ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกหมอผี ตอน ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่ ๑

เริ่มโดย นีโอ, ตุลาคม 18, 2016, 07:37:44 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ

คุยก่อนอ่าน

ว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวาน มาเจอ Bot เข้าหมดอารมณ์ ผมเขียนเรื่องมาลงตอนนึงๆหมื่นสองหมื่นกว่าคำ
ไม่อยากมาอ่านประโยคจากนักอ่านว่า ขอบคุณครับ / สุดยอดครับ/เรื่องน่าติดตามครับ/Thank you ฯลฯ พวกนี้หรอก
ถ้าไม่รู้จะตอบอะไรก็เฉยๆมันจะดีกว่า ยิ่งตอบแบบปั้มกระทู้รัวๆเหมือนจะเอายอดไปชิงโชคนี่ยิ่งทำให้หมดกำลังใจ
เพราะถ้าตอบแบบนั้นให้บอร์ดตั้ง Bot ทำให้ก็ได้จะเอาหมื่นสองหมื่นรัพลายยังทำได้ เห็นแล้วเหมือนตั้งใจจะมาป่วน
ทำนอง กูจะตอบยังงี้ มึงจะทำไมฟร่ะ  โอเคร..บ่นมาเยอะ เดี๋ยวจะเกลียดขี้หน้ากันเปล่าๆ

สำหรับท่านที่ถามว่า ศึกหมอผีไปไหน ก็จะอธิบายว่า ตอน เพลิงแค้นนาคเทวีที่ลงค้างไว้ ทำเป็น อีบุ๊ค ไปนานแล้ว
เกรงใจคนเสียเงินโหลดจึงหยุดลง ตอนนี้ก็เช่นกัน ทำเป็น อี บุ๊ค มาสองปีแล้ว ติด Best seller ไปปีกว่าและมีคนโหลดเรื่อยๆยอดยังไม่ตก
เอามาลงเผื่อใครไม่เคยอ่าน และเพื่อตอบแทน Admin บอร์ดที่ขยันนำเรื่องต่างๆไปลงที่บ้านใหญ่เสมอๆ ก็เลยมาแลกเปลี่ยนกัน
เรื่องนี้บอกก่อนจะลงแค่ 4 ตอน คิดเป็น 70%ของเล่ม 1 ที่วางขาย หยุดลงไปอย่ามาต่อว่ากัน เพราะเห็นใจคน 4-500 กว่าคนที่เสียเงินโหลดอ่าน

ส่วนใครถ้าสนใจจะติดตามสอบถามพูดคุยข่าวสารของนีโอ ก็ไปที่เพจนี้ได้ ทุกคำถามมีคำตอบ ^^

https://www.facebook.com/Loso-1116400798425179/


ด้วยไมตรีจิต  นีโอ



<>::<>::<>::<>::<>::<>


หนึ่งหยดเลือดนั้นสามารถทำให้ร้อนรุ่ม 
หนึ่งหยดเลือดนั้นสามารถทำลายล้างทุกสิ่งให้พินาศลงสิ้นได้ 
แสงแห่งความหวัง  พลังแห่งคุณธรรม   
ความมืดที่ทรงอำนาจ  ทายาทแห่งความมืด
เมืองที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับ   ภูต   ผี   ปีศาจ
ณ . ที่นี้ทุกสิ่งได้มาบรรจบกันแล้ว


<>::<>::<>::<>::<>::<>


บทนำ

วี๊...หวอ.อ.อ..อ..อ...อ์....วี๊.....หวอ.อ.อ..อ..อ..อ.อ...อ์       

เป็นเสียงจากหลอดไฟสีแดงที่กระพริบอยู่บนหลังคารถพยาบาลฉุกเฉินซึ่งกำลังแล่นด้วยความเร็วสูงเพื่อมุ่งหน้าไป ยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด  คนขับพยายามเหยียบคันเร่งและหักพวงมาลัยหลบหลีกยวดยานที่วิ่งขวางหน้า  ในขณะที่บุรุษพยาบาลที่อยู่ทางด้านหลังกำลังพยายามช่วยปฐมพยาบาลเพื่อยื้อชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสุดกำลัง
           
"ความดันเลือดกำลังลดลง   ชีพจรเต้นช้าไม่สม่ำเสมอ...อาการกำลังแย่ลง..." บุรุษพยาบาลอีกคนพูดเสียงดังในขณะที่อีกฝ่ายกำลังห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกจากบาดแผลฉกรรจ์ที่คอของคนเจ็บ
"เธอไปโดนอะไรกัดมา ทำไมเลือดถึงไหลออกมาไม่ยอมหยุดแบบนี้"
"จะตัวอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องรีบห้ามเลือดของเธอก่อน" เพื่อนของเขาพูดทั้งที่สายตายังคงจ้องเครื่องวัดการเต้นของหัวใจเขม็ง แล้วสายตาก็เบิกกว้างขึ้น "หัวใจเต้นช้าลงมาก เธอกำลังจะตาย"
           
เขารีบประสานมือวางมือลงบนทรวงอกของหญิงสาวและกดเป็นจังหวะในขณะที่บุรุษพยาบาลอีกคนแทง เข็มฉีดยาลงไปบนแขนของเธอ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ร้องร้องอุทานเสียงดังลั่นทั้งสองร่างกายไถลไปกระแทกที่กั้นด้านหน้า เมื่อรถที่พวกเขานั่งอยู่เกิดหยุดอย่างกะทันหัน หนึ่งในนั้นหันไปทางคนขับและร้องถามด้วยความโกรธ
           
"ทำไมถึงหยุดรถแบบนี้ เล่นเอาพวกฉันแทบคอหักตายเลยรู้ไหม"
"ขอโทษ" เสียงคนขับตะโกนบอก "มีใครไม่รู้มายืนขวางถนนเอาไว้"
"ว่าไงนะ" บุรุษพยาบาลคนหนึ่งพูดขณะที่ยื่นหน้าไปกวาดตามอง เขาขมวดคิ้ว "ไม่เห็นมีใครเลย ตาฝาดไปหรือเปล่า"
"แต่...ผมเห็นจริงๆนะ..." คนขับหันหน้ามาเอ่ยยืนยัน
"ตรงไหนล่ะ?"
"ตรงนั้นไง...มีผู้ชายใส่ชุดหนังสีดำมายืนกลางถนนและยกมือโบกเหมือนจะบอกให้ผมจอด"
"ไหนล่ะ? ไม่เห็นมีอะไรเลย..." คนที่ยื่นหน้ามาพยายามสอดส่ายสายตามองหา
"ช่างมันเถอะ ฉันว่าตอนนี้เรารีบพาผู้หญิงคนนี้ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า"บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเอ่ยบอก
"ใช่ๆๆๆ...." บุรุษพยาบาลคนที่ห้ามเลือดหญิงสาวพูดขึ้นด้วยสีหน้าวิตก "อาการของเธอแย่ลงทุกทีแล้ว"
   คนขับรถเอามือขยี้ตาแล้วว่า "ผมอาจตาฝาดไปก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันต่อเหอะ..."
       
บอกแล้วคนขับรถก็ขยับเข้าที่เตรียมเข้าเกีร์ยเพื่อขับรถมุ่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อพาคนเจ็บไปยื้อชีวิตต่อ  แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อมีเสียงของหนักๆตกลงมาบนหลังคารถ ทั้งสามเงยหน้าขึ้นพร้อมกันและร้องอุทานเสียงดังเมื่อรถทั้งคันไหวเอียงไปเอียงมาราว กับถูกอะไรบางอย่างจับโยกอย่างรุนแรง 
         
"เฮ้ย....เกิดอะไรขึ้น!?!"   
     
เสียงใครคนหนึ่งร้องถาม แต่เจ้าหน้าที่ทั้งสามก็ต้องแหกปากร้องลั่นกันด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อมีเสียงทุบดังสนั่นมาจากบานประตูทางด้านหลัง พวกเขารีบหันไปมองและพบว่ามันถูกกระชากเปิดออกโดยชายร่างสูงในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิท ชายคนนั้นผมยาวปรกไหล่ ใบหน้าดุๆแต่ซีดเซียวจ้องมองคนทั้งสามด้วยแววตาดำๆเรืองแสงสีฟ้าเขม็งก่อนจะถอยออกไปสองสามก้าว  และข้างหลังมีชายในชุดดำอีกหลายคนยืนเรียงรายอยู่

ร่างนั้นยืนนิ่งตัวแข็งทื่อพร้อมกับพูดเสียงเรียบๆ "พาเธอไปกับพวกเรา..." 
         
ชายร่างใหญ่อีกคนเดินไปที่เปลคนเจ็บและดึงมันออกมาจากตัวรถ
ชายอีกคนเดินเข้ามาช้อนร่างของหญิงสาวที่เริ่มมีอาการสั่นกระตุกอย่างรุนแรง
ทั้งสองนำร่างของคนเจ็บใส่เปลหามแล้วทำท่าจะเดินจากไป

"จะทำอะไร   คนเจ็บอาการหนักมาก   เธอกำลังช็อค" บุรุษพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับยืนขวาง
และเขาต้องหุบปากลงแทบจะทันทีเมื่อดวงตาสีดำสนิทตวัดจ้องมองแบบขวางๆ".........ฉันรู้..........."
"เอ่อ.อ.อ...." บุรุษพยาบาลนิ่งพูดไม่ออก ดวงตาคู่นั้นมีอำนาจมากๆ ยามจ้องทำเอาเขาหวาดกลัว
ชายคนนั้นหันไปทางชายสองคนที่กำลังหามร่างชุ่มเลือด "พาเธอไปได้แล้ว"
"จะพาเธอไปไหน" เสียงเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินร้องถามขณะถอยหลบ ชายผู้นั้นหันกลับมาทางเขาพร้อมกับเหยียดยิ้ม
"นั่นไม่ใช่เรื่องของพวกนาย" ดวงตากวาดมองร่างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของบุรุษพยาบาลทั้งสอง
"แต่ว่าคนป่วยนั่นอยู่ในความรับผิดชอบของเรา   พวกคุณจะพาเธอไปอย่างนี้ไม่ได้..."
"ฉันพาไปได้  เพราะเธอกำลังจะเป็นพวกของฉัน..." เสียงเย็นๆนั่นเอ่ยบอกก่อนจะหมุนตัวเดินตามเพื่อจากไป
"พวกของคุณ....แล้วพวกคุณเป็นใคร?"

ชายร่างใหญ่หน้าตาดุดันเดินเข้ามาบอก "อย่ารู้ดีกว่า  ขึ้นรถแล้วกลับไป  จงทำเหมือนไม่ได้รู้และเห็นอะไร"
"ตะ...แต่ว่า ผมมีใบรับตัวคนเจ็บ..และ...."
ชายร่างใหญ่ตะวาด "อย่าทำให้เรื่องยุ่งยากน่า..."
"พวกคุณเป็นใครและเป็น......หา...นั่น...."

บุรุษพยาบาลทั้งหมดต้องตาเหลือก  เมื่อหนึ่งในนั้นทำหน้าขุ่นเคืองอ้าปากกว้างแลเห็นเขี้ยวคมขาว
ชายคนที่ดูท่ามีอำนาจหันมามอง  สีหน้าขุ่นเคือง

"โดมินิก  นายเผยตัวอีกแล้ว....."
"ขอโทษครับ ผมหงุดหงิดแล้วควบคุมอาการไม่ได้..."
"ถ้าอย่างนั้นคงต้องปิดปากผู้ล่วงรู้ตัวตนของพวกเรา" ชายคนนั้นเอ่ยลอยๆ  แล้วสั่งเสียงเรียบๆ "จัดการให้เรียบร้อย..."
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป.....

บุรุษพยาบาลทั้งสามมองชายห้า - หกคนที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยสายตาหวาดกลัว
"นะ..นี่....พวกคุณจะทำอะไรพวกเรา...."
"พวกแกมันเซ้าซี้และจุ้นจ้านอยากรู้อยากเห็นมากไป   เมื่อรู้มากไปมันก็เป็นอันตรายกับชีวิตอย่างนี้ไง" หนึ่งในนั้นตอบพร้อมกับยกมือขึ้นโบก "ไม่ต้องกลัวไปหรอก เจ็บแค่มดกัดเท่านั้นเอง"

"นะ...นี่..พะ..พวกแกปะ...เป็น...Vampires...."
บุรุษพยาบาลทั้งสามถอยหลังกรู
"ใช่พวกเราเป็น.. Vampires.....และเมื่อพวกเจ้าล่วงรู้   ก็ต้องตายเพื่อไม่ให้ไปปากโป้งบอกใคร.."
"ปะ..ปล่อยเราไปเถอะ...พวกเราไม่บอกใครหรอก  เราจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ..." บุรุษพยาบาลคนหนึ่งบอกด้วยท่าทีหวาดกลัวลนลาน
ชายร่างใหญ่ยิ้มเหี้ยมๆ บอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เราเชื่อว่าคนที่เก็บความลับได้ดีที่สุดคือคนที่ตายแล้วเท่านั้น..."

"อย่า...า...า.....า.....า...อ้าก.ก.ก..ก.ก..ก.....ก์........"          

ชายทั้งหมดเดินเข้าไปหาบุรุษพยาบาลพร้อมกับลงมือจัดการพวกเขาตามที่พวกตนได้รับคำสั่งมาอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดลงมือจัดการเหยื่อท่ามกลางเสียงร้องอันเจ็บปวดและหวาดกลัวที่ดังโหยหวน......
แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบไป ท่านกลางความมืดมนของรัตติกาลนั้น  .....



_______________________________________

ศึกหมอผี 
ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่  ๑
นักล่าแห่งรัตติกาล   ( Vampires  Sleyers. )
________________________________________


ยามค่ำคืนของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ลมโชยชื่นพัดไอน้ำเย็นๆแผ่วพลิ้วมา  ท่ามกลางแสงสีระยิบพราวที่ประดับประดาแต่งแต้มตามหนทางและหมู่ตึกน้อยใหญ่
เสียงหัวร่อต่อกระซิกของชายหนุ่มหญิงสาวดังมาจากทางเดินเลียบริมฝั่งแม่น้ำ
หากเป็นเวลากลางวัน เส้นทางนี้จะคึกคักไปด้วยผู้คน  แต่ในยามกลางคืนมันกลับเงียบเหงาไร้คนสัญจร
แม้ตรงนี้จะมีแสงจากเสาไฟซึ่งตั้งเป็นระยะแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้บริเวณนั้นสว่างขึ้นมามากนัก
ถึงถนนจะว่างเปล่าแต่ใช่ว่าจะไม่มีใคร แต่นานๆครั้งจะมีรถยนต์สักคันแล่นผ่านมา แสงไฟคู่หน้าสาดส่องไปกระทบกับร่างวัยรุ่นสองคนซึ่งกำลังเดินเคียงคู่หยอกล้อกันอย่างมีความสุข

"งานเลี้ยงกำลังสนุก ทำไมถึงรีบกลับเสียเล่า?" เสียงชายหนุ่มถาม
หญิงสาวส่งยิ้มให้กับเขา "เพราะฉันไม่อยากเห็นเธอเมาจนเดินไม่ไหว"
"แค่เบียร์สองสามแก้วเท่านั้น" ฝ่ายชายแย้งและกุมมือคนรักเอาไว้ "ถ้าเมาเราก็นอนค้างกันที่งานได้นี่และ......"
"จะบ้าหรอตัวเอง!?...พ่อฉันจะได้ตามไปยิงกบาลของเธอน่ะสิ" หญิงสาวพูดพลางหยิกแขนเขาไม่แรงนัก "แค่นี้กลับไปก็โดนบ่นจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากถูกพ่อดุแล้วลงโทษด้วยการตัดเงินค่าใช้จ่ายเป็นเดือนนะ"
"ถ้าอย่างงั้นก็อย่าเพิ่งกลับตอนนี้เลย"ชายหนุ่มรั้งเธอเอาไว้และดึงเข้าไปกอด "อยู่คุยกับผมอีกสักหน่อยก่อนนะ"
"แค่คุยเฉยๆเท่านั้นนะ" หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว อีกฝ่ายยิ้มและโน้มใบหน้าลงใกล้
"ตกลง" เขากระซิบพลางใช้จมูกแตะแก้มของคนรัก "วันนี้ผมจะไม่ทำอะไรเกินเลยแน่ ขอสัญญา"

ชายหนุ่มพูดและกอดเธอแน่นขึ้น  เขาก้มหน้าลงเพื่อบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว  แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน  ทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเหมือนของหนักตกกระทบพื้นดังใกล้ๆตัว  ชายหนุ่มเงยหน้าและหันไปมอง ทั้งสองจ้องมองหาที่มาของเสียงนั่น...

ตุ๊บ!!!

"เสียงอะไร?" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
"ฮื่อ.อ.อ..ไม่รู้สิ..." หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ

ขณะทั้งสองจ้องมองหาที่มาของเสียงนั่น...
ทันใดนั้นเอง
เงาร่างสูงใหญ่ไหวก็พุ่งวูบเข้ามาหาทั้งสองอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายชายเบิกตากว้างแต่กรงเล็บคมกริบที่ตวัดผ่านลำคอทำให้เขาร่วงลงไปนอนกองกับพื้น  เลือดสดๆทะลักออกมาจากลำคอเหวอะหวะ  ร่างนั้นดิ้นทุรนทุรายกระตุกหงึกๆตาเหลือก  แล้วก็นิ่งไป  หญิงสาวมองคนรักซึ่งนอนจมกองเลือดตายด้วยความตกใจ  เธอส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น และก็หันไปจ้องร่างทะมึนซึ่งกำลังย่างสามขุมเข้ามาหา  รูปร่างที่สูงใหญ่อยู่ใต้ชุดหนังสีดำ  ดวงตาแดงก่ำ  ปากแสยะเผยให้เห็นเขี้ยวคมวาว  ทำเอาหญิงสาวหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก

หญิงสาวกรีดร้องอีกครั้ง  แต่เสียงกรีดร้องดังลั่น มันจางหายไปเมื่ออมนุษย์ตนนั้นคว้าไหล่ของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้และฝังคมเขี้ยวลงไปในลำคอของเธอ  หญิงสาวตาเหลือกโพลงดิ้นรนสุดแรง และแล้วร่างของเธอก็ค่อยๆขัดขืนน้อยลงๆ  สุดท้ายก็นิ่งไปในอ้อมแขนที่มันกอดตรึงไว้

ขณะที่ร่างเคราะห์กำลังถูกดูดดื่มเลือดจากเจ้าผีร้าย  เงาร่างหนึ่งก็ทาบทับกายของมัน
เจ้าผีร้ายชะงักเมื่อสัมผัสถึงรังสีบางอย่างของผู้ที่มาปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝัน

"ปล่อยผู้หญิงคนนั้นเดี๋ยวนี้!" เสียงตวาดดังมาจากเจ้าของเงาที่ทาบทับกายมัน
เจ้าผีร้ายถอนเขี้ยวของมันออกและหันไปร้องขู่ "แฮ่ก.ก.ก..ก.ก.ก....ก์......"

และเจ้าผีร้ายก็ได้เห็นร่างเจ้าของเสียง  ร่างนั้นคือหญิงสาวผู้มีเรือนร่างสูงระหง  รูปร่างหน้าตาบ่งบอกว่าเป็นชาวยุโรป  ผมสีทองจางๆถูกมัดรวบ ใบหน้าของเธอขาวคมและดูเซ็กซี่ไม่เหมือนใครภายใต้แววตาที่เฉยชา  ยามที่จ้องมองดวงตาคู่นั้นมันช่างเหมือนมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง 

หญิงคนนี้สวมชุดเกาะอกสีดำที่เน้นรัดอกใหญ่ๆแน่นกระชับจนบีบให้เห็นเป็นรอนลูกสะดุดตา  กางเกงหนังที่รัดเปี้ยะช่วยเน้นสะโพกของเธอให้ดูโค้งมนและผายสวยชวนมอง  ยิ่งตรงเป้านั้นรัดแน่นเผยความอวบอูมแทบเห็นรอยผ่าของสองกลีบซ่อนเร้น  เธอสวมเสื้อโค้ทสีเข้มบางๆทับชุดนั้นไว้และขัดดาบในฝักสีเงินไว้ที่กลางหลัง

แววตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองและฉายแววดุดันเพิ่มขึ้น
เสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากหญิงสาวในชุดหนังสีดำเมื่อเห็นสภาพของเหยื่อเคราะห์ร้าย
"พวกแกนี่...มันชั่วไม่มีเปลี่ยนแปลง!!"
แล้วเธอก็กระโจนเข้าหาอมนุษย์กระหายเลือดอย่างรวดเร็วพร้อมคำสบถด่า
"ไอ้ผีนรก.....!!!."

ผีดิบดูดเลือดแสยะยิ้มที่ปากมีคราบเลือดของเหยื่อเปรอะเปื้อนดูน่าสยอง   มันส่งเสียงคำรามขู่ก่อนจะโยนร่างหญิงเคราะห์ไปขวางการจู่โจมเอาไว้  แต่ก็มีชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่บึกบึ้นผมสีน้ำตาลเข้ม ตาโตสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ซึ่งแลมองแล้วหล่อเหลาแบบชาวยุโรป  เขาติดตามหญิงสาวมาบ่งบอกว่าเป็นพวกเดียวกัน  และเขาก็รีบคว้าตัวเธอเอาไว้พลางมองอย่างเป็นห่วง  ส่วนหญิงสาวโจมตีแล้วไม่เป็นผลเมื่อเจ้าผีร้ายเคลื่อนกายหลบไปยืนห่างๆ

"พวกเรามาช้าไปหล่อนโดนกัดไปแล้ว"
เสียงเรียบๆเอ่ยบอก พลางเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดหนังปราดเปรียว  ซึ่งตอนนี้เธอกำลังชักดาบออกจากฝัก
หญิงสาวตั้งท่าสู้  เธอบอกว่า " รีบช่วยเหลือสิ   บางทีเธออาจจะรอด...."
"คุณเองก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้"
ชายคนนั้นมองดูร่างเหยื่อที่กำลังทุรนทุรายตาเหลือกค้างร่างกระตุกหงึกๆแล้วบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด   
เขาหันมองหญิงสาวที่ปักปลายดาบตวัดไปบนดิน   "คุณจะกำจัดมันตอนนี้เลยหรือ"   เขาถาม
อีกฝ่ายหันหน้ามามองก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เรื่องผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน"

บอกแล้วหญิงสาวเลื่อนสายตามองไปยังผีดิบซึ่งกำลังยืนยิ้มแยกเขี้ยวอยู่ไม่ห่าง "คุณดูแลผู้หญิงคนนั้นไป   ส่วนเจ้านั่น..." หญิงสาวขยับดาบ "ฉันจะเป็นคนส่งมันลงสู่ขุมนรกเอง...." แววตาเย็นชาฉายความอำมหิตฉับพลัน

ร่างในชุดหนังรัดรูปสีดำพุ่งปราดออกไปทันที ผีดูดเลือดหมุนตัวหลบคมดาบที่ฟาดฟันเข้าใส่อย่างว่องไว  หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความโกรธและเพิ่มความเร็วในการจู่โจม สีหน้าเยาะเย้ยของผีดิบเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไป มันกระโดดถอยหลังและเสียหลักเซถลา   หญิงสาวฉวยโอกาสนั้นตวัดดาบหมายตัดหัวศัตรู

"ตายเสียเถอะเจ้าผีดูดเลือด" หญิงสาวสะอึกกายเข้าหาในจังหวะได้เปรียบ

แต่คมดาบต้องชะงักค้างนิ่งเมื่อผีร้ายยกมือขึ้นประกบรับ หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตระหนกในขณะที่อีกฝ่ายเหยียดยิ้ม

"แกมันก็เป็นเหมือนกับฉัน" มันปล่อยดาบและใช้มือข้างนั้นฟาดลงไปบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างแรง
ร่างของหญิงสาวถึงกับกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้และทรุดลงไปกอง
หญิงสาวรีบลุกขึ้นตั้งหลักทันที  เธอถลำกายเข้าจู่โจมอีกครั้ง
"นังเด็กเมื่อวานซืน" เจ้าผีร้ายคำรามก่อนร่างของมันจะหายวับไปต่อหน้า

หญิงสาวหยุดกึกพลางกระชับดาบและกวาดมองไปรอบๆกาย  เธอรู้ว่ามันยังไม่ไปไหน
แต่จู่ๆเจ้าผีร้ายก็ปรากฏตรงหน้าของเธอ   มันฉวยโอกาสตอนที่กำลังเผลอคว้าคอเธอและยกขึ้น

"ชริ!  พวกเลือดผสมชั้นต่ำ  บังอาจมาเหิมเกริม..."
น้ำเสียงเต็มไปด้วยการดูถูกขณะกระแทกร่างของหญิงสาวไปที่ต้นไม้ไม่ยั้ง จนกระทั่งร่างนั้นแน่นิ่ง
มันปล่อยร่างนั้นร่วงหล่นลงพื้น  แววตาดำวาวของมันมองอย่าหยามเหยียด...
ผีดูดเลือดกางกรงเล็บ  พลางเอ่ยสำทับ
"ผีดิบเลือดผสมกระจอกอย่างแก ไม่มีค่าพอจะแตะชายเสื้อของฉันด้วยซ้ำ"

เล็บคมกริบฝังลงไปบนอกอวบๆแน่นเนื้อของหญิงสาว  ร่างนั้นผวาสะดุ้งเฮือกสุดตัวและจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาว

"แกพูดถูก"หญิงสาวคำรามพลางจ้องผีร้ายด้วยสายตาแดงก่ำ   เธอแยกเขี้ยวขณะกางมือออก"ฉันไม่ควรแตะต้องพวกผีดิบ"

เจ้าผีดิบเบิกตาโพลงเมื่อเห็นคมใบมีดของคู่ต่อสู้กางออกมาจากข้อแขน  และตวัดฝังคมลงไปในลำคอของมันดังฉึก!   พอเธอสะบัดข้อมือคมมีดก็กระชากเนื้อตรงส่วนลำคอของมันจนขาดเป็นริ้วๆ  เล็บมือที่ฝังบนอกของหญิงสาวคลายออกทันที  ร่างของมันเซไปพร้อมเกาะกุมบาดแผลด้วยความเจ็บปวด

"กะ...แก" มันร้องขณะสำลักไอออกมาเป็นเลือด ดวงตาของมันจ้องหญิงสาวเขม็ง "แก..ทำแบบนี้ได้ยังไง...อ้าก..ก.ก.ก..ก์"
"นั่นมันแค่การเริ่มต้นเท่านั้น"
หญิงสาวตอบเสียงเย็นชา  พลางหมุนตัวควงดาบสีเงินในมือด้วยท่วงท่าสวยงาม
"ของจริงมันหลังจากนี้ต่างหาก"
"หะ..หานี่แกคือ... เรด  รีปเปอร์!!!..." เจ้าผีดูดเลือดร้องอุทานตาเหลือกค้าง

( Red Riper. = จอมเชือดเลือดสาด)

หญิงสาวยิ้มเหี้ยมๆ แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหยามหยัน

"คริ...คริ...ใช่...ฉันนี่แหล่ะ....คนที่ในหมู่พวกแกเรียกว่า  " เรด  รีปเปอร์!!!"....ลาก่อน...เดิร์ก  เค้าท์..."

ประกายเงาดาบสีเงินวิ่งผ่านลำคอของผีดูดเลือดไปอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ถูกเรียกว่า เดิร์ก  เคาท์  เบิกตากว้างและยังคงอ้าปากค้างขณะที่หัวหลุดร่วงออกจากลำตัว   หญิงสาวยังคงมองร่างไร้หัวซึ่งกำลังยืนโอนเอนไปมาด้วยสายตาชิงชังก่อนที่มันจะค่อยๆเกิดการเผาไหม้ขึ้นจนกระทั่งสลายกลายเป็นขี้เถ้าไปอย่างรวดเร็ว...

จัดการกับผีร้ายแล้วหญิงสาวก็หันไปหาผู้ร่วมทางมาซึ่งยืนรออยู่ทางด้านหลัง

เธอเอ่ยถามเสียงเรียบๆ "ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง"
"หล่อนตายแล้ว..." ชายหนุ่มผู้ร่วมทางมาตอบเสียงเรียบๆเช่นกัน
"น่าเห็นใจ  ช่างโชคร้ายจริงๆ" หญิงสาวเอ่ยเบาๆ

ร่างของเหยื่อผีร้ายถูกวางลงนอนหงายบนพื้น  หญิงสาวในชุดหนังรัดรึงโชว์สัดส่วนสะท้านใจเดินมายืนข้างๆ  เพชฆาตผีดิบสาวมองร่างของหญิงสาวที่ไร้ลมหายใจเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยชา  ก่อนที่จะปักดาบลงไปบนอก  คมดาบชำแหระลากผ่านผ่าร่องอกกว้างออก  หญิงสาวสะบัดปลายดาบและผ่าหัวใจสาวเคราะห์ร้ายออกเป็นสองส่วน

เสร็จสิ้นกระบวนการก็เอ่ยถามผู้ร่วมทางมาเสียงเรียบๆขณะเก็บดาบกลับเข้าฝัก  "นายเรียกพวกเขามาหรือยัง? "
"เรียบร้อยแล้ว อีกสักพักคงจะมาถึง...แต่ว่า....เอ่อ..อ..อ..อ์..." ชายคนนั้นตอบแล้วกลืนน้ำลายต่อภาพที่เห็น
หญิงสาวยืนนิ่งทำราวชินชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ชายหนุ่มทำท่าอึดอัดแต่สายตายังจับจ้องไปมองร่างที่ผู้หญิงนอนตายอย่างสยดสยอง   แล้วเขาก็ชำเลืองมองหญิงสาวอย่างทึ่งๆ   แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน
เธอเอ่ยเสียงเรียบๆ  "ฉันเป็นนักล่าแวมไพร์....."
หนุ่มคนนั้นถอนหายใจแล้วเลิกคิ้ว เขาเอ่ยว่า "ก็เข้าใจอยู่...แต่ว่าฉากเปิดตัวของคุณนี่มันสยองไปหน่อยนะ....."



เพียงชั่วอึดใจ มีเสียงรถก็วิ่งเข้ามาในบริเวณนั้น

ทั้งสองหันไปมองรถตู้สีดำสองคันซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาจอด
ชายที่อยู่ในรถต่างพากันกรูลงมาเร่งเก็บร่างผู้เสียชีวิตรวมทั้งจัดการซากของผีดิบดูดเลือดที่หลงเหลืออย่างรวดเร็ว
"จะใช้รถขนศพพวกนี้ไปเองหรือ" ชายหนุ่มถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาหา
ผู้ถูกถามตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึม "พวกเราแค่มารับพวกคุณไปส่งยังจุดนัดพบเท่านั้นครับ"
"จุดนัดพบ"   ชายหนุ่มทวนคำพูด  "แล้วที่ไหนหล่ะ?"
"โรงงานร้างห่างจากนี่ขึ้นไปทางเหนืออีกยี่สิบสามไมล์" หญิงสาวเอ่ยตอบ
ชายหนุ่มหันไปมองหน้า"คุณรู้ล่วงหน้าได้ยังไง   แผนปฏิบัติการณ์ต่างๆจะได้รู้ก่อนลงมือหนึ่งนาทีเสมอ"
"มันอยู่ในท้ายรายงาน...ของแผนแรก..." หญิงสาวบอก
"แหม คุณนี่ละเอียดจริงๆ"

ระหว่างนั้นทั้งสองก็หันไปมองคนของหน่วยซึ่งลำเลียงเหยื่อของผีร้ายขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก "จะขนไปขนมาทำไมให้วุ่นวาย   เรียกรถมูลนิธิของประเทศนี้มาเก็บก็หมดเรื่อง"
" องค์กรของเราต้องเอาซากร่างของเหยื่อที่ถูกแวมไพร์ทำร้ายไปจัดการชันสูตรและเฝ้าระวัง  ก่อนจะส่งกลับให้ญาติๆเอาไปทำพิธี  เพราะหากไม่ตรวจสอบให้ดีร่างของเหยื่อกลายเป็นแวมไพร์ละก็  วุ่นวายไม่จบแน่ๆ"เจ้าหน้าที่เป็นผู้ตอบ
"ละเอียดรอบคอบจริงๆนะ  น่าชื่นใจแทนคนออกทุนให้องค์กรล่าแวมไพร์ของเราจริงๆ"ชายหนุ่มผงกหัวทำท่ารับว่าเข้าใจ

แล้วชายหนุ่มก็เดินมาหาหญิงสาวที่เดินมายืนข้างๆรถตู้อีกคัน 
เขาถามเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอยังทำท่าเฉยๆ
"แล้วพวกเราจะไปไอ้โรงงานที่ว่ากันต่อได้หรือยัง  มัวมาเสียเวลาจัดการพวกผีดูดเลือดกระจอกๆที่นี่ตั้งนานแล้วนะ"
"ก็รอนายให้พูดจบก่อนนี่ไง...แล้วเราถึงจะไปกันต่อ.." หญิงสาวกล่าวประชดมา
"แหม ขอโทษจริงๆที่ทำคุณเสียเวลา"
"ถ้ารู้ตัวก็ไปกันได้แล้ว.." หญิงสาวเอ่ยเร่ง
"ว่าแต่ต้องไปทลายโรงงานของแวมไพร์ขาใหญ่  เราใช้กำลังพลเท่าไหร่หล่ะ  แล้วไหนพวกที่จะไปกับเรา"
"ก็อยู่นี่ไงหล่ะ?"  หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"อยู่ที่นี่...ไม่เห็นมีใครเลย..."
"นายกับฉันสองคนไง..."
ชายหนุ่มทำท่าตกใจและพูดเสียงดัง "บ้าหรอ...ลุยกับแวมไพร์เป็นโหลแถมมีตัวพ่อเป็นหัวหน้าฝูง  มีคุณกับผมไปแค่สองคน  ไม่เอาๆๆๆบ้าแล้วๆๆๆ  ฆ่าตัวตายชัดๆ..." เขาส่ายหน้า "ผมจะกลับไปพร้อมกับรถขนศพพวกนั้น"

ชายหนุ่มพูดและทำท่าจะเดินไปยังรถคันที่บรรทุกศพ  แต่หญิงสาวกลับคว้าคอเสื้อของเขาและลากไปที่รถอีกคัน

"จะไปไหน...หน้าที่ของนายต้องไปกับฉัน" เธอผลักชายหนุ่มเข้าไปในรถ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เบาะหน้าโดยไม่สนใจต่อเสียงบ่นของเพื่อน   หญิงสาวหันไปมองเจ้าหน้าที่ประจำรถและออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อม "ไปได้แล้ว"

แล้วรถทั้งสองวิ่งออกจากบริเวณนั้นทันที
หลังจากวิ่งตามกันไปจนถึงทางแยก รถคันที่บรรทุกศพก็เลี้ยวไปอีกทาง
หญิงสาวมองตามด้วยแววตากังวลก่อนจะชำเลืองตาไปยังเบาะหลังและฉีกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นผู้ร่วมงานกำลังนั่งสัปหงก

"หลับง่ายหลับดายจริงๆ"
หญิงสาวเอ่ยเบาๆราวคุยกับตัวเอง
ก่อนที่เธอจะเลื่อนสายตากลับไปที่ถนนและมองอาคารบ้านเรือนซึ่งกำลังเคลื่อนผ่านไปตามความเร็วของรถ
เวลาของการเดินทางผ่านไปเรื่อยๆ  รถแล่นผ่านท้องที่และป้ายบอกทางของจังหวัดต่างๆไปอีกหลายแห่ง

"อีกนานกว่าจะถึง ไม่หลับพักผ่อนสักหน่อยก่อนหรือครับ.." คนขับเอ่ยบอกหญิงสาวที่นั่งนิ่งแทบไม่ขยับ
หญิงสาวเหลือบตามองเขาก่อนจะตอบเสียงเรียบๆ "ฉันไม่ง่วง"

ทั้ง สองนั่งนิ่งไม่พูดอะไรต่อจากนั้น หลังจากที่วิ่งมาได้ระยะหนึ่งทั้งหมดจึงพ้นจากเขตชุมชน
หญิงสาวถอนหายใจมองทุ่งหญ้าโล่งด้วยสายตาครุ่นคิดแต่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่  แววตาเยือนเย็นนั่นเหมือนเก็บกดอะไรลึกๆไว้ไม่ให้แสดงออกมา

"เราทำลายห้องทดลองของพวกมันที่ทรานซิลวาเนียไปแล้ว   พวกผีดิบพวกนี้มันก็ย้ายกันมาเปิดสาขาใหม่ที่นี่   น่าชื่นชมในการบริหารจัดงานของมันจริงๆ   ที่ไม่ยอมหยุดยั้งการฟื้นฟูและสร้างเครือข่าย...." คนขับรถพูดขึ้นทำลายความเงียบในรถ
หญิงสาวหันไปมองเขา  แล้วเธอก็ขมวดคิ้วพลางถามกลับ "คุณเข้ามาทำงานนานหรือยัง"
"ก็หลังจากที่พวกคุณถล่มโรงงานร้างที่โรมาเนียจนราบ ประมาณ..เอ้อ...." อีกฝ่ายตอบและทำท่าคิด "ประมาณสามเดือนเห็นจะได้ อ้อ...ผมชื่อ แดนนี่ มิลล์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับพวกคุณ"

เขายื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มจริงใจ  แต่ต้องดึงกลับเมื่อหญิงสาวทำเพียงเหลือบมองอย่างไม่สนใจ

"เพิ่งเข้ามาแค่สามเดือนเท่านั้นเองหรือ" หญิงสาวพูดพลางเบนสายตามองไปนอกรถอีกครั้ง "ทำไมเอาคนฝึกงานมาขับรถให้ฉันไปทำงานสำคัญอย่างนี้นะ"
"หมายความว่ายังไงหรือครับ" แดนนี่ถามและต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายยังนั่งนิ่งทำเหมือนไม่สบอารมณ์ที่เขามาขับรถให้

คำเตือนถึงนิสัยของหญิงสาวที่หัวหน้าองค์กรบอกไว้ก่อนจะออกเดินทางทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าควรสงบปากลงได้แล้ว  คนขับรถมือใหม่จึงตั้งสมาธิกลับไปที่การบังคับรถอีกครั้ง
           
แม้จะเป็นการขับรถวิ่งในระยะเวลาอันยาวนาน แต่เพราะผลจากกาแฟรสเข้มที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าทำให้คนที่กำลังขับรถไม่ รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเท่าใดนัก หลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวเพราะคิดว่าเธอคงจะหลับไปแล้ว แต่แดนนี่ ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหญิงสาวยังคงมองทุ่งหญ้าในความมืดสลัวข้างทางอยู่เช่นเดิม แต่แล้วอยู่ๆหญิงสาวก็ขยับตัวเมื่อเห็นแสงไฟจากอาคารขนาดใหญ่ซึ่งตั้งโดด เดี่ยวอยู่กลางทุ่ง เธอถามขึ้น
           
"นั่นอะไร"
"ไหนครับ"   แดนนี่หันไปมอง   แล้วเอ่ยตอบ "ดูเหมือนจะเป็นโรงงาน"
"ฉันดูแผนที่ก่อนออกเดินทาง ไม่เห็นมีโรงงานอะไรแถวนี้"

หญิงสาวเอ่ยแย้งขึ้น  คนขับรถรีบกดให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่คอนโซนรถเลื่อนออกมาและเปิดหาข้อมูลอย่างรวดเร็ว
           
"คงจะเป็นโรงงานสร้างใหม่น่ะครับ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับพวกเครื่องสำอางหรือยาอะไรทำนองนั้น"
"ไม่เห็นมีในข้อมูลบันทึกของเส้นทางก่อนหน้านี้เลย.." หญิงสาวหันไปถาม
แดนนี่มองแสงไฟที่เปิดอย่างสว่างไสวแล้วยิ้ม "เขาอาจจะเพิ่งเปิดก็ได้ครับ"
"เปิดได้ภายใน ๓ วันแล้วก็ทำงานกลางดึกแบบนี้น่ะหรือ"
"คุณจะสนใจไปทำไม  ในเมื่อมันไม่ใช่เป้าหมายของเรา  โรงงานที่เราจะไปนี่ยังเหลือระยะทางอีกห้าไมล์"
     
"แต่สภาพของมันน่าสงสัย  และฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล" หญิงสาวเอ่ยขณะทำท่าคิด
"คุณคิดมากไปหรือเปล่า" แดนนี่บอกแล้วชำเลืองมองเธอก่อนจะหันกลับไปยังถนนอีกครั้ง
"คุณไม่เชื่อประสาทสัมผัสของฉันหรือ?" หญิงสาวถามเสียงเข้มๆ
"ผมก็อยากจะเชื่อ  เพราะรู้ว่าตัวตนของคุณคืออะไร...แต่...." แดนนี่คนขับรถเงียบไปเมื่อสายตาเย็นๆจ้องมองเขา
หญิงสาวเอ่ยบอก "ถ้าอย่างนั้นก็จอดรถตรงนี้.."
"จอดทำไมหรือครับ?"
"ฉันจะลงไปตรวจสอบโรงงานนั่น...."
"แต่หน้าที่ของผมคือพาคุณไปยังโรงงานอีกแห่งตามเวลาที่กำหนด ผมจะมาเสียเวลาที่นี่ไม่ได้คุณก็รู้ว่า...."

แดนนี่หยุดพูดไปเพราะแสงไฟจากรถพ่วงคันที่วิ่งสวนมาสว่างจ้าเสียจนเขาต้องหรี่ตาลง และเมื่อรถฝั่งตรงข้ามวิ่งผ่านไป แดนนี่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเงาของอะไรบางอย่างวิ่งตัดหน้า อย่างกระชั้นชิด ไฟที่สาดไปข้างหน้าทำให้ผู้อยู่บนรถเห็นร่างซึ่งกำลังยืนขวางกลางถนน ชายหนุ่มตัดสินใจหักหลบทันทีก่อนที่รถจะปะทะเข้ากับร่างนั้น......

เฮ้ย!!!....เสียงของแดนนี่ตะโกนดังลั่นในรถด้วยความตกใจ

เอี้ยดดดดดดดดดดดดดดด.............................!!!!!
       
เสียงเบรกดังลั่นและเสียงล้อรถครูดไปบนพื้นถนนดังเสียดบาดแก้วหู
รถตู้ไถลลงข้างทางและหยุดนิ่งเมื่อชนกับคันดินสูงอย่างแรง  ร่างของคนในรถกระเด็นกระดอนอยู่ข้างใน
พอรถสงบนิ่ง  หญิงสาวที่รู้สึกตัวก็สะบัดหัวสองสามครั้งและรีบหันไปมองแดนนี่ซึ่งซบหน้าอยู่กับพวงมาลัย รถ     
           
"เป็นอะไรหรือเปล่า!?"
"เจ็บนิดหน่อยเท่านั้นครับ" คนขับรถตอบพลางไอสองสามครั้ง
"ระยำเอ้ย...เกิดบ้าอะไรขึ้นวะนี่  คนขับหลับในหรือไงวะ!?!"

เสียงสบถที่ดังมาจากหลังรถทำให้หญิงสาวถอนใจ และโล่งอกที่เพื่อนร่วมงานปลอดภัย..

"ขับรถภาษาอะไรกัน" เสียงของชายหนุ่มบ่นขึ้นมาอย่างุนงง
"บาดเจ็บอะไรหรือเปล่า?" หญิงสาวถาม
"ไม่อ่ะ...."  เสียงตอบมาพร้อมเสียงพยายามตะกายเบาะเพื่อลุกตั้งหลัก แล้วก็ร้องถามต่อ  "แล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นวะ?"
  "มีใครก็ไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถของเรา.." แดนนี่บอกแล้วร้องครางเนื่องจากบาดเจ็บจากแรงกระแทก
แต่หญิงสาวกลับพูดแทรก"ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวอะไรต่างหาก"

หญิงสาวหยิบดาบและเปิดประตูเพื่อก้าวออกจากรถ
ชายหนุ่มมองด้วยความแปลกใจ "นั่นคุณจะไปไหน"
"ไปจัดการเจ้าตัวประหลาดที่กล้ามาขวางทางของพวกเรา" หญิงสาวตอบและวิ่งออกไปโดยไม่รอเพื่อน
ชายหนุ่มรีบเลื่อนมือไปเปิดประตูและบ่นเสียงดังเมื่อพบว่ามันไม่ขยับ "บ้าเอ้ย...ติดอะไรวะ?"

ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล
ลมเย็นๆของท้องทุ่งพัดโชยมาต้องกายหญิงสาว  เสื้อคลุมบางๆที่สวมทับชุดหนังปลิวเป็นริ้วๆ
หญิงสาวกวาดตาสำรวจไปรอบๆพื้นที่ยืนอยู่  ใต้แสงจันทร์ที่ส่องลางๆร่างขาวสูงระหงสไตล์ชาวยุโรปยืนอย่างมั่นคง
และเมื่อมองหาสิ่งต้องสงสัยรอบกายไม่พบเธอก็มองไปที่โรงงานกลางทุ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่าง
เธอมองอยู่ครู่ก็ตั้งใจจะลองเข้าไปสำรวจตรวจตราดู  เพราะเธอสงสัยแต่แรกเห็น  และอาจพบเบาะแสของสิ่งที่พุ่งตัดหน้ารถของเธอ หญิงสาวก้าวเดินลุยป่าหญ้าไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งมาหยุดยืนไม่ห่างจากโรงงาน...

ทันใดนั้น หญิงสาวก็สะดุ้งและต้องย่อตัวลงต่ำเมื่อด้านบนของโรงงานเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น กระจกอาคารแตกกระจาย ผนังบางส่วนหลุดร่วงและกะเทาะแตกหลุดร่อนปลิวออกมา   และพอสิ้นเสียงระเบิดร่างติดไฟสองร่างก็พุ่งหลาวลงมาจากช่องหน้าต่างหล่นร่วงราวนกปีกหัก  พอร่างทั้งสองแตะกระทบพื้นดินก็แตกกระจายเป็นเศษเถ้า  หญิงสาวจ้องมองก็เข้าใจทันทีว่าสองร่างนั้นเป็นพวกผีดิบดูดเลือดไม่ใช่มนุษย์  แต่ก็แปลกใจระคนสงสัยว่าใครกันหนอเป็นผู้ลงมือจัดการพวกมัน...

ไม่ทันที่เธอจะคาดเดาอะไรต่อ  ร่างใหญ่ๆหลายร่างก็กระโดดตามออกมาจากช่องหน้าต่างนั้น  พอร่างของพวกมันถึงพื้นก็มีท่าทีแตกตื่นลนลานคล้ายกำลังหนีอะไรที่ร้ายกาจน่ากลัวมา  หญิงสาวสัมผัสได้ทันทีว่าคนกลุ่มนั้นไม่ใช่มนุษย์มันคือพวกผีดิบดูดเลือด ที่เธอเดาไว้แต่แรกไม่ผิด  ในโรงงานแห่งนี้เป็นแหล่งที่ซ่อนตัวของพวกนี้จริงๆ

หญิงสาวยืดกายเตรียมชักดาบเงินเพื่อจัดการพวกมัน  แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อที่ช่องหน้าต่างยังมีอีกร่างกระโจนตามลงมา พวกผีดิบที่กำลังหนีต่างพากันเงยหน้าจับจ้องมอง  พวกมันชะงักเมื่อร่างนั้นม้วนตัวมาสู้พื้นอย่างสวยงามและดักทางหนีของมันเอาไว้   หญิงสาวเองก็จ้องมองอย่างแปลกใจด้วยสงสัยว่าเป็นใคร....

ร่างที่ยืนขวางเป็นชายหนุ่มหน้าตาเกรี้ยงเกรา  นัยน์ตากลมโต  คิ้วสองข้างหนา  จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวคล้ำๆ  ผมสั้นหยักศกน้อยๆ  เขาแต่งกายง่ายๆแต่รัดกุมเหมาะกับการเคลื่อนตัวเวลาต่อสู้  แต่ที่เห็นเด่นๆคือดาบที่ขัดไว้กลางหลังและย่ามสีแดงเก่าคร่ำคร่าที่สะพายเฉียงไหล่  หน้าตาเนื้อตัวของเขามอมแมมจากการต่อสู้แต่ก็ยังดูสง่าและน่าเกรงขาม  หญิงสาวขมวดคิ้วเพราะท่วงท่าของเขานั้นไม่ต่างจากเธอ  พลางเกิดคำถามในใจว่าเขาคนนี้เป็นใครและมาจากไหน?....

ร่างของผีดิบสองตนวิ่งถลาเข้าหาชายหนุ่มคนนั้น  แต่ชายหนุ่มก้มหลบแล้วชักดาบฟันฉับๆเข้าที่ร่างของทั้งสอง
สองร่างเกร็งกระตุกตาเหลือกค้างและสลายกลายเป็นเถ้าไป  แต่อีกสาม – สี่ร่างพร้อมอาวุธครบมือก็ผวาเข้ามาหาแทน
ชายหนุ่มคนนั้นกระชับดาบจ้องมองอย่างไม่หวาดหวั่น  เขาล้วงย่ามหยิบมีดสั้นออกมาและตั้งท่ารับมือ
เจ้าพวกผีดิบดูดเลือดแหกปากเงื้ออาวุธวิ่งเข้าหา  แต่ชายหนุ่มก็ก้มหลบอาวุธของพวกมันและฟาดฟันดาบและคมมีดใส่อย่างรวดเร็วจนพวกมันชะงัก  และร่างสลายกายกลายเป็นเถ้าเมื่อต้องอาวุธของเขาจนหมด
หญิงสาวจ้องมองอย่าตื่นตะลึง  หากชายคนนี้เป็นนักล่ารัตติกาล  ก็นับว่ามีฝีมือฉกาจยิ่งนัก  แต่เขาสังกัดองค์กรไหนกันเล่า

เจ้าผีดิบหัวล้านมองพรรคพวกตกตายสิ้นด้วยท่าทีลนลาน มันร้องถามชายหนุ่ม "เฮ้ย! แกเป็นใคร  อยู่ๆก็บุกเข้ามาฆ่าพวกเราทำไมวะ!?"
"ข้าเป็นใครไม่สำคัญ  แต่พวกเอ็งเป็นผีร้ายเที่ยวไล่จับผู้บริสุทธิ์มาสูบเลือดจนตายเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารอย่างโหดร้าย ข้าเป็นคนของที่นี่  จะปล่อยให้พวกเอ็งก่อเรื่องร้ายๆและทำลายความสงบสุขของคนที่นี่ไม่ได้..." ชายหนุ่มตอบอย่างห้าวหาญ
"มึงจะแน่สักแค่ไหนวะ ไอ้ลิงเหลืองระยำ!?!" มันร้องด่าพร้อมๆกับวิ่งเข้ามาหา ดาบยาวเงื้อหมายสับร่างของเขา
ชายหนุ่มตั้งท่ารอพร้อมกุมดาบมั่น "ไปสู่นรกเสียเถอะ...ไอ้พวกครึ่งผีครึ่งคน...."

ร่างของผีดิบวิ่งถลามา  และก็ถูกฟันสวนเข้ากลางลำตัวเต็มๆ  มันผวาเฮือกตาค้างและร่างก็มอดไหม้สลายกลายเป็นเถ้าไป  ชายหนุ่มมองแล้วเก็บดาบเข้าฝัก  โรงงานเบื้องหน้าของเขาก็เกิดระเบิดซ้ำๆขึ้นอีกหลายครั้ง  เปลวไฟลามเลียโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ  ชายหนุ่มมองแล้วถอนหายใจ อาการของเขาคล้ายๆยินดีที่ทำลายสถานที่แห่งนี้ได้....

แต่แล้วชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว  เขาหันหลังเหลือบหางตาไปมองหญิงสาวที่ก้าวออกมายืนข้างหลัง
ประกายตาเย็นชาของหญิงสาวประสานกับแววตาใสซื่อขี้เล่นที่ไร้แววอำมหิตผิดกับการกระทำของชายหนุ่ม 
ทั้งสองยืนจ้องกันนิ่งอยู่พักใหญ่ๆ

จนกระทั่ง  หญิงสาวเอ่ยถามก่อน "นายเป็นใคร?"
"ผมหรอ?" ถามกลับมาแบบทะเล้นๆ เขานิ่งยิ้มแล้วเอ่ยว่า "บอกมาก่อนสิว่าคุณเป็นใคร  แล้วผมก็จะบอกว่าผมเป็นใคร?"
"อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ" เสียงหญิงสาวเอ็ดกลับมาเครียดๆ
ชายหนุ่มยิ้มร่า "เอาละ..บอกก่อนก็ได้ ตัวผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่งบนแผ่นสยามประเทศครับ..."
หญิงสาวสูดลมหายใจคล้ายๆระงับอารมณ์  "อย่ามาเล่นลิ้น  ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย แล้วสถานการณ์แบบนี้ไม่ใมช่เวลาจะมาล้อเล่นกัน บอกมาว่านายเป็นใคร ทำไมถึงมีฝีมือเก่งฉกาจจัดการกับพวกผีดิบได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น  นายเป็นพวกนักล่ารัตติกาลหรือ?"
"นักล่ารัตติกาล?" ชายหนุ่มฉงนในชื่อที่เรียก
"หมายถึงนักล่าพวกผีดิบดูดเลือดน่ะ  นายเป็นแบบนั้นด้วยใช่ไหม  ถ้านายเป็นแล้วนายสังกัดกลุ่มไหม?" หญิงสาวอธิบาย
"ผมไม่ได้เป็นนักล่งนักล่าอะไรนั่นหรอก  ผมเป็นแค่หมอผี   ไม่มีสังกัดและก็ไม่มีพรรคด้วย" ชายหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้ม
"นายเป็นหมอผี?  หมายถึงพวกทรงเจ้าเข้าผีแล้วก็คอยไล่ผีที่สิงสู่คนน่ะหรอ?" หญิงสาวขยายความแล้วเน้นคำถาม
"ก็ประมาณนั้นแหล่ะ..."
หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอเอ่ยต่อ "แต่ว่าที่นายทำเมื่อกี้มันไม่ใช่นี่  นายกระโดดผาดโผนยังกะจอมยุธรในหนังจีน ใช้ดาบหยั่งกะนักรบที่ชำนาญชาญศึกผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน  ที่สำคัญนายรู้จุดอ่อนของพวกมัน ที่นายทำมันคือวิธีการของนักล่ามืออาชีพ  หมอผีที่นี่มีเก่งกล้าขนาดนี้ด้วยหรือ"
"ผมคงอธิบายอะไรคุณมากไม่ได้  แต่ว่าหมอผีมีอยู่หลายประเภท  ผมมันประเภทครบเครื่องคอยออกอภิบาลคนดีไม่ปราณีคนเลว และไม่ตั้งสำนักเข้าทรงใบ้เลขหลอกลวงใครๆ" ชายหนุ่มยังตอบแบบทีเล่นทีจริง
หญิงสาวผงกหัวทึ่งๆ  แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนเลว "ว่าแต่นายรู้ได้อย่างไงว่ามีพวกผีดิบอยู่ในนี้"
"มีคนไปบอกว่าหญิงสาวในหมู่บ้านข้างหน้าหายตัวไปหลายสิบคน  ผมจึงเดินทางมาที่นี่แล้วพบว่าพวกผีดิบมันมาตั้งโรงงานที่นี่และออกจับหญิงสาวไปสูบเลือดเก็บไว้กิน  ผมเลยบุกมากำจัดมันนี่แหล่ะ" หมอผีหนุ่มเล่าให้หญิงสาวฟัง
"ถ้าอย่างนั้นคุณกับฉันก็อุดมการณ์เดียวกัน  ฉัน แคทเทอลีน ซีต้าร์ โจนส์ นักล่ารัตติกาลสังกัดองค์กรกางเขนดำ  แล้วนายเล่าชื่ออะไร?" หญิงสาวบอกสถานะของตนแล้วถามฐานะของชายหนุ่มกลับพร้อมยื่นมือมาจับเพื่อแสดงความเป็นมิตร
ชายหนุ่มยื่นมือมาเพื่อสัมผัสพร้อมรอยยิ้ม "ผมชื่อ......."

ยังไม่ทันได้เอ่ยชื่อตน  ชายหนุ่มต้องเปลี่ยนสีหน้าแล้วกระโดดรวบร่างอวบๆขาวๆของนักล่าผีดิบล้มลง
มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งผ่านไปปักที่เสาต้นข้างๆ  ทั้งสองมองไปที่มีดสั้นแล้วมองกลับไปยังทิศทางที่มีดพุ่งมา 
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมสีดำก้าวเดินออกมาจากความมืด  ผมยาวปะไหล่ ใบหน้าขาวซีดนั่นจ้องมาด้วยดวงตาดำวาวเย็นชา
ทั้งสองขยับกายลุกขึ้นมาและมองผู้ลอบโจมตีอย่างระแวดระวัง  จนกระทั่งร่างนั้นหยุดยืนห่างจากทั้งสองไม่ถึงสิบก้าว

หญิงสาวนักล่าร้องถาม "แกเป็นใคร?"
"คนที่เจ้ากำลังตามล่าอยู่ไง" เสียงแหบๆแต่ทรงอำนาจตอบมา     
หญิงสาวนิ่งไปครู่ใหญ่ๆแล้วอุทานออกมา "แกคือ วาเลค  มอทัซ...จอมผีดิบตัวพ่อหรือ?"
"ถูกต้องแล้ว... สาวน้อย...." รอยยิ้มอันเย็นยะเยือกจากมุมปากของมันแสดงออกมาอย่างน่าขนพองสยองเกล้า
หญิงสาวขยับตัวทันที เธอกุมด้ามดาบที่หลังแล้วจ้องมองอย่างระวัง "ดีแล้ว...ที่มาให้เชือดเองถึงที่นี่  ไม่ต้องไปตามหา"
"หุ หุ หุ  มั่นใจเกินไปแล้วมั้งสาวน้อย ละอ่อนต่อนแต่นอย่างเธอจะหาญเทียบฉันได้หรือ" ผีดิบอันตรายหัวเราะขำอย่างเยือนเย็น
"ได้ไม่ได้  ฉันก็จะขอลอง ชีวิตของฉันอยู่ถึงทุกวันนี้ก็เพื่อฆ่าแก..มอทัซ..." หญิงสาวบอกอย่างเด็ดเดี่ยว

นักล่าสาวชักดาบออกมา  คมดาบสีเงินสะท้อนแสงพระเพลิงที่กำลังเผาผลาญโรงงานวาววับ
จอมผีดิบยืนนิ่งใต้ชุดคลุมสีดำที่ต้องลมแล้วปลิวพลิ้วไสว  ใบหน้าขาวซีดไร้ความรู้สึกจ้องมองมาที่หญิงสาวไม่วางตา
ส่วนชายหนุ่มก็ยืนมองทั้งสองอยู่ห่างๆ  เขาคอยคุมเชิงหากหญิงสาวพลาดก็จะเข้าช่วย  ทั้งสองยังยืนนิ่งจ้องตากัน
จนกระทั่ง  เสาติดไฟต้นหนึ่งโค่นลงมา  ปลายเสาล้มมาตรงกลางที่ทั้งสองอยู่พอดี  ประกายไฟแตกกระจายจังหวะนั้นเอง...

หญิงสาวนักล่าก็ม้วนตัวตีลังกาฟาดคมดาบเข้าใส่ร่างของจอมผีดิบ   มันเบี่ยงตัวหลบคมมีดที่ตวัดลงมาและเหวี่ยงดาบโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายพลิกตัวหลบไปได้ทัน แต่ก็ยังแทงสวนกลับไปคมดาบเกือบพุ่งเข้าท้องของจอมผีดิบ ทำร่างในชุดผ้าคลุมรุงรังกระโดดถอยหลังและจ้องนักล่าสาวด้วยสายตาน่า กลัว
         
"ที่แท้ก็เธอเองก็เป็นพวกเลือดผสม..." เสียงแหบต่ำดังออกมา
ชายหนุ่มที่สังเกตการณ์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ "อะไรนะ"
  "เลือดผสม?" ร่างนั้นพูดซ้ำคำเดิมพร้อมกับขยับดาบในมือ "แกเป็นพวกเลือดผสมใช่ไหม"
"แกพูดเรื่องอะไร" นักล่าสาวเม้มปากและถามเสียงห้วน ดวงตาสีแดงก่ำจ้องคู่ต่อสู้นิ่ง อีกฝ่ายแสยะยิ้มออกมา
  "ตาของฉันยังมีแวว" จอมผีดิบพึมพำขณะลดดาบในมือลง "อย่าปิดบัง   เจ้ามันพวกเลือดผสม แต่เป็นเลือดผสมแบบ....."
   
ยังไม่ทันจะต่อคำ  ทั้งสามที่อยู่บริเวณนั้นก็ชะงักเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น....

หวอ..อ.อ.อ.อ.อ.....หวอ.อ.อ.อ..อ.อ...หวอ.อ..อ.อ..อ.อ..อ....อ์
       
ร่างของจอมผีดิบหมุนตัวและทำท่าจะวิ่งไปจากบริเวณนั้น 
แต่หญิงสาวพุ่งเข้าไปขวางเอาไว้ทันที   อีกฝ่ายแยกเขี้ยวคำรามด้วยความโกรธ  "หลีกทางให้ข้า..."
"ไม่!!!..." นักล่ารัตติกาลตอบและยกดาบขึ้น "ฉันจะไม่ให้แกหนีไปไหน   วันนี้ฉันจะฆ่าแกที่นี่ให้ได้.."
"เลือดผสมต่างสายพันธุ์ หุ หุ หุ  ไม่น่าเชื่อจะหลงรอดมาอุบัติได้...."
"มันคืออะไร"   หญิงสาวถามเสียงห้วน แต่อีกฝ่ายมองเธอด้วยดวงตาวาว
  "ความชั่วร้ายที่รอวันปลดปล่อย หุ หุ หุ...."
"ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนั้น...." น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มือที่ถือดาบกำแน่นจนสั่นระริก
"หุ  หุ  หุ  ถึงเจ้าจะปฏิเสธ  แต่สิ่งนั้นสักวันมันจะถือกำเนิดจากเจ้า..."
หญิงสาวนักล่าขมวดคิ้ว "แกหมายถึงอะไรกัน ความชั่วร้ายอะไรกัน..."
"ข้าหมายถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของเจ้า   มันกำลังรุมเร้าเจ้า   แล้วสักวันมันจะชนะและควบคุมเจ้า ...  " จอมผีดิบพูดย้ำความหมายเดิม ดวงตาภายใต้ชุดผ้าคลุมทอประกายกร้าว มันจ้องหญิงสาวเขม็งก่อนจะแสยะยิ้ม "จำไว้เด็กน้อย  ไม่ว่าเจ้าจะเข้มแข็งแค่ไหน  แต่ความกระหายมักจะชนะเสมอ...."

ระหว่างนั้นชายหนุ่มที่ร่วมทางมากับนักล่าสาวได้ยินเสียงระเบิดและโลหะกระทบกันซึ่งดังมาจากด้านข้างของโกดังทำให้รู้ว่าหญิงสาวกำลังต่อสู้กับอะไร บางอย่าง  ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถีบประตูรถจนพังและรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมาถึงตรงบริเวณทั้งหมดกำลังเผชิญหน้ากันอย่างเคร่งเครียด       
 
จอมผีดิบสอดดาบกลับเข้าฝักและหมุนตัวหันหลังให้หญิงสาวนักล่า  "ลาก่อน   แล้วเราอาจจะได้เจอกันเมื่อเจ้ากลายเป็น..."
"กลายเป็นอะไร?" หญิงสาวร้องถาม           
"หุ  หุ  หุ...." ไม่มีคำตอบ ร่างสูงใหญ่วิ่งหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
นักล่ารัตติกาลขยับร้องห้ามเสียงดัง "เดี๋ยว! แกจะหนีไปไหน?"
           
จอมผีดิบไม่ฟังเสียง ร่างของเคลื่อนไหววูบวาบหายไปในความมืด  นักล่าสาวขยับตัวจะวิ่งตามแต่ต้องชะงักเมื่อเพื่อร่วมงานหนุ่มถลันเข้ามาขวาง  ชายหนุ่มมีท่าทีตื่นเต้นกวาดตามองรอบตัว
  พอเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ด้วยก็เอ่ยถาม "เจ้านั่นใครล่ะ"
"เขาเป็นนักล่าพื้นที่  เป็นคนถล่มรังของพวกผีดิบดูดเลือดที่นี่จนราบ" หญิงสาวบอก
หนุ่มเพื่อนร่วมงานจ้องมองทึ่งๆ "ฝีมือของนายร้ายไม่เบาเลยนี่  แล้วไอ้ตัวที่วิ่งหายไปแว้บๆนั่นใครล่ะ?"
"นั่นแหล่ะ  มอทัซ ผีดิบตัวพ่อของนาย" นักล่าสาวตอบเสียงห้วน
ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม "ทำไมถึงไม่ตาม"
"ก็เพราะว่ามีไอ้เซ่อที่สะเหล่อวิ่งเข้ามาขวางทางพอดีนะสิ..." อีกฝ่ายตอบเสียงขุ่น
ชายหนุ่มหนุ่มเลิกคิ้วและหันไปมองหน้าหญิงสาว "ไอ้เซ่อ? สะเหล่อ? ใคร? หมายความว่าไง"

หญิงสาวไม่ต่อคำเธอเดินไปหาหมอผีหนุ่มที่ยืนอยู่  เธอบอกว่า "ขอบใจที่ช่วยกำจัดพวกนี้ให้.."
"ไม่ต้องขอบใจหรอก  มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว.." ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ
"ว่าแต่พวกเราคงต้องแยกกันแล้วนะ  ตอนนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาแล้ว  หากพวกเราอยู่ตรงนี้จะมีเรื่องยุ่งยาก" หญิงสาวบอก
"ผมเห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นผมลาก่อนและหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก..." ชายหนุ่มบอกและขยับตัวจะเดินจากไป
แต่หญิงสาวก็เอ่ยทักไว้ "เดี๋ยวก่อน..คุณชื่ออะไรหรอ?"
"ผมชื่อ...สิน...แต่คนทั่วไปแถวนี้เรียกผมว่า  หมอผีสิน  ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณ แคทเทอรีน นักล่ารัตติกาล..."

ชายหนุ่มยิ้มให้ด้วยไมตรี  แล้วเขาก็เร้นกายหายไปในความมืด  หญิงสาวยืนมองด้วยแววตาชื่นชมนิดๆ
หนุ่มเพื่อนร่วมงานเดินมายืนข้างๆ  เขามองหญิงสาวอย่างแปลกใจที่เห็นเธอจ้องมองชายแปลกหน้าคนนั้นจนลับสายตา

เขาเอ่ยถามขึ้น "เป็นอะไรไป  แม่นักล่าหัวใจน้ำแข็ง  จ้องเจ้าหนุ่มชาวไทยจนลับสายตาเลย ติดใจอะไรเข้าล่ะ?"
"ฉันไม่ติดใจใครง่ายๆเหมือนนายหรอกน่า..." หญิงสาวตอบเสียงเรียบ

หนุ่มเพื่อนร่วมงานทำท่าจะต่อปากกับเพื่อนแต่หญิงสาวก็เดินหนีไป
ทั้งสองเดินห่างจากโกดังที่ไหม้ไฟมาจนเกือบๆถึงถนน  ยามนี้บริเวณนั้นกำลังวุ่นวายหลังจากมีคนโทรแจ้ง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและตำรวจระดมกันมาเต็มไปหมด  ทั้งสองเล็ดลอดมาจนถึงบริเวณที่รถของตนตกถนน 
แต่พอจะเดินไปดูสภาพรถทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงไซเรนดังขึ้น
หนุ่มเพื่อนร่วมงานมองผ่านข้ามไหล่ของหญิงสาวไปไปทางด้านหลังก็ส่ายหน้าเซ็งๆเมื่อเห็นสัญญาณไฟวับวาบกำลัง เคลื่อนใกล้เข้ามา  คนในรถฉายไฟจับจ้องมาที่ทั้งสอง...

"พวกตำรวจท้องที่สายตรวจ" หนุ่มเพื่อนร่วมงานพึมพำและขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถหยุด

ตำรวจสองนายก้าวลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมอาวุธในมือ
เสียงชักชวนดังขึ้น "ผมว่าเรารีบไปจากตรงนี้กันเถอะ"
"จะทำได้ยังไงในเมื่อรถของเราตกถนน"   หญิงสาวตอบเสียงไม่ดังนัก
"ถ้าอย่างนั้นก็หลบกันก่อนเถอะ..."
"อื่อ...ดีเหมือนกัน  ไม่อยากให้ใครเห็นอยู่ด้วย.."

แต่ขณะทั้งสองจะขยับหลบก็ต้องหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่

"นั่นใครน่ะ...หยุดอยู่ตรงนั้นนะ"

ทั้งคู่เล็งปืนมายังทั้งสอง พลางร้องสั่งสำทับ "วางอาวุธ ยกมือประสานท้ายทอย คุกเข่า แล้วนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น"
"เอาไงดี" หนุ่มเพื่อนร่วมงานกระซิบถาม
หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าเหมือนคิดออกพลางบอก  "ฉันจะล่อไว้ให้ นายช่วยพาแดนนี่หลบไปก่อน"
"แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร" หนุ่มเพื่อนร่วมงานถาม
หญิงสาวชำเลืองตามองเขา  "พวกนี้สำหรับฉัน   เขาก็เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น..."
"พูดเหมือนคุณไม่ใช่..."
"อย่ามัวมาต่อปากต่อคำอยู่เลย.."น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์  และยังร้องเตือนย้ำอีกครั้งด้วยความรำคาญ "รีบไปเร็วๆ.."
"ระวังตัวด้วยล่ะ" เพื่อนร่วมงานหนุ่มเตือนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะกระโดดหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

"เฮ้ย..อะไรแว้บๆๆ" กิริยาที่ว่องไวผิดมนุษย์ของเขาทำให้สายตรวจทั้งสองร้องอุทานด้วยความตกใจ

แต่ทั้งคู่ก็ยังเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยังคงยืนหันหลังให้ด้วยความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
ตำรวจคนหนึ่งร้องสั่ง 
"บอกว่าอย่าขยับแล้ววางอาวุธลง เดี๋ยวนี้!"
"ไม่...." หญิงสาวตอบเสียงเรียบๆแต่ฟังชัดเจน
"ว่าอะไรนะ" ตำรวจสายตรวจคนหนึ่งพูด

แต่ตำรวจทั้งสองต้องเบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อร่างของหญิงสาวหายวับไปกับตา
 
"ห...หายไปไหนแล้ว? " ตำรวจทั้งสองมองกวาดตาไปรอบๆตัวด้วยความพิศวง
  "ฉันอยู่นี่" เสียงพูดดังขึ้นใกล้ตัว
"เฮ้ย..."สายตรวจทั้งสองอุทานลั่นก่อนจะหันกระบอกปืนเล็งไปยังสาวนักล่ายามรัตติกาลที่กำลังยืนนิ่งอยู่บนหลังคารถ

"ขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่" ตำรวจนายหนึ่งหลุดปากถาม

นักล่าสาวฉีกยิ้มเยาะก่อนจะกระโดดข้ามหัวทั้งสองไปยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน
สายตรวจทั้งสองรีบเบนกระบอกปืนตาม

" อย่ามาทำล้อเล่นกับตำรวจไทย    บอกให้หยุด    และวางอาวุธลง!"ทั้งคู่พูดย้ำอีกครั้งขณะเล็งปืนไปที่หญิงสาว

แต่ก่อนจะทำอะไรกันต่อ ทั้งสองฝ่ายก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรายงานจากวิทยุตำรวจภายในรถว่า

"เกิดเหตุฆาตกรรมสังหารหมู่บุรุษพยาบาลสามคนขึ้นที่หน้าหมู่บ้านสินนาวี  ... มีผู้เสียชีวิตสามราย มีพยานยืนยันว่าเห็นคนร้ายเป็นชาวต่างชาติถืออาวุธคล้ายดาบขนาดใหญ่วิ่งออกมาจากตรงนั้นและหลบหนีไปทางถนนพหนโยธินสายนอก ...ขอให้สายตรวจที่อยู่ในบริเวณนั้นสังเกตผู้ต้องสงสัยที่สวมชุดหนังและเสื้อคลุมสีเข้ม... มีอาวุธเป็นของมีคมซึ่งอาจจะเป็นดาบ ....พบเห็นผู้ที่มีลักษณะดังกล่าวให้รีบทำการจับกุมได้ทันที....แค่ก.ก.ก.ก..ก..ก์.."
         
ดวง ตาของหญิงสาวทอประกายวาวดุดันในขณะที่สายตรวจทั้งสองมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ
ทั้งคู่กระชับปืนแน่นและจ้องมาที่หญิงสาวด้วยท่าทางที่จริงจังมากกว่าเดิม
เพราะหญิงสาวพกดาบสวมชุดหนังสีเข้ม  รูปพรรณคล้ายเสียงแจ้งจากวิทยุ  แม้นจะไม่ระบุว่าเพศใดแต่ก็มีส่วนคล้ายไม่น้อย
           
"ฝีมือของแกใช่ไหม" หนึ่งในนั้นถาม
"................" นักล่าสาวรัตติกาลมองหน้าแต่ไม่ตอบอะไรออกมา เธอชำเลืองตามองไปด้านข้างพลางขยับตัว
  "หยุด!  อย่าขยับ  แกเป็นผู้ต้องสงสัยยอมให้เราจับกุมเดี๋ยวนี้" ตำรวจสายตรวจคนเดิมตวาดเสียงดังลั่น
นักล่าสาวมองทั้งสองพร้อมกับขมวดคิ้ว "ฉันไม่ใช่คนที่พวกคุณกำลังตาม"
"แกมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดเพราะคำพูดของ......."
"เสียเวลาพล่ามน่า..." หญิงสาวพูดบอกเสียงเรียบๆ

ยังไม่ทันที่ตำรวจสายตรวจทั้งสองจะได้พูดตอบโต้  ร่างในชุดหนังสีดำสนิทและเสื้อคลุมสีเขียวเข้มก็หายวับไป
ทั้งคู่เบิกตาโพลง "หายไปไหนแล้ว"
"บักห่าเอ้ย!!!...ผีหลอกหรือไงวะ  ผีฝรั่งด้วย.." เพื่อนของเขาสบถเสียงดัง
ตำรวจคนหนึ่งลดปืนลงและเดินไปที่หน้ารถคว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมา  "พบผู้ต้องสงสัยบนถนนพหลโยธินสายนอก ห่างจากเมืองไปทางใต้สามร้อยกิโลเมตร   ตอนนี้กำลังติดตามขอกำลังเสริมด่วน.."
"รับทราบ" เสียงปลายทางตอบกลับมา
สายตรวจคนนั้นวางวิทยุกลับเข้าที่และก้าวมายืนนอกรถ "เข้าเวรวันนี้ลืมดูฤกษ์ดูยามมาหรือไงวะ เจอเรื่องแปลกๆตลอด"
"จะเอายังไง ลองออกตามหาดูก่อนดีไหม" คู่หูของเขาถาม
อีกฝ่ายยังหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงเครียด   " เจ้านั่นอาจจะเป็นฆาตกรโหดที่ก่อคดีฆ่าคนตายมาหลายศพ  ไม่ดีแน่ถ้าจะออกหากันเพียงแค่สองคนอย่างนี้  แกก็เห็นว่ามันไม่น่าใช่คนธรรมดา"
"แล้วตอนนี้ทำอย่าไงต่อหล่ะ?"เพื่อนคู่หูถามมา
ตำรวจอีกนายมองฝ่าความมืดไปแล้วบอกว่า "เราคงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ต้องรอกำลังเสริมมาก่อน"

อีกด้านหนึ่ง  หนุ่มเพื่อนร่วมงานของหญิงสาวยืนมองตำรวจสายตรวจทั้งสองนายที่กำลังเดินวนรอบรถขององค์กรด้วยสายตาไม่ชอบใจ  เขาหันไปมองแดนนี่คนขับรถที่เขาไปช่วยลากออกมาได้อย่างจวนเจียน  ซึ่งตอนนี้เขากำลังปิดเครื่องมือสื่อสารหลังจากใช้งานติดต่อไปที่ศูนย์ขององค์กรเรียบร้อยแล้ว  และคนขับรถก็นั่งแผ่เหยียดขาออกเพราะรู้สึกระบมไปทั้งตัวจากอุบัติเหตุ  ชายหนุ่มมองอาการคนขับรถเมื่อเห็นไม่หนักหนาก็เบาใจ 

ชายหนุ่มถามเสียงไม่ดังนัก "ได้ความว่าอย่างไงบ้าง"
"ทางหน่วยกำลังส่งคนมารับ" อีกฝ่ายตอบขณะชะเง้อมองรถด้วยสายตากังวล "คงไม่ดีแน่ถ้ารถของพวกเราถูกตำรวจยึด"
"ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวคุณสมิธก็หาทางจัดการเอากลับมาได้"ชายหนุ่มบอกแบบไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

และขณะกำลังคุยเขาก็ชำเลืองตามองไปยังด้านหลังและถามเงาร่างที่กำลังเดินมาใกล้

"ทำไมคุณไม่อัดตำรวจพวกนั้นให้สลบไปเลยล่ะ?"
"ขืนทำแบบนั้นเราจะยิ่งเดือดร้อนหนัก" หญิงสาวตอบขณะก้าวเข้ามา
"กลัวอะไร องค์กรของเราเส้นใหญ่จะตาย"
"ทำเป็นพูดไป  กร่างมากๆระวังเถอะ...."
"แล้วทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย.."
"ฉันได้ยินข่าวมาว่ามีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นไม่ห่างจากที่นี่..."
"แล้วมันเกี่ยวกับพวกเราตรงไหน" ชายหนุ่มถามเสียงห้วนๆ
นักล่าสาวเม้มปากถอนหายใจ  "เพราะลักษณะของฉันไปตรงกับรูปพรรณของฆาตกรน่ะสิ"
"ไม่แปลกหรอก เพราะงานที่เราทำมันก็เป็นงานของฆาตกรอยู่แล้ว" ชายหนุ่มพูดเสียงไม่ดังนัก
หญิงสาวเหลือบตามองเขาแบบไม่พอใจก่อนจะหันไปทางแดนนี่  "ติดต่อกลับไปที่หน่วยแล้วใช่ไหม"
"ติดต่อไปแล้วครับ"
"ช่วยเร่งพวกเขาให้มาเร็วๆหน่อยหน่อย" หญิงสาวสั่งเสียงเครียด
"ครับ..." อีกฝ่ายรับคำทั้งที่ยังทำหน้างงๆ และเปิดเครื่องมือสื่อสารอีกครั้ง

ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ"ทำไมต้องรีบขนาดนั้น"
"ก็เราต้องรีบไปทำงานต่อน่ะสิ...."หญิงสาวบอกและยืนจ้องรถตำรวจที่กำลังวิ่งตามกันมาเป็นขบวน
"ไม่ต้องแล้ว มีคำสั่งยกเลิกปฏิบัติการณ์"
"ทำไม?" หญิงสาวเลิกคิ้วถาม
"โรงงานที่เรากำลังจะไปถล่มมันถล่มตัวเองไปแล้ว..."
"มันคงจะรู้ตัวแล้ว  เพราะโรงงานที่นี่ถูกถล่มก่อนแท้ๆ"
"ท่าทางไอ้พวกผีดิบกลุ่มนี้จะมีหลายโรงงานในประเทศนี้..."
หญิงสาวกอดอกถอนหายใจ "ไม่อย่างนั้นมันจะได้ชื่อเป็นจ้าวแห่งผีดิบดูดเลือดตัวพ่อหรือ"

แต่หญิงสาวก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังใกล้เข้ามา
"บ้าชะมัด" นักล่าสาวบ่นพึมพำ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม"อะไรอีกล่ะ"
"ไม่ได้ยินเสียงนั่นหรือไง" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า "แค่เฮลิคอปเตอร์เท่านั้น จะกังวลอะไรนัก"
"แถวนี้เป็นทุ่งโล่ง" หญิงสาวพูดพลางกวาดตามองรอบตัว "ถ้ามองจากบนนั้นพวกเขาเห็นพวกเราแน่ๆ"
"แล้วจะทำยังไงล่ะ" ชายหนุ่มถามอย่างกังวล
หญิงสาวหันไปทางแดนนี่อีกครั้ง "พวกเขาจะมารับเรากันหรือยัง"
"จะมาถึงแล้วครับ คงจะถึงในอีกสองหรือสามนาทีนี่แหล่ะ..."

หญิงสาวถอนหายใจและพยักหน้า  แต่ก็รีบทำสัญญาณให้ทุกคนย่อตัวลงต่ำเมื่อแสงไฟจากตำรวจส่องมาทางพวกเขา

เสียงชายหนุ่มบ่นอย่างขัดใจ "น่าเบื่อเป็นบ้า พวกเราน่าจะยิงใส่ไฟพวกนั้นนะ"
"แค่นี้ยังไม่ยุ่งพออีกหรือไง" หญิงสาวดุเบาๆ

และทั้งหมดต้องชะงักเมื่อแสงสว่างจ้าจากไฟบนเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจทางหลวงกวาดเข้าส่องเข้ามาใกล้

"หลบเร็ว"

ชายหนุ่มรีบกระโดดหลบตามคำบอกโดยไม่ลืมคว้าคอเสื้อแดนนี่แล้วลากตามไปด้วย
เขาหันไปมองหญิงสาวที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปตามกอหญ้า  เขามองตามอย่างประหลาดใจและสงสัยว่าเธอจะทำอะไร
และก็ต้องอุทานเมื่อพบว่าเธอมุ่งหน้าตรงไปหากลุ่มตำรวจที่ยืนอยู่บนถนน
           
"นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ" แดนนี่ร้องถาม
"ไม่รู้สิ  หวังว่าคงไม่คิดฆ่าพวกนั้นปิดปากนะ" ชายหนุ่มเอ่ยอย่างกังวล
           
หญิงสาวกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังคารถตำรวจและกระโจนหายไปอีกด้านแทบจะทันทีเมื่อแน่ใจ ว่าถูกตำรวจเห็น เสียงตะโกนเอะอะดังขึ้นทันที บางคนรีบยกวิทยุติดต่อขึ้นในขณะที่หลายคนออกวิ่งตาม  ชายหนุ่มและแดนนี่ขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องเฮลิคอปเตอร์ซึ่งกำลังบินห่างออกไป
           
"ทำอะไรบ้าๆอีกแล้ว" เขาสบถเบาๆ
แดนนี่เอ่ยขัด "คุณแคทเทอรีนทำบ้าๆที่ไหน เขาช่วยดึงความสนใจของพวกนั้นเพื่อไม่ให้เราต้องถูกจับแล้วเผยตัว"
"ฉันรู้น่า  ไม่ต้องบอก.."ชายหนุ่มดุคนขับรถและหันหน้าไปยังอีกด้านหนึ่งของถนน "เฮ้อ...มาเสียที..."

เขามองรถตู้สีดำที่กำลังวิ่งเข้ามาจอดอย่างเงียบกริบ เจ้าหน้าที่ของหน่วยนักล่าเปิดประตูรถและก้าวออกมา
           
"ปลอดภัยดีไหม แจ๊กค์"   คนที่ออกมาเอ่ยทักชายหนุ่ม
"มาช้าจริงๆเกือบถูกโปลิสไทยซิวแล้ว.."
ชายคนที่มายิ้มก่อนจะกวาดตามองไปโดยรอบ "แคทเทอรีนล่ะครับ"
"อยู่นี่" เสียงตอบมาจากข้างๆไม่ดังนัก

หญิงสาวเดินตรงเข้ามา  และหันหน้าไปมองรถขององค์กรอีกสองคันที่กำลังวิ่งเข้าไปจอดในสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสีเข้มสามคนลงจากรถและเดินตรงไปหานายตำรวจที่ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูงที่สุดในที่นั้น  ทั้งหมดมองทั้งสองเจรจากันอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งทั้งสองฝ่ายต่างพยักหน้าจับมือกันแบบเข้าใจ

หญิงสาวมองแล้วจึงพูดเสียงเรียบๆบอกทุกคน "เสร็จเรื่องแล้ว   เรากลับกันเถอะ"
"ไปสิ..อยากกลับไปอาบน้ำเต็มทีแล้ว  ประเทศนี้ร้อนจริงๆ" ชายหนุ่มบอกแล้วเดินนำหน้าไปที่รถ

ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตามด้วยแดนนี่ที่โขยกเขยกขยับไปนั่งที่เบาะหลัง เจ้าหน้าที่ของหน่วยเลื่อนบานประตูปิดทันทีเมื่อหญิงสาวขึ้นไปนั่งเป็นคนสุดท้าย
เจ้าหน้าที่อีกคนหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและรายงาน
"รับตัวแจ๊กค์และแคทเทอรีนเรียบร้อยแล้วกำลังเดินทางไปที่จุดนัดพบ"
"รับทราบ"ปลายสายตอบรับกลับมา

เจ้าหน้าที่คนนั้นวางวิทยุกลับเข้าที่ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกจากที่นั่นทันที
ชายหนุ่มเอนตัวพิงเบาะและหันไปมองเพื่อนสาวร่วมงานที่กำลังนั่งกอดอกอย่างใช้ความคิด

"ทำไมทำหน้าเครียดจัง" ชายหนุ่มถาม
หญิงสาวเม้มปากขมวดคิ้วพลางถอนหายใจระบายออกมายาวๆ "ไม่มีอะไร"
"อย่ามาทำเป็นอุบเงียบเอาไว้คนเดียว ผมรู้ว่าคุยกำลังมีอะไรในใจบางอย่าง"

ชายหนุ่มพูดอย่างรู้ทัน หญิงสาวพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปรกติพร้อมกับถอนใจอีกครั้ง

"ใช่.....ฉันกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง" หญิงสาวบอกแล้วเอนตัวพิงไปกับพนักเบาะรถ
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย "เรื่องอะไรหรอ?"
"เจ้าวายร้ายนั่นมันบอกว่าไม่ช้าฉันจะต้องเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่าง..ที่....." หญิงสาวเงียบไป
"คุณจะเปลี่ยนเป็นอะไรหรอ  แล้วพอเปลี่ยนไปมันจะจะเป็นอย่างไง?" ชายหนุ่มถามอย่างสนใจ
"ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนะสิ....ฉันหนักใจว่าหากถึงเวลานั้น...."
"ไม่เอาน่า  คุณอย่าคิดมาก คุณจะเปลี่ยนไปได้อย่างไง  ในเมื่อคุณคือนักล่ารัตติกาลมือหนึ่งขององค์กรเรา  ไอ้วายร้ายนั้นมันหลอกอำคุณไม่ให้มีสมาธินะสิ...." ชายหนุ่มรีบบอกและให้เหตุผล  หญิงสาวฟังแล้วอึ้งๆ
"แต่จริงๆแล้ว  นายก็รู้นี่ว่าฉันก็เป็น...."
ชายหนุ่มรีบขัดขึ้นมาทันที  เขาบอกเธอแบบยั่วล้อพร้อมรอยยิ้มร่าเริง "ไม่ว่าตัวตนลึกๆของคุณจะเป็นอะไร  แต่สำหรับผมคุณเป็น เจ้าหน้าที่แคทเทอรีน  และจะเปลี่ยนได้อย่างเดียวคือจากมิสแคทเทอรีนเป็นมิสซิสแคทเทอรีนเท่านั้นจำไว้..ฮ่า..ฮ่า."
"ฉันสงสัยจริงๆ  ว่ามีอะไรในโลกนี้จะสามารถทำให้นายหม่นหมองได้บ้างไหมนะ แจ๊กค์  แดร์โรว์?" หญิงสาวถามขำๆแล้วมีรอยยิ้มที่มุมปากน้อยๆ
ชายหนุ่มเอามือประสานหนุนท้ายทอดแล้วหลับตา  เขาตอบมาเบาๆ "ก็คงเป็นวันที่ไม่มีหนังเอ.วี  ให้ผมดูไง...."

รถตู้คันนั้นแล่นฝ่าความมืดไปบนถนนหลวง

 
แต่ไม่ไกลจากตรงนั้นบนเนินสูง  มีเงาร่างของคนเฝ้ายืนมองเหตุการณ์ต่างๆอยู่  เป็นหมอผีหนุ่มนั้นเอง  และเบื้องหลังของเขาก็ปรากฏร่างของหญิงสาวสามยืนเรียงแถวมองตามเขา  ซึ่งทั้งสามสาวก็คือบรรดาผีสาวที่เขาเลี้ยงไว้เป็นบริวารนั่นเองซึ่งได้แก่ นางตะเคียน นางตานีและผีสาวลำดวน  ทั้งหมดมองจนรถวิ่งห่างไปจนเกือบๆลับสายตา  หมอผีหนุ่มยังมองตามด้วยใบหน้าครุ่นคิดด้วยความสงสัย...

นางผีสาวลำดวนเอ่ยถามว่า "พี่หมอ  งานเราก็เสร็จแล้วทำไมไม่กลับกันหล่ะ?"
"ข้าก็กำลังจะกลับอยู่นี่ไง" หมอผีหนุ่มบอก
นางตะเคียนว่า "แล้วพี่หมอรออะไรอีหล่ะ  มาเสียเวลาแอบดูนังฝรั่งนักล่าผีดิบนั่นอยู่ทำไม?"
"ข้าจะดูฝีมือของเขา  มันน่าสนใจดี"
"สนใจแค่ฝีมืออย่างเดียวหรือเปล่า?" นางตานีแทรกมา
หมอผีหนุ่มนิ่งไปแล้วเอ่ยตอบ "มันก็หลายๆอย่างแหล่ะ ตอนแรกข้าไม่แน่ใจแต่ตอนนี้แน่ใจแล้ว"
"พี่หมอแน่ใจว่าอะไร?"
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาและก็ไม่ใช่ผีสางด้วย"
"แล้วมันเป็นอะไรเล่า?"
"ข้าบอกไม่ถูก เขาเป็นสิ่งที่ผสมกันระหว่าง.....มนุษย์และ....." หมอผีหนุ่มนิ่งไป
นางลำดวนเอ่ยต่อว่า "พี่หมอจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นกึ่งผีกึ่งคนหรอ?"
"ประมาณนั้นแหล่ะ แต่เป็นแบบพิเศษ  และก็น่ากลัวมากๆด้วย  หากวันใดพลังด้านลบมีอำนาจมากกว่าด้านบวก"
นางตานีว่า "ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย พวกผีฝรั่งนี่  ดูสิแค่หลบตำรวจก็กระโดดไปกระโดดมาจนเวียนหัว แล้วต้องรอพวกมาเคลียร์มารับ  สู้พี่หมอไม่ได้  ร่ายคาถากำบังกายแล้วก็เดินป๋อออกมาไม่มีใครเห็นสักคนเลย"
"นั่นสิ...ไหนเขาว่าผีดิบแวมไพร์ผู้ชายนี่จะหล่อมากไง  ส่วนผู้หญิงจะเซ็กซี่ส์  แต่ไอ้ที่เราบุกเข้าโรงงานผีดูดเลือดของมันนี่เจอแต่พวกผู้ชายตัวอ้วนๆล่ำๆ ดำๆด่างๆส่วนผู้หญิงก็มีแต่พวกอ้วนๆฉุๆหุ่นหยั่งกะช้างน้ำ  ไม่เห็นเหมือนในหนังที่ดูเลย  ข้านึกว่าจะมีหล่อๆแบบไอ้ตัวที่ให้ผู้หญิงขี่หลังแล้วกระโดดขึ้นยอดไม้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น" นางตะเคียนเอ่ยอย่างผิดหวัง
"เอ็งก็แยกแยะหน่อยสิ นั่นมันหนัง นี่มันของจริง  ผีฝรั่งมันก็ไม่ได้เก่งมากมายเหมือนในหนังหรอก" นางตานีบอก
"แต่ว่านังนักล่านั่นหุ่นมันดีหน้าตามันก็สวยนะ  แถมแต่งตัวโชว์เสียไม่มี   ข้าว่าพวกผีที่เจอมันปราบนี่คงมัวแต่งมองหุ่นมันเพลินถึงถูกฆ่าได้  เอ็งว่าไหม?" นางตะเคียนถามมา
"ธรรมดา..มีของดีก็ต้องรู้จักใช้สิ...."นางตานีตอบออกไป
"เออ..ข้าว่าก็น่าจะจริงนะ...ดูขนาดพี่หมอสิ  ยังติดใจจนต้องมาแอบซุ่มดูเลย.." นางตะเคียนกระซิบบอกเพื่อนผีเบาๆ

หมอผีหนุ่มได้ฟังแล้วเอียงหน้าเหล่ๆมอง  แล้วเขาก็หันกายกลับพลางบอกบริวาร
"อย่าคุยนอกเรื่องกันเลย  กลับกันดีกว่า..."
"กลับแล้วหรอ?"
"เออ...แล้วพวกเอ็งจะให้ข้าอยู่ทำอะไรอีกหล่ะ...."

หมอผีหนุ่มเดินออกไปจากบริเวณนั้นและหายไปในความมืด
ขณะที่ผีสาวบริวารทั้งสามก็สลายร่างหายตัวตามไป....


-----------------------------------------------------------------------


ที่ประตูหน้าห้องมีป้ายเขียนไว้ว่า

เคนนี่  ดัลกลิช  หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการณ์กวาดล้าง / กางเขนดำ


ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก.....

เสียง เคาะประตูที่ดังขึ้นสองสามครั้งทำให้ชายสูงอายุต้องเงยหน้าขึ้นจาก แฟ้มรายงานที่เขากำลังอ่านอยู่ ชายชราชำเลืองตามองนาฬิกาบนผนังและต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่าเลยเวลาเที่ยงคืนไปมาก เขาถอดแว่นตาออกและวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะใช้นิ้วกดบริเวณหัวคิ้วเพื่อผ่อนคลายสมอง

เขาเอ่ยบอกเบาๆ "เข้ามาได้"
           
บานประตูถูกเปิดออก  ร่างกำยำหน้าตาคมเข้มของผู้ร่วมงานนักล่าสาวเดินเข้ามา 
ชายสูงอายุมองผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องด้วยความแปลกใจ
แต่อีกฝ่ายมองชายคนนั้นด้วยสายตาเป็นห่วง
           
"มีอะไรหรือแจ๊กค์" ชายชราเงยหน้ามองเขายิ้มให้อย่างอารีย์
ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้น "ผมมาเพิ่งกลับมาและเห็นไฟในห้องนี้เปิดอยู่ก็รู้คิดว่าคุณคงยังไม่นอน   ผมเห็นว่าคุณอย่าหักโหมนัก ผมอยู่ที่องค์กรนี่ก็เพราะมีคุณนะ.."
"ขอบใจที่ห่วงฉัน  ไม่ต้องกังวลหรอก  ไหวไม่ไหวฉันรู้ตัวเองดี..." ชายชราบอกเขา
"แต่คุณต้องพักผ่อนบ้างนะ  พวกเราต้องพึ่งคุณเป็นอย่างมาก  หากคุณเป็นอะไรไปพวกเราจะลำบาก"
"แหม  เธอก็ยกย่องฉันเกินไป  ฉันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก"ชายชราเอ่ยยิ้มๆ

ชายหนุ่มมองแฟ้มที่กางอยู่บนโต๊ะ "รายงานการชันสูตรผู้ถูกผีดิบทำร้าย"

"คุณยังอ่านผลชันสูตรเหยื่อรายล่าสุดอยู่หรือครับ?"           
"ใช่......" ชายคนนั้นตอบพลางปิดแฟ้มนั้นลง "ฉันต้องอ่านให้ละเอียดก่อนส่งให้กับส่วนกลาง"
"เรารู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าพวกนั้นบ้างครับ"   ชายหนุ่มถามและยิ้มเมื่อเห็นสายตาแปลกใจของชายชรา
"อื่อ.อ.อ...." เขาก้มหน้าส่ายหัวและถอนหายใจหน่ายๆ
"ถึงแม้นว่าผมจะไม่เก่งเท่ากับ แคท แต่ผมก็ยังอยากจะรู้"
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะสรุปให้เธอฟังก็แล้วกัน" ชายสูงวัยพูดพร้อมกับเคาะนิ้วบนแฟ้ม "เราไม่ได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับเจ้าพวกผีดิบกลุ่มคนนี้เลย"
"อะไรนะครับ" ชายหนุ่มร้องเสียงดัง
ชายชราเอ่ยเหมือนคุ้นเคยกับกิริยาของชายหนุ่ม "มันเป็นเรื่องจริง  เราไม่รู้เป้าหมายของพวกมันเลย มันคลุมเครือมากๆ"
" พวกเราทุ่มเทกำลังและเสี่ยงชีวิตออกไล่ตามล่าตามล้างพวกมันมาตั้งครึ่งค่อนโลก  ทำลายที่มั่นมันไปตั้งหลายแห่ง   แล้วทำไมถึงบอกว่าไม่รู้อะไรเลยล่ะครับ...."
ชายชราถอนใจแรงๆ "พวกกลุ่ม มอทัซ..ฉลาดกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก"
"แต่ว่า มอทัซ มาปรากฏตัวเมื่อช่วงค่ำและปะมือกับ แคทด้วย  มันหนีเธอหางจุกตูด  แล้วน่ากลัวตรงไหน" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ชายชรามองเขาและตอบ " อย่าประมาทเชียวนะ พาเวค  มอทัซ น่ะ...เป็นมันสมองของ องค์กร เดอะ ดาร์ค  แฮนด์ ที่น่ากลัว มันเป็นองค์กรลับที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์..."
"องค์กร เดอะ  ดาร์ค แฮนด์  นี่พวกผีดิบมันมีองค์กรจัดตั้งด้วยหรอ?"
"ใช่แล้ว...ขนาดนักล่าผีดิบอย่างเรายังมีองค์กรที่ตั้งมาเฉพาะเลย  แล้วทำไมพวกมันจะมีไม่ได้  แม้นว่าพวกมันจะรวมตัวกันไม่ค่อยได้ตามวิสัยของพวกกระหายเลือด  แต่ถ้ารวมกันได้ละก็...น่ากลัวมากๆขอบอก...."

ชายชราเว้นระยะคำพูดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของชายหนุ่ม
ชายชราเอ่ยต่อ " ทั้งผีดิบ มนุษย์หมาป่าหรือสัตว์อสูรที่เธอกับแคทเคยเจอมา ล้วนมาจากการสร้างสรรค์ของคนในองค์กรนี้"
"ผมหลงคิดมาตลอดว่าพวกมันเป็นแค่ปีศาจร้ายกระหายเลือดที่คิดเข่นฆ่ามนุษย์เป็นอาหารเท่านั้น "
"ถ้ามันคิดแค่นั้นเราจะตั้งองค์กรณ์ใหญ่โตเพื่อตามกำจัดพวกมันทำไม?"
"แล้วตัวของแคทล่ะ   เธอรู้เรื่องนี้หรือยังครับ"
  "รู้แล้ว..." เสียงเรียบๆเยือกเย็นตอบมาจากทางด้านหลัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วและพูดเสียงขุ่น  "ช่วยเคาะประตูก่อนเข้ามาไม่ได้หรือไง"
"เคาะแล้วแต่นายไม่ได้ยินเอง"

ชายหนุ่มทำเฉยไม่ต่อปากต่อคำ เขาชำเลืองตามองสาวนักล่ามือหนึ่งขององค์กรที่เดินมานั่งด้านข้าง ก่อนที่หันกลับไปมองเจ้านายของหน่วยงานตน  ชายชรายิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงทักทาย  ขณะหญิงสาวยิ้มน้อยๆผงกหัวรับแล้วก็เอนกายนั่งไขว้ห้างหันมองหน้าของชายหนุ่ม  เขาหันไปมองชายชราและจ้องอย่างคาดคั่น
           
ชายหนุ่มเอ่ยถามว่า "แล้วทำไมผมถึงเพิ่งรู้เรื่องนี้ทีหลังแคท   ทั้งๆที่เราต้องทำงานร่วมกัน..."
  "เพราะนายเอาแต่หลับเวลาประชุมลับ.." หญิงสาวเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาแทน
"ฮึ่ม..ม.ม...ม์..." ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
หญิงสาวไม่สนใจ  เธอหันหน้าไปยังเจ้านายของหน่วย "ฉันเข้าไปในห้องชันสูตรด้วยและพบกับสิ่งนี้"

หญิงสาวล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วเอาซองพลาสติกใสๆวางลงตรงหน้าชายชรา ภายในมีวัตถุกลมสีขาวขนาดเล็กขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าเมล็ดถั่วเท่าใดนัก

ชายชราหยิบมันขึ้นมาพิจารณา "นี่มัน....."
"เดย์สตาร์   สารสังเคราะห์พิเศษ" หญิงสาวตอบ
"พบจากที่ไหน?"
"ในรอยเขี้ยวของเหยื่อที่ท่าน้ำ...."
"นี่มันเป็นกรดที่สามารถทำลายกระดูกมนุษย์ได้นี่..."
"ตอนนี้พวกผีดิบมันกำลังสร้างและพัฒนาสายพันธุ์ของพวกมันให้ทรงประสิทธิภาพสูงอย่างจริงจังขึ้นเพื่อ...."
"ครองโลก...ผีดิบดูดเลือดจะครองโลก ." ชายหนุ่มพูดขัด  แต่พอเจอสายตาดุๆของหญิงสาวเขาก็ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ที่พูดกระทบ
"เธอให้ทีมวิจัยตรวจดูหรือยัง"
"ค่ะ...ให้ตรวจสอบแล้ว..." หญิงสาวบอก "แต่ฉันคิดว่าคุณอาจจะส่งไปที่ส่วนกลางเลยเก็บชิ้นนี้ไว้"

เจ้านายของทั้งสองพยักหน้าขณะที่พลิกซองบรรจุสารนั่นพิจารณาไปมา

ชายหนุ่มซึ่งนั่งมองอยู่นานจึงโพล่งขึ้น "มีอะไรที่ผมพอจะรู้ได้บ้าง"
"ไม่มี" หญิงสาวตอบอย่างไร้อารมณ์
ชายหนุ่มหันไปถามเสียงขุ่นๆ สีหน้าไม่พอใจ  "พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"นายรู้ไปก็เท่านั้น  ไว้รับคำสั่งแล้วลุยตามแบบฉบับนักล่าฆ่าหัวแวมไพร์ของนายดีกว่า.."
เขาจ้องหน้าของนักล่าสาว "นี่คุณเห็นผมเป็นพวกไม่มีสมองแต่บ้าพลังเรอะ"
"อย่าเพิ่งทะเลาะกันทั้งสองคน..."

ชายผู้เป็นหัวหน้าร้องห้าม  ทำให้ทั้งสองสงบลง  เขากดคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพหน้าจอเป็นห้องวิจัย
"ดูเหมือนคนพวกนั้นจะทำอะไรมากไปกว่าที่เราจะคาดถึงแล้ว"
"คนพวกนั้น" หญิงสาวทวนคำและมองหน้าเขา "คุณหมายถึงใครหรือค่ะ"   
ชายชรามองหน้าเด็กสาวนิ่งคิ้วขมวดราวกำลังชั่งใจว่าสมควรจะบอกบางอย่างดีหรือไม่
แต่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้เขาต้องถอนใจออกมา     
"สิ่งที่พวกเธอจะได้เจอในช่วงต่อไปนี้จะไม่ใช่ปีศาจหรืออสูรร้ายเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว..."
เขาเลื่อนสายตากลับไป  และเหลือบมองให้หางตาจ้องวางอยู่ที่จอภาพคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นภาพห้องกระจก 
แล้วเขาก็พูดประโยคที่ชวนขนลุกขึ้นมา "ต่อไปนี้ที่พวกเธอจะต้องเผชิญมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการทดลองและพัฒนาของคนกลุ่มหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างจริงจัง"
"แล้วนึกว่าพวกเราจะกลัวหรือ?" ชายหนุ่มยังทำท่ากระเหี้ยมกระหาย
หญิงสาวเอ่ยเตือน "อย่าทำห้าวไป  นายยังไม่เคยเจอของจริง.."

"แต่ไม่ต้องห่วง  ทางองค์กรของเราไม่ใจร้ายปล่อยให้เธอทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับพวกวายร้ายนี่แบบไร้ทางสู้หรอก"
ชายชราเอ่ยบอกยิ้มๆ  เขาปิดไฟในห้องให้มืดลง  และกดภาพแผนที่เขตต่างๆในประเทศไทยขึ้นทางจอภาพสไลด์ที่ข้างฝา
"ที่พวกเธอเห็นคือจุดซ่อนตัวของพวกผีดิบ  และบัดนี้ได้ถูกทำลายและไล่ต้อนพวกมันมารวมกันที่ตรงนี้แล้ว"
ชายชราอธิบายสิ่งที่เปิดให้ดู  แต่ทั้งสองกลับฉงน  มองหน้าเจ้านายอย่างสงสัย

หญิงสาวเอ่ยอย่างกังขา "ตั้งแต่เรามา  พวกเรายังไม่ได้ทลายแหล่งใหญ่ๆของพวกผีดิบเลย  แล้วผลงานนั้นเป็นฝีมือของใคร"
"นอกจากทีมของพวกเรา  องค์กรยังมีทีมอื่นอีกหรือครับ?" ชายหนุ่มก็เอ่ยถามด้วย
ชายชรายิ้มแล้วตอบ "จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่คนขององค์กรเราหรอก  พวกเราเพียงอาศัยไหว้วานเขาเท่านั้น"
"เขา...คือ..ใคร..?.." หญิงสาวเน้นเสียงถาม
"ใช่...ผมอยากรู้จริง  ว่ายังมีนักล่าที่เก่งฉกาจขนาดนั้นอีกหรือ?" ชายหนุ่มทำท่าสนใจ
ชายชรามองทั้งสองแล้วยิ้มขำๆ "เขาไม่ใช่นักล่าหรอก  เขาเป็นหมอผี...หมอผีที่ถูกกล่าวขานว่าเก่งฉกาจที่สุดของประเทศนี้และในพ.ศ.นี้ด้วย  ท่าน ผอ. รุด ฟาน เฮซซิ่ง  ผู้นำขององค์กรเราท่านรู้จักเป็นการส่วนตัว  จึงขอให้เขามาช่วยงานของเราในภาคพื้นนี้  และฝีมือของเขาที่สำแดงออกมาก็ไม่ได้ทำให้พวกเราผิดหวังเลย.."
หญิงสาวยังสงสัย เธอจึงถาม "คุณว่าให้เขามาช่วยกวาดล้างพวกผีดิบ  แล้วเมื่อเขาคนนี้ทำได้แล้วให้พวกเรามาทำไม?"
"พวกเธอถูกกำหนดให้มาเพื่อเป็นสิ่งเบนความสนใจของมัน  นักล่าแวมไพร์มือหนึ่ง  และนักล่าค่าหัวจอมลุยขององค์กรมาที่นี่  แน่นอนพวกผีดิบต้องเฝ้าระวังจับตาพวกเธอ  ดังนั้นระหว่างที่พวกมันมัวระแวงพวกเธอทางนี้ก็ให้เขาคนนั้นไล่เก็บกวาดพวกมันโดยไม่ทันรู้ตัว  แผนนี้ขององค์กรนับว่าได้ผลมากๆ" ชายชราบอกพร้อมน้ำเสียงยินดี

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาเอ่ยอย่างเซ็งๆ "ที่แท้พวกเราก็เป็นแค่หมากขององค์กรที่ใช้เป็นเหยื่อตกปลาใหญ่"
"แต่ว่าเราก็ยังไม่ได้ตัวของ มอทัซ มันสมองของพวกมัน.." หญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าผู้เป็นนาย

ชายชรากดปุ่มในมือ ภาพที่ผนังเปลี่ยนเป็นโรงงานใหญ่แห่งหนึ่ง
เขาเอ่ยบอกทั้งสองที่หันไปดู "ที่นี่หน่วยข่าวกรองยืนยันว่าเป็นที่กบดานใหญ่ของพวกมันในประเทศนี้..."
ชายหนุ่มขยำมือทำท่ามันเขี้ยว "จะให้พวกเราลุยที่นี่ใช่ไหม?"
"ใช่...เราจะบุกทะลายที่นี่  พวกเธอทั้งสองจะได้ประสานงานกับหมอผีคนนั้นในการกวาดล้างที่นี่" ชายชราบอก
"อื่อ..อ...อ...น่าสนใจที่จะได้ร่วมมือกับคนเก่งๆ  ว่าแต่หน้าตาของเขาเป็นอย่างไง  หรือว่าจะได้เห็นก่อนเริ่มงานหนึ่งนาที"
ชายชรายิ้มขำๆ เขาบอกทั้งสอง "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  หน้าตาของเขาเป็นอย่างนี้ไง"

ภาพของหมอผีหนุ่มถูกฉายให้เห็น  ทั้งสองนักล่าอุทาน
"คนนี้เองหรอ?"
ชายชราทำท่างงๆ  เขาถามทั้งสอง "พวกคุณรู้จักหรอ?"
"เจอกันตอนไปนั่งรถขององค์กรทัวส์พื้นที่เมื่อช่วงหัวค่ำน่ะ" หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงประชดๆ
ชายหนุ่มเองก็จ้องไม่วางตา  "คนนี้น่ะหรอหมอผีอันดับหนึ่งของที่นี่....ท่าทางไม่ค่อนน่าเลื่อมใสเลยนะ  คุณแน่ใจหรอ?"
"นายไม่ได้เห็นตอนที่เขาจัดการพวกผีดิบ  ถ้าเห็นนายจะไม่พูดอย่างนี้เด็ดขาด" หญิงสาวบอก และที่มุมปากมีรอยยิ้มน้อยๆ
ชายหนุ่มมองอย่างค้นลึก "เอ..ผมไม่เคยเห็นคุณเอ่ยชมใคร แต่พอเจอเจ้าหนุ่มคนนั้นแว้บเดียวคุณชื่นชม  อย่าบอกนะ..ว่า..."
"อย่าพูดบ้าๆน่าแจ๊กค์  ฉันแค่ชื่นชมตามประสามืออาชีพที่มีต่อกันเท่านั้น  ไม่ได้มีอย่างอื่น" หญิงสาวสวนทันควัน
ชายหนุ่มมองยิ้มๆ "ผมก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ  คุณร้อนตัวเองต่างหาก"
"นี่นาย...."
ก่อนทั้งสองจะเถียงกันต่อชายชรารีบเอ่ยห้าม "พอแล้ว....พวกเธอจะเถียงไร้สาระกันทำไม มาว่าเรื่องงานกันดีกว่า"
"ชริ!!" หญิงสาวทำท่างอนๆ
แต่ชายหนุ่มกลับยิ้ม เขายังเย้าต่อ "เอ...ผมว่าคุณดูแปลกๆไปนะแคท  ผมเพิ่งเคยเห็นคุณทำนิสัยเหมือนผู้หญิงนี่แหล่ะ"
"ครึ..ครึ...ครึ...." ชายชรายังอดขำด้วยไม่ได้
หญิงสาวเม้มปากท่าทางเขินๆ  เธอจ้องหน้าเขา "เอ่อ.อ...นี่คุณด้วยหรอ.."
"เอาอย่างงี้ วันนี้เธอทั้งสองก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ  เพราะงานต่อไปที่เธอจะทำให้องค์กรเรา อาจจะหนักหนาสาหัสมากๆ"
ชายชราบอกทั้งสอง

ทั้งสองก็รับคำก่อนเดินออกจากห้องเพื่อแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ก่อนออกจากห้อง  หญิงสาวหยุดมองภาพของหมอผีหนุ่มอีกครั้ง
แต่ก่อนจะเดินออกไป ชายชราก็เดินเข้ามาพูดด้วย
เขาว่า "พรุ่งนี้สองโมงเช้าเธอต้องไปรับวัคซีนประจำสัปดาห์นะอย่าลืมหล่ะ.."
หญิงสาวถอนหายใจ "ค่ะ..ฉันไม่ลืมหน้าที่หรอก  แต่...หมู่นี่ชักถี่ขึ้นนะ..."
"เอ่อ...อ....อ...ระยะหลังนี่  จากตัวอย่างเลือดของเธอ  ทางแล็บบอกมาว่าเลือดลบของเธอ...มัน..เอ่อ..อ...อ์..."
หญิงสาวเม้มปาก เธอทำเหมือนพยายามข่มความรู้สึก "ค่ะ..ฉันพอจะทราบว่าท่านจะบอกอะไร แต่ฉันจะพยายามฝืนไว้"
"แต่ทางเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะ  เราพยายามหาทางวิเคราะห์และคิดค้นวิธีต่อต้านเลือดพิษนั่น.."
หญิงสาวยิ้มให้บางๆ แล้วเธอก็บอกด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว "ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ  แต่ถ้าหากวันใดฉันเปลี่ยนไปจริงๆ ฉันขออะไรอย่างหนึ่งจากคุณได้ไหม?"
ชายชราขมวดคิ้ว เขาจ้องมองหน้าเธอ "ความหมายของเธอคือ......"
"ฉันขอให้คุณเป็นคนลงมือ....." พูดจบหญิงสาวก็เดินจากไป

ชายชรามองตามร่างหญิงสาวที่เดินจากไป  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเห็นใจ
หญิงสาวนักล่าเดินเรื่อยมาจนกระทั่งถึงห้องส่วนตัวที่องค์กรจัดไว้ให้เธอใช้พักผ่อน


นีโอ


เมื่อเข้าไปถึงห้องนอน  หญิงสาวเดินไปหยุดยืนตรงหน้ากระจกบานใหญ่ เธอยืนมองเงาร่างของตนอยู่อึดใจแล้วเริ่มเปลื้องเสื้อหนังเกาะอกและกางเกงหนังรัดรูปออกช้า ๆ อาภรณ์ชั้นนอกหลุดออกจากร่างงามของเธอไปแล้ว เหลือแต่บราเซียร์กับซับในแพรบางเท่านั้น  รอยช้ำและร่องรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ปรากฏตามร่างกายของเธอหลายจุด เพียงเธอหลับตาชั่วครู่ บาดแผลทั้งหลายก็หายไปอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวยืนมองกระจกพิศดูเรือนร่างสาวของตัวเองอีกครั้ง

เรือนร่างของเธออวบอัดเต่งตึงมิได้ลดหย่อนความงามไปแม้แต่น้อยถึงจะสมบุกสมบันจากการต่อสู้และไล่ล่าสิ่งที่เธอเกลียด พวก "แวมไพร์"  ถึงแม้นว่าเธอจะห้าวหาญและออกลุยได้ไม่หวั่นต่อทุกสภาพ  แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง  ยังรักสวยรักงามหากมีเวลาก็ยังบำรุงร่างกายเสมอ  ทำให้เรือนร่างจึงยังไม่บกพร่องใดๆ  ภาพในกระจกคือสิ่งยืนยัน  ช่วงไหล่นั้นลาดงามได้ส่วนสัดรับกับเอวคอด ต่ำลงมาเป็นสะโพกอวบใหญ่เห็นรอยผ่าของร่องก้นอยู่ภายใต้ซับในชิ้นน้อยนั้นได้อย่างเลือนราง

หญิงสาวเอี้ยวมือมาปลดตะขอยกทรงแล้วรูดออกทางปลายแขน จึงได้เผยแผ่นหลังอันขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา ยามที่เธอเอี้ยวตัวโยนยกทรงไปพาดกับบานกระจก ทำให้เห็นเสี้ยวเนินถันอันขาวผ่องได้ถนัดตา แล้วนักล่าแสนสวยก็ก้มร่างลงดึงซับในอันเบาบางรูดลงมาถึงหัวเข่า งอขาขึ้นปลดมันออกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี พลันร่างงามของหล่อนก็เปลือยเปล่าอยู่ในแสงไฟสลัวลาง  มองแล้วช่างสวยงามราวกับปฏิมากรรมของศิลปินลือนามไม่มีผิด

หญิงสาวเดินเข้าไปเปิดน้ำจากฟักบัวราดรดร่างกาย  รู้สึกผ่อนคลายจากการตรากตรำมาทั้งวัน  สายน้ำฉ่ำเย็นราดไล่มายังสองเต้าที่ถูกลูบไล้ชำระก้อนเนื้อนั้นช่างขาวนวลและหนั่นแน่นเพราะความสมบูรณ์  ฝ่ามือของเธอไล้ลูบมาถึงแก้มก้นและถูไถสะโพกทั้งสองข้าง เธอเลื่อนมือต่ำลงมาถึงท่อนขาอวบใหญ่ ขาวผ่องราวกับไข่ต้มปอกเปลือก  ร่างกายที่สมบูรณ์มองแล้วช่างงดงามและเย้ายวนใจต่อบุรุษเพศยิ่งนัก  แต่ทำไมถึงมีบางอย่างที่ชั่วร้ายแฝงอยู่ภายในคอยรุมเร้าให้ทุกข์ทน

ระหว่างชำระร่างกายด้วยสายน้ำอยู่นั้น  ยามที่หญิงสาวหลับตากลับรำลึกถึงแต่ภาพการสังหารอันโหดร้ายและเลือดสดๆที่สาดกระเซ็น  มันบีบคั่นประสาทของเธอทวีมากขึ้นเรื่อยๆจนต้องโอบกอดตัวเองและทรุดลงนั่งร่ำสะอื้นจนตัวสั่น.....เพราะลึกๆในใจของเธอก็หวังชีวิตที่สามัญ  แต่เส้นทางเดินของเธอราวถูกลิขิตเอาไว้ล่วงหน้าด้วยมือที่มองไม่เห็น....เธอเอามือปิดหน้าสะอื้นอยากวาดฝันถึงวันที่สวยงามกับใครสักคน  และใครกันเล่าที่จะเป็นคนมาฉุดเธอออกจากคำสาปร้ายนี้ได้..... 
.
.
.
.

ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง

ล่วงเลยจากสถานที่พำนักของนักล่า แวมไพร์ ไกลออกไปย่านชานเมือง
บ้านไม้กลางเก่กลางใหม่ในพื้นที่สวนอันร่มรื่นยามราตรี
หน้าห้องนอนของหมอผีสิน  เจ้าของบ้าน

นางผีสาวตานีกำลังแอบดูสงครามใต้สะดือระหว่างเจ้านายของตนกับนางผีสาวลำดวน ที่กำลังฟัดกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ติดใจในกันและกัน ร่างของผีสาวเปลือยเปล่านอนหงายพาดขอบเตียง มีร่างกำยำของหมอผีหนุ่มยืนจังก้าอยู่ที่หว่างขา ท่อนกระดอยาวเหยียดดำทะมึนของเขาทิ่มคาอยู่ในรูสวาทของแม่ผีสาวสวยจน แคมแบะปลิ้น เม็ดเสียวสั่นระริกราวกับมีชีวิตชีวา  หมอผีหนุ่มจับปลายเท้าของผีสาวให้แบะอ้าออกไปข้าง ๆ พร้อมกับแอ่นก้นเสือกท่อเนื้อลงอาคมเข้าทิ่มแทงโคกสวาทขาวอล่างฉ่างราวกับกะลาคว่ำอย่างสนุกถึงใจ

สองแคมของผีสาวปลิ้นเข้าปลิ้นออกตามแรงกระแทกอย่างแรง   จนทำให้กระจุกขนริมแคมลู่เข้าลู่ออกไปด้วย ยิ่งสร้างความเสียวสนุกให้กับผีสาวแสนสวย จนต้องร้องครางไม่ขาดปาก  ร่างขาวๆส่ายไปมาสองมือเปะปะคว้าหาที่จับยึด ส่วนหมอผีหนุ่มเองก็ทิ่มกระแทกใส่อย่างเอาเป็นเอาตายไม่นำพาต่ออาการของนางผีสาว

หมอผีหนุ่มหลับหูหลับตากระทุ้งเฮือก ๆ จนร่างอวบเปลือยสั่นสะท้านเสือกขึ้นเสือกลงไปตามแรงกระแทก นางผีสาวสูดปากเร่า ๆ สะบัดหน้าสวยส่ายไปมา นัยน์ตาหลับพริ้ม สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เต้าอกอวบอั๋นอวดปลายยอดสีแดงอมชมพูสั่นกระเพื่อมอย่างน่าดู   หมอผีหนุ่มกระทุ้งไป ตาก็มองดูท่อนกระดอของเขาดันโคกเนื้อขาวเนียนของผีสาวสวยไปด้วยอย่างสุดแสนใจ  ทำไปๆแต่พอเงยหน้าไปเห็นเต้านมขาวผ่องของผีสาวสวาทที่นอนแผ่ให้มันตะบัน หมอผีหนุ่มจึงปล่อยมือจากข้อเท้าออก แล้วตะปบบีบเต้านมอวบอั๋นทั้งสองเต้าขยำเล่นอย่างมันมือ

" อูย...บีบแรงๆ...พี่หมอจ๋า...ลำดวนชอบ...ซี๊ด.ส..ส.ส..ส..ส์.บี้ตรงหัวนมซิจ๊ะ...แต่อย่าแรงนัก...ซี๊ด..."

หมอผีหนุ่มทำตามอย่างไม่รั้งรอ เขาเอามือรวบเต้านมทั้งสองของสาวสวยเข้ามาหากันจนล้นอูมเต็มอก นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือบดบี้ตุ่มเนื้อสีชมพูสดจนมันลุกเด่สู้มือขึ้นมาทันที  ส่วนเอวก็กระทุ้งใส่เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังลั่นห้อง  นางผีสาวเจอรุกแทบทุกจุดเสียวก็ผวาสำรักสุขจนสุดพรรณนา

" อูย...พี่หมอจ๋า...ดีจัง...ซี๊ด...มันเสียวดีกระเด้าเข้าเถอะนะ...แรง ๆ หน่อย...จะออกแล้ว...พี่หมอจ๋า..."

หมอผีหนุ่มเม้มปากขบกรามกรอดๆ  โยกเอวกระทุ้งสุดแรงด้วยความเสียวสุดกลั้น เมื่อช่องสวาทของผีสาวแสนสวยเริ่มดูดขมิบท่อนกระดอของเขาไปตลอดลำยาว เป็นสัญญาณว่าผีสาวกำลังจะถึงสวรรค์บนดินอยู่รอมร่อแล้ว สองมือของนางก็จับข้อเท้าตัวเองให้อ้าแหกออกไป จนทำให้เห็นแคมแบะอ้าอล่างฉ่างแบะอ้าออกอมท่อนกระดอยาวใหญ่ของเขาได้อย่างถนัดตา   หมอผีหนุ่มไม่อาจจะรั้งรอให้ช้าได้ต่อไป เพราะมันกำลังเสียวปลายถอกอย่างสุดขีด

สองมือของเขาขยำขยี้เต้านมพร้อม ๆ กับแอ่นก้นส่งแรงเสือกท่อนเนื้อเข้าทะลวงรูของผีสาวอย่างรุนแรงถี่ขึ้นเร็วขึ้น จนเตียงลั่นเอี๊ยด ๆ ระคนกับเสียงกระทุ้งกระแทกอย่างเอาเป็นเอาตาย  เสียงกระแทก เสียงร้องคราง เสียงหอบเหนื่อย ดังผสานตลอดเวลา  จนฟังไม่ออกว่าเสียงอะไรเป็นเสียงอะไร

ท่อนกระดอยาวใหญ่ที่ใช้บำเรอกามได้ทั้งสามโลกของหมอผีหนุ่ม  ถูกใช้แทงตะบันจนแคมโหนกปลิ้นแดงอยู่อย่างน่าสยอง สาวออกมาเกือบหลุดแล้วกระทุ้งพรวดลงไปมิดด้าม ชักออกมากระทุ้งกลับเข้าไป แต่ละครั้งรุนแรงไร้ปรานี จนร่างอวบเปลือยของผีสาวสะท้าน หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซ่านมันรูสุดขีด ปากบางๆเชิดห่อสูดเร่า ๆ แอ่นนมแอ่นโคกให้อย่างเต็มใจ  พรรณนาบรรยายความเสียวซ่านไม่หยุดปาก  จนกระทั่ง

" อูย...ออกแล้ว...พี่หมอจ๋า...ซี๊ด...อูย...น้ำออกแล้ว...พี่หมอจ๋า...ซี๊ด..."
" ของข้าก็ออก...แหม...รูของเอ็งมันคับดีจัง..เดี๋ยวน้ำออกแล้วเอ็งอยู่นี่ไม่ต้องกลับเข้าโกฎินะ..."
" ค่ะ...ค่ะ...พี่หมอขา...ซี๊ด...เอาหนัก ๆ ซิ...กระทุ้งแรง ๆ...อูย...อูย... น้ำจะออกแล้ว...ว้าย..ช่วย..ช่วยด้วย..."

ผีสาวหวีดร้องเมื่อน้ำรักหลั่งทลาย ร่างเกร็งกระตุกราวกับปลาถูกทุบหัว หมอผีหนุ่มรู้อาการเขาทิ้งตัวลงนอนทับ ปากจมูกระดมจูบไปทั่วใบหน้า  สองมือขยำขยี้เต้านมอวบอั๋นของผีสาวแสนสวยแทบแหลกเหลว พร้อม ๆ กันขย่มกดท่อนเนื้อของตนเข้าทิ่มทะลวงรูนางอย่างบ้าคลั่ง   จนกระทั่งร่างกระตุกเพราะกลั้นน้ำกามไม่อยู่  มันพุ่งกระฉูดเข้าใส่โพลงสวาทของผีสาวสวยราวกับท่อประปาแตก

แต่กระนั้นเขาก็ยังกระทุ้งฉึก ๆ อย่างเมามันไม่ยอมหยุด กระทั่งน้ำรักหยดสุดท้ายออกมาหมดแล้วนั่นแหละ   เขาจึงอัดท่อนเนื้อเข้าไปมิดด้าม หนอกเนื้อประกบเนินนางขาวผ่องของผีสาวสวยแนบสนิท  และเขาก็ ทิ้งตัวนอนทับอย่างสิ้นแรงระบายลมหายใจอันเหน็ดเหนื่อยออกมาพร้อมกันกับนางผีสาว  ปล่อยให้ท่อนเนื้อฝังคารูนางผีสาวแสนงามอยู่อย่างนั้นเอง

นางผีสาวตานียืนตาค้างตัวแข็ง  ภาพการเสพสังวาสของเจ้านายและนางผีสาวลำดวน  ทำให้นางกระหายใคร่อยากลิ้มรสเป็นกำลัง  ด้วยห่างหายการรับใช้นายหนุ่มไปนาน  นึกๆแล้วอิจฉานางลำดวนยิ่งนักที่ได้มาเป็นบาทจาริกาคนโปรดและถูกเรียกใช้บริการประจำ  ยิ่งเห็นอย่างนี้น้ำอยากของนางไหลรินคันร่องรูยิกๆ  จนเกินจะอดใจได้อยู่
นางผีสาวตานีไม่สิ้นสวาทสุดจะอดใจได้ไหว  นางถกผ้าโจงกระเบนเหน็บขึ้นแล้วล้วงนิ้วไปที่ร่องแคมของตน  พลางขยี้ติ่งเสียวแล้วล้วงเข้าล้วงออกในร่องแคมที่ฉ่ำเอ่อไปด้วยน้ำสวาท  ร่างของนางทรุดลงและหลับตาพริ้มแสนเสียวสบายไปกับปลายนิ้วระรัวของตน  เมื่อไม่มีใครช่วยระบายใช้นิ้วของตนก็ได้  นอนล้มกลิ้งล้มหงายสุขไปกับจินตนาการของตน

ด้านหมอผีหนุ่มที่สำเร็จเสียวกับนางผีสาวลำดวนไปแล้ว   เขาก็ถอนท่อนเนื้ออกมาแล้วขยับนอนหงายแผ่  ขณะพักเหนื่อยก็กระหายน้ำเป็นกำลัง  เอียงหน้ามองไปเห็นนางผีสาวแสนสวยหลับตานอนแผ่แคมอ้าสิ้นแรง  เขาจึงลุกขึ้นเดินเพื่อไปหาน้ำดื่มเอง  แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลงเมื่อมองเห็นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง กำลังนอนโก้งโค้งอยู่ที่หน้าห้อง...

มองดีๆก็เห็นเป็นนางตานีนั่นเอง  นางคงแอบลอบมาดูฉากสังวาสอันเร่าร้อนของเขา  และเกิดอารมณ์จึงช่วยตัวเองอยู่อย่างลืมตัว แม้ว่าเขาจะเปิดประตูออกมา  นางก็ยังไม่รู้สึกตัว ภาพท่อนกระดอยาวใหญ่ที่ทิ่มแทงอยู่ในรูของแม่ผีสาว ทำให้นางเสียวสยองไปทุกขุมขน  โดนกระหน่ำราวจะฆ่าให้ตายรอบสอง  แทนที่ผีสาวจะเจ็บแสบหรือทนไม่ไหว กลับสูดปากเร่า ๆ อย่างเอร็ดอร่อย  หลับตาคิดไปมือก็ลูบคลำโคกตนและบี้ติ่งเนื้อของตัวเองไปด้วย  โดยหารู้ไม่ว่าเจ้านายหนุ่มได้ย่องกริบเข้าไปทางเบื้องหลังของนางแล้วอย่าง แผ่วเบา

หมอผีหนุ่มนึกๆให้เห็นใจนางตานีที่อดมาหลายเวรหลายเวลา  จนต้องมาแอบดูแล้วช่วยตัวเองอย่างนี้  เขายืนมองร่างของนางผีสาวในชุดเขียวที่รัวนิ้วเข้าร่องแคมของตนแล้วสูดปาก  มันช่างสร้างอารมณ์อีกอย่างให้เขาจริงๆ  ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่สะโพกผายใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าโจงกระเบนเหน็บสีเขียว  และค่อยๆนั่งลงช้าๆ

พอได้ที่เขาก็ค่อย ๆ เอามือเลิกชายขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จนเห็นท่อนขาอันอวบขาวอยู่ในแสงจันทร์ที่สาดส่องมาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้รับลม.... เขายังคงถกผ้าให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่นางผีสาวก็ยังไม่รู้สึกตัว กระทั่งตลบเอาชายผ้าในของนางขึ้นไปกองอยู่บนสันสะโพก  หมอผีหนุ่มยิ้มเมื่อมองเห็นตูดก้นของนายสาวขาวโพลนอยู่ในแสงจันทร์ มันช่างผายใหญ่ขาวยิ่งนักราวกับสีของนมสด เห็นง่ามก้นวกต่ำลงมาตามซอกขาหนีบ อวดกลีบแคมอันห้อยย้อยต่ำลงมาอย่างเลือนราง

พลันร่างกำยำของเขาก็แทรกเข้าไปในหว่างขา มือหนึ่งตะปบจับเอวของนางผีสาว มือหนึ่งจับหัวถอกบานร่าจ่อหมับเข้าที่ปากรูทางเข้าสวนกล้วยของนางผีสาว แล้วแอ่นก้นดันผลุบเข้าไปอย่างรวดเร็ว นางผีตานีสะดุ้งโหยงเมื่อท่อนเนื้อยาวใหญ่ของเจ้านายหนุ่มบุกทะลวงเข้าไปเกือบครึ่ง ด้าม จนคับตึงง่ามขา เสียววาบไปถึงหัวใจ นางจะร้องก็ร้องไม่ออกเพราะถูความเสียวจุกอุดปากเอาได้แต่ร้อง..โอ้ก... มิหนำซ้ำเจ้าท่อนเนื้อยาวใหญ่นั้นยังดันกระดืบเข้าไปเรื่อย ๆ

"เอ็งมาแอบทำอะไรตรงนี้  นังตานี...."

เสียงถามหอบๆของเจ้านาย  ดังมาพร้อมกับการดันท่อนเนื้อทิ่มแทงเข้ารูสวรรค์ของนางผีสาวไม่หยุดหย่อน
อู้....มันช่างฝืดคับมันเสียวเสียนี่กระไร  นานๆโดนทีมันก็มีคืนตัวเหมือนกัน  หมอผีหนุ่มคิด...
นางตานีสะดุ้งตกใจ  แต่พอรู้ว่ากำลังถูกดุ้นทะลวงดันก็แอ่นก้นรับ  แล้วบอกอย่างคล้ายๆจะสำนึก

"อู้ว..ว...ว..ว..ว.พี่หมอขา...อ้า...อ้า...ตานีขอโทษ...ตานีไม่ตั้งใจมาแอบดู......"นางตานีหลับตาร้องครางเอ่ยบอกอย่างสำนึก
" ก็แล้วเอ็งจะมาแอบดูทำไม...ดูแล้วเงี่ยนเปล่า ๆ....มา....เดี๋ยวข้าจะทำให้เอ็งหายเงี่ยนเอง..."

พูดเหมือนโกรธแล้วต้องลงโทษอย่างหนักให้หราบจำ  แต่กลับชำเรานางผีดงกล้วย  ว่าแล้วเขาก็สาวท่อนเนื้อออกมาเกือบหลุด ทันใดหมอผีหนุ่มก็แอ่นเอวเสือกท่อนกระดอมหากาฬพรวดเข้าไปเต็มเหนี่ยว  นางตานีแม่ยอดผีแสนสวยแห่งดงกล้วยสั่นสะท้านไปทั้งร่าง  เพราะสัมผัสมันช่างคับตื้อแน่นเปรี๊ยะไปทั่วปากแคมราวกับฉีกแหกออกไปในพริบตา...

นี่ขนาดนางเองเคยโดนท่อนกระดอนี่มาหลายครั้งแล้วจึงพอทนได้ ประกอบกับการมาแอบดูสงครามสวาทก่อนหน้ามาเป็นเวลานานจนน้ำเมือกเอ่อออกมานองรูแล้วรูดนิ้วเล่นอีก มันจึงทำให้ค่อยคลายความฝืดคับลงไปบ้าง   เมื่อท่อนเนื้อใหญ่ของหมอผีหนุ่มทิ่มพรวดเข้าไปจึงพอรับไหว   และอีกอย่างนางก็เป็นวิญญาณที่ได้รับคาถาคงกายเนื้อคุ้มครองด้วย  ไม่เช่นนั้นรูของนางคงจะฉีกแหกยับเยินแทบจะไม่เป็นรูปอย่างแน่นอนทีเดียว

เจ้าแม่ผีประจำดงกล้วยสาแก่ใจนักเมื่อได้มาเจอจับนายของนางเย่อเอาอย่างเต็มคราบเช่นนี้  นางกระหายใฝ่ฝันที่จะโดนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เจ้านางของนางก็มีของสดๆดีๆแวะเวียนมาให้กระทุ้งไม่ขาดจนนางชักอดอยากปากแห้ง เมื่อโอกาสมาถึงนางก็ต้องตักตวงเอาไว้  ส่วนหมอผีหนุ่มเองก็พึ่งใจในกายของนางตานีที่มีกายเป็นสาวเต็มตัว เต้าอกอวบพุ่ง สะเอวคอดกิ่ว สะโพกผายใหญ่ ยิ่งโคกนางก็อวบอัด  ยามได้จับเย็ดเอาแล้วแสนที่จะสนุกใจ ด้วยยามที่ตะปบจับมันช่างเต็มมือยิ่งนัก  ว่าแล้วก็อยากตรวจดูว่ายังแน่นเหมือนเดิมไหม  หมอผีหนุ่มจึงสอดมือเข้าไปใต้หว่างขา ตะปบเอาโคกของนางไว้เต็มมือ

พอได้สัมผัสเขาถึงอุทานในใจว่ามันช่างใหญ่ราวกับจะปิดไม่มิดทีเดียว มีขนหญ้าปกคลุมอยู่ประปราย เขายังจับคลำตรงรอยผ่าที่คาบอมท่อนเนื้อเขี่ยไล่สูงขึ้นไปจนกระทบเข้ากับติ่ง เนื้อเสียวที่ยื่นโผล่ออกมา   จากนั้นจึงบีบบี้เล่นอย่างสะใจ ผีสาวประจำดงกล้วยบิดส่ายก้นสูดปากจนหน้าหงายเมื่อโดนบี้ติ่งเสียวเอาอย่างกะทันหัน ก้นขาวใหญ่ของนางส่ายไปมา พร้อมกับแคมโคกก็ตอดรัดท่อนเนื้อมหึมาด้วยความกระสันมันสุดขีด

" อูย...พี่หมอขา..ทำได้ดีจริงๆ...สาใจตานียิ่งนัก...อุ๊ย..อุ๊ย..อุ๊ย..."

นางผีดงกล้วยครางซี๊ด ๆๆ  เมื่อนายหนุ่มเริ่มแอ่นเอวเข้ากระทุ้งท่อนเอ็นทิ่มแทงโคกของนางอย่างดุเดือด จนแคมสองข้างปลิ่มน้ำกระฉอกแตกฟองฟอด ทำให้ท่อนกระดอทิ่มเข้าทิ่มออกได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น แม้กระนั้นมันก็ยังฝืดคับสร้างความเสียวสะท้านมันท่อนเนื้อของหมอผีหนุ่มอยู่นั่นเอง สะโพกของผีสาวส่ายไปมา บางทีก็กระดกขึ้นลงเมื่อเจอการสาวท่อนกระดอเข้าออก ยามมันแทงสวนเข้าไปมิดด้าม จนปลายถอกชนมดลูกย่นเข้าไปในท้องน้อย นางผีสาวก็กายแอ่นโย้ไปข้างหน้า  ครั้นพอหมอผีหนุ่มสาวท่อนเนื้อออกมานางก็โย้กายแอ่นก้นตามติด

น้ำรักน้ำเมือกไหลปรี่ออกมาทั่วช่องคลอดและปากรูแดง   ความเมามันโหมทวีหมอผีหนุ่มรั้งสะโพกใหญ่ของนางให้ถอยห่างออกมาเพื่อให้กระดกก้นขึ้นสูง โคกแคมปลิ้นออกมาเป็นเป้านิ่งให้กระเด้าได้ถนัด ๆ  ส่วนนางผีสาวก็รู้ทันความต้องการของเจ้านาย  นางขยับตอบสนองให้เจ้าของลำกระดออันยาวใหญ่อย่างถึงใจ นางเอามือยันข้างฝาบ้านไว้แล้วถ่างขากระดกก้นขึ้นสูงเพื่อให้เจ้านายกระทุ้งใส่อย่างเต็มพิกัด

นางผีสาวสั่นเร่าๆร้องไม่หยุดด้วยแสนจะสาใจนักเมื่อได้รับรสกระดอของเจ้านายนาง  หมอผีหนุ่มยังบำเรอนางอย่างถึงใจต่อไป  เขาค่อย ๆ ลูบก้นอันขาวผ่องของนางผีสาวเล่นเบา ๆ พร้อมกับทิ่มแทงเข้าออกอย่างนิ่มนวลก่อน แล้วค่อยแรงขึ้นถี่ขึ้น จนในที่สุดก็ตะบันเอาพั่บ ๆ อย่างสะใจ แรงกระทุ้งส่งเสียงดังลั่นบ้านสร้างความสำราญบานใจให้ทั้งสอง  นางผีสาวกัดฟันกรอดๆเมื่อโดนกระหน่ำเอาเต็มรัก  ท่อนเนื้อยาวใหญ่ของเจ้านายหนุ่มตะบันสวบ ๆ จนนางแสบรูไปหมด แต่มันก็แสนเอร็ดอร่อยอย่างเหลือประมาณเพราะความใหญ่ของมันสามารถครูดไคร้ โพรงสวาทของนางได้อย่างทั่วถึง

ยิ่งความเสียวความมันทวีอย่างไม่ปราณีใคร  หมอผีหนุ่มสอดมือเข้าไปรอบสะโพกของนางแล้วทาบตัวเอากอดรัดรัวกระทุ้งใส่ราวกับภาพของสุนัขกำลังผสมพันธุ์   หมอผีหนุ่มซอยก้นกระเด้าท่อนเนื้อทิ่มแทงโคกหีนางผีสาวไม่หยุดหย่อน ครั้งหนึ่งเขาสาวออกมาจนเกือบหลุด พอนางแอ่นก้นตามด้วยความติดพัน  กระดอยักษ์ของหมอผีหนุ่มก็กระแทกสวนกลับเข้าไปสุดแรงเกิด นางผีสาวเจ้าสะดุ้งโหยง  จนต้องเผลอหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจและเสียวแสบโพรงเป็นกำลัง แต่ก็สร้างรสชาติมหาเสียวให้กับนางอย่างเหลือใจ  ยิ่งเจอเข้าซ้ำๆก็ยิ่งตรึงใจจนนางแหกปากร้องครางอย่างลืมตัว...

"อู้ว..ว...ว์..พี่หมอ...ตานีแสบ...แต่ก็เสียวนะ...สุดยอดจริงๆเลยพี่หมอขา...เอาอีกๆๆๆ"
"เอ็งชอบใช่ไหม  ถ้าชอบข้าจะทำให้  วันนี้ข้าจะสนองเองจนนอนระบมเลย..."
"อู้ว.ว.ว..ว์...อย่าใจร้ายขนาดนั้นสิ...ถนอมตานีบ้าง...อุ๊ย..อุ๊ย...ทั้งเสียวทั้งแสบจนจะทนไม่ไหวแล้ว.."
"พูดเหมือนเอ็งไม่ชอบ  ไม่ชอบข้าจะไม่ทพละนะ..." หมอผีหหนุ่มถามยิ้ม ๆ
"ชอบสิ..แต่ว่าพี่หมอช่วยบีบนมให้ตานีหน่อย..ใส่ตรงนั้นอย่างเดียวมันเสียวจุดเดียวเอง...."
"งั้นข้าจะจัดให้ก็ได้..."

ว่าแล้วหมอผีหนุ่มก็สอดมือเข้าไปล้วงจับเต้านมอวบอั๋นของนางผีสาวบีบบี้เล่นอย่างสนุกมือ

" อุ๊ย...ดี..พี่หมอขา..บีบหนักๆอีก...อี๊ย์.บีบนมแรงๆซิ...ตานีชอบนะ..หนักมือเลย..หนักมือเลย...อ้า..อั๊ก..."
" ชอบหรอ...ถ้าชอบข้าจะบีบแรงๆแล้วกระทุ้งแรงๆเลย.."... หมอผีหนุ่มบอกแล้วกระหน่ำอย่างหนัก

เสียงกระทุ้งเสียงร้องยังดังก้องไปทั่วบ้านทั้งหลัง จนกระทั้งหมอผีหนุ่มหอบหนักๆ
เขาผ่อนมือให้บีบเคล้นเต้านมอวบยั่วมือของนางผีสาวเบาลง  แล้วหยุดขยับให้ท่อนเนื้อคารูนิ่งอยู่อย่างนั้นเอง

" พี่หมอ...พี่หมอจ๊ะ..หยุดทำไม.." ผีสาวในดงกล้วยเรียกเสียงกระเส่า ก้นขาวใหญ่ส่ายไปมาราวจะเร่งให้เดินหน้าต่อ
"ขอหายใจบ้างสิ...เหนื่อยนะ  เอ็งไม่ได้ออกแรงอย่างข้านี่..."
" อ้า..ทำ..ทำต่อเถอะ...อี๊ย์...อีกนิดตานีก็จะถึงแล้ว...อย่ามาแกล้วกันสิ....เสียวจะตายอยู่แล้ว..."
" เอาละ  เอ็งอย่าบ่นเลยนา...ข้าจะทำเดี๋ยวนี้แหละ...ข้าจะทำให้เอ็งอย่างถึงใจจนน้ำลายหกไปเลย..."

ว่าแล้วหมอผีหนุ่มก็สาวท่อนควยออกมา  แล้วดันพรืดเข้าไปปลิ้นเข้าปลิ้นออกอยู่ในโพรงสวรรค์ของนางผีสาว  ทำเอานางสูดปากเบา ๆ หลับตาปี๋ ส่ายก้นให้กระทุ้งต่อเนื่องอย่างเต็มอกเต็มใจ   หมอผีหนุ่มเริ่มไล่จังหวะกระชั้นขึ้นเรื่อยๆเริ่มกระหน่ำอย่างดุเดือดขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ผีสาวเจ้าแม่ดงกล้วยแสนจะเอร็ดอร่อยถึงใจยิ่งนัก

ยามถูกกระแทกก้นขาวๆใหญ่ๆของนางส่ายร่อน บางครั้งก็กระดกขึ้นลงตามจังหวะกระเด้าอันเร่าร้อนของการออกลีลาจากหมอผีหนุ่มเจ้าของกระดอลงอาคม  สองมือของเขายังคงสอดเคล้นสองเต้าใหญ่ๆอวบเต่งเต็มมือของนางผีสาวบีบบี้เล่น พร้อมกับแอ่นก้นส่งท่อนเนื้อให้ชำแรกแคมบดบี้สร้างความเสียวสรรค์ให้นางอย่างเมามัน แม่ผีสาวตานีปลายหวียอดหวีโดนทั้งบี้นมทั้งกระทุ้งก็อร่อยถึงใจ  ร่อนก้นแอ่นกายให้ถูกกระหน่ำอยู่เร่า ๆ พร้อมกับสูดปากครางอย่างลืมตัว

" อูย...พี่หมอจ๋า...ซี๊ด...อูย...เจอของจริงอย่างนี้...ซี๊ด...ทำเก่งจัง... พี่หมอจ๋า...อูย...มันคับรู...ซี๊ด...เสียวอะไรอย่างงี้..."
"แล้วเอ็งชอบไหม..ของใหญ่ๆ..มันถึงอกถึงใจของเอ็งไหมเล่า...." หมอผีหนุ่มพูดเสียงหอบ ๆ ซอยก้นกระทุ้งใส่ไม่ยอมหยุด
"ชอบสิ..แต่เสียดายใช้หลายที่ไปหน่อย  ถ้าได้ใช้คนเดียว....ไปเกิดใหม่ก็ไม่ลืม..อ้า...ร์...อ้า...ร์...."
"ถ้าอย่างนั้น  ชาตินี้ ภพนี้ เอ็งก็ใช้ให้พอนะ  ถ้าเกิดชาติหน้าไม่เจออย่างนี้อีก เอ็งจะเสียดาย..."
" ใช่พี่..อ้า..ร์...เอาเลย...แรงๆ...ใส่แรงๆ....เย็ดให้มันขาดใจตายไปเลย...อ้า...ร์...อ้า..ร์...."

หมอผีหนุ่มกระแทกกระทั้นอย่างไม่บันยะบันยัง  และเริ่มรัวอย่างเร็ว
 
"..อุ๊ย..อุ๊ย...พ่อคุณชาติก่อนทำบุญด้วย อะไรนะ... กระดอถึงได้ใหญ่อย่างนี้...ซี๊ด...อูย...เสียวดีเหลือเกิน...อ้า..ร์...."
"...อึ๊ย์..อึ๊ย์...นางตานีเอ็ง...ร่อนหน่อยซิ...ช่วยร่อนหน่อยสิน้ำของข้าจะออกแล้ว..."
" เอ้าจ้ะ...พี่หมอ...น้ำฉันก็จะออกแล้ว...ซี๊ด...อูย...มันเสียวดีจริง... ซี๊ด...กระแทกแรง ๆ ฉันก็น้ำจะออกอยู่แล้ว.....ซี๊ด...ซี๊ด...อูย...ทนจะไม่ไหวแล้วนะ...พี่หมอจ๋า...พี่หมอจ๋า...โอ้ว.ว.ว..ว...ว์....."

นางผีสาวเจ้าแม่ดงกล้วยร้องครางกระเส่า พร้อมกับสูดปากเร่า ๆ ด้วยความเสียวสุดขีด  ก้นผายใหญ่ของนางแอ่นเด้งยกรับการกระเด้าของเขาอยู่ฉับ ๆ บางครั้งก็ส่ายร่อนไปมา  หมอผีหนุ่มเร่งกระเด้าอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นจนแทบดูไม่ทัน  เสียงหนอกหีหนอกควยกระทบกันดังพั่บๆ  จนกระทั่งหมอผีหนุ่มเสียวจนสุดกลั้น เพราะโพลงสวาทของนางผีสาวดงกล้วยทั้งเม้มทั้งดูดจนเหลือจะทน  เขาอัดท่อนกระดอกลับเข้าไปมิดด้ามยันโคน หมุนหนอกคว้านปากรูไปรอบ ๆ  นางผีสาวเจอไม้นี้เข้าร้องครางกระเส่า แอ่นก้นสวนเข้ามารับอย่างไม่ย่อมถอย

หมอผีหนุ่มเค้นพลังเฮือกสุดท้ายขบกรามกรอด สาวท่อนกระดอพรวดๆออกมาเกือบหลุด เห็นโคนกระดอเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำเมือกจากคูหาสวาท  แล้วแอ่นก้นดันตะเพิดเข้าไปมิดด้าม ชักออกแล้วกระทุ้งเข้าไป แคมขอบปลิ้นเข้าออกตามแรงกระแทก แดงก่ำหยาดเยิ้มอย่างน่าเสียวไส้  ท่อนกระดอยาวใหญ่เดินหน้าบุกทะลวงคูหาสวรรค์ขอนางผีสาวช่วงโค้งสุดท้ายอย่างดุเดือด เร่งจังหวะถี่เร็วแทบไม่หายใจหายคอ ผีสาวดงกล้วยครางสะอื้นด้วยแรงกามหัวแทบคะมำบางครั้งกระแทกข้างฝาดังปึ้งๆ  แต่ก็นางก็ฝืนยันเอาไว้สุดแรง  ส่วนสูดปากเร่า ๆ ด้วยความเสียวซานอย่างเหลือประมาณ  ส่วนก้นก็ยังปักหลักแอ่นก้นขึ้นรับการกระเด้าของมหากระดอมหากาฬอยู่ฉับ ๆ ทั้งที่โดนทะลวงเอาจนแคมปลิ้นแดง...

ชั่วอึดใจใหญ่ๆเสียงสูดปากร้องระงมก็ดังขึ้น ทั้งสองคลุกเคล้าเขย่าร่างเข้าใส่กันอย่างดุเดือดจนข้างฝาบ้านแทบพังราบเป็นแถบ ๆ   นางผีตานีแอ่นก้นหราหัวแทบทิ่ม ส่วนหมอผีหนุ่มก็เกระทุ้งทะลวงเสียงสวบ ๆ แทบไม่ยอมหยุดหายใจ พลันน้ำกามที่อัดคั่งอยู่นานก็พุ่งกระฉูดเข้าใส่ช่องคุหาสวาทของนางผีสาวอย่างมากมาย พร้อม ๆ กับนางผีสาวก็ขมิบน้ำพุ่งออกมาปะทะคละเคล้าผสมกัน   แล้วร่างกำยำของหมอผีหนุ่มก็นอนทับแผ่นหลังเนียนนวลเปล่าเปลือยของนางผีสาว ปล่อยให้สองสิ่งคาบคาอยู่อย่างนั้นเองโดยไม่แยแสกับน้ำสีขุ่นๆที่ไหลปรี่ออกมา เปรอะเปื้อนบริเวณหน้าขาและง่ามก้นของตน และมีบางส่วนก็ไหลรินลงมาหยดลงบนพื้นเรือนเป็นทาง

เมื่อเสร็จสิ้นศึกสวาทอันดุเดือดลง 
พอคลายหายเหนื่อยแล้วหมอผีหนุ่มก็ถอนตัวออกจากร่างของนางผีสาวเจ้าแม่ดงกล้วย
นางยังนอนระทวยอ่อนแรงอยู่ตรงนั้น  หมอผีหนุ่มยันกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินโทงเทงตรงไปยังห้องน้ำ
แต่เขาต้องสะดุ้งเมื่อถูกร่างหนึ่งโอบกอดรัดจากด้านหลัง

เสียงหวานๆเอ่ยทัก "พี่หมอขา...ลืมใครไปหรือเปล่าเอ่ย?"
"นังตะเคียน!!" หมอผีหนุ่มเหลือบหันไปมองแล้วอุทาน
"ตกใจอะไรหรอ? ทำอย่างกับเห็นผี?"
"เอ่อ.อ.อ...แล้วนี่เอ็งมารั้งข้าทำไม ข้าจะเข้าห้องน้ำ"
"แหม  พี่ก็ถามได้  ทำอย่างงี้ได้อย่างไง  ลืมตะเคียนแล้วหรอ?"
"ลืมอะไรหรอ?"
"แหม  พี่อย่าทำนิสัย ฝนตกไม่ทั่วฟ้าสิ  ตนอื่นได้  แล้วตะเคียนทำไมไม่ได้.."
"เอ่อ.อ.อ.ไม่ได้อะไร?.."
"ก็ได้แบบเนี๋ย ...แบบเนี๋ย...."
"นี่เอ็งจะเอาด้วยหรอ?" หมอผีหนุ่มพูดแทบไม่ออก 
"นะ  นะ  นะ......" นางตะเคียนเกาะแขนออดอ้อน แววตาแวววาว
หมอผีหนุ่มส่ายหัวแล้วถอนหายใจแรงๆ  "เฮ่อ.อ.อ..อ์....เอาก็เอา...เดี๋ยวจะหาว่าข้าลำเอียง."
"ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดมาให้ตะเคียนเลยนะ..." นางผีเสาตกน้ำมันระริกระรี้ทันที

   

แม้นจะเพิงเสร็จกิจปล่อยน้ำกับสองผีสาวมาก่อนหน้านี้  แต่ขึ้นชื่อว่า หมอผีสิน  เรี่ยวแรงและพละกำลังของเขานั้นช่างเหลือเฝือ  พอเจอนางตะเคียนโอ้โลมและตัดพ้อทำให้เขาอดเห็นใจไม่ได้  ด้วยนางเองก็คอยส่วนบุญตรงนี้มานาน  ไอ้ครั้นจะไม่สนองก็คงใจร้ายเกินไป  เขาจึงเปิดประตูห้องอีกห้องประคองพาร่างอวบอัดของนางผีสาวไม่เหงาสวาทเข้าไปข้างใน

นางตะเคียนผีสาวก็หัวเราะระริกอย่างระเริงใจ   คว้าท่อนกระดอของหมอผีหนุ่มที่ฉ่ำเลอะเปรอะน้ำกามจากการใช้งานมาก่อนหน้านี้มาไว้ในมือ  นางลูบคลำอย่างหลงใหลและคิดในใจว่าเดียวเถอะ  แม่จะขย่มให้น้ำกระฉูดเลย   ส่วนหมอผีหนุ่มเองพอเจอมือนุ่มๆลูบคลำๆ  ท่อนกระดอก็แข็งโด่ลำพองออกอาการพร้อมลุยทันที  แต่ก็ไม่ยอมให้นางตะเคียนทำข้างเดียวเขาตะปบเต้านมคลึงคลำโคกนางผีสาวเป็นการตอบแทนอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน

"เอ็งถอดชุดของเอ็งออกเถอะ  มันเกะกะ ข้าจะได้สอยเอ็งถนัดๆ"
"ได้เลยจ๊ะ  พี่หมอ...." นางผีเสาตกน้ำมันรับคำ

ครั้นแล้ว  นางผีสาวก็จัดการกับชุดโจงกระเบนสไบเฉียงให้มันหลุดกระเด็นออกจากร่างอย่างคล่องแคล่ว จนเหลือแต่ร่างล่อนจ้อน  จากนั้นนางผีสาวโผเข้าสู่อ้อมแขนของหมอผีหนุ่มปากจูบปาก มือคว้าท่อนกระดอยาวใหญ่อย่างหลงใหลดังใจหมาย   หมอผีหนุ่มเองก็ตะปบโคกนูนโหนกของนางสร้างอารมณ์ให้

"เอ็งอยากได้ท่าไหนล่ะ นางตะเคียน"หมอผีหนุ่มถามคู่สวาท
"แล้วแต่พี่หมอจะเมตรตาจัดให้  ขอให้โดนเถอะ ท่าไหนตะเคียนก็ไม่ไหวหวั่น"
"ถ้าอย่างนั้นเอ็งต้องเจอท่านี้  มันเข้าลึกถึงใจของเอ็งแน่ๆ หึ หึ หึ...." หมอผีหนุ่มหัวเราะเสียงใสๆ  ส่วนนางตะเคียนใจระทึก

หมอผีหนุ่มจับร่างจับเปลือยของนางผีสาวไปพิงโต๊ะเครื่องแป้งหัวเตียง ก้มหน้าลงดูดหัวนมแดงระเรื่อจนลุกชันอยู่ในปาก ทำเอานางผีสาวเสาตกน้ำมันร้องครางซี๊ดแอ่นอกเชิด  แต่มือก็ยังกำท่อนกระดอไม่ปล่อย  นางหลับตาดื่มด่ำกับการเล้าโลมที่สองเต้าของตนและรูดท่อนเนื้อที่พองตัวร้อนผ่าวในมือไปพลางๆ

" อุ๊ย..พะ..พอแล้วพี่หมอ....ยัดเข้าไปซิ......อี๊ย์...ตะเคียนอยากจะแย่แล้วนะ...อย่ามัวแต่ดูดนมอยู่เลย..."
" ทำไมเอ็งใจร้อนจังวะ  ยังไม่ทันเล้าโลมเลย..."
"ก็แอบดูพี่หมอล่อนังลำดวนแล้วมาเล่นท่าหมากับนางตานี  ฉันนี้น้ำไหลออกโจ้กๆ พี่ก็เห็น..."
"เออ...จริงวะ...ถ้าอย่างนั้นเอ็งก็เตรียมรับเลยนะ..."

หมอผีหนุ่มรับคำแล้วเงยหน้าขึ้น  ตาสบตานางผีสาวก็ทำเอียงหน้าท่าทางจริตแสร้งอายน่ารัก  หมอผีหนุ่มเองก็พอใจที่เหล่าผีสาวในคาถาแสนสวยหลงใหลในท่อนเนื้อของตนจนไม่ออกไปเกะกะหลอหหลอนคนเล่น  แต่ก็แลกกับการต้องเปรนเปรอสวาทไม่ขาด  แม้นจะต้องไปไล่ปราบผีอย่างโชกโชนก็ตาม   ยามกลับมาก็ต้องสนองพวกนางอย่างถึงใจทุกครั้ง

หมอผีหนุ่มแบะท่อนขาอวบใหญ่ของนางผีสาวตกน้ำมันให้ถ่างอ้าออกไป  นางผีสาวเองก็รีบแอ่นโคกขึ้นรับอย่างท้าทาย หมอผีหนุ่มได้เห็นกลีบแคมแบะอ้าแดงแจ๋ยั่วตาก็ระทึกใจเพราะน่าสัมผัสเหลือเกิน  หมอผีหนุ่มจับหัวถอกบานร่าถูไถเม็ดเสียวของนางผีสาวสองสามครั้ง   ทำเอานางผีสาวแสยงสยิวแอ่นรูของตนเข้าหาหมายให้มันมุดเข้ามาไว้  หมอผีหนุ่มจึงจับจ่อให้ตรงทางพอตรงดีแล้วก็กดพรวดลงไปทันควัน  ความกระหายอยากผนวกน้ำที่เอ่อล้นท่อนกระดอมหึมาหายวับเข้าไปทั้งพวงเหลือแต่ไข่ดำๆสองใบห้อยโตงเตงอยู่ด้านนอก

" อุ๊ย...พี่หมอ..อ้า...ร์..." นางผีสาวผวาโผตัวกอดโอบรอบคอของเขาแน่น
หมอผีหนุ่มเองก็สะดุ้งเพราะข้างในของนางขมิบรัดท่อนเนื้อของตนทันที "อุ๊...อุ๊บ...อื่อ.อ...."
"ฮ้า..ร์...เอาเลยพี่หมอจ๋า...กระแทกตะเคียนเลยนะ...แรงๆเร็วๆเลย....."

นางผีสาวร้องบอกเบา ๆที่ข้างหู  เมื่อท่อนหอกยาวใหญ่ของหมอผีหนุ่มจมหายเข้าไปในรูอยากของนางจนมิดด้ามแล้ว ความใหญ่โตของมันแบะเอากลีบแคมของนางจนปลิ้นทะเล้นออกมาน่าดูนัก  หมอผีหนุ่มรั้งเอวของนางแล้วขยับโยกเอวสาวท่อนกระดอกลับออกมาแล้วกดคืนเข้าไปใหม่  เขาทำซ้ำๆจนเกิดเสียงเฉาะแฉะๆๆ  ดังขึ้นถี่ตามจังหวะการโยกย้ายส่ายเอว

" อูย...พี่หมอจ๋า...ซี๊ด...ส....ส..ส..ส...ส...ส...ส...ส์.....อูย..."

นางผีสาวเสาตกน้ำมันร้องครางระรัวเมื่อท่อนกระดอใหญ่ยาวพุ่งสวนเข้าไปมิดด้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ยามเข้าไปสุดปลายถอกชนมดลูกเสียงดังกึกๆ... ถึงกระนั้นหล่อนางผีสาวไม่หนาวสวาทก็ยังแอ่นกระเด้งโคกขึ้นมาปะทะกับเจ้าสิ่งที่ชำแรกเข้าออกอย่างไม่พรั่นพรึง  หมอผีหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบปากแดงสดของนางผีสาวที่เงยแหงนอ้าเชิดรับน้อย ๆ อย่างท้าทาย ลิ้นต่อลิ้นดูดกันนัวเนีย  นางผีสาวประคองใบหน้าของหมอผีหนุ่มพร้อมกับดูดลิ้นมันอย่างเมามันจนน้ำลายย้อยมุมปาก
มือหยาบ ๆ ของหมอผีหนุ่มเอื้อมขึ้นไปช้อนเต้านมอวบสล้างขาวสร้างของนางผีต้นไม้ไว้เต็มอุ้ง แล้วบีบบี้ขยี้ขยำเล่นอย่างสนุกมือ ท่อนกระดอยาวใหญ่ก็สาวปรูดออกมาแล้วแทงสวนเข้าไปเต็มเหนี่ยว ร่างเปลือยของนางผีสาวสั่นสะท้าน ท้องน้อยเกร็งแขม่วเป็นลอนคลื่นด้วยความเสียวกระสันต์ร่านใจนัก
โดนกระแทกอย่างหนักหน่วงรุนแรงแต่ก็ดูเหมือนไม่ทันใจนางเท่าไหร่  จนนางต้องส่งสองมือโอบเข้าไปกดก้นของหมอผีหนุ่มช่วยเสริมให้มันเร่งกระทุ้งเข้าทะลวงรูของนางให้หนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก   หมอผีหนุ่มเบียดร่างเข้ากับร่างอวบเนื้อเย็นของนางผีสาวแล้วเร่งกระเด้ายึกๆให้ได้ดั่งใจของนาง  กระดอยาวใหญ่ที่คับแน่นอยู่ในรูสวรรค์ถูกกล้ามเนื้อในผนังโพลงสวาทของผีสาว ดูดเน้นไปตลอดลำยาวอย่างชำนาญ ทำให้หมอผีหนุ่มต้องสูดปากซี๊ดซ๊าดด้วยความเสียวหัวถอก...

" อุ๊ย...อุ๊ย..อ้าก.ก..ก..ก์...นังตะเคียน...ข้า..ข้า..อ้า..ร์...."
" เป็นอะไรไปล่ะพี่....อ้า..ร์....เสียวมันดีจังพี่หมอจ๋า..."
" เอ็งอย่า....อย่าเพิ่ง...อ้า.  ร์...อย่าขมิบแรง  ข้าเสียวว่ะ...เดี๋ยวน้ำออก...ซี๊ดดด...อูยยยย..."
นางผีสาวเสาตกน้ำมันหัวเราะเสียงหวาน " ออกก็ให้มันออกซิ...พี่หมอจ๋า..."
" เอ็งไม่อยากให้ข้าเย่อเอ็งนานๆหรือ..อ้า..ร์..อ้า..ร์ ..."
" ออกแล้วก็เอากันใหม่ได้นี่นะ...ซี๊ด ด ด...ตะนีก็ก็เสียวนะ.....อูยยย....."
"จะเอาอย่างนั้นก็ได้  เอาละนะ  ข้าจะเร่งแล้ว  เอ็งตามให้ทันนะ..อั๊ก..อั๊ก..อั๊ก..."
"อู๊ก...อุ๊ย...ท่อนกระดอของพี่มันยิ่งพองใหญ่แล้ว...น้ำจวนจะออกแล้วซิ...ซี๊ด  ด  ด   ด..."
" อะ..อุ้ย...ดูดดี..ขมิบดีเหลือเกิน..อ้า..ร์..." เจ้าหนุ่มพูดเสียงสั่น " ข้าทนไม่ไหวแล้ว..มะ..มัน.....อูย..อูย...ออกแล้ว..."

สิ้นคำของหมอผีหนุ่ม  เขาเอามือจับเอวสองข้างของนางผีสาวเสาตกน้ำมันไว้แน่นแล้วแอ่นเอวเสือกท่อนกระดอเข้าตะบันรูหีนางผีสาวอย่างหนักหน่วงรุนแรง  ความเร็วถูกเร่งถี่ยิบจนมองแทบไม่ทันและก็เปลี่ยนจากจับเป็นสอดมือเข้าไปโอบรอบเอวของนางผีสาวไว้แน่นอีกครั้ง พร้อมกับกระเด้าเฮือก ๆ ไม่หยุดหย่อน นางผีสาวเสาตกน้ำมันก็ไม่เบี่ยงเลี่ยงเอารูของตนหลบหนีหายไปทางไหน  ยังคงเกร็งสะโพกนั้นยันขอบตู้เอาไว้เป็นหลัก  และก็คอยส่ายก้นใหญ่ๆของนางไปมาเพื่อช่วยรับการกระเด้าของหมอผีหนุ่มให้ตรงเป้าอยู่กับที่

" อูย....พี่หมอจ๋า...เอาแรง ๆ....ตะเคียนจะออกแล้ว...ซี๊ด...กดหนัก ๆ ไว้นะ... พี่หมอ...อูย...ออก...ออกแล้วพี่หมอจ๋า....น้ำออกแล้ว...ซี๊ด..ส..ส..ส..ส...ส...ส...ส์..น้ำอุ่นของตะเคียนออกมาแล้ว...เสียวจัง...พี่หมอจ๋า..ของพี่ก็ออกมา...อ้า..ร์..ปล่อยออกมาเลย..นั่น..เยอะ..เยอะ..เลย..ออกมา...อ้า...ร์..อุ่นในรูดีจัง...อ้า..ร์..."
ร่างอวบเปลือยของนางผีสาวเสาตกน้ำมันสั่นสะท้าน
สองมือของนางกอดเอวของหมอผีหนุ่มเอาไว้แน่นพร้อมกับแอ่นโคกออกรับความเสียวที่ฉีดพุ่งเข้าใส่ภายใน
"......ซิ้ด  ด  ด  ด   ด    ด ................................."
ทั้งสองแอ่นหนอกแอ่นโคกออกมาอัดกันแน่นสนิท  ขนดกดำต่อขนดกดำถูไถพัวพันกันจนไม่รู้ของใครเป็นของใคร
ขณะที่น้ำกามขาวข้นอันร้อนผ่าวล้นเอ่อออกมานอกแคมแดง ไหลเลอะลงมาตามหน้าขา หยดลงพื้นห้องอย่างมากมาย

แล้วร่างของหมอผีหนุ่มกับนางผีสาวก็ขึ้นไปนอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
หมอผีหนุ่มนอนแผ่สิ้นแรงเพราะทำสงครามเสียวกันมาอย่างโชกโชนถึงสามเกมกับสามผีสาว
ไม่ช้าเขาก็พล่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว  แต่ก็แค่พักผ่อนเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อหน้าห้องมีสองนางผีสาวมายืนยิ้มแอบดูอยู่
ช่วงเวลาพักผ่อนของหมอผีหนุ่มช่างสุขเกษมเปรมปรีดิ์  เพราะมีผีสาวสวยสดไว้รอบำเรอถึงสาม 
แต่ว่าในช่วงเวลาพักผ่อนของหมอผีหนุ่มนั้น 
อีกด้านหนึ่งเหล่าความชั่วร้ายกำลังก่อตัวและเบ่งบาน  พวกมันกำลังจะเป็นภัยที่แสนร้ายกาจที่จะมาคุกคามเหล่ามวลมนุษย์ที่หมอผีหนุ่มคอยปกป้อง  การต่อสู้ที่แสนดุเดือดครั้งใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้นในอีกไม่นานนับจากนี้....

-----------------------------------------------------------------------

ตรอกเปลี่ยวกลางกรุง

สภาพของตรอกนี้สกปรกไปด้วยขยะที่ล้นถังส่งกลิ่นเน่าจนฉุน  ส่วนที่พื้นเฉอะแฉะและบรรยากาศมืดทึบ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นปูนดังขึ้นในตรอก  ความถี่กระชั้นของจังหวะการก้าวบ่งบอกถึงความเร่งร้อนของผู้เป็นเจ้าของ ฝีเท้าได้เป็นอย่างดี หญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงสดเดินอย่างรีบเร่งขณะเธอหันมองไปรอบตัวด้วยสีหน้าหวาดระแวง เสียงกระป๋องโลหะตกกระทบลงบนพื้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว

เธอรีบหันหลังกลับไปดูและอ้าปากว้างเมื่อเห็นเงาสีดำขนาดใหญ่ไหววูบเข้ามาใกล้
เสียงคำรามแผ่วต่ำดังขึ้นตามมาด้วยเสียงหอบหายใจของสิ่งที่น่าสะพรึงและสยดสยอง

หญิงสาวรีบเปลี่ยนจากการเดินมาเป็นวิ่งแต่ความสูงของรองเท้าทำให้เธอไม่สามารถไปได้เร็วนัก พื้นปูนที่ไม่เสมอกันทำให้หญิงคนนั้นสะดุดล้มลง  เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาสีดำกระโดดมายืนขวางหน้า เขี้ยวคมขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเมื่อปากของมันแสยะอ้าออกปล่อยน้ำลายเหนียวหนืดให้ไหลยืดย้อยออกมา เจ้าอสูรร้ายส่งเสียงขู่คำรามก่อนจะกระโจนเข้าใส่หญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

เสียงกรีดร้องดังสะท้อนก้องไปทั่วตรอกและเงียบหายไปแทบจะทันทีเมื่อลำคอของ เธอถูกฉีกกระชากออกจากร่าง เจ้าสัตว์ร้ายแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงหอนที่โหยหวนน่าขนลุก  ก่อนที่มันจะเริ่มลงมือกัดกินเหยื่อของมันจนแทบไม่เหลือสิ่งใดไว้นอกจากกระเป๋าถือใบเล็กและมือข้างหนึ่ง....

ไกลจากตรงนั้นบนดาดฟ้าเหนือตึกใหญ่

ชายผมยาวใบหน้าซีดขาวยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างพอใจ  รอบๆกายของร่างนั้นมีชายชุดดำยืนเรียงรายล้อม  ทุกสายตาจับจ้องมองในเหตุการณ์เดียวกันด้วยท่าทีนิ่งเฉย  หลังจากเจ้าสัตว์ร้ายอิ่มหนำจากการเขมือบเหยื่อเคราะห์รายของมันก็มีท่าทีทุรนทุราย  มันล้มลงแล้วดีดดิ้นที่พื้น  คนที่ยืนข้างๆหันมองผู้เป็นนาย และชายใบหน้าขาวซีดก็พยักหน้า  ชายร่างใหญ่สองคนก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วกระโดดลงไปเบื้องล่าง  ทั้งสองลงถึงพื้นอย่างนุ่มนวล  และก็เป็นความสามารถที่เหนือมนุษย์เนื่องจากมันสูงกว่าสิบชั้น  ทั้งสองวิ่งตรงไปยังร่างของเจ้าสัตว์ร้ายที่กำลังแปรสภาพ.....

เสียงเย็นๆจากชายด้านข้างเอ่ยถามขึ้น "ดูเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ดีนะท่าน มอทัซ..."
"ไม่มีอะไรในโลกนี้สมบูรณ์ที่สุดหรอก  อเนลก้า.." ชายผู้นำเอ่ยตอบ  "แต่ผลการทดสอบก็น่าพอใจนะ  สำหรับลูกผสมระหว่าง แวมไพร์ กับ แวล์วูฟล์..." 
"แต่เราต้องเร่งใช้แล้วนะท่านมอทัซ  นังนักล่าเลือดผสมมันมาถึงที่นี่แล้ว  และไม่ช้ามันคงจะหาพวกเราพบและทำลายการทดลองของเราให้ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านๆมา..." คนด้านข้างเอ่ยเตือน
"ไม่ต้องห่วงหรอก  คราวนี้ไม่มีคำว่าล้มเหลว  ถึงแม้นจะล้มเหลวแต่ข้าก็จะมีบางสิ่งมาทดแทน และสิ่งนั้นจะทำให้แผนขององค์เราสำเร็จลุล่วงดังหมาย  หุ หุ หุ...."ชายใบหน้าขาวซีดเอ่ยบอกทุกคน  พร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก

บนถนนเบื้องล่างด้านหน้าของดาดฟ้าที่ทั้งหมดยืนอยู่


ชายสองคนลากร่างของหญิงสาวที่เปลือยเปล่าเนื้อตัวบอบช้ำเดินมาให้ชายใบหน้าขาวซีดดูจากด้านบนดาดฟ้า
หญิงสาวคนนี้ก็คือคนที่ถูกชิงตัวมาจากรถพยาบาลนั่นเอง  เธอเป็นผลการทดลองอันน่าสยองของพวกมัน
ชายใบหน้าขาวซีดพยักหน้าให้ชายทั้งสอง  ร่างของหญิงสาวจึงถูกลากออกไปจากตรงนั้นอย่างรู้กันในคำสั่ง
คล้อยหลัง....ชายใบหน้าซีดขาวจ้องมองไปตามท้องถนน  ผู้คนมากหน้าต่างสัญจรกันอย่างเร่งรีบ
นัยน์ตาไร้ความรู้สึกของร่างนั้นฉายแววเหี้ยมๆขึ้นมา  รอยยิ้มหยันๆผุดที่ริมฝีปาก
เสียงแหบๆเย็นๆชวนขนลุกเมื่อได้ฟังเอ่ยขึ้นให้ได้ยินในกลุ่มของตน

"พวกมนุษย์ไร้ค่า  อยู่กันอย่างยัวะเยียะไร้ศักดิ์ศรี  พวกมันก็แค่แหล่งอาหารของพวกเราเท่านั้น  ยุคสมัยของมนุษย์กำลังจะจบลงแล้ว  ต่อไปจะถึงยุคของพวกเราชาวแวมไพร์ที่จะได้ครองโลกเสียที"

ภาพเบื้องบนคือท้องฟ้าสีแดงอมส้มผสมสีดำเข้มอันขมุกขมัวดุจดังกำลังถูกความมืดมนค่อยๆเข้าครอบงำทีละน้อย
มหันตภัยจากเหล่าร้ายที่เหี้ยมโหดกลุ่มนี้กำลังคืบคลานเข้ามารุกรานความสงบสุขของชาวโลก  สิ่งที่เอ่ยถึงและแผนการอันชั่วร้ายของเหล่าแวมไพร์กระหายเลือดจะประสบผลตามเจตนาอันชั่วร้ายไหม  และกลุ่มนักล่าแวมไพร์ขององค์กรลึกลับกับหมอผีสินจะสามารถร่วมมือกันรับศึกครั้งนี้เพื่อปกป้องมนุษยชาติไว้ได้ทันท่วงทีหรือไม่  เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร  ก็คงต้อง.....


โปรดติดตามตอนต่อไป.....

นีโอ สร้างเรื่อง / บทบรรยาย

thep59

ขอบคุณมากครับ ตอนใหม่มาแล้ว รออ่านเรื่องนี้มานานมาก ขอบคุณอีกครั้งครับ

cd13579

ถึงกับต่อมาต่อในช่องคอมเมนต์ ท่านนีโอก็คือท่านนีโอจริงๆ นี้สรุปผมต้องเก็บตังค์ไปโหลดมนต์หมอผีมาอ่านต่อเองสินะครับ เอาน่ะของดีก็ต้องมีราคา เก็บตังค์แปปนะครับ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

biggiggog

งานนี้ได้สนุกกันยาวแน่เลย
::Yes!::
ขอบคุณมากๆครับ

johnban

#5
ขอบคุณมากครับ


14/10/2560

อ้างจาก: johnban เมื่อ ตุลาคม 19, 2016, 07:50:50 ก่อนเที่ยง
ขอบคุณมากครับ
ศึกหมอผี ตอน ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่ ๑( 1 ปี18/10/2559-18/10/2560 )
ไม่ได้สนใจ เงื่อนไขไรต์เลยนะคุณ เขาแปะเตือนนั้นไม่ใจใจ งั้นเวปก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคุณ
แบนไปเหอะ อาจเป็นเพราะคุณ สมาชิกดีดีคนอื่นๆจะพลอยอดอ่านงานดีดี เพราะความมักง่ายของคุณ

review1972

วันนึงถ้าผมศึกษาการใช็e-bookเป็นผมจะเข้าไปสนับสนุนผู้ประพันธ์ทุกท่านที่อยู่ในใจผมทุกท่านแน่นอนครับ

yopern

หมอผีหนุ่มกับผีสาวสามตนกลับมาอีกแล้วผมตามมาตั้งแต่ปราบผีนางลำดวนแล้วตอนแรกแล้วท่านเขียนได้เห็นภาพเลยครับ ขอบคุณครับที่นำตอนใหม่มาแบ่งปัน

areja

#8
ใครจะอ่านผลงานท่าน ถ้าทำตามกติกาท่านว่างไว้ไม่ได้ แล้ว รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ
,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ แบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล
เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆ ถ้าเจอในผลงาน คุณ นีโอ นี่เป็นข้อตกลงระหว่างท่าน กับสมาชิก
::Fighto::  เมื่อผ่าฝืน เกรียนมาก็จำเป็นที่ต้องแบน เพื่อสมาชิกอีกส่วนเพราะไม่เช่นนั้น ::Falling::
รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..


กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่นีโอ




การตอบ รีพลายอย่าง พอเหมาะพอควรถ้าเจ้าของกระทู้แจ้งมา จะพิจารณา เป็นรายกรณี

ถ้าตอบ เช่น zzzzddd xxxx2222 อิอิ,ลุ้นๆ,555, ดีดี,ดี, ต่อ,ติดตาม,ty,thx,thx kub(Thx ขี้หมาThanx พิมพ์ไม่ถูก
ห้ามใช้ทุกกระดานที่ ฉันดูแล
),ใจจร้า,ใจครับ,แจ่ม,เยี่ยม,สนุกดี,สุดยอด,อ่านต่อ,Good (เฉยๆ)
emo เปล่าๆ
อาจเตือนเห็นอีก ถ้าเตือนไปแล้ว ผิดซ้ำซากก็จะแบนเหมือนกัน รีพลายตอบซั่วๆ ตอบแล้ว mod ไม่เข้าใจ จะโดนแบน
รีพลายมักง่ายต่างๆ จะแบนครั้งแรก 6 เดือน คราต่อไป แบนยาวขึ้น แล้วจะหายเมื่อไม่ปรับปรุง

พวก ก๊อปตอบ รัวๆรวดเดียวเป็น 10 กระทู้ โพสต์ละ 1 นาทีนะ เจอจะ แบน ถ้ามักง่ายเช่นนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติ์
คนแบ่งปัน/ คนลงงาน..พวกเปิดรัวๆ ประโยคเดียวเป็น 10 มันควรหรือ? ตอบซ้ำมาหลายครัง ในกระทู้เดียวกัน
อาจโดนพักใช้ได้เหมือนกัน และห้ามใช้ ข้อความจากระบบในการตอบรีพลายเด็ดขาด! มันมักง่ายประเภทเดียว
กับก๊อปตอบ จะแบน ครึ่งปี ครั้งต่อแบนเพิ่มขึ้นอีก และ หายจากบอร์ด
         

            ผลงานที่ สมาชิกอุตสาห์นำมาลง ไม่ว่าจะเขียนเอง หรือขอมาลงล้วนได้มาด้วยการสละเวลา
            ถ้าจะตอบมามักง่ายก็ อย่าใช้ห้องนี้ เสพผลงานเลยไปหาเสพที่ใดแล้ว รีพลายตอบ นั้นได้ ก็ไป
            อย่าทะลึ่งมา เปรี้ยว มา เกรียน ลอง  สด ,เก๋า อย่าเลย จะเสียน้ำใจเสียความรู้สึกเปล่าๆ
            เพราะถึงคุณมี 100 ยูส 1000 ชื่อ ถ้ารีพลายผิดกฏ-กติกากระดานนี้ ฉัน ก็จะแบนหมด

...................................................................

ถ้าถูกแปะเตือนที่ โพสต์หรือกระทู้คุณ และส่งไปที่ pm คุณ จงรีบปรับปรุงรีพลายซะ ขอบคุง,ขอบหี,ขอบควย
ขอบหมา,ขอบแมว,ขอบคุน
เตือนนะอย่าลองของ ใครโดนเตือนไปให้ปรับปรุงการรีพลายเจอ ครั้ง 2 จะลบ
ทุกกระทู้ที่ตอบ และพบถ้าอีกรอบ จะแบน 6 เดือนเหมือนโทษ ป้วนเกรียนอื่นๆ....

คำขอบคุณยังเขียนไม่ถูกความหมายมันจะถูกไหม? ที่ต้องมาเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะชักเยอะพวกมักง่าย เยอะ
ไรต์ คนลงงาน ก็ติมาด้วย..เครนะ ขอกันดีๆ จะไม่โดนลบของเก่าทิ้ง แต่ยังรีพลายอีก ถ้าเตือน เตรียมหาที่อ่านใหม่เลย..
แว่น ยกตัวอย่างคำ ขอบคุณเขียนไม่ถูกชัดไหม?

ใคร ขอบคุณ รีพลาย เขียนไม่ถูกต้องแบนแล้วนะ ให้โอกาสเตือน 1 ครั้ง มันเป็นคำขอของ ไรต์ และ คนลงงาน
เรื่องความมักง่าย เพราะ ขอบคุณ เฉยๆก็ดูเอียนจริงๆ แต่ก็เป็นคำสากลในการตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้น ขอเถอะเขียนให้ถูก
เมื่อต้องปรับเปลี่ยนก็ต้องคล้อยตามกัน กฏไม่ได้ใช้กับใคร? เพียงคนเดียว และไม่ยากเกินไป 
คิดว่าสร้างมาตรฐาน กันใหม่อีกสิ่ง ถ้ายากก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ กระดานนี้ เพราะ ฉันแบนแน่.. 

อ๋อ thx ขี้หมา นี้หรือ เขียนไม่ครบ thank กระดาน แว่น ดูแลอย่าให้เห็นนะ แบน ย้ำซะขนาดนี้พิมพ์มาอีกถือว่าลอง
บางคนโวยวาย ขำ   thx ขี้หมา แค่นี้ก็แบน ถุย! ก็ตรรกะเอ็งมันมักง่ายไง เงื่อนไขง่ายๆถึงออกมาแถ มันยากนักคุณมึง
ก็ไม่ต้องเข้ามาใช้ เวปนี้ไม่ง้อ บอร์ดอยู่มาได้ไม่ต้องพึ่งคนมักง่ายใช้ตรรกะปลิง จ้องจะสูบทั้งที่ใช้ฟรี เสือกเยอะ
ไรต์เขียนมาหาข้อมูลมากว่าจะจบแต่ละตอน ไอ้ซากปลิง เข้ามา Thx  เหอะๆ เอาใช้ไปหาที่เสพที่อื่นเถอะ เวปนี้แบน

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึก ด้วยรีพลายคุณเองเลย
เขียน ขอบคุณ ให้ถูก ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,
ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.



14/10/2560

อ้างจาก: johnban เมื่อ ตุลาคม 19, 2016, 07:50:50 ก่อนเที่ยง
ขอบคุณมากครับ
ศึกหมอผี ตอน ล้างพันธุ์เขี้ยวนรก ตอนที่ ๑( 6 เดือน 18/10/2559-18/4/2560 )
ไม่ได้สนใจ เงื่อนไขไรต์เลยนะคุณ เขาแปะเตือนนั้นไม่ใจใจ งั้นเวปก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจคุณ
แบนไปเหอะ อาจเป็นเพราะคุณ สมาชิกดีดีคนอื่นๆจะพลอยอดอ่านงานดีดี เพราะความมักง่ายของคุณ


carnalitatis

มาสเตอร์สิน รับข้าน้อยเป็นลูกศิษย์ด้วยยยยยย  ::Thankyou::

rains

สนุกมากครับ ผลงานของท่านคุณภาพคับแก้วทุกตอนจริงๆ จะตั้งตาคอยตอนต่อๆไปนะครับ  ::Thankyou::

sushinmana

ก่อนอ่าน มาขอบคุณคุณนีโอมากๆครับ มาลงเรื่องในดวงใจให้แล้ว ดีใจจริงๆครับ

zannaty

โอ จินตนาการกว้างจริงๆ สุดยอดความตั้งใจเลยครับ

songsak

ขอบคุณครับ กลับมาคราวนี้พ่อหมอสิน นำความสนุกมาแบ่งปันกันอีกแล้ว รอบนี้จัดหนักกับสามผีสาวของไทยแล้วอย่าลืมแวมไพร์ของนอกบ้างนะครับ

samsung014

ดาราดังมาร่วมแสดงกับหมอผีสินเยอะเลย เจอกองทัพแวมไพร์หมอผีสินจะจัดการด้วยวิธีไหน เดาไม่ออกเลยครับ