ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

รักแท้ฯ ตอนที่ 2

เริ่มโดย apinyaporn, มิถุนายน 07, 2020, 12:07:22 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

apinyaporn

รักแท้ฯ ตอนที่1 https://xonly8.com/index.php?topic=230863.0
รักแท้ฯ ตอนที่3 https://xonly8.com/index.php?topic=231205.0

.....................

ภายในห้องมืดสลัวกลิ่นเก่าอับชื้นลอยวนเตะจมูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคันจมูกฟุดฟิด ผู้หมวดหนุ่มแต่งชุดครึ่งท่อนนั่งเล่นโทรศัพรู้ตัวเองว่าโรคภูมิแพ้ฝุ่นกำลังจะกำเริบ

          "คุณ.. คุณ..!!" ผู้หมวดเตะที่ขาเตียงแรงๆ

          "หืม.. ฮึ.. อะไรวะ" ชายหนุ่มบนเตียงค่อยๆฟื้นคืนสติหรี่ตามอง
          "ตื่นเถอะคุณสิบโมงกว่าแล้ว จะนอนไปถึงไหน"
         
          "เห้ย..!! มึงเป็นใครเนี่ย แล้วเข้ามาในห้องได้ไง" เขาทะลึ่งตัวขึ้นนั่งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อร่างเปลือยเปล่ากวาดสายตาไปทั่วห้องมืดสลัว "..ปิ่น ปิ่น..!! ปิ่น.."

          "ใจเย็นๆก่อนคุณ ใจเย็นๆผมเป็นตำรวจ คนดีไม่ใช่คนร้าย"
         
          "ตำรวจ มาทำไมผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ"
          "ผิดอะไร คุณน่ะเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียด้วยซ้ำรู้ตัวบ้างรึเปล่า โดนวางยานอนหลับผสมในเหล้านอนสลบไม่ได้สติ"
         
          "ยานอนหลับผสมเหล้า.." ได้ฟังแบบนั้นแล้วคิ้วขมมวดปวดหัวตึ้บ "หมายถึงปิ่น.. น่ะเหรอ"

          "ผู้หญิงที่มอมยาจะเป็นใครผมก็ไม่รู้นะเรื่องของคุณ แต่โดนแบบนี้บอกได้ว่าไม่ตายก็บุญแล้ว เดี๋ยวแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเชิญที่สน.ผมจะได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันให้
"
          "ไม่อ่ะ.. ผมไม่แจ้งความไม่ลงบันทึกอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวนะ.. ตกลงนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยงงชิ้บหายรายการทีวีรึเปล่าเนี่ยแล้วนี่เป็นตำรวจจริงรึเปล่าก็ไม่รู้"
          "เดี๋ยวคุณขับรถตามผมไปถึงสน.ก็รู้ว่าจริงไม่จริง ไป.. รีบแต่งตัวซะ"
         
          "เมื่อกี๊คุณบอกว่ากี่โมงแล้วนะ"
          "สิบโมงกว่า" ผู้หมวดหนุ่มตอบ
          "เชี่ย ตายห่า!! .. ผมต้องไปทำงาน"

          "งั้นเอางี้.. ถ้าคุณไม่ต้องการจะแจ้งความ ผมอยากไปตรวจดูที่พักของคุณหน่อย" ผู้หมวดยิ้ม
          "ไปทำไม ผมจะไปทำงานไม่มีเวลา"

          "ฮาร์ดดิสก์เอ็กซ์เทอร์นอลดับบลิวดีหนึ่งเทอราไบค์สีน้ำเงินเหลือบเทาซื้อจากเว็บขายของออนไลน์เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว ติดสติ๊กเกอร์สแตมป์เซเว่นไว้เป็นสัญลักษณ์พิเศษ"

          "นี่ห่าอะไรของคุณวะ.." นิธิศมองหน้าผู้หมวดจำนนด้วยหลักฐาน

          "คุณปิ่นมุข แจ้งกับเราว่าในฮาร์ดดิสก์ก้อนนั้นมีภาพไม่พึงประสงค์ของเธออยู่จำนวนนึง และเธอกลัวว่าคุณอาจตัดสินใจทำอะไรที่มันสิ้นคิด เช่น ปล่อยภาพของเธอว่อนทางอินเทอร์เนตเพื่อแก้แค้น"
         
          "ผมจะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อผมไม่ได้แค้นใจอะไรปิ่นซักหน่อย" เขาหายใจแรงสับสนไปหมด "แล้วคุณมาเสือกอะไรเรื่องผัวเมียเค้าเนี่ย"
          "คุณปิ่นมุขเธอย้ำกับผมว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของคุณ จริงๆแล้วคุณสองคนไม่ใช่แฟนกันด้วยซ้ำเพราะเธอไม่เคยบอกรักคุณสักครั้ง เธออาจตกอยู่ในความกลัวจึงยอมให้คุณบันทึกภาพพวกนั้น"

          "ผมลบข้อมูลไปหมดแล้ว.." นิธิศคอตก         
          "ลบไปหมดแล้ว?? ง่ายไปป่าวให้ตอบอีกทีนึง"

          "เมื่อช่วงสองอาทิตย์ที่แล้วห้องพักชั้นเดียวกับห้องผมถูกขโมยงัด"
          "แล้วทำไม.."
          "ผมกลัวว่าอาจจะโดนกับตัวเองเข้าสักวันก็เลยตัดสินใจลบข้อมูลภาพกับวิดีโอส่วนตัวของปิ่นทั้งหมด เพราะถ้าหากโดนขโมยฮาร์ดดิสก์ไปผมกับปิ่นต้องตายแน่"

          "แล้วมีก๊อปปี้หรือว่ากู้ฮาร์ดดิกส์ได้มั้ย เค้าว่าถ้าเผลอกดลบมันยังพอกู้ได้นี่" ผู้หมวดถาม
          "ผมไม่ได้ใช้วิธีลบแต่เขียนพาร์ดิชั่นใหม่ทับ"
          "แปลว่ากู้ไม่ได้.."
          "ไม่ได้.."

          "เอาเถอะ.. ถึงยังไงผมก็จะขอตรวจสอบฮาร์ดดิสก์นั่นดูหน่อย ถ้าคุณลบข้อมูลไปแล้วอย่างที่ว่าจริงๆก็ไม่เห็นจะต้องลำบากใจอะไร"
         
          "เอ่อ.. คือ ที่ห้องผมมีปืน ปืนมีทะเบียนแต่ผมไม่มีใบอนุญาตพ่อให้มาเก็บไว้ป้องกันตัวเพราะแถวอพาร์เมนท์มันเปลี่ยว" นิธิศสารภาพ

          "คุณเอาฮาร์ดดิสก์นั่นมาให้ผมก็พอนอกจากนั้นผมไม่สน เป็นอันจบเรื่อง" ผู้หมวดถอนหายใจส่ายหน้าเบื่อๆ

.................... 

ห่างจากสนามบินนาโกย่า(นะโงยะ)เกือบสองชั่วโมง แม่เราเบะปากชักสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่รถแท็กซี่จอดสนิทหน้าบ้านเก่าหลังหนึ่ง มันไม่ใหญ่โตหรูหราอย่างที่แม่คิด แถมยังอยู่ในย่านเมืองที่เงียบสงบจนเกือบจะเข้าใจว่าเป็นเมืองร้างเสียด้วยซ้ำ

บอสซีบอกว่าว่าเป็นวันเสาร์คนหนุ่มสาวพากันนั่งรถไฟเข้าไปเที่ยวในเมืองกันหมด ..รถไฟ.. ฉับพลันที่ได้ยินคำนี้เราคิดถึงเอขึ้นมาทันที เอจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้รู้ว่าตอนนี้เราสองคนอยู่ห่างไกลไม่ใช่แค่ต่างจังหวัดแล้ว ไกลขนาดนี้เอคงไม่มาหรอก จากนี้ไปคือเรื่องที่เราจะต้องคิดคนเดียวต่อสู้เพียงลำพังไม่มีใครให้โทรคุยคอยเป็นที่ปรึกษาถามโน่นนี่อีกต่อไปแล้ว 

ผ่านซุ้มประตูเข้าไปภายในบ้านไม้สีเข้มมืดทึมยิ่งดูเล็กคับแคบกว่ามองจากภายนอกเสียอีก สไตล์การจัดวางตกแต่งบ้านดูอึดอัดพิกล เฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้าชุดเหมือนหลุดมาจากยุคแปดศูนย์ หญิงชราในชุดคลุมแบบญี่ปุ่นเดินออกมาต้อนรับจากเงามืด สังเกตุว่า ถึงแม้เธอจะตาบอดแต่กลับเดินเหินภายในบ้านอย่างคล่องแคล่ว เรากับแม่ได้แต่ยิ้มสลับแสร้งหัวเราะเพราะไม่เข้าใจที่แม่ของบอสพูดสักคำแถมยังรู้สึกฝาดเฝื่อนกับรสชาเขียวร้อนท้องถิ่น นั่งเคอะๆเขินๆกันอยู่เกือบสองชั่วโมงรถลิมูซีน(แท็กซี่)ของโรงแรมสามดาวในเมืองใกล้ๆจอดเทียบหน้าบ้านตรงเวลาเป๊ะ แม่เราบอกกับบอสว่าไม่น่าจะต้องเสียเงินจ่ายค่าโรงแรมความจริงพักที่บ้านก็ได้เป็นคนง่ายๆค่ำไหนนอนนั่น

.................... 

          "ยังไม่เสร็จงานอีกเหรอคะ" เราทักบอสที่กำลังคร่ำเคร่งกับตัวเลขบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเครื่องเล็กจิ๋วแกล้มเบียร์ในร้านอาหารสไตล์เจแปนนิสชิวชั่นติดกับโรงแรม

          "คุณแม่ล่ะ.."
          "คุยไลน์กับญาติที่เมืองไทย แกอาบน้ำแล้วคงจะไม่ลงมาแล้วค่ะ"

          "แล้วเป็นไงออกไปเดินตลาดซื้ออะไรได้บ้าง" บอสถามเพราะรู้ว่าสองแม่ลูกติดตัวมาแค่เสื้อผ้าคนละชุดกระเป๋าถือเล็กๆคนละใบ
          "ตลาดแถวนี้ปิดเร็วนะคะ เดินแป๊ปๆก็ปิดกันแล้ว"

          "แถวนี้มันไม่ใช่ที่ท่องเที่ยวน่ะหมดแสงมืดหน่อยก็ปิดเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว" บอสยิ้มพลางถอดแว่นตาพับปิดหน้าจอพยักหน้าให้บริกรหนุ่มน้อย

          "ผมสั่งอาหารนิดๆหน่อยๆ และก็อยากให้ปิ่นลองชิมเบียร์ท้องถิ่นของเรารับรองว่ารสชาติดีเพราะเค้าใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ"
          "แค่ชิมเองเหรอคะ.." ถ้าเป็นเบียร์เราก็พอจะดื่มได้บ้าง
          "จะไม่แค่ชิมก็ได้.." บอสหัวเราะ "ยังไงระหว่างเราคงมีเรื่องให้คุยกันเยอะมากอยู่แล้ว เรามีเวลามากมายไม่ต้องห่วง"

          "ผู้ชายญี่ปุ่นนี่ดื่มกันเป็นปกติทุกคนรึเปล่าคะ" เรามองของเหลวสีอำพันในแก้วของบอส
          "ไม่ทุกคนหรอก แต่ถ้าทำธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะดื่มนั่นแหละ ผู้หญิงก็ดื่ม"
          "ค่ะ.. "

ทั้งร้านดูเหมือนจะมีลูกค้าแค่โต้ะเราสองคน เสียงเพลงฝรั่งยุคเก้าศูนย์คุ้นหูแว่วคลอเคลียบทสนทนา น่าแปลกที่เราสามารถกระเดือกเจ้าเบียร์ท้องถิ่นที่ว่านี่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก กลิ่นหอมลึกๆกระตุ้นต่อมกระแดะให้ลองชิมต่อคำที่สองที่สามไม่นานก็คล่องคอ ปลาอะไรไม่รู้แต่รู้ว่าเป็นปลาดิบจานเล็กๆสามจานสามสีเสริฟพร้อมวาซาบิแต่ไม่ยักกะมีซ๊อสจะขอก็กลัวไม่เรียวจริง

          "เมื่อกี๊คุณแม่บอสว่าไงบ้างคะ"
          "แม่ถามว่าเมียผมมีลูกติดโตขนาดนี้เลยเหรอ.."
          "บ้า.. เอาดีๆสิคะ"
          "ผมก็เลยบอกแม่ว่าเข้าใจผิดแล้ว เรียกว่าภรรยาไม่ได้เพราะยังไม่ได้แต่งงาน"
         
          "ตกลงนี่จีบแม่หรือจีบลูกกันแน่คะเนี่ย"
          "ก็จีบแม่ เอ๊ย!! จีบลูกสิ.. อ้าว ไม่ตลกเหรอ"
          "..ไม่ตลกค่ะ"

          "บอสจำตอนนั้นได้มั้ย ที่เราพาแขกจากบริษัทแม่ไปเที่ยวอาบอบนวด" เรายิ้มตาเชื่อม

          "จำได้สิ แต่ที่ญี่ปุ่นไม่มีแบบนั้นนะ"
          "ทำไมคืนนั้นบอสไม่ขึ้นไปเที่ยวกับเค้าด้วยล่ะ"
          "ใครอยากก็เที่ยวไปสิ ผมไม่ได้อยากนี่"
          "อ๋อ.. นึกว่าเพราะปิ่นนั่งอยู่ด้วยบอสก็เลยต้องรักษาภาพพจน์ไม่กล้าเที่ยว"

          "ผู้หญิงพวกนั้นน่ะ เป็นพวกผิดหวังในความรักทั้งสิ้นนะ" บอสซียกแก้วขึ้นดื่มคีบชิ้นปลาดิบสีขาวห่อวาซาบิก้อนเล็กจิ๋วเข้าปาก
         
          "ยังไงคะ"
          "ผู้หญิงเนี่ยเป็นเพศที่อดทนมากปิ่นรู้มั้ย เผลอๆอาจมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ"

          "เหตุผลเดียวที่ชักนำให้ผู้หญิงต้องเลือกหนทางแบบนั้นเพราะเค้าไม่ได้ศรัทธาในความรักที่แท้จริงอีกต่อไปแล้ว"
          "งงนิดๆนะคะบอส ขออีกทีค่ะ"

          "ช่วงสี่โมงเย็นปิ่นเคยเห็นสองคนที่เข้ามาเก็บขยะในโรงงานเรามั้ยล่ะ"
          "อ๋อ.. สองคนที่เค้าขี่รถซาเล้งจับมือกันอ่ะนะ พวกเพื่อนปิ่นยังชมว่าน่ารัก"
          "ผมมองสองคนนั้นจากหน้าต่างออฟฟิศทุกวัน เรียกว่ารอเวลาเลยดีกว่า เพื่อที่จะได้เห็นความรัก สองคนนั้นยังมีศรัทธาในความรัก พลังงานดีที่เราเห็นได้ไม่บ่อยนัก"
   
          "เพราะพลังงานดี บอสก็เลยไม่เที่ยวผู้หญิง"
          "เปล่า.. ผมไม่อยากสนับสนุนซ้ำเติม"
          "อื๋มมมม.. เป็นผู้ชายที่คิดอะไรลึกซึ้งนะเนี่ย"

เอาเข้าจริงๆเราทั้งคู่แทบจะไม่เคยคุยอะไรนอกเหนือไปจากเรื่องงาน ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ไม่มีอะไรมากมายเกินไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง นึกเล่นๆไปว่านี่ถ้าไม่มีแม่ติดมาด้วยเรายังจะกล้ามาคนเดียวหรือเปล่า 

          "ตอนอยู่เมืองไทยปิ่นเล่าให้ผมฟังถึงไหนแล้วนะ" บอสซียิ้มถาม
          "เล่าเรื่องอะไรคะ"
          "เรื่องของปิ่น.."

          "เออ... เล่าถึงตอนที่แม่ปิ่นบ่นเรื่องบีขับรถเร็วจนปิ่นต้องไปดาวน์รถมาขับเองอ่ะ .. ต้องขอบคุณบอสด้วยนะคะที่ช่วยหาคนมาซื้อรถต่อให้"
          "อ๋อ.. ไม่เป็นไรพอดีเพื่อนผมเค้าหารถรุ่นนี้สีนี้อยู่พอดีเลย"
          "แหม.. เป๊ะจังเลยนะคะ"
         
          "ก็เล่าต่อสิ.." บอสซีอ้อน
          "จบแล้วค่ะ จบตรงตอนที่บอสชวนปิ่นบินมาที่เนี่ย"
          "งั้น.. เอาเรื่องสนุกๆสมัยเรียนมัธยม.."

          "ฟังเรื่องบอสบ้างดีกว่าค่ะ มีหลายเรื่องเลยที่ปิ่นอยากรู้" 

          "บอสเป็นเกย์รึเปล่าคะ.." 
          "ไม่เป็นสิเอ๊อ.. ผมคล้ายจะเป็นพวกแบบนั้นมากรึไง" บอสซีคล้ายจะสำลักเบียร
          "ก็ไม่รู้นี่คะ เห็นบอสไม่ตีกอล์ฟไม่เที่ยวผู้หญิงสาวๆที่โรงงานสวยๆก็ออกเยอะแยะก็ไม่จีบใคร"
          "เค้ามีแฟนแล้วจะให้ผมจีบยังไงอ่ะ"
          "ก็เลยได้แต่แอบมองจากหน้าต่างแบบเดียวกับที่มองคนเก็บขยะ.." เราแซวเล่น รู้สึกอบอุ่นแปลกๆ

          "ถามเรื่องอดีตภรรยาของบอสดีกว่า ถามได้มั้ยคะ"
          "ถามได้สิ ไม่ได้มีความลับอะไรนี่"
          "เธอเสียชีวิตเพราะอะไร.. "
         
          "ปลายปีเก้าสองเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดห้าจุดสองริกเตอร์ จุดศูยน์กลางลึกลงไปเพียงห้ากิโลเมตรซึ่งถือว่าตื้นมากถึงแม้จะไม่ได้สร้างความเสียหายและไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่กับห้องวิจัยพลังงานใต้พิภพของมหาวิทยาลัยโตเกียวที่อยู่ลึกลงไปหนึ่งร้อยเมตรนั้นได้รับผลกระทบในระดับหายนะ เธอเป็นหนึ่งในนักวิจัยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในเวลานั้นพอดี"

          "ค่ารักษาตัวที่นี่แพงมากผมพาเธอไปรักษาที่ใต้หวันที่เมืองไทย เธอเสียชีวิตในอีกแปดเดือนต่อมา"

          "เสียใจด้วยนะคะบอส"

          "ปัญหาของผมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เมืองนี้มันคล้ายจะถูกแช่แข็งหยุดเวลาไว้ที่เดิม ครั้งนึงผมเคยหนีมันไปเพราะทุกสิ่งของทุกสถานที่ล้วนมีแต่ความทรงจำ ผมต้องการเริ่มต้นใหม่ ในตอนนี้ผมต้องการเพื่อนมากที่สุด ต้องการใครสักคนที่คอยดึงให้หลุดพ้นจากอดีตพวกนั้น"
         
          "เมื่อกี๊บอกจีบแม่ตอนนี้บอกอยากได้เพื่อน ตกลงยังไงแน่คะบอส" เราแกล้งแซว

          "ปิ่นอยากให้มันจบค่ะ จบที่นี่" เราดื่มเบียร์อึกใหญ่รวดเรียว
          "ต่อจากนี้ไปปิ่นเรียกผมว่ามิสเตอร์ซีก็ได้นะ ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านายคุณอีกต่อไปแล้ว"
         
....................

เราพากันเดินกลับมาที่ห้องของบอสซี เพียงครั้งแรกที่รู้ฤทธิ์พิษสงของความมึนเมาก็พาตัวเองมานั่งลงบนเตียงของชายที่เกือบจะแปลกหน้าอายุอามรุ่นราวคราวพ่อ ใช่.. เขาเรียบร้อย สุภาพ อ่อนโยน เป็นผู้ชายที่ดีอย่างที่เราวาดหวัง นี่คือทางเดียวที่จะแน่ใจได้ว่าละครเรื่องนี้จะจบลงตามแบบแผนที่วางไว้ จูบแรกทั้งที่บอสยังไม่ได้ถอดแว่น ทุกสิ่งอย่างดูเคอะๆเขินๆเจื่อนๆพิกลจนเราชักจะเชื่อขึ้นมาจริงๆแล้วว่าบอสเรื้อเวทีเรื่องแบบนี้มาเนิ่นนานอย่าที่เขาบอกเล่าจริงๆ

เราเป็นฝ่ายชักชวนก่อนด้วยปลายลิ้นซึ่งบอสก็ตอบสนองทันควันถึงแม้จะดูล้นๆเกินๆก็ตาม บอสถอดเสื้อคลุมของเราออกส่วนเราถือวิสาสะถอดแว่นตาให้บอส ซุกไซร์สลับจูบกันอยู่พักใหญ่จนเราต้องดึงตัวบอสลงนอน บอสถอดเสื้อของเราออกจ้องมองยกทรงสีขาวบีบคลึงแผ่วเบาจนพอใจ ตะขอด้านหลังถูกปลดออกโยนไปไว้รวมกับเสื้อ สองแขนถูกรวบไว้บนหัวสองเต้าสาวยี่สิบสี่ลอยคว้างไร้อาภรณ์บดบัง

บอสก้มหน้าลงซุกไซร์สูดกลิ่นสาวดูดชิมรสหอมหวานที่ยอดปทุมถัน เราหลับตาสูดหายใจแรงปล่อยใจไปกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กางเกงผ้ายืดถูกรวบลงไปพร้อมกางกางชั้นใน ภาพใบหน้าของบีผุดขึ้นมากวนใจครั้งแล้วครั้งเล่า บีละเมียดใส่ใจกับเสื้อผ้าของเราทุกชิ้น บอสจับสองขาของเรายกขึ้นคุกเข่าลงพิจารณาจุดสงวนของเราแบบไม่ปราณีปราศรัยซุกสูดชิมรส "อืม..หห ซื้ด..ดดด" เราหอบหายใจแรงให้บอสเป็นรางวัลเล็กน้อยอดกลั้นรักษากริยาพองามเป็นหน้าเป็นตาให้สาวไทย

บอสซีจัดการเสื้อผ้าของตัวเองจนเปลือยเปล่า เราผงกหัวหมายใจจะสำรวจดูก่อนแต่ก็เห็นเจ้าท่อนเอ็นน้องชายของบอสไม่เต็มตา บอสทำท่าจะคร่อมจัดการเราที่ขอบเตียง เราพลิกตัวคาราเต้ทุ่มบอสลงบนเตียงท่าถนัดตอนเรียนสมัยมัธยมแล้วลุกขึ้นเป็นฝ่ายคร่อมตัวเขาเอาไว้ ขนาดของมันไม่ใหญ่ไม่เล็กไปกว่าของเอและบีมาตรฐานท่านชายชาวเอเชีย "ผมกลัวว่าอาจจะ เอ่อ.. เสร็จเร็ว นะ.. ไม.."

เราปิดปากบอสด้วยจูบดูดดื่มแลกลิ้นกันชุดใหญ่(รู้สึกว่าบอสซีจะชอบจูบ) ค่อยๆจูบปูพรมค่อยๆเลื่อนลงจนถึงท่ีหมาย "ให้ปิ่นเอาออกครั้งนึงก่อนมั้ยคะบอส" คราวนี้ไม่เพียงแต่แค่นึกถึงใบหน้า หากแต่เรายกเอาคำพูดของบีมาเลย เรื่องนี้คือแม่งโคตรกวนใจเรามากถึงมากที่สุด       

....................

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

meowmeng

ไม่มีหักมุมจริงหรือ ดูเหมือนบอสจะเป็นคนดีจริงๆ

scozember

ความมีประสบการณ์ของบอสน่าจะดี ใช่มั้ย...

therasak

จากเศรษฐีจะกลายเป็นแค่มนุษย์เงินเดืิอนซะละมั้ง

swgxxx26

#4
เรื่องนิธิศ จบง่ายมาก  ตอน 1 ยังคิดว่าน่ากลัวประหนึ่งมาเฟีย  แต่กังวลว่ามิสเตอร์ซีจะหักมุมกลายเป็นคนไม่ดี

veget

บทรักบนเตียงครั้งแรก หลังจากคืนนี้จะได้รู้แหละบอสจะเป็นคนยังไง

xylica

จะอยุ่ ญี่ปุ่น แบบ บ้านนอก ไดิมั้ยนะ

mspeed


cduh017

จะมีการหักมุมมั้ยนะ บอสเป็นคนดีจริงๆหรอ?

iaaaa

รักเก่าจบไปง่ายๆ รักใหม่เริ่นต้นก็ดูง่ายน แต่ตอนต่อไปจะหักมุมรึเหมือนตอนนี้รึเปล่า อิอิ

mario

ขออวยพรให้เจอรักที่ดีแล้วกัน

Manoptana

บอสซีดูเหมือนสุภาพบุรุษมากเลย ใหัคุณค่ากับความรักแท้ และรักเมียเก่ามาก จะทดแทนกันได้ไหม

neung_cm

ดูมีเงื่อนงำแปลก ๆ มาถึงญี่ปุ่นแล้วก็ต้องสู้ล่ะ

Nobita Nobituta

ดูลึกลับ แถมต่นมาจำอะไรไม่ได้เลย

savana911

เสียตัวถึงญี่ปุ่นคงฟินน่านดู