ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อักขระวิเศษ บทที่9

เริ่มโดย joker socool, ตุลาคม 09, 2017, 06:58:11 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

joker socool

เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องแต่ง  บุคคลภายในเรื่องเป็นบุคคลในจินตนาการไม่ได้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงแต่อย่างใด


ตอนนี้เป็นเพียง 40 % ของทั้งตอน  เอาไว้คอมเม้นกันโดนใจ  ถามตอบกันพอหอมปากหอมคอให้ผมได้เขียนต่อจบเมื่อไหร่ผมจะเอาตัวเต็มมาลงต่อให้จบเลยครับ  เอาเป็นว่าพอดีบทที่แล้วมีคนให้ทำ โพลแต่ตัวละครมันเยอะผมขี้เกียจกลับไปนั่งรันเลยจะให้ผู้อ่านคอมเม้นกันเลยครับว่าชอบคนไหนเพราะอะไร





บทที่9


 


      "ว่าไงนะ!!!  ตอนไหนแพร!!"ผมถึงกับสะดุ้งโหยงดีดตัวลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจไม่นึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขจะหายไปเร็วขนาดนี้


      "เมื่อกี้เองพี่  กำลังจะเลิกเรียนยัยมายด์ลุกไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวหายไปเลย  พวกเราพยายามโทรหากันแล้วนะแต่มายด์ไม่รับสายเลยพี่"


      "แล้วตอนนี้อยู่ใหนเดี๋ยวพี่ไปหา"


      "ตึกคณะวิทยาศาตร์พี่  รีบมานะแพรห่วงยัยมายด์"


      ผมรีบออกจากห้องชมรมในทันที  หัวใจกระวนกระวายมาก  อยากจะขับรถไปตึกวิทย์ให้เร็วที่สุดแต่ดันคืนกุญแจรถให้เหนิงไปแล้วเลยต้องวิ่งไปแทน  ยังดีที่ตึกมันไม่ได้ไกลจากห้องชมรมมากแค่ประมาณครึ่งกิโลได้  โดยมีเส้นทางวิ่งของสวนหย่อมที่คั่นอยู่ระหว่างพื้นที่หมู่บ้านชมรมกับตึกคณะวิทย์ตลอดระยะครึ่งกิโลผมเลยวิ่งเลาะไปตามทางคดเคี้ยวนั้นด้วยความร้อนใจ  แต่วิ่งมาได้ไม่ทันถึงครึ่งทางผมก็เจอกับสาวน้อยเจ้าปัญหากำลังเดินเล่นเรื่อยเปื่อยดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักนิด


      "มายด์!!!"ผมตะโกนเรียกก่อนจะวิ่งมาหอบแฮกๆต่อหน้า


      "อ้าวพี่  มายด์ว่าจะไปหาพอดีเลย"


      "พี่...พี่นึกว่าเราจะโดนจับตัวไปอีกซะแล้ว"


      "เปล่านะคะ  ก็แค่รู้สึกอึดอัดที่มีแต่คนตามมายด์ก็เลยหนีมาซะเลย  อย่าห่วงมายด์เลยนะ  มายด์ระวังตัวเองได้  ว่าแต่พี่อยู่ห้องชมรมจริงๆด้วย  มายด์ว่าจะไปหาพอดี  มายด์อยากหนีเพื่อนไปอยู่ห้องชมรมสักพักจะได้รู้สึกโล่งหน่อยที่ไม่ต้องมีคนคอยจับตามองตลอด"


      "เรานี่นะทำพี่เป็นห่วงเรื่อยเลย"ผมค่อยรู้สึกโล่งใจหน่อยที่มายด์ไม่ได้โดนลักพาตัวไปแบบในคราวก่อน


      "แหมก็เพื่อนมายด์ตามติดแจย่างกับว่ามายด์จะหายไปทุกครั้งที่ลับสายตานี่คะพี่  มายด์ก็อึดอัดน่ะสิ" 


      "แต่มันดีกว่าเราหายไปนะ"


      "เป็นพี่  พี่ก็ต้องอึดอัดเหมือนกันแหละ"สาวน้อยน่ารักเถียงด้วยแววตากระเง้ากระงอด  แต่มันก็จริงอย่างที่มายด์บอกนั่นแหละ  ถ้าผมโดนตามตลอดอย่างนี้บ้างมันก็คงอึดอัดน่าดูเหมือนกัน "สรุปพี่ผิดเพราะงั้นเลี้ยงกาแฟมายด์ไถ่โทษได้มั้ยคะ"สาวหน้าหวานเอียงคอมอง  ยิ้มแผละอย่างน่ารัก  แก้มนุ่มๆขาวๆสองข้างแทบปริชวนให้ผมต้องเผลอยิ้มออกมาด้วยอีกคน


      "จ้าๆ  พี่เลี้ยงเอง  ไปกินร้านหน้า ม.ละกัน"


      "ไม่ดีกว่าร้านหน้า ม. มายด์ไปกับพวกแพรบ่อยแล้วเดี๋ยวโดนตามเจอ  เอางี้ดีกว่ามายด์มีร้านแนะนำ  ตามมายด์มาเลยอยู่ไม่ไกลนี่แหละ"แม่สาวน้อยผู้ร่าเริงจับแขนผมจูงเดินลักไปตามทางเดินหินอีกสายเข้าไปภายในสวนหย่อมมืดครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เย็นฉ่ำ


      "อย่าบอกนะว่าร้านกาแฟริมน้ำ"


      "พี่รู้จักด้วยเหรอ  มายด์นึกว่ามายด์รู้จักคนเดียวนะเนี่ย  เห็นร้านออกจะเงียบๆแต่บรรยากาศดีเท่านั้นเอง"


      "อย่างว่าแหละพี่อยู่มาตั้งนานก็ต้องเคยกินอยู่แล้วล่ะ  ร้านนั้นคนไม่ขาดหรอกก็บรรยากาศดีขนาดนั้น  แค่เจ้าของร้านหน้าตาไม่เป็นมิตรเท่านั้นเอง"


      "ฮ่ะๆๆ  ใช่เลยพี่  หน้าบูดหน้าบึ้งแต่เพราะกาแฟอร่อยกับบรรยากาศดีมั้งร้านถึงยังอยู่ได้"มายด์หัวเราะไปกับผมและแอบนินทาเจ้าของร้านตลอดทางจนไปถึงร้านนั่นแหละเราถึงได้เงียบเสียงกลั้นขำกันเข้าไปหาชายหน้าบึ้งตึงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านแล้วสั่งกาแฟกันคนละแก้ว


      บรรยากาศของร้านร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดจากสวนหย่อมที่อยู่ด้านหนึ่งของชาน  ส่วนอีกด้านก็ให้บรรยากาศสงบเงียบของบึงน้ำขนาดใหญ่ชวนมองทำให้เราสองคนรู้สึกผ่อนคลายมากๆแม้ว่าวันนี้ร้านจะมีคนเข้ามาใช้บริการพอสมควรก็ตาม


      "บรรยากาศอย่างนี้น่ามาบ่อยๆเนอะ"ผมพูดไปจิบกาแฟไปรู้สึกเขินนิดๆที่มีสาวสวยในดวงใจมานั่งตรงหน้า "พี่ไม่นึกเลยว่าพี่จะพูดแบบนี้ในร้านนี้เลยนะ"


      "นั่นสิพี่  ร้านนี้น่ามานั่งบ่อยๆจริงๆนั่นแหละ"มายด์พูดเบาๆราวกับไม่ได้พูดกับผม  ในมือถึอถ้วยกาแฟแล้วจ้องมองไปยังบึงน้ำข้างกายอย่างสงบ "ถ้ามีแฟนมายด์จะให้พามาที่นี่ทุกวันเลย"


      ผมถึงกับสะอึกกับคำนี้...ถ้ามีแฟน...เหรอ  ถ้าคนๆนั้นเป็นผมก็คงดี  ถ้าผมได้อยู่ตรงนั้น  อยู่ในตำแหน่งที่ชายทุกคนฝันถึงมันคงจะดีไม่น้อย


      "แต่คงหวังยากนะ  พ่อหวงมายด์อย่างกับไข่ในหินเลย  เพราะงั้นมายด์ถึงทนไม่ไหวไงพี่ที่เพื่อนมายด์มาทำตัวเหมือนพ่อกันหมด  พี่คิดดูนะพ่อหวงมายด์ขนาดนี้เมื่อไหร่มายด์จะได้มีแฟนก็ไม่รู้..."


...แฟน...เอ็งชอบถึงขนาดนี้ทำไมไม่ขอเป็นแฟนไปเลยวะ  ฟันผู้หญิงมาก็ตั้งหลายคนแล้วกับอีแค่หยอดนิดหยอดหน่อยให้สาวมาติดใจข้าคงไม่ต้องสอนมั้ง...


      เสียงในหัวผมเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้งกลบทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปหมดสิ้น


...หยุดเลยนะถ้าคิดจะมาคุมร่างแล้วใช้พลังล่ะก็  คนนี้ห้ามโว่ย  คนนี้ห้ามแตะห้ามใช้พลังอะไรบ้าๆทั้งนั้นโอเค๊?...


      ผมรีบตอบกลับไปทันทีพร้อมกับพยายามเพ่งสติควบคุมตัวเองไว้เพราะกลัวไอ้แกงเกอร์จะทำอะไรบ้าๆหื่นๆกับมายด์เข้า


...คนนี้รักจริงว่างั้นสิ  เอาน่ะข้าไม่ทำอะไรก็ได้แต่ยังไงเอ็งก็ควรบอกไปได้แล้วว่าคิดยังไงกับเจ้าหล่อน  ถ้ามัวชักชาแบบนี้เมื่อไหร่จะได้แอ้มวะ...


...ไม่  ไม่ๆๆๆ  ไม่มีทาง  จะให้บอกได้ไงรันคนละชั้นกันเลยนะ  นางฟ้าแบบนี้เหรอจะมาชอบผู้ชายบ้านๆจนๆแบบนี้  ไม่เอาน่ะปล่อยผ่านไปเถอะอย่าเข้ามาจุ้นจ้านนักเลย...


      ผมไล่แบบปัดๆกับแกงเกอร์ไป  รู้ว่าใจคงไม่กล้าและไม่มีทางสารภาพรักกับนางฟ้าผู้แสนสวย  น่ารักและใจดีคนนี้ได้อย่างแน่นอน  ยิ่งพ่อดุด้วยยิ่งแล้วใหญ่  ผมคงไม่มีทางได้เป็นลูกเขยบ้านนี้แน่...บ้าเอ้ยยิ่งคิดยิ่งกังวล!


      "...นี่พี่!  ฟังมายด์อยู่รึเปล่าคะ  เบื่อฟังมายด์บ่นเรื่องพ่อเหรอ"


      "พี่ชอบมายด์นะ!!"เสียงที่เปล่งออกไปทำให้ผมถึงกับเหวอ  เจ้าตัวแกงเกอร์มันใช้ช่วงจังหวะที่ผมสะดุ้งตกใจที่มายด์เรียกแล้วเข้ามาเสียบแทนที่ผมซะอย่างนั้น  ยิ่งคำที่มันพูดออกมาก่อนจะปล่อยให้ผมควบคุมร่างกายได้แล้วหายเข้ากลีบเมฆไปยิ่งทำให้ผมลำบากใจเข้าไปอีกเพราะนแกจากสาวน้อยหน้าหวานตรงหน้าจะตกใจแล้วคนในร้านที่นั่งร่วมชานอยู่ไม่น้อยยังหันมามองผมเป็นตาเดียวอีกต่างหาก


      "เอ่อ...พี่...เอ่อ...คือ...พี่ไปส่งมายด์ที่ห้องเรียนดีกว่า"ผมรู้สึกเขินกับสภาพที่มีแต่คนจ้องจนต้องลุกขึ้น  มายด์ก็คงไม่แพ้กันถึงได้รีบลุกออกจากร่นตามผมมาติดๆ


      ระหว่างทางเดินในสวนหย่อมมันช่างยาวไกลยิ่งกว่าเดินจากมหาลัยไปบ้านผมซะอีก  ใจลุ้นให้มายด์พูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความอึดอัดนี้หรือให้ผมคิดคำพูดอะไรได้สักอย่างแต่ไม่เลย  ทุกอย่างนิ่งเงียบ  ผมคิดอะไรไม่ออกและมายด์ก็ได้แต่เดินตามผมมาอย่างเงียบๆ...เราสองคนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกันสักคำอีกเลย  นั่นแหละมันทำให้ผมคิดเตลิดไปไกลว่ามายด์คงทำตัวไม่ถูก  คงอึดอัดที่ถูกสารภาพรัก  หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ชอบผมเลยสักนิดก็ได้


      พอเดินมาถึงหน้าห้องเรียนมายด์ก็เดินแข็งๆผ่านผม  นั่นมันทำให้ผมได้เห็นพวงแก้มแดงก่ำด้วยความเขินของสาวผิวขาวสะอาดเป็นครั้งแรกและนั่นทำให้ผมตัดสินใจพูดอะไรออกไปอีกประโยค  เพราะถ้ามายด์ไม่ชอบผมจริงอย่างน้อยผมก็ได้บอกความในใจออกไปให้มายด์ได้รับรู้และอยากให้รู้ว่าที่พูดไปมันคือความจริง


      "มายด์..."ผมเรียกทำเอาสาวน้อยในดวงใจหยุดมือข้างที่กำลูกบิดเอาไว้ชั่วครู่ "พี่ขอโทษนะเรื่องที่พี่พูดไปเมื่อกี้...แต่อยากให้มายด์รู้...พี่ชอบมายด์จริงๆนะ  แค่ได้บอกมายด์ตรงๆพี่ก็สบายใจแล้วล่ะ" นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่สาวน้อยในดวงใจของผมจะเปิดประตูเข้าห้องไปเงียบๆและทำให้สติผมหมุนคว้างสับสนไปตลอดทั้งบ่าย...







      กว่าจะรู้ตัวกลับมามีสติอีกครั้งผมก็กำลังไขประตูบ้านโดยมีไอ้ตัวการของเรื่องมาส่งเสียงกวนประสาทผมอีก


...ไง  สบายใจได้ละ  เจ้าหล่อนก็ได้รู้ความรู้สึกละจะได้ไม่ต้องมาค้างคาใจอีก...


...หุบปากไปเลย  แกนี่หาเรื่องชัดๆ  เกิดมายด์ไม่ชอบขึ้นมาแล้วจะทำไง  มองหน้ากันไม่ติดนะเว่ย  เวรเอ้ยชาตินี้หมดหวังแล้ว!!... ผมโอดครวญนึกเสียใจขึ้นมาจริงๆที่มีไอ้ตัวบ้านี้มาอาศัยอยู่ในหัว


...หยุด!! หยุดคิดว่าข้าเป็นส่วนเกินเลยนะข้าก็เจ้าของร่างครึ่งนึงนะ  ดีด้วยซ้ำที่กล้าพูดในสิ่งที่คนขี้ขลาดอย่างแกไม่กล้า  แกต้องขอบคุณข้าที่พูดถึงจะถูก  อีกอย่างนะถ้าแม่นั่นไม่สนใจเอ็งก็จะได้ตัดใจไปซะเลยแต่เนิ่นๆไง  จะไปรอคนที่ไม่รักทำไมสาวๆก็มีอีกตั้งเยอะ...


...ไอ้ที่เยอะนั่นมันโดนมนต์สะกดมั้ยล่ะ  แบบนั้นใครเขาก็ทำได้  ใครเขาก็เอามาทำเมียได้แต่นี่ไม่ใช่นะ  แกจะทำให้คนที่ชั้นรักต้องมาถอยห่างไม่กล้าสู้หน้าชั้นนะเว่ย!!!...


...อะไรก็มายด์ๆๆ  ในหัวมีแต่แม่นี่เยอะไปหมด  ถามจริงเถอะถ้าแม่นี่รักแกจริงคงไม่พูดว่า "ถ้ามีแฟน" ต่อหน้าเอ็งหรอก  ๆม่เห็นจะเหมือนแฟนเอ็งเลย  คนนั้นรักเอ็งจะตาย  มนต์สักบทก็ไม่ได้โดนสักนิด...


...แกจะไปรู้อะไร!!  ก่อนแกจะมีตัวตนไอ้งูนั่นมันทำอะไรสักอย่างให้เหนิงมารักชั้นโว่ย  เหนิงไม่ได้รักชั้นจริง  ก็แค่โดนมนต์อีกคนเท่านั้นแหละ...


...เฮอะ! ไอ้เด็กน้อยรู้ไว้ด้วยนะ  คีพเปอร์อย่างเราน่ะบันดาลให้ใครมารักไม่ได้  ยิ่งตอนท่านชินไร้พลังนั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีปัญญาเสกใครให้มารักได้...


      "ชินเหรอ..."ผมเพิ่งได้ยินชื่อไอ้งูบ้านั้นครั้งแรกก็คราวนี้แหละ "มันชื่อชินเหรอ  ไอ้งูผีนั่นมัน!!!"แล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นมือตัวเองโปร่งใสขึ้นมาเฉยๆ  หายไปต่อหน้าต่อตาซะอย่างนั้น "น-นี่มันอะไรอีกวะเนี่ย  นี่ชั้นจะหายไปเหรอ!!!"ผมตกใจเผลอโวยออกมา  ยังดีที่อยู่ในบ้านไม่งั้นคงขายหน้าแย่


...เฮ่ย!!!  นี่เป็นแบบนี้มานานรึยังเนี่ย!!...


      "สักพักแล้ว...มันค่อยๆจางมากขึ้นกว่าคราวก่อนที่เห็นอีก...มันคืออะไรน่ะ"ผมถามทั้งกลัวทั้งสงสัย...กลัวว่าคำตอบที่ได้มันจะเป็นเหมือนอย่างที่ผมคิด


...เพราะแกโดยขโมยตัวตนไปน่ะสิ  แต่ละคนจะมีระยะเวลาที่ตัวคนจะหายไปต่างกันแต่นามันเร็วมาก  เร็วเกินไป...


      "แล้วทำไมแกไม่บอกตั้งแต่แรกวะ"


...ก็คิดว่าถ้าแกเร่งสะสมพลังแล้วมันจะไม่มีปัญหาน่ะสิ  แบบยิ่งมีพลังมากขึ้นมันจะยิ่งหายไปช้าลงแต่นี่มัน...


      "แล้วแบบนี้จะทำยังไง  แกมีวิธีแก้มั้ย"ผมถามด้วยความร้อนใจ


...วิธีน่ะมันมี  แต่แกจะกล้าทำมั้ยเท่านั้นแหละ...


      "มีอะไรก็รีบๆบอกมาเถอะน่ะ"


...ขโมยตัวตนคนอื่น...


      "ว่าไงนะ"


...ขโมยตัวตนคนอื่นมาอีกที  เราจะกลับมามีตัวตนบนโลกใบนี้  ประวัติ  ชื่อ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเอ็งจะกลับมาเหมือนเดิม  ส่วนคนที่เราขโมยตัวตนมาจะไม่มีใครรู้จักและค่อยๆหายไปแบบที่เอ็งเป็นอยู่นี่ไง...


      "แต่ว่าแบบนั้น..."


...ถึงไม่อยากบอกตั้งแต่แรกไง  คิดว่าบอกแล้วเอ็งจะกล้าทำรึไง  ข้ารู้ว่าไม่ไงเลยไม่บอกและให้เร่งสะสมพลัง  แต่นี่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย  อ-ข-ข้า  วันนี้ข้าคงใช้พลังมากไปหน่อยกับการเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างเอ็ง  ขอตัวไปพักก่อนแล้วคราวหน้าข้าจะมาบอกวิธีขโมยตัวตนให้ไม่ว่าเอ็งจะชอบหรือไม่ก็ตาม


      "เฮ่ย!  เดี๋ยวสิ  เฮ่ย!  อย่าเพิ่งไป  เฮ่ย!!"ผมโวยวายแต่กลับพบแต่ความเงียบจากในหัวอันว่างเปล่า  อันที่จริงวันนี้ผมก็เหนื่อยเหมือนอย่างที่ไอ้แกงเกอร์มันเหนื่อยนั่นแหละ  แม้จะรู้ดีว่าอันตรายมันมีอยู่ทุกลมหายใจแต่วันนี้คงต้องขอพักผ่อนก่อน



ช่วงนี้เพิ่ม 60% ครับ

      แสงตะวันขึ้นจากขอบฟ้าเกือบเต็มดวงเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย "เชี่ยเอ้ย! สายแล้วๆๆ  ไม่น่าดึกเลยกู"ผมสบถออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษา  ฉีดน้ำหอมแบบซักแห้งแล้วคว้ากระเป๋าออกจากห้องแถวโทรมๆวิ่งกระหืดกระหอบไปสุดซอย  โชคยังดีที่รถเมล์กำลังจะออกตัวผมเลยคว้าที่จับพุ่งขึ้นไปก่อนประตูจะปิดอย่างฉิวเฉียด...แม่งเอ้ย!  เหนื่อยแต่เช้าเลย...ผมรำพึงกับตัวเองก่อนจะควักเงินออกมาจายกระเป๋ารถเมล์อย่างยากลำบากกับสภาพคนแน่นๆในตอนสายแบบนี้


      "ฟู่ววว"ผมถอนหายใจ  พยายามทำตัวให้เหนื่อยน้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องมีเหงื่อออกมาให้เหนียวเหนอะหนะเพราะแค่สภาพอัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนี้มันก็ทรมานใจมากเกินพอแล้ว 


      ยังไม่ทันจะหายเหนื่อยดีผมก็เห็นใครคนหนึ่งยืนถัดจากผมไปข้างหน้าอยู่สองสามคน  ด้วยหุ่นที่คุ้นตาทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนๆนั้นคือใครผมเลยจัดแจงค่อยๆแทรกตัวผ่านความแออัดเข้าไปอย่างยากลำบากจนคนข้างหน้าผมถึงกับมองมาแบบเคืองกับความไร้มารยาท  แต่ใครจะสนล่ะในเมื่อพี่แต้วยืนอยู่ข้างหน้านี่เองจะให้ไปยืนเบียดเสียดกับลุงๆป้าๆน่ะเหรอ  ขอมาเบียดกับเมียสาวคนสวยคนนี้ดีกว่า...เอ๊ะ!  หรือว่าจะทำอะไรมากกว่าเบียดดี...

         
      ผมนึกไปนึกมาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจแกล้งครูสาวให้ตกใจเล่นด้วยการจิ้มนิ้วชี้ไปยังชายโครงครูสาวเบาๆ "อย่าหันมาถ้าไม่อยากโดนเหล็กเสียบ"เสียงแหบพร่าที่ถูกดัดขึ้นกับการถูกนิ้วจิ้มเอวทำให้ครูสาวถึงกับสะดุ้งโหยงแต่ทำนิ่งไว้  นั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจขึ้นไปอีก  "อยู่นิ่งๆอย่าโวยวายเดี๋ยวจะเจ็บตัว"ผมกำชับก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างลงจากราวจับมาจับเอวเธอแทน


      พี่แต้วดูจะตื่นๆไม่น้อยถึงกับพยายามเบี่ยงสะโพกหลบแต่พอโดนผมกดนิ้วแรงขึ้นเลยต้องหยุดและปล่อยให้ผมค่อยๆลูบไล้บั้นท้ายงอนงามชวนเคลิ้มภายใต้กระโปรงพรีสสีดำสั้นแค่เข่า  "นิ่งๆไว้ขอแค่นิ้วพอ  แต่ถ้าโวยวายได้โดนเหล็กเสียบแน่" เสียงข่มขู่อันแหบพร่าของผมทำให้ครูสาวถึงกับตัวสั่นน้อยๆไม่กล้าแม้แต่จะขยับมันทำให้ผมยิ่งลูบคลึงบั้นท้ายงอนๆนั้นด้วยความย่ามใจก่อนจะล้วงมือหายเข้าไปใต้กระโปรง


      "!!!"

 

      พี่แต้วสะดุ้งกับสัมผัสมืออันหยาบกระด้างของผมที่ลูบไล้บนก้นเธอโดยมีแค่กางเกงในผ้าฝ้ายบางๆขวางไว้  ซึ่งผมไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายค่อยๆจับค่อยๆบีบก้นเนียนนิ่มนั่นช้าๆ  ป่ายมือลากผ่านร่องเนินเนื้อทีละน้อยให้เธอคุ้นชินอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนเป็นวางนิ้วลงไปบนกรีบเนินอวบอูม


      พี่แต้วหนีบขาเข้าชิดกันในทันทีด้วยความหวาดกลัวแต่มีหรือจะพ้นมือผม  แค่ผมอาศัยจังหวะที่รถเบรคติดไฟแดงจนเราเซด้วยกันทั้งคู่  ตวัดเตะส้นเท้าเธอเบาๆให้แยกขาออกแล้วยืนสกัดขาไว้อย่างนั้นไม่ให้หุบได้ทุกอย่างก็เข้าทางผมหมด  ครูสาวจึงถูกผมถูไถนิ้วขึ้นลงช้าๆผ่านร่องแคมอันแฉะเยิ้มขึ้นมาถึงร่องก้นเรียกน้ำรักของเธอให้ออกมาเปียกลื่ยกางเกงในมาขึ้นเรื่อยๆ "ขอเข้าไปหน่อยนะ" ผมกระซิบเบาๆพอให้เธอได้ยินก่อนจะแหวกกางเกงในเยิ้มๆสอดนิ้วเข้าไปในร่องรักเปียกลื่นอย่างง่ายดายในทันที


      "อุ..."ครูสาวเผลอตัวอุทานเบาๆออกมาก่อนจะก้มหน้าลงข่มเสียงครางเอาไว้ระหว่างที่ถูกผมไชนิ้วเข้าไปเล่นสนุกในร่องสาวอย่างเมามันจนขาเธอสั่นพร้อมกับแรงตอดขมิบที่มีมากขึ้นและแน่นขึ้นเรื่อยๆ


      "แฉะมากแล้วนะ  ป้ายหน้าลงกันดีกว่า"ผมกระซิบแต่ผิดคิดเธอกลับส่ายหน้าช้าเหมือนจะปฎิเสธ  ผมเลยเอานิ้วจิ้มเอวเธแรงขึ้นอีก "จะลงดีๆหรือจะลงไปกองดีล่ะ" แต่คำขู่ผมกลับไม่ได้ผล  พี่แต้วกลับยิ่งขืนตัวหนีบขากลับอีกครั้งโดยไม่สนใจเลยว่านิ้วผมยังคาในร่องเธออยู่ "พี่แต้ว  ลงป้ายหน้ากันเถอะนะ  หันมาสิ"ผมกลับมาใช้เสียงปกติเรียกเธออีกครั้งพร้อมกับชักมือออกจากร่องสาวปล่อยให้เธอหันกลับมามอง  พอครูสาวเห็นว่าคนข้างหลังเธอเป็นใครก็ถึงกับเม้มปากถลึงตาใส่แม้ใบหน้าจะยังแดงก่ำอยู่ก็ตาม


      "เรานี่นะ!!"


      "ขอโทษน้า...ลงป้ายหน้ากันก่อนเถอะ"ผมขอแกมบังคับด้วยการจูงมือเธอฝ่าคนไปกดกริ่งรถเมล์  ไม่นานนักรถก็จอดสนิทปล่อยให้ผมลงโดยมีพี่แต้วตามมาแต่โดยดี


      "นี่ทำอะไรเนี่ยเกิดมีใครเห็นบนรถเมล์นั่นเราน่ะจะโดนนะ"


      "ห่วงเหรอ"ผมถามยิ้มๆแล้วจับมือพาเดินเข้าสวนสาธารณะหลังป้ายรถเมล์  พี่แต้วเดินตามผมมาต้อยๆอีกครั้งอย่างว่าง่าย


      "ห่วงสิถามได้"


      "เมื่อกี้ตอนชวนลงมาแล้วพี่ไม่ยอมลงผมดีใจมากเลยนะ  จะเก็บความสาวไว้ให้ผมคนเดียวใช่รึเปล่า"ผมรุกถามต่อจนครูสาวหน้าแดงก่ำ


      "พูดบ้าๆ  ห่วงลูกในท้องต่างหาก  ใครจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทำให้ลูกพี่เจ็บล่ะ"


      "แล้วถ้าเป็นพ่อของลูกชวนล่ะพี่จะให้ทำมั้ย"ผมถามก่อนจะดึงมือเธอขึ้นมาจูบอย่างอ่อนโยนทำเอาครูสาวหน้าแดงถึงใบหูเม้มปากหลยตาเป็นระวิง


      "บ้า! เมื่อคืนแอบมาหาพี่แล้วยังไม่พออีกเหรอ"


      "ก้มีเมียสวยจะให้รู้จักพอได้ไงล่ะจริงมั้ย"ผมขโมยหอมแก้มเธออีกฟอดทำเอาครูสาวรีบเบี่ยงหน้าหลบ


      "ว้าย!  ตาบ้านี่เดี๋ยวคนอื่นเห็นหรอก"


      "งั้นเข้าห้องน้ำไปหอมกันคนจะได้ไม่เห็น"


      "ไม่เอาๆๆ"พี่แต้วรีบปฎิเสธแต่กลับไม่ได้ขัดขืนสักนิดเมื่อผมจูงเธอไปยังห้องน้ำหญิงภายในสวนสาธารณะ


      โขคดีที่เข้าไปแล้วยังไม่มีคนเข้ามาใช้ผมเลยเลือกไปเข้าห้องในสุด  ปิดประตูล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว "ทีนี้ก็ไม่มีคนเห็นแล้วจริงมั้ย"ผมถาม  กอดครูคนสวยเข้ามาแนบชิดโย้มตัวเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดแล้วฟอดเล่า "อืม...หอดดีจัง"


      "พอแล้วตาบ้า"พี่แต้วอมยิ้มขวยเขินภายในอ้อมกอด  เอามือสองข้างมายันอกผมไว้ "หอมพอรึยังจะได้ไปรอรถเมล์  นี่พี่จะสายแล้วนะ"


      "รู้อยู่ว่าผมพาเข้ามาทำอะไร"ผมกระซิบเสียงแหบโหยด้วยความต้องการล้ำลึก  พี่แต้วได้ฟังแล้วถึงกับเม้มปากน้อยๆก่อนจะถูกผมดันร่างเธอไปติดประตูแล้วตามไปประกบจูบขบเม้มแผ่วเบา


      ครูสาวไม่แม้แต่จะต่อต้านกลับยอมให้ผมขบเม้มริมฝีปากได้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยนและค่อยๆเปิดปากส่งลิ้นออกมาหาผมเอง "อืมมมม  อืมมมม"เสียงครางในลำคอเราสองคนดังแผ่วเบาแต่พอที่จะให้เราได้ยิน  มันเหมือนเป็นเสียงกระตุ้นที่ทำให้มือเราทั้งสองคนเลื่อนลงมาช่วยกันปลดเข็มขัดแก้กางเกงผมลง


      "ครูแต้วระวังไปทำงานสายนะครับ"

 


      "ใครสนล่ะ  ทำแต้วอยากรับผิดชอบเลย"เธอจับเอ็นเนื้อแข็งเป็นอิสระค่อยๆรูดเปิดหัวถอกแดงก่ำออก  ก้มดูมันด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม "ชอบสีนี้จัง  เห็นแล้วเสียวทุกทีเลย"เธอคุกเข่าลงแบบไม่สนใจสภาพพื้นห้องน้ำสักนิก  ริมฝีปากแดงด้วยลิปสติกค่อยๆอ้าอมท่อนเนื้อแข็งเข้าไปทั้งแท่งช้าๆ  ตวัดลิ้นเลียเคลือบน้ำลายให้ชุ่มโชก


      "อา...เป็นครูมาทำแบบนี้มันไม่เหมาะสมมั้งพี่  อูยย  เลียหัวแบบนี้ก็เสียวสิ...เมียจ๋า..."ผมครางออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย  แกล้งเรียกเมียให้สาวสวยตรงหว่างขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยพร้อมกับใช้สองมือจิกหัวครูสาวที่มัดผมหางม้ารวบตึงให้โยกเข้าโยกออกเพื่อสร้างความเสียวให้มากขึ้นไปอีก "อา...ทั้งดูดทั้งเลียแบบนี้แหละใช่เลย  อา...แข็งจะแย่แล้วพอเถอะเมียจ๋า" ผมคลายมือออกจากผมที่เริ่มยุ่งเหยิงนิดๆปล่อยให้พี่แต้วได้คายท่อนเอ็นออกมาหอบหายใจนิดๆ


      "แคกๆ  ยาวเข้าไปในคอเลย  เมียเกือบอ้วกแหนะ"ครูสาวบ่น  ลุกขึเนดันผมให้นั่งลงบนฝาชักโครกก่อนจะอ้าขาขยับเข้าคร่อม  ในตำแหน่งนี้มันทำให้หน้าผมอยู่พอดีกับทรวงอกอูมอิ่ม  ซึ่งดูเหมือนเธอจะรู้ใจเพราะไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรเธอก็ดึงหน้าผมเข้าซบกลางอกหอมกรุ่นทันที  แน่นอนว่าผมไม่มีทางปฎิเสธอยู่แล้วเลยยิ่งส่ายหน้าซุกไซ้กลางหว่างเต้าให้ครูสาวได้หลับตาครางอย่างเคลิบเคลิ้ม "อืมม  ดีจัง  เพิ่งเคยโดนแบบนี้เลยนะรู้มั้ย"

      
      "เต้าเมียทั้งนุ่มทั้งหอมมากเลย  คิดแล้วอยากให้ผัวของเมียไปทำงานเร็วๆจริงๆ"ผมเงยหน้าขึ้นรำพึงมองใบหน้าสวยที่ก้มลงมองผมกลับราวกับคุณแม่ผู้อบอุ่นอ่อนโยน  แต่ในระหว่างที่เรามองตาหวานซึ้งกันอยูมือผมก็ล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเพื่อแหวกขอบกางเกงในครูสาวเปิดช่องทางเข้าสู่ปากร่องหยาดเยิ้มเรียบร้อย "นั่งลงมาที่รัก"


      พี่แต้วคลี่ยิ้มน้อยๆดูหวานล้ำ  ย่อตัวลงมาช้าๆให้เนินสาวอันบอบบางค่อยๆคลี่ตัวเปิดอ้ารับเอาเอ็นเนื้อแข็งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเธอทีละนิด "...อุ...อูวว  อืมมม"เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆหลับตาพริ้มและทิ้งน้ำหนักลงมากระทั่งแก่นกายจมหายเข้าไปในร่องเนื้อได้ทั้งแท่ง "ไม่ชินกับท่านี้สักที  ขอช้าๆนะเมียจุก"


      "ได้สิ"ผมยิ้มแสยะ  ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ครูสาวคนสวยเผยอริมฝีปากบดจูบและเดินเครื่องควบขี่อย่างเชื่องช้า "อืมมม  ข้างในตัวเมียมันอุ่นดีจัง...สบายควยผัวมากเลย"


      "อา...อา...ย-อย่าหยาบคายต่อหน้าลูกสิคะ  อา...ม-มัน...มันก็ทำเมียรู้สึกดีเหมือนกันนั่นแหละ  อา...เหมือนมัน ย-ยาวเข้ามาถึงสะดือเลย"


      "ของผัวที่บ้านยาวแบบนี้มั้ย"ผมถามระหว่างที่สองมือค่อยๆเลิกเสื้อและปลิ้นบราเธอออกไปด้วย


      "ย-อย่าพูดถึงเขาตอนนี้สิ  อูววว"พี่แต้วอุทาน  เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากดหัวผมไว้นิ่ง  ปล่อยให้ทรวงอกกลมกลึงของว่าที่คุณแม่ถูกดูดเม้มด้วยอารมณ์รักคุกรุ่น "อา!  ย-อย่าเลียสิ ม-มันเสียวนะ อ๊ะ!!"ครูสาวหลุดปากอุทานออกมาก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทัน  หน้านิ่วคิ้วขมวดกับการถูกฟันขบเน้นเบาๆที่ยอดอก  และยิ่งนิ่วหน้าก้มมองมากขึ้นอีกเมื่อผมไม่ยอมหยุดปาก  "อื้อ!!  อื้อ!!  อื้อ!!!"เธอจิกนิ้วเกร็งกับไหล่ผม  ส่ายหน้าไปมาราวกับต้องการจะห้าม  แต่ยิ่งถูกฟันแข็งๆขบคลึงเม็ดปทุมถันเธอกลับยิ่งส่ายเอวบดโยกหนักหน่วงขึ้นอีก  ยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นหลายเท่า  "อื้อ!!  อื้อ!!  อ๊ะ!!  อี๊ยยยย!!!"ครูสาวที่กำลังเด้งสะโพกโยกหนักอย่างเมามันถูกผมดึงมือทั้งสองข้างของเธอลงมาแนบร่างไม่ให้ปิดปากได้อีกและยังโยกเอวขึ้นกระแทกกลับจึงยิ่งทำให้ครูสาวคนสวยเชิดหน้าขึ้นร้องครางอย่างคนใกล้หลุดโลก


      "ร้องออกมาดังๆเลยเมียจ๋า  เรามาเสร็จพร้อมกันเลยนะที่รัก!"ผมคำรามลั่นพยายามยกเอวกระแทกรับบั้นท้ายงอนสวยแรงขึ้น  หนักขึ้นและถี่ขึ้นกระทั่งพี่แต้วทนกลั้นเสียงอีกต่อไปไม่ไหว


      "อ๊ะ!!  ผัว!!  อ๊ะ!!  อ๊ะ!!  อ๊ายยย!!!!!"พี่แต้วร้องลั่น  ทิ้งตัวลงอัดเนินเนื้อฉ่ำลงมารับเข้าไปสุดโคนเอ็น  ภายในกลีบสาวกระตุกตอดระรัวเรียกเอาน้ำกามคาวข้นให้ต้องพ่นออกมาจากอาวุธแข็งแกร่งเข้าสู่โพรงสวรรค์อันเป็นเป้าหมายอย่างมากมายเหลือล้น


      เรานิ่งซึมซับความซ่านสยิวกันอยู่ครู่สั้นๆก่อนจะผ่อนลมหายใจหอบหนักออกมาและค่อยๆกอดจูบกันอีกครั้งด้วยความแช่มชื่น


      "สายแล้วไม่มีสอนเหรอครับครูแต้ว"


      "แล้วที่สายนี่เพราะใครล่ะ..."ครูสาวกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะจูบประทับรอยลิปสติกกับแก้มผม "หมดแรงลุกเลยเนี่ย  ช่วยหน่อยได้มั้ย"


      "ได้สิ"ผมพยักหน้ายิ้มๆจับครูสาวยืนขึ้น  ถอนลำเอ็นที่ถูกดูดจนกลายเป็นสุญญากาศออก


บล็อค!!


      เสียงเบาแต่เร้าใจดังพอให้เราสองคนได้ยิน  พี่แต้วหน้าแดงก่ำมองค้อนและตีไหล่ผมเป็นเชิงตัดพ้อ "ตาบ้า...ปล่อยน้ำเข้ามาซะเยอะเลย  ไปซื้อผ้าอนามัยมาให้เลยนะ"


      "ได้เลยครับครูแต้ว  เดินไม่ไหวล่ะสิขาสั่นแบบนี้  นั่งพักก่อนนะเดี๋ยวไปซื้อมาให้"


      "พาไปส่งโรงเรียนด้วยนะ"


      "จ้าๆ"



เพิ่มเป็น 70% ครับ


      กว่าจะมาถึงมหาลัยก็เกือบ 10 โมง  แถมวิชาเช้าเรียน 9 โมง ถึงเที่ยงอีก  เท่ากับว่าผมมาสายไม่ทันคาบเช้าไปซะแล้ว  พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยจำใจเดินเอื่อยๆไปทางห้องชมรม  หวังจะเข้าไปนั่งเล่นเพลินๆในห้องแอร์เย็นๆจนกว่าจะเที่ยงแล้วค่อยออกมาหาอะไรกินแล้วไปเรียนช่วงบ่ายแทน


      มาถึงห้องชมรมผมก็เข้าห้องส่วนตัวไปเอนตัวลงนั่งพักเหนื่อยทั้งจากอากาศที่ร้อนและอาการวิงเวียนนิดๆของคนเพิ่งเสียน้ำมาหยกๆ  กระทั่งค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นถึงตบหน้าตัวเองเบาๆ


      "ตื่นๆๆ  เฮ่ยตื่นสิวะ!!!"


เพี๊ยะ!!


      "โอ้ย!!"ผมสะดุ้งโหยง  ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงงงวยกับความเจ็บปวดร้อนผ่าวบนแก้ม  สายตาผมค่อยๆรับข้อมูลจากสภาพรอบข้างอย่างงงๆก่อนสมองจะเริ่มทำงานอีกครั้ง "เชี่ย!! สายแล้ว"


...เออ  สายแล้ว  อยู่ ม.แล้ว  เอ็งน่ะตื่นสายข้าเลยพามา ม.เองเลย...


      "ว่าไงนะ!?!  นี่แกแอบใช้ร่างอีกแล้วเหรอ"


...นี่ช่วยนะเว่ย! ตื่นสายแล้วยังจะมาโวยวาย  แต่ข้าก็ตื่นสายเหมือนกันว่ะ  เข้าเรียนคาบเช้าไม่ทันแล้วเลยพามานั่งในนี้แทน...


      "...เออๆ  ขอโทษด้วยนะ  ขอบใจมากที่พามา ม.  ยังไงคาบเช้าก็ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไรอยู่แล้วค่อยเข้าบ่ายๆก็ได้" ผมบอกออกไปอย่างไม่ค่อยรู้สึกซีเรียสนัก "แต่ช่วงนี้แปลกๆว่ะ  เพลียเป็นบ้าเลย"


...ก็เล่นสาวซะไม่ได้พักอย่างนี้  แถมบอกให้เก็บอักษรก็ไม่ค่อยจะไปหามาเพิ่มมันก็ต้องเพลียสิวะ...


      "แกนี่มันฮาว่ะ  อย่างกับว่าจะไปหาง่ายๆ...เออ  พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกขึ้นได้  เมื่อวานที่พูดเรื่องวิธีขโมยตัวตนนี่มันคือยังไงอธิบายมาหน่อยเถอะ"ผมถามไอ้ตัวแกงเกอร์ด้วยความสงสัย


...ก็อย่างที่เคยบอก  เดิมทีเหล่าคีพเปอร์คือพ่อมดผู้รักษาอักษรแห่งโลกอีกมิติที่ช่วยใช้ถ้อยคำสร้างโลกนี้ขึ้นมาให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น  ในเมื่อเราเป็นพ่อมดเราก็ต้องใช้เวทย์ได้อยู่แล้ว...


      "อธิบายซะยืดเลย  เรื่องใช้เวทได้ไม่ได้ยังไงนั่นช่างมันเถอะ  เข้าเรื่องได้แล้ว  จะขโมยตัวตนใครได้  ในเมื่อตัวตนใครก็ตัวตนมันอยู่แล้ว  ให้ไปแทนที่คนอื่นแล้วให้คนอื่นมารับกรรมแทนแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอกนะ"


...เรื่องนั้นเอ็งก็ตัดสินใจเอาเองสิวะ  ว่าจะขโมยตัวตนใคร  แต่บอกไว้ตรงนี้ให้เข้าใจเลยนะว่าตัวตนมันไม่ใช่อัตลักษณ์  ตัวตนคือการคงอยู่ของสิ่งของหรือบุคคลบนโลกนี้  แต่อัตลักษณ์คือสิ่งที่แสดงออกถึงความแตกต่างของตัวตนในคนหรือสิ่งของนั้นๆ  อย่างเอ็งที่ไม่มีตัวตน  ประวัติหรือข้อมูลเอ็งที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งจะไม่สามารถแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นได้  รวมทั้งร่างกายที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งก็จะค่อยๆจางหายไปเพราะไม่มีตัวตนให้แสดงออกมาบนโลกใบนี้  เพราะงั้นไม่ว่าเอ็งจะไปขโมยตัวตนใครมา  ก็เหมือนเอ็งได้มีตัวตนเพื่อแสดงอีตลักษณ์ของเอ็งให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง  เอ็งจะขโมยตัวคนใครมาก็ได้ไม่ได้หมายความว่าเอ็นต้องไปแทนที่คนนั้น...


      "งั้นถ้าขโมยตัวตนของโต๊ะหรือเก้าอี้มาแทนได้มั้นล่ะ"


...ข้าว่าข้าเคยอธิบายให้เอ็งฟังแล้วนะไอ้กะโหลกหนา  ตัวตนสิ่งไม่มีชีวิต  ขโมยมาใช้  เอ็นก็จะค่อยๆเป็นสิ่งไม่มีชีวิตไงล่ะ  แต่ถ้าเอ็งจะไปขโมยสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนมา  เอ็งก็จะมีตัวตนเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เอ็งขโมยมา  สรุปนะ  ถ้าอยากเป็นคน  เอ็นต้องขโมยตัวตนของคนมาเท่านั้น  ข้าไม่อธิบายซ้ำแล้วนะ  หงุดหงิดโว้ย!...


      "เอาน่ะๆ  ใจเย็นๆก่อน" ผมรีบปลอบ  ก็อย่างว่าแหละนะคนมันสงสัยถ้าทำคนอธิบายได้แค่คนเดียวโกรธก็ไม่ได้คำตอบอื่นพอดีน่ะสิ "ไม่ถามเรื่องพวกนั้นแล้วโอเคมั้ย"


...งั้นก็ดี  เข้าเรื่องเลย  วิธีขโมยตัวตนที่เอ็งต้องเรียนและต้องเรียนให้รู้เรื่องด้วยเพราะข้ามีหน้าที่ปกป้องชีวิตเอ็งกับข้าไว้...





      จากนั้นแกงเกอร์ก็สอนเนเรื่องวิธีการขโมยตัวตน  พื้นฐานการใช้มนต์ของคีพเปอร์มีหลักใหญ่อยู่ 3 อย่างคือ


    1.วงเวทย์


    2.เวทย์


    3.ต้องเป็นผู้มีเลือดของผู้รักษาอักษร





      การร่ายเวทย์ไม่จำเป็นต้องใช้วงเวทย์เพียงให้เงื่อนไขของการใช้คาถานั้นๆตรงกับที่คาถาต้องการก็พอแต่วงเวทย์จำเป็นต้องร่ายเวทปลุกเพื่อให้วงเวทย์ทำงานไม่ว่าเงื่อนไขนั้นจะครบหรือไม่เพียงแค่เป้าหมายอยู่ในวงเวทย์ก็จะสำฤทธิ์ผล


      วงเวทย์จะมีหลายแบบหลายวิธีใช้แต่เวทที่ใช้ปลุกวงเวทจะมีเพียงคาถาเดียวคือ


      "ข้าขอน้อมอัญเขิญทวยเทพแห่งอักษรปลุกปลอบและปลดปล่อยอักขราเวทย์ให้เป็นอิสระจากพันธกาลด้วยเถิด"


      พอร่ายเวทย์เสร็จแล้วแค่เพ่งจิตไปยังวงเวทนั้น  จะอยู่ที่ไหนขอแค่ให้จำได้และรู้ว่าเป็นวงเวทอะไรมันก็จะทำงานทันที





      ผมฟังแกงเกอร์อธิบายแล้วออกจะมึนๆเหมือนโดนอัดข้อมูลจำนวนมากเข้าหัวในทีเดียวเลยต้องถามไอ้เจ้าอาจารย์ผู้กวนประสาทไปหน่อย "แล้วที่อธิบายมานี่มันสำคัญยังไงต้องจำอะไรบ้างเนี่ย"


...ที่ข้าสอนคืนพื้นฐานที่ต้องจำแต่เอาง่ายๆนะ  เอ็งต้องจำเวย์บทนี้บทเดียวเพื่อเอาไปปลุกวงเวทย์ที่ข้าจะสอนให้เขียน  จำแค่นั้นพอ  ถ้าจำไม่ได้อีกข้าคงหมดปัญญาช่ายแล้วล่ะ...


      "คาถามันยาวอยู่นะจะให้จำทีเดียวหมดได้ไง  พอจะมีหนังสือแนะนำมั้ย  แบบหนังสือเวทย์อะไรอย่างนี้น่ะ"


...เอ็งก็จดสิวะ  ตำราเวทย์อย่างที่เอ็งว่าน่ะไม่มีหรอกนะ  ความรู้มันถ่ายทอดกันทางสายเลือดคีพเปอร์เท่านั้นแหละ  และข้านี่แหละคือความรู้  คือตำราเวทย์ที่จะสอนเอ็ง  สรุปคือถ้าจำไม่ได้ไปหาอะไรจดซะ...


      "โอเคๆๆ  เดี๋ยวไปหากระดาษแป๊บ"ผมรีบหยิบ A4 ปึกนึงออกมาจากกระเป๋าจดตามที่มันสอนผมทันที


...จดแล้วท้องจำให้ขึ้นใจเร็วๆด้วยนะ  แค่คาถาบทเดียวอย่าช้านักเพราะข้าไม่มีเวลามาเอ้อระเหยกับเอ็งมากหรอกนะ  รีบๆจดข้าจะได้สอนเอ็งเขียนวงเวทย์ต่อ...


      "เออๆเสร็จแล้วๆ  ต่อเลย"


...งั้นจดแล้วจำให้ขึ้นใจนะ  วงเวทย์เป็นศาสตร์แห่งรูปร่างที่มีมายาวนานแล้ว  วงกลมคือความไม่สิ้นสุด  ความมหาศาลหรือก็คือการเพิ่มพลังให้อักษรที่ไม่ได้เปล่งถ้อยคำออกมาให้มีพลังเทียบเท่ากับการร่ายเวทย์ปกติ


      "ประมาณว่าเป็นวงจรทวีแรงดัน  เพิ่มโวล์ตของไฟฟ้าอะไรทำนองนั้นสินะ"


...อ่า...เอาเป็นว่าอย่างที่เอ็งเข้าใจง่ายๆนั่นแหละ  เรียกวงจรทวีแรงดันก็ได้  เพราะงั้นทุกครั้งที่วาดวงเวทย์ต้องมีวงกลมเป็นองค์ประกอบหลัก  เป็นสิ่งที่ล้อมกรอบเวทย์คาถาที่ต้องการจะให้แสดงผล  เข้าใจนะ...


      "อ่า  เข้าใจๆ"


...และที่ข้าบอกไว้ว่า  การใช้วงเวทย์ไม่ต้องสร้างเงื่อนไขให้ครบอย่างตอนร่ายคาถาก็เพราะเอ็งต้องเขียนเงื่อนไขทั้งหมดของคาถาเอาไว้ในวงเวทย์แล้ว  เงื่อนไขนั้นห้ามขาดเด็ดขาดแต่จะเขียนเกินก็ไม่ได้ไม่งั้นคาถาจะไม่เป็นผล...


      "ไอ้เงื่อนไขนี่มันคือยังไง  ไม่เห็นเข้าใจเลย"


...เออ  ข้าจะอธิบายอยู่นี่ไง  อย่างที่เอ็งโดนคาถาขโมยตัวตนมันมีเงื่อนไขคาถาว่า  คนที่จะร่ายคาถาต้องสร้างรอยแผลและดื่มเลือดของเป้าหมายเข้าไปก่อนจะร่ายคาถา  นั่นแหละเอ็งถึงจะโดนขโมยตัวตนได้  แต่ถ้าใช้วงเวทย์เอ็งต้องเขียนเงื่อนไขเช่นคำว่า  รอยแผล  เลือด  การกินดื่ม  อะไรประมาณนี้เพื่อให้ครบเงื่อนไขของคาถานี้...


      "อ้อ...อย่างนี้นี่เอง"ผมรีบจดกันลืมอย่างรวดเร็ว  อันที่จริงก็จดไม่ต่อยทันหรอกเพราะมันไม่รอผมเลยสักนิดแต่ก็พยายามจะจดให้หมดทุกคำ


...ที่สำคัญ  หลังจากที่เอ็งเขียนแล้ว  เอ็งต้องจำวงเวทย์ที่เอ็งเขียนให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน  แค่จำได้หรือมองเห็นแล้วรู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไรเอ็งก็สามารถสั่งให้มันทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่เอ็งจะพอใจ  แต่ถ้าเอ็งจำไม่ได้หรือไม่รู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไร  ไม่ว่าเอ็งจะร่ายเวทย์ปลุกยังไงมันก็ไม่แสดงผลแน่นอน...


      "คือ...ต้องวาดวงเวทย์ให้ได้แล้วยังต้องจำคาถาปลุกวงเวทย์อีก  คือยากว่ะ  จะให้จำหมดได้ไงวะ"ผมเริ่มจะหมดกำลังใจจะเรียนรู้ต่อเพราะจะวาดวงเวทย์วงนึงต้องจำคาถาที่จะท่องให้ได้  จำเงื่อนไขให้ได้แถมยังต้องจำคาถาปลุกให้ได้อีก  สำหรับผมนี่มันอย่างกับต้องเรียนการเป็นพ่อมดด้วยวิธีลัดแบบไม่มีพื้นฐานเลยสักนิด ซึ่งแน่นอนว่าทำไม่ได้หรอก


...เอ็งนี่มันยุ่งยากจริง  เอาเป็นว่าลืมๆพื้นฐานไปให้หมดเลยแล้วกัน  แล้วให้ข้ายืมแขนเอ็งแป๊บ  ข้าจะวาดวงเวทย์สำเร็จรูปให้เอ็งดูแล้วหัดวาดให้เหมือนด้วยล่ะ  วงเวทย์ที่ข้าจะวาดข้าจะเขียนเวทย์ปลุกกำกับเข้าไปด้วยเพราะงั้นแค่เอ็งนึกถึงมันแล้วสั่งให้ทำงานมันก็จะทำงานทันทีไม่ต้องท่องคาถาอะไรให้ยุ่งยากละข้ารำคาญ...


      "มีแบบสำเร็จก็น่าจะรีบบอก  เอ้าเขียนให้ดูได้เลย"


...ก็ข้าไม่นึกว่าแค่พื้นฐานเอ็งจะจำไม่ได้นี่หว่า  เออช่างเหอะข้าผิดเองที่นึกว่าเอ็งจะสอนง่าย  เอาเป็นว่าเขียนให้เหมือนแล้วกัน...


      แกงเกอร์ใช้แขนของผมค่อยๆวาดวงเวทย์ขึ้นมาอย่างประณีตบนกระดาษ A4 แผ่นใหม่  ยังดีที่ผมยังมีหัวศิลปะอยู่บ้างเลยคิดว่าพอจะลอกๆเอาได้แต่ก็ถือว่าผมตัดสินใจถูกจริงๆที่ไม่คิดจะเรียนอะไรยุ่งยากแบบนี้เพราะอักษรที่มันเขียนไม่ใช่อักษรภาษาไทยหรืออังกฤษเลยสักนิด  มันดูเหมือนตัวขีดๆอย่างกับกิ่งไม้ยังไงอย่างนั้นมากกว่าแปลว่าถ้าผมคิดจะเรียนเขียนวงเวทย์ผมคงต้องเรียนภาษาอีกภาษาด้วยแน่


      วงเวทย์ที่สวยงามค่อยปรากฏขึ้นอย่างสวยงามพอดีกับแผ่นกระดาษดูชัดเจน  เรียบง่ายแต่ดูทรงพลัง  ผมออกจะประทับใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นและได้แต่จ้องมองมันกระทั่งถูกเขียนจนเสร็จ "สวยดีนะ"


...และทรงพลังด้วย  เอาไปจำแล้วเขียนให้คล่องล่ะไอ้โง่  ข้าไม่ไหวล่ะขอตัวไปพักก่อนแล้วกัน...


      "ไอ้...ไอ้นี่!!" ผมได้แต่เคืองกับคำด่าของมัน  คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆที่มัยออกมาที่ไรต้องคอยแขวะผมตลอดแต่ผมดันทำอะไรมันไม่ได้เลยสักนิด  คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆ


100%


ตรู๊ดดดด  ตรู๊ดดดดดด ตรู๊ดดดดดดด



      เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋า

      "ฮัลโหล  ว่าไงวะเคน"



      "ยังจะมีหน้ามาถามว่าว่าไงอีกเหรอ  ห่าไม่ยอมมาเข้าเรียนทั้งเช้าเลยนะมึงน่ะ  หายหัวบ่อยเลยนะพักนี้"


      "โทษทีกูตื่นสายว่ะเลยไปเรียนไม่ทัน  ว่าแต่เมื่อเช้ามีงานอะไรมั้ยวะ  นี่กูเพิ่งมาถึง ม."


      "ไม่มี  เหมือนเคยแหละ อ.บ่นๆแล้วก็เลิก  มึงอยู่ ม.แล้วใช่มั้ย  งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า  พีดีกูมีข่าวดีจะบอกมึงด้วย"


      "ข่าวดีอะไรวะ"


      "เออน่ะ  รีบๆมาหากูมา  กูกำลังจะออกจากห้องแล้วเนี่ย"


      ผมวางสายแล้วรีบออกจ่กห้องชมรมไปหาไอเคน  พอมาถึงหน้าห้องเท่านั้นแหละผมเข้าใจทันทีเลยว่าข่าวดีที่มันจะบอกคืออะไร


      "อ้าวเฮ่ย!  มาพอดีเลยมึง"เคนยิ้มกว้าง  มีสาวสวยหุ่นเพรียวบางควงแขนอยู่ข้างตัวมัน "กูแนะนำให้รู้จัก  คนนี้แฟนกู  ชื่อจ๋อมแจ๋ม"


      "สวัสดีครับ"ผมทัก  ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคนที่คลั่งใคล้น้องมายด์อย่างมันจะยอมตัดใจแล้วไปหาแฟนใหม่แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าแฟนมันสวยน่ากินจริงๆ "นี่มึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย"


      "เพิ่งคบกันเมื่อวานนี่แหละ  ไงล่ะแฟนกูน่ารักล่ะสิ  ห้ามมองนะเว่ยคนนี้ของกู"เคนตบไหล่ผมเป็นเชิงหยอกก่อนจะหันไปหาแฟนมัน "ไปกินข้าวกันดีว่าครับแจ๋มเดี๋ยวเคนแนะนำคนอื่นให้รู้จักด้วย"


      "แนะนำ?"ผมถามมันงงๆ  นี่มันจะไปกินข้าวกับใครอีกเนี่ย


      "ต้องแนะนำสิวะก็กูจะไปกินข้าวกับพวกน้องมายด์ไง  มึงนี่แปลกคน  ทุกทีก็ไปกินข้าวเที่ยงกับพวกมายด์อยู่แล้วนี่หว่า"


      "คือว่า...วันนี้กู..."ผมชักไม่ค่อยแน่ใจกับเรื่องที่จะไปกินข้าวกับน้องมายด์เท่าไหร่หลังจากที่ได้สารภาพรักไป  มันทำให้ผมอึดอัดไม่น้อยเลยถ้าจะต้องไปกินข้าวกับสาวน้อยคนที่ผมเพิ่งสารภาพรักไป


      "มาอ้ำอึ้งอะไรของมืง  กูฝากน้องมายด์สั่งข้าวเผื่อไปแล้วไปกินกับกูนี่แหละ"ไอ้เคนตัดสินให้เรียบร้อย  สุดท้ายผมเลยโดนมันลากมานั่งกินกับกลุ่มน้องมายด์จนได้


      บนโต๊ะอาหารกลางโรงอาหารผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเกินจะอธิบายแม้ว่าไอ้เคนจะชวนสาวๆให้เฮฮาไปกับการสนทนาไร้สาระเกี่ยวกับเรื่องของมันและแฟนแต่ผมรู้สึกได้ว่ามายด์ไม่ได้สนุกไปกับคำพูดของไอ้เคนเลยสักนิด  ตรงข้ามกลับนั่งยิ้มแหยๆให้มุกของมันไปทีแล้วรีบตักข้าวเข้าปากราวกับจะให้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารนี้จบไปอย่างรวดเร็วซะอย่างนั้นซึ่งนั่นคงไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่เพียงแค่ผมไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนั้นและคอยลอบดูมายด์อยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง  และแม้ว่าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะครื้นเครงสักแค่ไหนแต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะชวนมายด์คุยเลยสักนิด


      "นี่มายด์  เป็นอะไรเหรอดูไม่ร่าเริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"น้องฝนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับจับไหล่เพื่อนสาวเขย่าให้มายด์รู้ตัว


      "ป-เปล่านี่ฝน"


      "ฝนเห็นนะว่ามายด์แปลกไปน่ะ  เมื่อวานถามอะไรก็ไม่บอกสักคคำ  ไปเจออะไรมาเล่าได้นะ  พวกเราอยู่ข้างมายด์เสมอนะ"ฝนยังไม่วายปลอบเพื่อนสาวที่มีอาการซึมเซาต่อ


      "นั่นสิ  เมื่อวานไปเจออะไรมาไหนบอกว่าแค่ออกไปเดินเล่นเฉยๆไง  เห็นพอแกกลับมาแล้วเหมือนแกอึ้งๆอย่างกับไปตกใจอะไรมางั้นแหละ"เหนิงถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัยทำให้ผมได้สติขึ้นมาว่าบนโต๊ะไม่ได้มีแค่ผมกับน้องมายด์แต่ยังมีแฟนสาวขี้หึงคนนี้อยู่ด้วยอีกคนทำให้ผมรีบปรับตัวให้กลับมาปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที


      "เปล่าๆ  ไม่ต้องห่วงหรอก  แค่ช่วงนี้เพลียๆน่ะเดี๋ยวก็หาย"น้องมายด์รีบแก้ข่าว  กลับมาปั้นยิ้มร่าเริมสดใสให้เพื่อนได้เห็นอย่างเดิม  แต่ไม่ว่าใครมองก็รู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานไม่ได้ร่าเริงสดใสอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด


      "เอาน่ะน้องมายด์  อย่ากังวลไปเลย  ที่เครียดๆนี่เพราะกลัวโดยลักพาตัวไปอีกใช่มั้ย  หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงเลย  มีพี่เคนคนนี้อยู่ทั้งคน  รับรองพี่ไม่ให้มายด์เจอไอ้พวกบ้ากามมาลักพาตัวไปอีกแน่นอน"มันตบอกตัวเองด้วยความมั่นใจทำเอาผมขำไม่น้อยกับท่าทางอวดเก่งของมัน  แต่ที่ฮากว่าคือ...


      "แล้วทำไมต้องออกตัวซะขนาดนี้ฮะ! เดี๋ยวเถอะ  มีแจ๋มแล้วยังจะไปทำเจ้าชู้กับน้องมายด์อีกนะ"เสียงจ๋องแจ๋มเอ็ดมันทันทีพร้อมกับบิดแขนหยิกมันด้วยความหมั่นใส้


      "โอ้ย!!ๆ เปล่าเจ้าชู้นะแจ๋ม  พี่น้องกันก็ต้องช่วยกันสิ  เค้าก็รักแจ๋มคนเดียวนั่นแหละจะหึงเค้าไปทำไมล่ะ  ต่อให้มีคนสวยกว่าน้องมายมายจีบเค้าก็ไม่ไปไหนหรอก"


      "แหวะ!!"สาวๆทั้งโต๊ะถึงกับคลื่นใส้กับคนมีความรักอย่างไอ้เคนทันที  ขนาดจ๋องแจ๋มยังตีไหล่มันแล้วยิ้มหน้าแดงด้วยความเขิน


      "บ้า!  เงียบไปเลยอีตานี่"


      ผมหัวเราะไปกับภาพหยอกเย้าของคนมีความรักแต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกรื่นเริงดีใจไปอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด  ตรงกันข้ามกลับยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีกกับทีท่าของมายด์ที่ดูจะอึดอัดใจเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารกับผม...นั่นอาจจะหมายความว่ามายด์ไม่ได้ชอบผมเลยสักนิดก็ได้  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็อาจดีสำหรับผมที่ไม่ต้องรู้สึกผิดที่พลั้งปากสารภาพรักไปทั้งๆที่มีเหนิงอยู่ทั้งคนแล้วแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนกันเพราะน้องมายด์เป็นรักแรกของผมและเป็นคนที่ผมแอบปลื้มมาโดยตลอดตั้งแต่ที่สาวน้อยหน้าหวานคนนี้ได้ย่างเท้าเข้ามาในมหาลัย


      ระหว่างที่ผมอยู่ในห้วงความคิดนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังใช้ขาสะกิดผมอยู่ใต้โต๊ะเรียกเอาสติผมกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว  พอหันมองคนที่นั่งตรงข้ามถึงได้รู้ว่าเหนิงกำลังจ้องผมอยู่อย่างนิ่งเงียบด้วยสีหน้าไม่พอใจอะไรบางอย่าง


      "ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา  ถ้ามาช้าฝากเก็บจานด้วยเลยนะ"เหนิงหันไปพูดกับแพรก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะไปทั้งอย่างนั้นทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับหยุดมองด้วยความแปลกใจนิดๆ


      "น้องเหนิงนี่หน้านิ่งตลอดเลยนะ  พี่ถามจริงชีวิตนี้เคยยิ้มให้พวกน้องเห็นกันบ้างมั้ยเนี่ย"เคนแซวทันทีเมื่อสาวหน้านิ่งเดินออกไปพ้นโรงอาหารทำเอาแฟนสาวของมันทุบอีกทีพร้อมกับดุที่มันแซวรุ่นน้อง


      ผมพอเดาได้ว่าเหนิงคงอยากคุยกับผมและคงไม่พอใจอะไรผมสักอย่างด้วยแต่จะให้ลุกไปเลยก็กลัวคนทั้งโต๊ะจะสงสัยเลยต้องนิ่งไว้ก่อนซึ่งทุกอย่างคงไม่พ้นสายตานักข่าวสาวประจำกลุ่มแน่ๆ


      แพรวามองจ้องผมเป็นเชิงดุก่อนจะพยักเพยิดนิดๆให้ผมรีบไปหาเหนิงเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้และมันคงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ  ผมเลยต้องรีบลุกตามด้วยความกังวล


      "เฮ้ย! เคน  กูลืมชีทวิชาตอนบ่ายไว้ที่บ้านว่ะ  กลับบ้านแป็บนะ  ไว้เจอกันในคาบเลย"


      "เออๆ  มาเรียนด้วยนะมึงอย่าขาดแบบคาบเช้าล่ะ  ได้ข่าวว่า อ.นพมาสอนแทน อ.จ๋าด้วย"


      "โอเคแล้วเจอกันในคาบ" ผมทิ้งท้ายก่อนจะลุกพรวดพราดออกมาจากโรงอาหาร  ออกมาถึงก็เห็นเหนิงยืนรออยู่มุมตึกก่อนแล้ว  พอเหนิงเห็นผมก็เดินลิ่วนำไปลานจอดรถทันที  ส่วนผมน่ะเหรอแน่นอนต้องเดินตามคนหน้าบูดไปต้อยๆอยู่แล้ว "เป็นอะไรไปเหรอเหนิง  บอกพี่หน่อยได้มั้ย"


      "เปล่านี่  แล้วตามมาทำไม" สาวหน้านิ่งพูดเสียงแข็งชวนขนลุกก่อนจะขึ้นรถไปนั่งฝั่งคนขับ  และแม้จะถามผมเป็นเชิงไล่แต่ก็ไม่ยอมออกรถจนผมขึ้นไปนั่งข้างๆนั่นแหละ...นี่แหละน้าที่เขาว่าผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ




 



      "ก็พี่เห็นเหนิงทำหน้าแบบนี้พี่ก็ต้องเป็นห่วงสิ"


      "แน่ใจนะว่าที่ตามมาเพราะห่วง  เห็นจ้องยัยมายด์ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ"เหนิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมไปอีกทำให้ผมทั้งกลัวทั้งขนลุกไม่น้อย  เหมือนกับเป็นเด็กที่ถูกแม่จับได้ว่าไปทำอะไรผิดมาก็ไม่ปาน "...พี่ยัง...รักยัยมายด์อยู่เหรอ"


      นั่นเป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่เราสองคนจะปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์ของรถเข้ามาดังก้องกระหึ่มท่ามกลางความเงียบ  ผมรู้ดีว่าถ้าตอบไปตามความจริงเหนิงคงโกรธมากแน่ๆแต่จะให้โกหกเหรอ...นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยในเมื่อเหนิงสังเกตเห็นชัดๆว่าผมแอบมองน้องมายด์อยู่ตลอด  สรุปคือยังไงก็ควรพูดความจริงไปก่อนเผื่อโทษหนักจะได้เป็นเบาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพูดความจริงซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่ามันจะทำร้ายจิตใจสาวน้อยตรงหน้าอย่างแน่นอน


      รถยนต์หักเลี้ยวเข้ามาจอดในบริเวณตึกร้างที่ผมมาช่วยน้องมายด์ไว้จากการถูกฉุดเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้ผมพูดความจริงยังไงอย่างนั้น "ว่าไงพี่  ยังรักยัยมายด์อยู่ใช่มั้ย"


      "...ใช่  พี่ยังชอบมายด์อยู่"สัญชาตญาณบอกให้ผมยอมรับผิดแค่กึ่งเดียว  แทนที่จะพูกว่ารักผมเลยพูดว่าชอบแทนอย่างไม่ค่อยเต็มปากนัก


      "วันนี้พี่กับยัยมายด์ดูแปลกๆนะ  มีอะไรจะเล่าให้เหนิงฟังรึเปล่า"สาวห้าวหน้านิ่งหันมามองผมด้วยสายตาดุดันสร้างความอึดอัดให้ผมไม่น้อย  ยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมคิดคำโกหกอะไรไม่ออกจริงๆ


      "เหนิง  พี่..."


      "พอแล้ว  เหนิงไม่อยากฟัง  ไม่อยากรู้ด้วยว่าพี่ไปทำอะไรกับยัยมายด์มา  แค่ตอบเหนิงมาสองอย่างพอ  พี่แอบคบกับยัยยมายด์อยู่ใช่มั้ย"


      "ไม่นะ  พี่ไม่ได้แอบคบกับมายด์แน่นอน  ...ถึงพี่จะยังชอบมายด์แต่พี่รับรองว่าไม่มีอะไรแบบนั้นแน่" ผมยืนยันหนักแน่น  รู้สึกโล่งใจไม่น้อยกับคำถามที่ได้ฟังเพราะอย่างน้อยผมกับมายด์เราไม่ได้มีอะไรมากกว่าพี่น้องกันจริงๆ


      "ก็ได้  เหนิงจะเชื่อพี่  แล้ว...เหนิงถามแค่คำเดียว  ระหว่างเหนิงกับมายด์พี่จะเลือกใคร?"สาวห้าวทำหน้าจริงจังราวกับว่าคำถามนี้มันจะชี้ชะตาผม  และสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับใจหายคือ  สาวน้อยหน้านิ่งของผมค่อยๆมีนำตาหน่วงคลอขึ้นมาพร้อมกับขอบตาค่อยๆแดงก่ำขึ้นด้วย  นั่นมันทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบ  ตระหนักได้ทันทีว่าผมได้ทำร้ายจิตใจของสาวน้อยคนนี้ไปมากเกินไปแล้ว  ผมกลับไปหลงไหลกับความรักลมๆแล้วของผมกับมายด์ทั้งที่มีคนตรงนี้อยู่ทั้งคน


      "...พี่ขอโทษนะที่ทำร้ายจิตใจเหนิงแต่ยังไงพี่ก็รักเหนิงนะ"


      "พี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปคบกับยัยมายด์ใช่มั้ย"


      "พี่สัญญา  พี่จะไม่ทิ้งเหนิงแน่นอน  ไม่ว่าเหนิงจะถามกี่รอบพี่ก็รับรองว่าจะไม่ทิ้งเหนิงแน่  เรื่องที่เกิดมันแค่อารมณ์ชั่ววูบจริงๆและพี่จะไม่ทำอีกแล้ว"ผมแทบจะเอาหัวรับประกันกับเหนิงได้เลยว่าระหว่างผมกับมายด์จะไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกด้วยความสงสารแฟนสาวคนนี้แต่อีกใจก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่แม้ว่ากับมายด์ผมจะไม่ยอมให้เกิดแต่กับคนอื่นที่ผมแอบนอกใจเหนิงไปก่อนหน้านี้ผมไม่สามารถบอกหรือยอมรับได้จริงๆว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในเมื่อสาวๆเหล่านั้นก็เป็นของผมไม่ต่างขากเหนิงเลยสักนิด


      "ถ้างั้นเหนิงถามได้มั้ยว่าเมื่อวานพี่ทำอะไร  ยัยมายด์ถึงแปลกไปแบบนี้"


      "พี่...พี่เจอมายด์ตอนกำลังออกตามหามายด์  แล้วเราก็ไปนั่นเล่นที่ร้านกาแฟนกัน  จากนั้นเพราะอะไรไม่รู้พี่ถึงได้...บอกว่าชอบมายด์ออกไป  พอมายด์ได้ยินแบบนั้นมันก็เป็นแบบนี้แหละ"


      "..."เหนิงเบิกตานิดนึงราวกับอึ้งกับเรื่องที่ผมเล่า  น้ำตาหยดน้อยๆค่อยๆไหลรินลงมาอาบสองข้างแก้มและค่อยมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้กับความเสียใจ "ถ้ายัยมายด์ตอบตกลงพี่คงจะทิ้งเหนิงไปแล้วใช่มั้ย  พี่ไม่ได้รักเหนิงแล้วใช่มั้ย"


      ผมพอจะรู้ว่าถ้าสารภาพความจริงเรื่องคงเกิดแน่แต่ขนาดว่าผมเตรียมใจมาแล้วพอเจออาการปล่อยโฮพร้อมกับคำพูดตัดพ้อผมก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน  ได้แต่คดว่าจะทำยังไงให้เหนิงหยุดด้วยประสบการณ์การปลอบอันน้อยนิด  ผลเลยกลายเป็นว่าผมโอบดึงเหนิงเข้ามาจูบนิ่งแทนการพูดปลอบ


      เหนิงดิ้นอึกอักรัวกำปั้นทุบอกหนาครั้งแล้วครั้งเล่า  น้ำตาหยดน้อยๆที่อาบชุ่มแก้มพาลทำให้ผมรู้สึกเปียกชื้นไปด้วยแต่ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยริมฝีปากสาวหมวยให้เป็นอิสระแน่  มันรู้สึกราวกับว่าถ้าผมถอนจูบออกตอนนี้มันจะให้ให้ผมเสียสาวน้อยตรงหน้าไปตลอดกาลยังไงอย่างนั้น


      "อื้อ!!  อึ...อือ  อืมมมมม"ยิ่งผมดึงรั้งร่างเพรียวบางเอาไว้นานสาวน้อยยิ่งค่อยๆหายพยศลงเรื่องๆ  มือสองข้างค่อยๆทุบช้าลงกระทั่งหยุดนิ่งอยู่บนอกผม  ริมฝีปากน้อยๆเผยอเปิดช้าๆเป็นโอกาสให้ผมสอดลิ้นเข้าไปทีละน้อยเพื่อหยั่งเชิง "อืมมม" เหนิงครางแผ่วเปิดปากให้กว้างขึ้นอีกนิดพร้อมทั้งส่งลิ้นเรียวบางหวานฉ่ำมาต้อนรับลิ้นผม


      ผมช้อนสะโพกสาวในชุดนักศึกษาทรงเออุ้มจากเบาะคนขับให้มานั่งคร่อมเผชิญหน้ากันบนตักก่อนจะปัดเส้นผมยาวเคลียไหล่ไปข้างหลังเพื่อปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่ม "...พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาเหนิงเลยรู้มั้ย  พี่รักเหนิงนะ  และมั่นใจได้เลยว่าพี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปไหนแน่"


      เหนิงเม้มปากน้อยๆสบตาผมด้วยแววตาสดใสขึ้น "แล้วไปบอกชอบมายด์ทำไมล่ะ"


      "พี่จะได้ตัดใจจากมายด์ได้ไง  บอกให้ในใจพี่หายค้างคาไปเลยเพราะยังไงพี่ก็รู้ว่าพี่มีเหนิงเป็นตัวจริงของพี่อยู่แล้ว"ผมด้นสดไปทั้งอย่างนั้นแม้จะรู้สึกว่ามันดูแถไปนิดแต่สาวหมวยของผมดูจะไม่สนใจจะจับผิดเท่าไหร่


      สาวหมวยค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะชี้นิ้วจิ้มมาบนอกผม"แล้วอย่าไปบอกชอบใครในกลุ่มเหนิงอีกนะ  กับคนอื่นยังพอให้อภัยแต่ถ้ากับเพื่อนเหนิงล่ะก็พี่จบไม่สวยแน่"


      พอเห็นเหนิงยิ้มออกผมเลยยิ้มออกมาบ้างด้วยความโล่งใจว่าในที่สุดก็เคลียจบสักที"พี่เข็ดแล้วจ้าแม่เสื่อ  พี่ไม่ทำอักแล้ว"


      "รู้ว่าเหนิงเอาจริงก็ดี" สาวหมวยจับแก้มทั้งสองข้างของผมไว้  ก้มเอาหน้าผากมาชนหน้าผาก  ส่งสายตาหวานปนซุกซนมาให้ "ก่อนมีเหนิงน่ะเจ้าชู้ยังไงเหนิงไม่สนหรอกแต่มีเหนิงแล้วงดหื่นกับคนอื่นะ"


      "แล้วหื่นกับเหนิงได้มั้ย"


      สาวหมวยยิ้มไม่ตอบ  เชิดหน้าผมขึ้นก่อนจะก้มลงประกบจูบหวานชื่นดุดัน  ลิ้นเล็กๆของแม่เสือสาวสอดตวัดหาลิ้นผมเพื่อรัดพันมันอย่างโหยหิว  สายตาซุกซนสานสายตากับผมราวกับจะบอกความต้องการที่มีออกมาให้ผมได้รับรู้ "...มีถุงมั้ย"  เสียงถามแหบพร่าจากปากหญิงสาวในตอนนี้มันช่างทรงเสน่ห์สำหรับผมมากเหลือเกิน  มันมากซะจนเจ้าท่อนล่างของผมแข็งไปหมด


      "ไม่มี"


      "...งั้นอย่าแตกข้างในนะ"เหนิงพูดราวกับถุงยางไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยสักนิดก่อนจะก้มมองเป้ากางเกงผมเพื่อรูดซิปเปิดดึงเอาแท่งเอ็นดำเมี่ยมขนาดเท่าข้องมือเด็กสาวออกมาสู่ภายนอก  ส่วนผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าถลกชายกระโปรงทรงเอขึ้นถึงเอวก่อนจะแหวกขอบกางเกงในสีดำสนิทให้พ้นปากร่องอวบอูม  เหนิงโหย่งตัวขึ้นใช้มือจับท่อนเอ็นแข็งกลางหว่างขาช่วยนำทางให้หัวบานจรดจ่อกับปากร่องลื่นก่อนจะค่อยทิ้งน้ำหนักลงมาทีละน้อยให้ปากร่องฟิตแน่นได้เข้าห่อหุ้มหัวถอกทีละน้อย "อ-อูวววว เข้ามาแล้ว  ข-ของพี่เข้ามาข้างในเหนิงแล้ว"


      "อูยยย  ร่องฟิตกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ยเหนิง  หรือว่าเพราะไม่สวมถุงมันถึงฝืด"ผมถามไปก็จับสะโพกอาหมวยช่วยดึงกดลงมาด้วยอีกแรง


      "ช-ช้าๆสิพี่เดี๋ยวของเหนิงพังหมด"สาวน้อยหน้านิ่งคราง  ก้มมองท่อนเนื้อของผมที่ค่อยๆถูกกลีบเนื้ออวบอิ่มบวมแดงกลืนกินแบบไม่วางตา


      "ก็เล่นใส่ทรงเอรัดๆมาขึ้นคร่อมแบบนี้ถึงไม่ใช่พี่ก็คงทนไม่ไหวล่ะ  เซ็กซี่แบบนี้พี่จะเย็ดให้บานเลย"


      "พ-พูดบ้าๆ  ซี๊ดดด"เหนิงหลับปี๋ตาเม้มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจกดสะโพกทิ้งตัวลงรับเอาโคนเอ็นเข้าไปในร่างทั้งหมดทีเดียว "อูยยย  เหนิงไม่ไปขึ้นคร่อมของผู้ชายคนอื่นหรอกนะเหนิงจะขึ้นให้แต่พี่คนเดียวเท่านั้นแหละ" สาวหมวยบรรจงจูบหน้าผากผมอย่างนุ่มนวลก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ "คนอะไรยาวเข้าไปชนข้างในเหนิงเลย  ถ้าของเหนิงพังนะรับผิดชอบด้วย"


      "ไม่พังพี่ก็รับผิดชอบ"ผมเลื่อนมือจากสะโพกสาวหมวยขึ้นมาค่อยๆแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดเพื่อรอเวลาให้ร่องรักอ่อนนุ่มได้ปรับขนาดเข้ากับเอ็นเนื้อและหลั่งชโลมเมือกลื่นออกมาให้มากกว่านี้ซะก่อนและดูเหมือนเหนิงจะรู้ว่าผมอยากให้พักยกชั่วคราวเช่นกัน "เมื่อกี้ไอ้เคนมันแซวว่าเหนิงหน้านิ่งตลอด  พี่อยากให้มันมาเห็นตอนนี้จังว่าเหนิงของพี่ยิ้มสวยแค่ไหน"


      "ทำมาพูดดี"สาวหมวยแก้มแดงแทบหุบยิ้มไม่อยู่


      "รู้มั้ยว่าตอนยิ้มเหนิงสวยมาก"ผมถามไปก็ค่อยๆแหวกเสื้อนักศึกษาออก  ดึงรั้งเอาบราเซียสีเนื้อขึ้นให้เนินอกกลมกลึงพอดีมือหลุดเป็นอิสระออกมาชูชันต่อหน้า


      "งั้นพี่ก็ควรจะดีใจนะที่ได้เห็นเหนิงยิ้มแค่คนเดียว  อุ๊ย!!  ตาบ้า"เหนิงอุทานด้วยความเสียวสยิวเมื่อทรงอกอวบอัดเต่งตึงถูกประกบดูด  สาวน้อยหลับตาลงแอ่นทรวงอกเข้าหามากขึ้นอีกนิด  รับแรงดูดเม้มเชื่องช้าชวนทรมานพร้อมกับส่งเสียงครางฮือๆเบาหวิว  สองมือโอบกอดรอบลำคอกดหัวเข้าซบแน่นกับเนินอกขาว  สะโพกน้อยๆเริ่มยกตัวขึ้นทีละน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงมารับท่อนเอ็นเข้าไปมิดครั้งแล้วครั้งเล่า "อา... พี่เป็นของเหนิงแล้วนะ...อา...ห้ามมีใคร...อา...ที่ไหนอีก...อา...แม้แต่คนเดียว   อูว..."


      ในไม่ช้าเสียงครางแผ่วเบาก็ค่อยๆลอยละล่องปนเปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อของจังหวะรักอันหนักหน่วงท่ามกลางตึกร้างไร้ผู้คน  ผมหลับตาลงปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ให้เอ็นเนื้อแข็งเขม็งได้ถูกกระตุ้นจากแรงตอดดูดภายในตัวสาวหมวยมากขึ้นมากขึ้น  สองมือช้อนก้อนเนื้อนุ่มของสองแก้มก้นเนียนราวกับแก้มเด็กเพื่อลดแรงกระแทกกระทั้นให้เบาลงในขณะที่ปากยังคงประกบดูดเม้มเม็ดประทุมถันสีชมพูอ่อนกลางอกทีละข้างด้วยความโหยหาราวกับไม่ได้ทำรักกับเรือนร่างนนี้มานานแสนนาน


      "อูววว  ส-เสียว  แฮก-แฮก  มันทำเหนิงเสียวไปหมด  พ-พี่ช่วยเหนิงด้วย  พี่...ซี๊ดดดด"สาวหมวยถึงกับตัวงอร้องแทบไม่เป็นภาษาเมื่อถูกผมเลื่อนมือกลับมาจับสะโพกอีกครั้งเพื่อช่วยดึงรั้งให้เหนิงกระแทกกระทั้นลงมาหนักหน่วงรุนแรงขึ้น  ใบหน้าสวยจึงเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านเกินจะรับและตอบโต้ผมกลับด้วยแรงตอดรัดหนึบแน่น "ม-ไม่ไหวแล้ว  ไม่ไหวแล้ว! อี๊ยยยย"สาวหมวยตัวกระตุกทิ้งสะโพกลงมาอย่างแรงรับเอาท่อนเนื้อเข้าไปทั้งแท่งพร้อมกับกอดรัดผมไม่ให้ขยับด้วยร่างสั่นสะท้าน  ผลร้ายมันจึงตกมาที่ผมที่กำลังจะแตกเพราะแรงตอดแต่จะจอดทั้งอย่างนี้ไม่ได้เลยต้องอั้นเอาไว้สุดกำลัง    จับสะโพกนุ่มยกขึ้นให้มันหลุดเป็นอิสระอย่างฉิวเฉียด


ปรี๊ดดดดด  พรืดดดด  พรืดดดด


      เมือกกามคาวข้นพุ่งพ่นออกมาเป็นสายกลับเข้าไปในร่องแคมที่ปากทางเข้าปิดลงมาไม่สนิทก่อนจะฉีดรดเปรอะเปื้อนเต็มกางเกงในและหว่างขาขาว


      ผมปล่อยเหนิงกลับลงมานั่งบนตักด้วยความโล่งใจ "ฟูวววว  เกือบไปแล้ว"


      "..."สาวหมวยคลายกอดออกยังคงหอบหนัก  สายตาหวานเยิ้มจ้องผมด้วยใบหน้านิ่ง "แฮก-แฮก...ม-มันไม่ได้แตกข้างในเหนิงใช่มั้ย"


      "...พี่...พี่ว่ากินยาคุมกันไว้ก่อนดีกว่ามั้ย"ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะไม่มั่นใจเหมือนกันว่าน้ำที่พ่นออกมามันเข้าไปข้างในเหนิงมากแค่ไหนแต่ที่แน่ๆคือผมชักออกมาทันแบบเฉียดฉิวจะเสียงพลังไปมากๆ


      "ถ้ารู้ว่าต้องกินยาคุมอย่างนี้ปล่อยให้แตกในดีกว่าจะได้ไม่เลอะเทอะ"สาวหมวยยิ้มน้อยๆด้วยแววตาซุกซน  ก้มหน้าลงมองเอ็นเนื้อกึ่งอ่อนกึ่งแข็งเปียกเยิ้มกลางหว่างขาก่อนจะคว้ามันไปรูดรีดเอาเมือกคาวภายในออกมารดบนกางเกงในผ้าลื่นสีดำ "น้ำเยอะแบบนี้เห็นแล้วหิวเลย"


      "ยังไม่พออีกเหรอเหนิง"ผมถามมองดูนาฬิกาบนคอนโซลรถแล้วอดเสียดายไม่ได้...ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกหน่อยคงได้เพลินกว่านี้แน่


      "ก็จะบ่ายแล้วไม่ใช่เหรอพี่  เวลาเข้าห้องน้ำไม่มีแบบนี้เหนิงก็ต้องช่วงล้างให้ด่วยปากสิ"


      "ของเราก็เลอะเต็มกางเกงในเลยนะ  อีกอย่าง...ไปหาซื้อยาคุมกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย"


      "ก็ได้"เหนิงทำหน้าเสียดายนิดๆก่อนจะจับเอ็นเนื้อผมเข้ากางเกงรูดซิปปิด "เลอะมือไปด้วยเลยเนี่ย"สาวหมวยบ่นยิ้มๆ


      เราสองคนจัดชุดกันแบบลวกๆให้พอเรียบร้อยก่อนที่เหนิงจะขับพาผมไปซื้อยาคุมมาให้  จากนั้นถึงมาส่งผมที่ตึกเรียน


      "กางเกงในเลอะขนาดนั้นไม่ถอดเหรอ"ผมถามเป็นครั้งสุกท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ


      "ให้เลอะน้ำพี่แล้วค่อยฉีดน้ำหอมเอายังดีกว่าปล่อยโล่งๆให้คนอื่นเห็นของเหนิงนะพี่"


      "ก็เราใส่ทั้งสั้นทั้งรัดทำไมล่ะ"


      "เพราะคนแถวนี้นั่นแหละเลยอยากใส่มาอวด"


      ผมได้แต่ยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจกับคำพูดของเหนิงแล้วเปิดประตูก้าวเท้าลงมายังตึกเรียน...เฮ้อ! ในที่สุดก็หมดปัญหา  ชาตินี้ไม่ขอยุ่งวุ่นวายกับเพื่อนเหนิงอีกแล้ว...ผมรำพึงในใจแต่ไม่ทันได้โล่งใจเมื่อโทรศัพท์ผมกลับแจ้งเตือนข้อความจากแชตเฟสให้ผมต้องเปิดดู


'นี่ฝนนะคะ  ฝนอยากกินน้ำสลัดพี่แล้ว  พรุ่งนี้เช้าเอามาให้ได้มั้ยคะพี่'




               
///คุยกันหน่อยครับ:อย่างที่บอกไว้ตอนที่แล้วว่าจริงๆมันคือบทที่ 8 แต่โดนตัดมาเป็นบทที่ 9 เพราะมันยาว  ตอนนี้เลยเป็นเหมือนบทที่ 8 ตัวเต็มและรอเอาบทที่ 9 เข้ามาใส่ในบทนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น  ...ก็อู้มานานขอฟื้นพลังเขียนสักแป๊บก่อนนะครับ  มีอะไรก็คอมเม้นคุยกันมาได้ตอนนี้กลับมาเริ่มเครื่องติดอีกครั้งแล้ว  จะพยายามตอบที่ถามกันมาครับ  ส่วนที่ไม่ได้ถาม  คิดชมอะไรกันมาก็ขอขอบคุณมากๆครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกัน  ส่วนรูปสาวๆขอซ่อนเหมือนเดิม  ผู้แต่งขอตัวไปนอนก่อนละกันครับ...อ้อ  ทิ้งท้ายด้วยการตอบคำถามจากบทที่ 8 ที่เม้นถามกันมาครับ บาย
         20/10/60  แจ้งเพิ่มเติมเนื่องจากมีคอมเม้นขอให้ผมเอาส่วน 60 70 และ 100% ไปลงในบทที่ 10 ด้วยเพื่อในผู้อ่านที่ไม่รู้ว่าผมอัพเดทบทที่9ตอนไหนได้อ่านครบ  เอาเป็นว่าผมจะรวบส่วนที่อัพเดทมาเพิ่มไปลงในบทที่ 10 ด้วยนะครับ  ทั้งนี้จะแยกระหว่างบทที่9กับ10ให้ชัดเจนจะได้ไม่งงกัน

































































--------------------------------------------------------------------------------------------
เข้าสู่ห้องสารบัญหนังสือ

ห้องสารบัญหนังสือ
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

areja

................................................

ใครจะอ่านผลงานทุกโพสต์ในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,
ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,
thank you,thx
ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry::
ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา
::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..
ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1 ปี. .


กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง
ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ
แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.


................................................*.:*'゚・.。.:*゚'゚・.。.:* *.:。*゚ '゚.。. :* (◠‿◠:)*..............................................

Man_On_The_Moon

ขอแบบให้พระเอกได้สาวแว่นด้วยจะดีมากเลยครับ

magic_rhyme

เอาละเหวย  มีขโมยตัวตนคนอื่นด้วย   น่าสนุกแท้

ขอบคุณมากครับ  ติดตามมาอย่างต่อเนื่องเลยครับ

lovesick

#4
เอาล่ะ มีการขโมยตัวตนคนอื่นด้วย

จริงๆผมอยากให้พระเอก มีพวกทักษะต่อสู้มือเปล่าแบบโหดๆนะครับ แบบว่า เกิดจากพลังของท่านชินอะไรอย่างเงี้ย ทำให้พรสวรรค์ตื่น  เพราะแบบ อย่างเห็นพระเอกโชว์โหดบ้าง นอกจากลีลาบนเตียง

aoshinobu

แย่งตัวตนได้ นี้ ไปแย่งของคู่อริ งานดีเลย

air111fox

แย่งตัวตนคนอื่น เพื่อเอาตัวตนของตัวเองคืนมา เข้าใจคิดดี

zebrazaa

สนุกดี ตื่นเต้นดี จะขโมยตัวตนคนอื่นด้วย ลุ้นๆๆ

cd13579

#8
เก่งมากเจ้าแกงเกอร์ ปัญหาเก่าผ่านไปปัญหาใหม่ตามมา ขโมยตัวตนใครดี แล้วขโมยแล้วทุกคนจะจำเราเป็นยังไง เหมือนแทนที่กันเลยหรือแค่ยืมมากันสลายเฉยๆ?

เครื่องติดแล้วก็รีบปั่นนะ รออยู่

โถ่ไอ้กระโหลกหนา 55555
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

surway2532

ชอบเพื่อนๆของหนิงอ่ะตั้งแต่ฮอร์โมนแระ ไม่รุ้จะมีโอกาสเก็บอักษรกับเพื่อนหนิงมั้ย ยังไงก้อรอลุ้นอยุ่

airfoxus

ต้องรีบขโมยตัวตนคนอื่นเลย ไม่งั้นเกิดหายตัวไปสาวๆคงต้องเสียใจแน่ๆเลย

Chanawin Tosingchai

ผมชอบอเล็กซานดร้านะแต่กลับบ้านไปแล้วคงไม่มีบทอีกนานเลยรองลงมาก็ชอบเหนิงนะ

tantawanjames

สะสมมาตั้งนานไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายต้องใช้วิธีขโมยตัวตนคนอื่นแทนหรอเนี่ย น่าลุ้นครับสุดท้ายพระเอกเราจะทำยังไง

pornpat tammalangka

วิธีขโมยตัวตนคงไม่ยาก แต่ที่ยากคือจะขโมยของใครดีนี่สิ

ไพรวรรณ์ ทองปอ

#14
 ::HeyHey::รวมเล่มออกมายังครับ รอหนับหนุนอยุ่
อ้างจาก: joker socool เมื่อ ตุลาคม 09, 2017, 06:58:11 ก่อนเที่ยง
 

แว่น ซ่อนเนื้อหา ก๊อปอ้างอิง..

.........................................................................................
    9/10/2560   

ก๊อปอ้างอิงเจ้าของงานมาตอบทุกโพสต์ ผิดเงื่อนไขการพิมพ์ตอบของ เวป
มีใครเขาทำแบเรามั่ง แบนตลอดชีพ( 9/10/2560 )


.........................................................................................



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน