมื่นจิตรสุนทร(เจ้าปาน)ให้ทหารไปยึดอาวุธของหลวงมาเป็นของฝ่ายตนเพื่อเตรียมพร้อมไว้หากเกิดการสู้รบ แต่ทหารข้างพระองค์ไม่สามารถเข้าวังได้ เพราะขณะนั้นประตูพระราชวังหลวงปิดหมดทุกประตูแล้ว เพราะกรมหมื่นเทพพิพิธตรัสสั่งให้เจ้าพระยาอภัยราชา, พระยาพระคลัง, พระยารัตนาธิเบศ ให้ไปควบคุมดูแลปิดพระราชวังหลวงตามธรรมเนียมเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จสวรรคต เพื่อป้องกันชิงราชสมบัติซึ่งเคยมีปัญหามาเนืองๆ ถ้าไม่ปิดประตูวังหลวง จึงทรงมีกระแสรับสั่งให้ปีนข้ามกำแพงวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์และกำแพงโรงรถ เข้ามาบรรจบ ณ ตำหนักศาลาลวด จากนั้นสั่งให้ขุนพิพิธภักดีข้าหลวงกรมหมื่นจิตรสุนทร(เจ้าปาน) พาคนไปกระทุ้งบานประตูโรงแสงเข้าไปเอาพระแสงมายึดถือไว้เป็นอันมาก โดยประพฤตินี้แสดงเจตนาประกาศท้ารบกันขั้นแตกหักอย่างชัดแจ้ง

areja

#1
ใครจะอ่านผลงานท่าน ถ้าทำตามกติกาท่านว่างไว้ไม่ได้ แล้ว รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ
,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ แบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล
เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆ ถ้าเจอในผลงาน อาจารย์พี่นีโอ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างท่าน กับสมาชิก
::Fighto::  เมื่อผ่าฝืน เกรียนมาก็จำเป็นที่ต้องแบน เพื่อสมาชิกอีกส่วนเพราะไม่เช่นนั้น ::Falling::
รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..


กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่นีโอ 




การตอบ รีพลายอย่าง พอเหมาะพอควรถ้าเจ้าของกระทู้แจ้งมา จะพิจารณา เป็นรายกรณี

ถ้าตอบ เช่น zzzzddd xxxx2222 อิอิ,ลุ้นๆ,555, ดีดี,ดี, ต่อ,ติดตาม,ty,thx,thx kub(Thx ขี้หมาThanx พิมพ์ไม่ถูก
ห้ามใช้ทุกกระดานที่ ฉันดูแล
),ใจจร้า,ใจครับ,แจ่ม,เยี่ยม,สนุกดี,สุดยอด,อ่านต่อ,Good (เฉยๆ)
emo เปล่าๆ
อาจเตือนเห็นอีก ถ้าเตือนไปแล้ว ผิดซ้ำซากก็จะแบนเหมือนกัน รีพลายตอบซั่วๆ ตอบแล้ว mod ไม่เข้าใจ จะโดนแบน
รีพลายมักง่ายต่างๆ จะแบนครั้งแรก 6 เดือน คราต่อไป แบนยาวขึ้น แล้วจะหายเมื่อไม่ปรับปรุง

พวก ก๊อปตอบ รัวๆรวดเดียวเป็น 10 กระทู้ โพสต์ละ 1 นาทีนะ เจอจะ แบน ถ้ามักง่ายเช่นนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติ์
คนแบ่งปัน/ คนลงงาน..พวกเปิดรัวๆ ประโยคเดียวเป็น 10 มันควรหรือ? ตอบซ้ำมาหลายครัง ในกระทู้เดียวกัน
อาจโดนพักใช้ได้เหมือนกัน และห้ามใช้ ข้อความจากระบบในการตอบรีพลายเด็ดขาด! มันมักง่ายประเภทเดียว
กับก๊อปตอบ จะแบน ครึ่งปี ครั้งต่อแบนเพิ่มขึ้นอีก และ หายจากบอร์ด
         

            ผลงานที่ สมาชิกอุตสาห์นำมาลง ไม่ว่าจะเขียนเอง หรือขอมาลงล้วนได้มาด้วยการสละเวลา
            ถ้าจะตอบมามักง่ายก็ อย่าใช้ห้องนี้ เสพผลงานเลยไปหาเสพที่ใดแล้ว รีพลายตอบ นั้นได้ ก็ไป
            อย่าทะลึ่งมา เปรี้ยว มา เกรียน ลอง  สด ,เก๋า อย่าเลย จะเสียน้ำใจเสียความรู้สึกเปล่าๆ
            เพราะถึงคุณมี 100 ยูส 1000 ชื่อ ถ้ารีพลายผิดกฏ-กติกากระดานนี้ ฉัน ก็จะแบนหมด

...................................................................

ถ้าถูกแปะเตือนที่ โพสต์หรือกระทู้คุณ และส่งไปที่ pm คุณ จงรีบปรับปรุงรีพลายซะ ขอบคุง,ขอบหี,ขอบควย
ขอบหมา,ขอบแมว,ขอบคุน
เตือนนะอย่าลองของ ใครโดนเตือนไปให้ปรับปรุงการรีพลายเจอ ครั้ง 2 จะลบ
ทุกกระทู้ที่ตอบ และพบถ้าอีกรอบ จะแบน 6 เดือนเหมือนโทษ ป้วนเกรียนอื่นๆ....

คำขอบคุณยังเขียนไม่ถูกความหมายมันจะถูกไหม? ที่ต้องมาเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะชักเยอะพวกมักง่าย เยอะ
ไรต์ คนลงงาน ก็ติมาด้วย..เครนะ ขอกันดีๆ จะไม่โดนลบของเก่าทิ้ง แต่ยังรีพลายอีก ถ้าเตือน เตรียมหาที่อ่านใหม่เลย..
แว่น ยกตัวอย่างคำ ขอบคุณเขียนไม่ถูกชัดไหม?

ใคร ขอบคุณ รีพลาย เขียนไม่ถูกต้องแบนแล้วนะ ให้โอกาสเตือน 1 ครั้ง มันเป็นคำขอของ ไรต์ และ คนลงงาน
เรื่องความมักง่าย เพราะ ขอบคุณ เฉยๆก็ดูเอียนจริงๆ แต่ก็เป็นคำสากลในการตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้น ขอเถอะเขียนให้ถูก
เมื่อต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องคล้อยตามกัน กฏไม่ได้ใช้กับใคร? เพียงคนเดียว และไม่ยากเกินไป 
คิดว่าสร้างมาตรฐาน กันใหม่อีกสิ่ง ถ้ายากก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ กระดานนี้ เพราะ ฉันแบนแน่.. 

อ๋อ thx ขี้หมา นี้หรือ เขียนไม่ครบ thank กระดาน แว่น ดูแลอย่าให้เห็นนะ แบน ย้ำซะขนาดนี้พิมพ์มาอีกถือว่าลอง
บางคนโวยวาย ขำ   thx ขี้หมา แค่นี้ก็แบน ถุย! ก็ตรรกะเอ็งมันมักง่ายไง เงื่อนไขง่ายๆถึงออกมาแถ มันยากนักคุณมึง
ก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ เวปนี้ไม่ง้อ บอร์ดอยู่มาได้ไม่ต้องพึ่งคนมักง่ายใช้ตรรกะปลิง จ้องจะสูบทั้งที่ใช้ฟรี เสือกเยอะ
ไรต์เขียนมาหาข้อมูลมากว่าจะจบแต่ละตอน ไอ้ซากปลิง เข้ามา Thx  เหอะๆ เอาใช้ไปหาที่เสพที่อื่นเถอะ เวปนี้แบน

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึก ด้วยรีพลายคุณเองเลย
เขียน ขอบคุณ ให้ถูก ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,
ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.


pinmonkey

ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจรกบฏ เป็นสัจจะธรรมของการชิงอำนาจครับ ขอบคุณมากครับ

peddo

เขียนได้ตื่นเต้นมากเลยครับ ฉากบู๊นี่ทำเป็นหนังน่าจะมันสุดๆ ขอบคุณครับ

dwarf

ขอบคุณครับ...การแบ่งฝัก..แบ่งฝ่าย เป็นมาตั้งแต่โบราณ...สมัยนี้ก็เช่นกัน..ถ้าหากเราสามัคคี..ป่านนี้ ..เราคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว