ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part4 ตอนที่ 41 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ธันวาคม 03, 2020, 12:12:55 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีชาวเกะทั้งหลาย

เลทมา 15 นาทีต้องขอโทษด้วยนะครับผม

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา





★★★★★★★★★★★



เพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใด ต้องการอ่านย้อนหลังสามารถเข้าที่กระทู้ รวม Link ของผมได้เลยครับ
แต่ว่า Link ต่างๆผมทำการซ่อนไว้ ใช้ 1 คอมเมนต์เพื่อปลดเนื้อหาครับ


Click เพื่อวาร์ปได้เลย





★★★★★★★★★★★


- ดาว -






★★★★★★★★★★★



ความเดิมตอนที่แล้ว


ผม พี่หมิว และ พี่เตย มาเที่ยวกันที่นครนายกครับ

คืนแรกผ่านไปก็ไม่มีอะไรนะ แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นนี่แหละที่มีเรื่อง

ในตอนที่พี่เตยไปอาบน้ำ ผมกับพี่หมิวก็มานั่งคุยกัน

จนกระทั่งเผลอทำในสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2

แต่ก็ยังดีที่มันจบแค่ภายนอก ซึ่งดูเหมือนว่าจะดี

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่แล้วในขณะที่ผมแอบจุ๊ปกับพี่หมิวอยู่นั้น

พี่เตยเธอจับได้ เธอเปิดประตูเข้ามาตบหน้าผม

ซึ่งมันไม่เจ็บเลยเมื่อเทียบกับคำที่พี่เตยพูด

" ไอ้สารเลว "





.........................


ไดอารี่ของนายโทน 41




ไอ้สารเลว คำๆนี้ที่ผมไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากพี่เตย แต่มันก็สมควรแล้วล่ะครับ เพราะผมหักหลังพี่เขาจริงๆนี่ โดนด่าแบบนี้มันก็สมควร ผมหน้าชาเลยนะท่านผู้อ่าน


มันคนละฟิวกับตอนที่พี่หมิวบอกว่ามึงไม่ใช่น้องกูเลย ถ้าคำนั้นมันเหมือนอาวุธเคมีที่ค่อยๆกัดกินจิตใจผมให้ตายไปทีละน้อย ทีละน้อย คำพูดของพี่เตยตอนนี้ก็คงเหมือนนิวเคลียร์


ที่ลงมาตู้มเดียวแล้วผมลาโลกเลย ตอนนั้นไม่รู้จะจัดการกับอะไรก่อนดีครับ จะจัดการกับอารมณ์ที่กำลังเดือดของพี่เตยตอนนี้ก่อนดีมั้ย หรือพูดอะไรให้พี่หมิวไม่รู้สึกแย่หรือเปล่า


หรือจัดการกับเลือดกำเดาที่มันไหลเป็นน้ำตอนนี้ ตอนนี้มันเหมือนแบบ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ทุกๆอย่างโถมเข้ามาจนผมแม่งเอ๋ออ่ะ ทำอะไรไม่ถูกเลย พี่เตยโกรธหนักมาก


ฟังแค่เสียงหายใจ หื้ด หื้ด ตอนนี้ก็รู้ว่าโกรธสุดๆเลยครับ ผมแม่งก็ไปไม่ถูกเลยตอนนี้ จะออกตัวช่วยพี่หมิวตอนนี้แม่งก็ไม่ดีแน่ๆ เพราะถ้าทำแบบนั้นพี่เตยต้องโกรธหนักกว่าเดิมแน่ๆ


ตอนนี้ผมควรทำไงดีนะ เลว เลว พี่เตยยังคงด่าผมไม่หยุด พายุข้าวของเครื่องใหญ่ก็ลอยมาอีกชุด หนักสุดก็คงเป็นไดร์เป่าผมมั้งนะ ที่ลอยมาใส่หน้าผม ตอนนั้นเจ็บนะ เจ็บแต่ก็ต้องยอมรับ


ว่ามันคือผลการของการกระทำที่ผมทำไปโดยไม่คิด ไม่ยั้งใจตัวเอง พี่หมิวก็บอกว่าให้พอแล้วจะให้ตายกันเลยหรือไง พูดไปน้ำตาก็จะไหล ผมเอามือปิดปาก ปิดจมูกตัวเอง


และหันไปหาพี่หมิว ผมมองไปที่เธอเพียงเพื่อจะให้เขาเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร ผมสบายดีพี่ไม่ต้องพูดอะไร พี่เตยก็พูดขึ้นมา ว่า หมิวไม่ต้องพูดเลย หมิวทำอะไรลงไปหมิวรู้ตัวมั้ย


หมิวทำร้ายจิตใจเค้า หมิวนอกใจเค้า พี่เตยพูดออกมาจนผมแม่งจะร้องไห้ นี่คือสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ พูดแล้วผมแม่งก็เห็นแก่ตัวครับ


ไม่อยากรับรู้ นู่น รับรู้นี่ แต่ดูสิ่งที่ผมทำมันลงไปสิ่ ผมฟังแล้วก็ไม่พูดอะไรครับ ไม่ใช่ไม่พูดแต่พูดไม่ออกจริงๆ ผมพยายามสั่งน้ำมูกให้เลือดที่กำเดามันไหลออกมาให้หมดเพราะผมเริ่มจะหายใจไม่ออกแล้ว


เพราะปกติแค่เลือดกำเดาไหลก็แย่แล้ว แต่นี่ผมร้องไห้ด้วยจนน้ำมูกมันไหลออกมาไม่หยุด ไม่รู้ผมร้องไห้ทำไมนะ ถามว่าเจ็บเหรอที่โดนฟาดจมูกคือมันก็ส่วนนึงด้วย แต่มันก็เล็กน้อยถ้าเทียบกับผลกรรมที่กำลังเจอ


บางครั้งคำพูดมันก็ทำให้คนเราเจ็บปวดมากกว่า ไม้ หรือ อะไรๆก็ที่ฟาดมาก็ได้ครับ ตอนนี้ผมเจ็บปวด แต่มันก็คือสิ่งที่สมควรโดนและต้องก้มหน้ารับมันเท่านั้น


พี่เตยเดินเข้าไปกระชากพี่หมิวแล้วถามว่าทำไม ทำกับเค้าแบบนี้ หรือเพราะเค้าสนองอารมณ์ให้ได้ไม่ดีพอ หมิวถึงทำแบบนี้ ตอนนี้พี่หมิวสีหน้าเริ่มเปลี่ยนละนะ ผมเห็นว่าท่าไม่ดีแน่ๆ


เพราะมาแนวนี้พี่หมิวเริ่มไม่พอใจละที่พูดแบบนั้น พี่หมิวพูดขึ้นมาแค่ไม่กี่คำ " กล้าพูดแบบนี้เหรอ "  พี่เตยก็เงียบไปพักนึงครับ และถามขึ้นมาว่างั้นเพราะอะไร ตอบมา


พี่หมิวก็มองมาที่ผมแล้วบอกว่า มันผ่านมาแล้วจะถามทำไมอีก นั่นสิ่นะ มันผ่านมาแล้วจะพูดถึงมันอีกทำไม จะคิดถึงมันอีกทำไม พี่หมิวพูดกับพี่เตยแต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับเขาย้ำสติของผมเลยล่ะครับ


พี่เตยถามขึ้นมาคำนึง เชื่อมั้ยว่าใจผมแม่งตกลงปลายตีนเลย หมิวจะเลือกใคร ผมหันมองพี่หมิวเลยครับตอนนั้น เพราะไม่คิดว่าพี่เตยจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน


พี่หมิวก็ตอบมาว่าก็ต้องเลือกเตยอยู่แล้ว ผมโล่งใจจังที่ได้ยินแบบนี้ แต่ว่าพอได้ยินแบบนั้นผมก็ต้องรู้ตัวแล้วนะว่าต่อจากนี้ ผมกับพี่หมิวก็ห้ามเข้าใกล้กันอีก ผมกับพี่เตยก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


ยังไงซะผมก็ต้องอยู่ที่เดิมแหละ ผมมีการมีงานต้องทำ จะทำเหมือนเด็กมีปัญหาแล้วหนีออกจากบ้านกลับไปเหมือนตอน 3 สาวก็คงไม่ได้แล้ว เพราะมันเหนื่อยจริงๆตอนกลับบ้านไปแล้วต้องนั่งรถไปทำงาน


แล้วพี่เตยก็พูดคำนึงมาว่า " ออกไป คนนอก ออกไป " ผมได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจอย่างนึงครับ ที่พี่เตยเขาไม่ได้ต่อว่าอะไรพี่หมิวอีกแล้ว ดีแล้วล่ะที่เป็นผมคนเดียว


ผมไม่โกรธพี่หมิวด้วยที่พูดแบบนั้น เพราะผมเองก็ภาวนาให้พี่หมิวตอบว่าเลือกพี่เตยด้วยซ้ำไป ผมตอบไปว่าครับ แค่คำเดียว แล้วก็เดินไปเก็บกระเป๋า


ตั้งแต่โดนพี่เตยตบผมได้แต่ก้มหน้าเลยครับ มีแอบมองบ้างไม่กี่ครั้ง ผมเดินก้มหน้ามาเก็บกระเป๋า ผมค้นๆเสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานออกมาสั่งน้ำมูกอีกที มีทั้งเลือดและน้ำมูกผสมกันเละเทะไปหมด


ผมรีบยัดเสื้อตัวนั้นลงกระเป๋าและเอากระเป๋าเดินออกมา พี่เตยพูดตามหลังมาว่าจะไปไหนก็ไป พรุ่งนี้ค่อยกลับมาขับรถ แบบนี้มันทรมารนะครับท่านผู้อ่าน ไล่ให้ผมกลับบ้านเองยังจะดีซะกว่า


ผมพยักหน้าเพื่อบอกให้เขารู้ว่าผมเข้าใจที่เขาบอกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่พอใจมั้งนะ เขาถามเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาตอบอายอะไร ที่กินลับหลังยังไม่อายเลย


ผมรู้สึกชากับคำพูดคำนี้จัง แต่ก็นะมันถูกของเขานี่ ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดครับ แต่พูดได้แปปเดียวผมก็ต้องรีบก้มหน้าลง เพราะเลือดกำเดามันไหลอีกแล้ว ผมรีบเอามือปิดปาก ปิดจมูกแล้วรีบเดินออกมา เพราะแม่งเริ่มหายใจไม่ออก


พอปิดประตูออกมา ผมนี่หายใจ ฮื๊ออ ฮื๊ออ เลย เมื่อกี้แม่งจะขาดใจให้ได้ ทรมานดีจังเลยแบบนี้เหมือนจมน้ำก็ไม่ปาน ผมสั่งน้ำมูก พรืดดดด ออกมาเต็มมือซึ่งก็แน่แหละครับ


มันเป็นเมือกๆสีแดงเต็มมือไปหมด ตอนนั้นมันวิ๊งไปหมดเลยครับจะไปไหนต่อ เขาบอกให้ผมออกไปแล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ เชื่อมั้ยครับว่าตอนนั้นผมแม่งเหมือนเด็กหลงทางอ่ะ


เหมือนว่ามันเคว้งไปหมดจะไปไหนดี แต่พอได้นั่งคิดแปปนึงผมก็พอจะหาทางได้ ว่าตอนนี้มันมีสองทางเลือก คือ 1 ยังอยู่ในบ้านหลังนี้ นอนบนห้องใต้หลังคา ไม่ต้องเสียเงินแต่ถ้าพี่เตยออกมาเห็น


ก็อาจจะโดนเหน็บโดนพูดให้รู้สึกแย่ กับทางที่ 2 คือ ไปเช่าเปิดห้องพักอีกห้องที่โซนอื่น แบบนั้นยังไงซะผมก็ได้ความสบายใจแต่ๆ แต่ก็ต้องเสียเงินค่าเช่า ซึ่งผมเดาว่าอย่างถูกที่สุด ก็คง 600+ ต่อคืนแน่นอน


ผมจะทำยังไงดีล่ะ อยู่แบบประหยัดแต่กดดัน กับอยู่อย่างสบายใจแต่เสียเงิน เหี้ยเอ๊ยบางครั้งเวรกรรมมันก็ตามมาอย่างไวเหมือนจรวดเลยจริงๆ ถ้าเป็นสมัยนี้ตอนที่นั่งเขียนอยู่


ก็คงไวกว่า 4G ล่ะมั้ง ผมนั่งคิด คิด คิด จนพี่หมิวเดินออกมาครับ พี่หมิวมองที่ผมโดยที่ไม่พูดอะไร มันทำให้ผมตัดสินใจได้เลยว่าผมควรออกจากบ้านพักนี้ ผมยิ้มให้พี่หมิวอีกที และแยกกระเป๋าสะพายเดินออกมาเลย


พี่หมิวรีบเดินมาถามว่าจะไปไหน นอนในนี้ก็ได้ ผมบอกไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาเช็ดเอ๊าท์ รบกวนพี่หมิวโทรบอกผมทีนะครับ แล้วตอนนั้นพี่เตยก็เดินออกมาถามเสียงดัง


ว่ายังไม่ไปอีกเหรอ ผมเลยรีบเดินออกมาเลย พี่เตยก็พูดลอยๆว่าจะมีเงินเช่าห้องพักเหรอ ผมคิดในใจนะว่า ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้นออกมากันนะ ผมไม่พูดอะไรเลยครับ


ได้แต่ก้มหน้าเดินออกมา พอออกมาแล้วที่แรกที่ผมต้องไปคือล๊อบบี้ เพราะอย่างแรกเลยคือผมต้องหาที่พักก่อน ซึ่งเหมือนจะดวงไม่ดีเลย เพราะที่พักที่ราคาถูกๆเต็มหมดแล้ว


เหลือแต่ห้องละ 1000-1500 ต่อคืน เหี้ยละไง ผมคิดในใจเลยว่าไม่เอาแน่นอนล่ะ มันเกินงบมากเกินไป ผมก็เลยต้องเสียมารยาทถามไปว่า แถวนี้มีม่านรูดไหมครับ


ผมจะไปค้างสักคืน ผมถามไปก็ก้มหน้าไปนะ น้อยใจในกระเป๋าตังส์ของตัวเอง ทำไมไม่ตุงๆแบบคนอื่นบ้างนะ พนักงานเขาก็คงสงสารแหละครับ ก็เลยบอกว่าทางเรามีลานให้กางเต๊นต์นะคะ


ผมนี่แบบฮึ๊ มีเหรอครับ ต้องบอกก่อนนะครับว่า สมัยนั้นการกางเต๊นต์ยังไม่นิยมเหมือนสมัยนี้ เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีบล็อกเกอร์ ยังไม่มียูทูปเบอร์ จะมีก็แต่พี่ติ๊ก เนวิเกเตอร์ นี่แหละครับ


ที่เหมือนจะเป็นผู้บุกเบิกการเดินป่า กางเต๊นต์ ถามว่ามีคนมั้ย มันก็มีแหละครับ แต่ก็ไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ อ่ะกลับมาต่อ พอได้ยินแบบนั้นผมก็หูผึ่งเลยล่ะ


ผมถามรายละเอียดเขาก็บอกว่า มีค่าเช่าเต๊นต์ 100 บาท โอยแบบนี้ผมก็ตอบตกลงให้ไวเลยครับ ผมเดินมาจ่ายเงิน เลือกเต๊นต์และเดินไปตามทางที่เขาบอก


ต้องบอกเลยครับว่าป่า คือ ป่าของแท้เลย มันจะมีเขตกางเต๊นต์ของมันนะ พอพ้นตรงนี้ไปก็คือป่าเลย ผมเดินมากางเต๊นต์ตรงจุดที่ใกล้ลำธารครับ อย่างน้อยถึงหัวใจผมมันจะยับเยินในตอนนี้


ก็ขอให้ได้ยินเสียงน้ำไหลหน่อยเถอะ ตอนนั้นผมนั่งคิดนะว่าต่อจากนี้จะทำอะไรดี เพราะผมก็ไม่มีแผนในการมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว และยิ่งพอมันเป็นแบบนี้เข้าไปอีก ผมแม่งมืด 16 ทิศเลยนี้


ถึงจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผมก็ตามที แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆทำไมมันถึงเจ็บปวดแบบนี้ไม่รู้ แล้วโลกนี้เป็นห่าไรไม่รู้นะเวลาที่เราเศร้าหรือเจ็บปวด เวลาแม่งก็ผ่านไปช้าชิบหาย


1 นาทีแม่งเหมือน 1 ชั่วโมง ผมมองนาฬิกา เฮ้อพึ่งผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมงงั้นเหรอ ทำไมมันช้าแบบนี้นะ ผมมองไปที่บ้านพักพร้อมกับคิดในใจว่า จริงๆแล้วตอนนี้ผมน่าจะได้นั่งพักอยู่ในนั้น


นั่งคุยกับพี่สาวสองคน แกล้งกันไป แกล้งกันมา สนุกสนาน หยอกเย้ากันสิ่ ทำไมเวรกรรมมันมาเร็วแบบนี้นะ บ่าย3 แล้วตอนนี้ อีกไม่นานก็มืดแล้วสิ่เนอะ


ตอนนั้นผมก็คิดได้เลยว่า เฮ้ย ต้องเอาของว่างไปให้พี่เตยกับพี่หมิวนี่นา เอาล่ะแบบนี้ล่ะพี่เตยอาจจะหายโกรธก็ได้ ผมเดินไปที่ล๊อบบี้แล้วก็แจ้งว่าขอเมนูตามที่แจ้งไว้ มันเป็นเมนูอาหารว่างที่จะจัดให้ในแต่ละหลังครับ


ผมถือถาดของว่างไปให้ โดยคิดว่าถึงจะไม่หายโกรธแต่อย่างน้อยขอให้พี่เขารับไปกินก็ยังดี พอผมเปิดเข้าไปพี่เตยก็นั่งอยู่พอดี ผมเปิดประตูแล้วก็จะบอกว่าเจ๊เตยผมเอาของว่างมาให้


แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ครึ่กกก เพล้ง พี่เตยปัดถาดที่ผมถือมาจนกระจายเต็มพื้น พี่หมิวที่อยู่ในห้องน้ำถึงกับต้องรีบวิ่งออกมาดูแล้วถามว่าเตยทำบ้าอะไร พี่เตยตอบว่าน่ารำคาญ


ไม่ได้ขอให้เอามาให้ซักนิด ถ้าหิวเดี๋ยวจะเดินไปเอง มีมือ มีขา เดินเองได้ หยิบเองได้ ตอนนั้นคือใจหายวั่บเลยล่ะครับท่านผู้อ่าน ผมก็ก้มหน้ายิ้มๆแล้วก็หยิบไม้กวาดมากวาดพวกเศษจานกระเบื้อง ที่แตกตามพื้น


แผนไม่ได้ผลสิ่นะ พี่หมิวก็มาช่วยแต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรครับ ระวังเศษจานจะบาดแล้วก็จึ้กเข้าให้ ไม่ใช่พี่หมิวโดนนะ กูนี่แหละเดินเหยียบซะเอง ผมนี่สะดุ้งเลย


โชคดีครับที่หนังเท้าผมมันด้านแล้ว ต้องขอบคุณตัวเองแหละครับที่ตอนเล่นเล่นยูโด ผมถอดรองเท้าวิ่งตลอด หนังเท้าด้านแบบนี้ กระเบื้องเลยเสียบเข้าไม่ลึกมาก แต่พอเลือดไหลนิดนึง ผมกระดึ๊บ กระดึ๊บ เอามือไปยันผนังบ้านและดึงออกทันที


อ่าส์ตอนโดนเสียบไม่เท่าไร ตอนดึงแม่งเสือกแสบ แสบแบบแปร๊ปเลยครับ พี่หมิวถามว่าเป็นไรมั้ยโทน พี่เตยก็ตอบแทนผมนะว่าไม่ตายหรอก ด้านขนาดนั้น


ผมก็กวาดพื้นต่อไปนะ จนแน่ใจว่าไม่มีเศษแก้วแล้วก็ถือถาดนั้นออกไป โดยที่พี่เตยพูดว่าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนั้นเชื่อป่ะผมแม่งดีใจมากอ่ะ โอยรู้งี้เหยียบให้ลึกๆกว่านี้ก็ดีพี่เตยจะได้หายโกรธ


แต่ผมคิดง่ายเกินไปครับ ที่พี่เตยบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วคือ เปลี่ยนใจแล้วผมไม่ต้องมาขับรถกลับแล้ว จะไปไหนก็ตามสบาย จากใจที่ตกลงไปอยู่ปลายตีน เต้นตุ้บๆๆๆ ในตอนแรก


พอพี่เตยพูดแบบนั้นหัวใจผมแม่งหลุดลอยไปละ พี่หมิวพูดนะว่าเตยพูดแรงไปเปล่า พี่เตยพูดว่าแล้วไง เขายืนกอดอก มองหน้าผม อ่ะโอเคพูดกันแบบนี้แล้ว ผมก็เดินออกมาสิ่


ถ้าผมไม่ผิดผมคงพูดอะไรกลับไปบ้างแหละ แต่นี่ผมผิดเต็มๆไงเลยพูดอะไรไม่ได้ ผมเดินเขย่งๆเอาจานมาทิ้ง แล้วก็เดินกลับมาที่เต๊นต์ของผม เฮ้อ เอาไงดีกลับเลยดีมั้ย ถ้ากลับแล้วอยู่กันสองคนแบบนั้นจะดีเหรอ


ผู้หญิงทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ แต่เฮ้ยเขาไล่มึงแล้วอ่ะ จะอยู่ทำไมล่ะเมื่อกี้โดนปัดจานแตกก็น่าจะรู้แล้วนิว่าเขาไม่อยากให้เข้าใกล้ ผมในตอนนั้นคิดลบจัดๆเลยล่ะครับ ท่านผู้อ่าน


แล้วจู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาครับ ตอนนั้นผมนี่ล่องลอยมากเลย โทรศัพท์ที่หนักไม่กี่ร้อยกรัม ผมแม่งแทบไม่มีแรงถือ หัวหน้าโทรมา โทรมาทำไม


ผมรับสายไปครับ แล้วคำพูดแรกก็คือ เฮ้ย พี่รบกวนหน่อยได้เปล่า ผมก็ถามว่ามีอะไรเหรอครับพี่ ลูกพี่ผมก็ถามว่าพี่หาคนไปทำงานที่ภาคเหนืออาทิตย์นึงอ่ะ เอ็งพอจะว่างมั้ยวะ หรือไม่ก็หาคนในแผนกที่ไว้ใจได้ ให้พี่หน่อยสิ่


ตอนนั้นผมตอบไปแบบไม่ต้องคิดเลย ผมไปให้ก็ได้พี่ ไปเมื่อไรล่ะอ่ะครับ พี่เขาก็ถามว่าเห้ยเป็นไรเปล่าเนี่ย ทำไมเอ็งไม่เถียงไม่ถามอะไรเลยวะ ตอนนั้นผมก็พูดนะ


ว่าไม่มีอะไร ผมกำลังอยากจะไปไกลๆพอดี พี่จะให้ผมไปวันไหน ต้องทำยังไงบ้างล่ะ พี่เขาก็อธิบายว่างานตัวไหน เป็นของใคร ยังไง ผมก็อื้มๆได้ครับ


และผมก็ต้องไม่ลืมนะที่จะต้องถามเรื่องสำคัญคือเรื่องค่าใช้จ่าย ผมก็ถามไปว่า ผมต้องพักที่ไหน ใช้จ่ายยังไง ต้องซื้ออะไรบ้างไหมพี่ คือก็พยายามยกนู่น ยกนี่มาพูดอ่ะครับ ไม่อยากพูดตรงๆว่าผมจะเสียตังส์ไหม


พี่เขาบอกว่ามาเบิกที่พี่ไปได้เลย ไม่ต้องสำรองจ่าย อื้มได้ยินแบบนั้นผมก็โล่งใจครับ ตอนนั้นผมตัดสินใจว่าจะกลับเลย ผมมองเก็บกระเป๋าเลยนะตอนนั้น คืออยู่ไปผมก็รู้สึกแย่ มันอาจจะไม่ดีนะ ที่ทิ้งให้ผู้หญิงอยู่กันสองคน


แต่การที่ผมกลับมาก่อนแบบนี้ พี่เตยก็คงจะรู้สึกดีกว่าที่ต้องเห็นผมแหละนะ ผมเก็บเต๊นต์และเดินเอามาคืนครับ พนักงานก็งงคงอ่ะว่าผมนี่ยังไง พึ่งเช่าไปไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลยมาคืนซะแล้ว


เขาก็ทำหน้า งงๆ พร้อมกับยื่นเงินค่าประกันเต็นท์คืนให้ผมนะ 150 บาท ค่าเช่า 50 ค่าประกัน 150 อะไรวะ อ่ะกลับๆ มา ผมไม่ได้รับเงินมานะ บอกไปว่าผมทำจานของโรงแรมแตกครับ



ผมก็ถามนะ ว่าผมจะกลับกรุงเทพฯ ผมขึ้นรถตู้ได้ตรงไหนบ้างครับ พนักงานก็ไม่รู้แหละครับ เขาก็ถามๆกันในหมู่พนักงาน จนได้ขอสรุปว่าถ้าเดินออกจากรีสอร์ตแล้ว ให้ไปที่ขนส่งบ้านนา ที่นั่นจะรถตู้


อ่อ โอเคครับ ผมก็ขอบคุณพวกเขาแล้วก็เดินออกมาจากรีสอร์ตเลย แต่ว่ามันก็ไกลนะกว่าจะมาถึงถนนใหญ่ ผมก็โบกรถคนแถวนั้นแหละบอกขอติดรถไปถนนใหญ่หน่อยครับ


ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่นะ รถกระบะที่ผมขอติดมาลงถนนใหญ่ เขาถามผมว่าจะไปไหน ผมก็บอกว่าจะไปบ้านนา หารถตู้กลับกรุงเทพครับ เขาก็บอกว่าเอ้า พอดีเลยมากับพี่มา


ตอนนั้นก็สองจิตสองใจครับว่าจะไปดีไหม แต่ผมโดยคำว่าประหยัดค่ารถครอบงำครับเลยตัดสินใจขึ้นไป เฮ้อพอกลับมาคิดแล้วผมตอนนั้นมันก็แค่เด็กกระโปกจริงๆนะ แค่เงินนิดๆหน่อยๆยังคิดแล้วคิดอีก


แต่ผมโชคดีนะที่วันนั้นเจอคนดี เพราะเขาก็มาส่งถึงที่เลย ผมขึ้นรถตู้จากขนส่งมา กทม เชื่อมั้ยครับว่าเวลา 2-3 ชั่วโมงในความรู้สึกผมมันนานมากๆ นานจนผมนึกว่าอยู่ห้องกาลเวลาของมิสเตอร์โปโป


ผมนั่งเงียบตลอดทางจริงๆครับ โทรศัพท์ผมก็ไม่ดัง ไม่แอะ ไม่อือ อะไรเลย จะ 6โมงเย็นแล้วสิ่นะ ผมได้แต่คิดว่าพี่หมิวจะกินอะไรนะ พี่เตยจะกินอะไร คิดแล้วก็ตลกทำไมผมต้องเป็นห่วงพวกพี่เขาสองคนด้วยนะ


ผมลงรถตู้ที่อนุสารวรีย์ชัยฝั่งธนาคารธนชาติครับ สมัยก่อนตรงนั้นเป็นวินรถตู้สำหรับวิ่งไปมหาวิทยาลัยตราเพชร กับ บ้านนา องครักษ์ ผมยืนเงยหน้ามองตึกสูง มองรถไฟฟ้า ที่แล่นไปมา พร้อมกับคิดว่า ผมน่าจะได้อยู่กับธรรมชาตินานกว่านี้อีกหน่อยจัง



ผมสลัดความคิดนั้นและขยับกระเป๋าสะพายให้กระชับพร้อมกับเดินข้ามฝั่งไปนั่งรถกลับหอพัก ซึ่งก็ใช้เวลาพอควรเลยล่ะครับ ถึงจะเป็นเสาร์ อาทิตย์ แต่รถก็ติดบรรลัยเลย


ที่แรกที่ผมไปเมื่อกลับมาถึง แน่นอนครับว่าเป็นคอนโดของแก้ม ผมโทรหาดาว ถามว่าอยู่ไหน พอดาวบอกว่าอยู่คอนโดแก้ม ผมก็ถามว่าตอนนี้ในห้องสะดวกมั้ย พอดีพี่อยากไปเยี่ยมแก้ม


[ ดาว ]  :  แน่ะ ล้อเล้นอะไรอีกเนี่ยพี่โทน น่าตีจริงๆเลย


[ ผม ]  :  เอ๋า ลงมารับหน่อยจะขึ้นไปหาแก้มเนี่ย


[ ดาว ]  :  ลงไปรับไหน พี่อยู่นครนายกไม่ใช่เหรอ


[ ผม ]  :  กลับมาแล้วคร๊าบ เนี่ยๆๆ เดินมาตรงหน้าต่างสิ่ เฮลโล๊ !!!


ผมยืนโบกมือหยอยๆ พร้อมกับมองไปข้างบนห้องของแก้ม ซึ่งแปปเดียวจริงๆ สายก็ตัดไป และก็ไม่ถึงนาทีดาวก็วิ่งลงมาข้างล่างเลย มาแล้วก็ถามว่าไหนว่าไปเที่ยวไง


ผมก็บอกว่าอื้อมีงานนิดหน่อยเลยต้องรีบกลับมาน่ะ หรือว่าข้างบนไม่สะดวก ดาวส่ายหัวบอกว่าไม่ๆๆๆ ไปเลยไปกัน ดาวจูงมือผมเดินขึ้นไปเลยครับ ดาวก็แบบเหมือนมีที่ตื่นๆเหมือนดีใจที่ผมกลับมานะ


ผมก็ถามดาวนะว่ากินไรยังเนี่ยหืม ดาวบอกอื้อๆๆกำลังจะกิน ผมก็บอกว่าโทษทีพี่มากวนเวลากินข้าวมั้ย ดาวบอกก็กวนแหละ และเธอก็จับคางผมไว้และบอกว่า


" เพราะงั้นต้องโดนลงโทษค่ะ "


โอย ดาวนี่ก็เนอะ หาเรื่องอีกละผมก็ยิ้มๆไปแล้วบอกว่า งั้นเดี๋ยวพี่มา ซื้อถุงยางแปปดาวก็หัวเราะแล้วบอกว่าให้จริงเถ๊อะ !!! ไม่นานนักเราก็เดินไปมาถึงห้องครับ ดาวทำท่าจุ๊ปากแล้วบอกชู่ววว ชู่ววว


ซึ่งพอเดินเข้าไป ผมก็แอบไอย่างไวเลยครับ ดาวเดินเข้าไปก่อนนะ ซึ่งพอเดินไปเนี่ย มิ้นต์ก็พูดขึ้นมาเลยว่า ไหนอ่ะพี่ดาว แล้วบอกว่ามีพัสดุมาส่ง แก้มก็พูดอีกว่า งืออ หนูหิวข้าวแล้วอ่ะ พี่ดาว ฮืออออ


ผมก็แบบมองซ้ายมองขวาเลยว่าแถวๆนั้นมีอะไรให้หยิบบ้าง เอ่อน้ำเปล่าก็พอมั้ง ดาวก็เหมือนรู้งานนะ เธอบอกอ่ะงั้นกินข้าวกัน แล้วก็พูดขึ้นว่า


" พี่โทน น้ำได้ยังอ่ะ แก้มบอกหิวข้าวแล้ว "


แก้มก็พูดขึ้นมาว่า อย่ามาอำเหอะพี่โทนไปเที่ยวแล้วนู่นปล่อยให้หนูนอนไม่สบาย ฮืออ งอน เอ๊า !!! เวรกรรมละกู มิ้นต์ก็ยังผสมโรงอีกว่า อย่าพูดถึงเลยคนใจดำก็งั้นแหละ


โอย จากที่เจ็บปวดเรื่องพี่เตย ยังต้องมาเจ็บปวดจาก 2 คนนี้อีก ผมก็แบบโอยย จะเปิดตัวเท่ส์ๆซักหน่อย หงอยเป็นหมาป่วยเลยทีนี้ ดาวก็หัวเราะลั่นเลยทีนี้ครับ


ดาวพูดว่างั้นก็ดี สงสัยไม่มีใครอยากเจอพี่โทนเลย งั้นก็ดี คืนนี้พี่ขอจองตัวนะ ดาวพูดแล้วก็กวักมือให้ผมออกไป หมดกันโถ่วเอ๊ยจะเปิดตัวเท่ส์สักหน่อย ผมก็เดินถือขวดน้ำไปให้ทั้งสองคนนั่นแหละครับ



และบอกว่า อ่ะน้ำเปล่าจากคนใจดำ เชื่อป่ะมิ้นต์นี่ตกใจสะดุ้งเลย ส่วนยัยตัวแสบที่บอกงอนเมื่อกี้ก็นิ่งเลย ดาวบอกโอเค๊ คืนนี้พี่จองตัวพี่โทนนะ


ดาวเดินมาคล้องแขนแล้วบอกว่า หั่นหนี ( ฮันนี่ ) คะ คืนนี้เป็นเวลาของเราสองคนเนอะ ดาวพูดแล้วก็ทำท่าจะจุ๊ปๆ แก้มก็โวยวาย


โอ๊ย เมื่อยยย  โอ๊ยปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเลย โอ๊ยยย สงสัยไข้จะขึ้น โอ๊ยยย แล้วเธอก็วางช้อนใส่จานดังเคล้งแล้วบอก โอ๊ยดูสิ่เนี่ย


ขนาดจะหยิบช้อนยังไม่มีแรงเลย โอ๊ยย เฮ้อออ ผมปวดหัวกับยัยตัวแสบคนนี้จังเลย ดาวก็พูดนะว่ามิ้นต์ป้อนแก้มหน่อยสิ่ๆ



มิ้นต์ก็หน้ามุ่ยเลยทีนี้ มิ้นต์ก็วางช้อนลงแล้วบอกว่าไม่กินแล้ว ดาวก็ยิ่งใส่ไฟเลยครับทีนี้ ดาวคล้องแขนผมแล้วพูดว่า


" อื้ม พี่ก็ไม่หิวข้าวนะ พี่มีอย่างอื่นที่อยากกินมากกว่า "


เชื่อป่ะว่าแก้มที่ร้องโอดโอยเมื่อกี้ลุกเด้งดึ๋ง ขึ้นมาเลยเธอเดินมาหาดาวแล้วบอกว่าพี่ดาวมากินข้าวเดี๋ยวนี้ ดาวก็หัวเราะและยังแหย่ ต่อว่าไม่เอาพี่อยากกินของหวานๆมากกว่า


มิ้นต์ก็พูดขึ้นมาพี่ดาวเพลาๆมั่งเหอะของหวาน พี่อ้วนแล้วนะ เท่านั้นแหละครับ สงครามนางงามอุบัติขึ้นทันที ผมคิดนะว่าดาวไม่ได้อ้วนขึ้นหรอก



แต่มิ้นต์เธอจงใจพูดแหย่มากกว่า ซึ่งมันก็ได้ผลโคตรๆ เพราะดาวนี่ปรี๊ดแตกเลย ดาวปล่อยผมแล้วเท้าเอวพูดกับมิ้นต์ว่า


ให้มันน้อยๆหน่อยนังหนู แบบนี้ไม่ได้เรียกอ้วนหรอก เขาเรียกเต็มไม้เต็มมือจริงมะพี่โทน ดาวพูดเสร็จแล้วก็หันมาทางผม


ชิบหายละไง สายตาแบบนี้เหมือนจะให้ผมตอบว่าใช่แน่ๆ ถึงไม่ต้องมีองค์ ถึงไม่ต้องมีพลังของเทพเพอร์ซิอุส 1234 ผมก็รู้ด้วยสัญชาตญาณ ว่าชัวร์แน่ๆล่ะ ชิบหายละทางแยกแห่งความหายนะมาแล้ว


ผมจะตอบยังไงดีนะ แต่ว่าตอนนั้นเองนะหว่าวที่ผมกำลังยืนอยู่ที่ปากเหว นางมารในคราบนางฟ้าก็บินลงมาช่วยผมทันที


[ แก้ม ]  :  ปล่อยคนอ้วนทะเลาะกันไปเนอะ เราไปหม่ำข้าวกันเถอะคุณแฟน


นั่นแหละครับนางมารตัวน้อยของพวกคุณ ผมที่ทั้งเศร้าจากเรื่องพี่เตย ที่ทั้งกำลังเสี่ยงชีวิตจากมิ้นต์และดาว ณ ตอนที่อารมณ์ผม กำลังตีกันปั่นป่วนไปหมด


แก้มกลับเป็นคนที่เบรกทุกๆอย่าง และให้ผมไปปวดหัวกับเธอคนเดียว แก้มไม่พูดเปล่า เธอก็คล้องแขนผมเดินไปทันทีและพูดขึ้นว่า



หนูไม่สบายอยู่นะ พี่ดาวกับมิ้นต์อย่าทะเลาะกันสิ่ เอ้อได้ผล สองสาวนั้นหยุดทะเลาะกันเฉยเลย เอ้ย !!! แก้มไข้ลดแล้วนี่หว่า เพราะตอนนี้คือผมไม่รู้สึกว่าร้อนๆเลย




มันเป็นเรื่องที่แปลกนะ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก เมื่อ 3 ชั่วโมงก่อน ผมยังนั่งเคว้งอยู่คนเดียวที่รีสอร์ต ยังนั่งสมองตันอยู่ริมลำธารอยู่เลย


แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินข้าวกับสามสาวอยู่ ผมต้องบอกตัวเองว่า อย่าแสดงอาการออกมา ไม่งั้นถ้าพวกเธอถามว่าผมเป็นอะไรขึ้นมา บอกเลยครับว่าโดนเค้นยาวๆ เค้นคอเว้ย เค้นคอออออ แต่ดูเหมือนว่าการกินข้าวของผมมันจะไม่ง่ายแล้ว


[ ดาว ]  :  พี่โทนหน้าไปโดนอะไรมาอีกแล้วเนี่ย

[ มิ้นต์ ]  :  ไหน


เท่านั้นแหละครับงามใส้เลยทีเดียว ก็รอยแตกที่สันจมูกของผมมันชัดเหลือเกิน ตอนนั้นผมก็สวมวิญญาณปลาไหลใส่สเกต และพูดออกไปว่าเมื่อเช้า ตอนจะแหวนกางเกงยีนส์กับราวผ้า


เผอิญสะบัดแรงไปนิดหัวเข็มขัดกระแทก แฮ่ แฮ่ แฮ่ ทุกคนเงียบหมดเลย จนมิ้นต์พูดออกมาว่าซุ่มซ่ามเกินไปคนเรา แก้มก็พูดขึ้นมาว่า โง้ยยยย มิ้นต์อย่าว่าพี่โทนสิ่ เจ็บมั้ยคะพี่โทน


ผมก็บอกไม่เป็นไร ไม่เป็นไร 3 คนกินข้าวเถอะไม่กินเหรอ มิ้นต์ถามว่าไม่กินไง นั่งลงมาขนาดนี้แล้ว ผมก็กำลังจะนั่งลงกินด้วยนะ แต่เจ้าหญิงน้ำแข็งก็พูดสวนขึ้นมาว่า


ไม่มีส่วนของพี่นะ มิ้นต์ทำแค่พอดีสามคน ผมก็ยังยิ้มแป้นแล้วพูดว่าไม่เป็นไร ไม่หิวหรอก ดูเหมือนว่าปากผมจะโกหกได้ แต่ร่างกายมันไม่โกหก อ่ะสิ่ครับ


ท้องผมครางดัง โครกกกก เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ดังแบบในหนังหรือการ์ตูนหรอกครับ แต่เพราะพวกเราไม่ได้เสียงดังกันมากนัก มันเลยได้ยินแถมวันนั้นท้องผมก็ร้องดังกว่าปกติ


แล้วเชื่อมะพอผมรู้สึกว่าหิว เชี่ยเอ๊ยแม่งหิวเลยทีนี้ ผมก็เลยแบบต้องกินอ่ะไม่งั้นกรดไหลย้อนแน่นอน ผมก็อ้ะงั้นเดี๋ยวนะ แก้มก็บอกไปไหน ไปไหนอ่ะพี่ หิวก็มากินด้วยกันสิ่


ผมก็ตั้งใจจะกลับห้องนะ เพราะจะได้เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้าด้วย ก็ตอนนี้แก้มเองก็หายดีแล้ว ผมก็ว่าจะกลับเลย เพราะถ้าให้พวกเธอรู้ว่าผมไปทำงานต่างจังหวัดล่ะก็ ยัยตัวแสบคงได้งอแงแน่ๆ



แล้วอีกอย่างตอนนี้พูดตรงๆแล้วอาจจะฟังดูสำออยนะ แต่สำหรับตอนนี้ผมอาจจะไม่สามารถฟังมิ้นต์พูดเหน็บๆ เย็นชา เหมือนตอนปกติได้แหละ อาจจะมีหงุดหงิดใส่บ้างนิดนึงเพราะอารมณ์ผมมันไม่คงที่


ผมเลยเลือกที่จะกลับดีกว่า เพราะผมไม่อยากจะแสดงอารมณ์แบบนั้นให้มิ้นต์เห็นจริงๆครับท่านผู้อ่าน อ่ะกลับมาต่อแก้มพูดว่าก็กินด้วยกันสิ่ ผมก็บอกไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปหาอะไรกินเอาก็ได้


แก้มหน้ามุ่ยเลยครับตอนนั้น มิ้นต์ก็บอกอีก ว่าก็หากินเองอยู่แล้วไม่ใช่ไง ไปเหอะ อ่าส์แย่แฮะแบบนี้ ผมนี่นั่งกัดริมฝีปากเลย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้อะไรนะ แต่เหมือนความรู้สึกที่ผมกลั้นไว้มาตลอดการนั่งรถตู้


มันกำลังจะระเบิดออกมา ผมต้องกลั้นไว้ ไม่เอาไม่ร้อง ไม่เอาสิ่ ผมกัดริมฝีปากจน มันหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้น คือเคยดูอนิเมะญี่ปุ่นไหมครับ


ความรู้สึกผมตอนนั้นถ้าให้อธิบายแล้วเห็นภาพเลย ก็คงเป็นตอนที่เอซตาย แล้วลูฟี่มันนั่งโทษตัวเองอยู่บนเกาะอเมซอนของแฮนด์คอก คือทุกอย่างมันโถมเข้ามา ไอ้ลูกสีม่วงๆนั่นแม่งก็เหมือนอารมณ์ด้านลบของผมตอนนี้


มันยิ่งโถมมา โถมมา ผมก็ได้แต่นั่งกัดริมฝีปากให้ตัวเองเจ็บและบอกสงบใจไว้ สงบใจไว้ มิ้นต์ไม่ได้ตั้งใจพูด มิ้นต์ไม่ได้ตั้งใจ  แต่อยู่ดีๆก็มีคนมาแตะๆตัวผม ซึ่งมันทำให้ผมเหมือนหลุดออกมาจากภวังค์ตรงนั้น


[ ดาว ]  :   พี่โทนเป็นไรเปล่าเนี่ย

[ ผม ]  :  หือ อื้อไม่ได้เป็นไรนี่เปล่าๆๆๆ

[ ดาว ]  :  อื้อ งั้นกินข้าวด้วยกันสิ่ เดี๋ยวดาวทำอะไรเพิ่มให้ก็ได้


ผมพยายามปรับอารมณ์ ให้เหมือนที่ตอนทำในงานสัมมนาดีดนิ้ว เปลี่ยนอารมณ์ ไม่ได้ดิ่ ผมทำแบบนี้ไม่ได้ ผมจะทำหน้าตึงแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมทำให้มื้อนี้กร่อยสำหรับพวกเธอ


ผมบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่หาอะไรกินเอง ผมพูดแล้วก็เดินเข้าห้องครัวเลยครับ ไม่ต้องคิดเลยว่าผมจะกินอะไร มาม่าแน่นอน ผมบอกตัวเองว่าอดทนไว้ อย่าทำให้งานกร่อย อย่าทำให้งานกร่อย


แปปเดียวผมก็ต้มมาม่าเสร็จ เทใส่ถ้วยเติมข้าว ใช่ครับท่านอ่านไม่ผิดหรอก ผมกินมาม่ากับข้าวเปล่า ผมเดินออกมาสามสาวเริ่มกินกันไปก่อนแล้ว ดาวชวนแก้มคุย ชวนมิ้นต์คุย


มันเลยทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า งานไม่กร่อยแล้ว ผมนั่งตรงที่ว่างนั้น ทันทีที่เห็นมาม่าเชื่อมั้ยครับ ว่าสามคนนั้นอุทานขึ้นพร้อมกันเลยว่า เอ้า !!! ทำไมกินมาม่าล่ะ


ผมก็ยิ้มๆแล้วบอกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว มิ้นต์ก็บอกอื้อดีไม่เปลือง ผมก็ยิ้มๆให้แต่ในใจคือแบบ จะร้อง เชี่ยพูดแล้วรู้สึกตัวเองสำออยเลยว่ะ เฮ้อ คำที่มิ้นต์พูดมันไม่ได้แรงอะไรเลยนะ


ทำไมแม่งอยากร้องไห้ แล้วดาวก็พูดขึ้นมาว่า มิ้นต์คำพูดของคนเราน่ะ มันทำร้ายคนได้นะ มิ้นต์ก็พูดนะว่าทำร้ายใครเหรอ ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเลย ดาวก็ตอบว่า


" อื้มแล้วแต่จะคิดแล้วกัน พี่เตือนไว้เฉยๆ "


ผมตักมาม่ากินไป เมื่อไรจะหมด ไอ้อาหารห่านี่มันจะพิศวงไปไหน ซองเดียวไม่อิ่ม สองซองเสือกกินไม่หมดเฮ้อ  แก้มก็ถามพี่โทนๆๆคืนนี้ค้างที่นี่มั้ย


ผมก็บอกว่าไม่หรอก พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน แก้มก็เง้ออ อะไรง่า วันอาทิตย์ต้องได้หยุดสิ่ แก้มจะฟ้องกรมแรงงาน ทำไมคุณแฟนไม่ได้พักล่ะ แก้มก็งุ้งงิ้งตามประสาไปแหละครับ


ผมก็ยิ้มๆแล้วก็บอกว่า แก้มหายไข้แล้วพี่ก็สบายใจจะได้ไปทำงานได้ แก้มถามกลับมาครับว่าเมื่อไรจะได้ไปถ่ายรูปล่ะ ผมก็บอกว่ากลับมาจากทำงานเดี๋ยวพาไปถ่ายเลย


แก้มก็เย้ๆๆๆ ขอบคุณค่ะ ผมฝืนยิ้มพูดคุยและกินข้าวต่อไปเรื่อยๆ จนทุกคนกินอิ่ม อย่างน้อยผมก็ไม่ทำให้อาหารมื้อนี่กร่อยล่ะเนอะท่านผู้อ่าน มิ้นต์กับดาวเก็บจานไปล้าง


ตอนนั้นผมก็นั่งๆอยู่นะกำลังมองหาสายชาร์จโทรศัพท์ไม่แน่ใจว่าได้เอามามั้ย เวรละไม่ได้เอากลับมาจากที่รีสอร์ต คงเพราะรีบรวบๆเสื้อผ้าเก็บแน่ๆ พอนึกถึงรีสอร์ต


ผมก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้พี่ทั้งสองคนจะกินข้าวหรือยังนะ คืนนี้ก่อนนอนจะมีคนเดินตรวจตรารอบๆบ้านให้ไหมนะ เขาจะสนุกกันไหมนะ ผมรู้ตัวแหละว่าผมผิด แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้จริงๆแหละครับท่านผู้อ่าน


แม่เสือสาวดาวยั่ว เดินออกมายากห้องครัวและนั่งลงข้างๆผม ดาวถามว่าเป็นอะไรไหมพี่โทน ผมก็อื้อเปล่าๆไม่มีอะไร ผมก็คิดนะว่าจะไม่เป็นอะไร แต่พอดาวพูดมาคำเดียวเท่านั้นแหละ


" พี่ไหวมั้ย มีอะไรก็บอกดาวได้นะ "


ฟางเส้นสุดท้ายของผมก็ขาดลงทันที ดาวพูดจี้ใจผมเหลือเกิน ผมรีบก้มหน้าลงเลยครับ  เคยมั้ย แบบคำพูดง่ายๆที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเหมือนมีคนคอยเข้าใจ แค่คำพูดง่ายๆแค่นี้ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าผม ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว










 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

sunshine9

ดีใจที่ได้อ่านตอนใหม่ ขอคารวะด้วยความขอบคุณอย่างสูงครับ  ::Orz::


เย้ เม้นท์แรกด้วย 5555  ::DookDig::




Exext Kolld


Paragraph<BB>

ถ้าเป็นผมความรู้สึกตรงนั้นผมก็ทนอยู่ไม่ไหวเหมือนกันต้องหาที่ไกลๆอยู่จะได้สบายใจเหมือนกันครับ น่าสงสาร แต่เราเป็นคนผิดก็ต้องยอมรับผลครับ

Ke2l3e2oS

ช่างน่าสงสารแท้ หงอยเลยย

อ้าวว เจอกิ๊กเก่าาาาา

Slave

เข้าใจอารมณ์​นั้นเลยอ่ะ​  เคยเป็นเหมือนกัน​ ถ้าเป็นผมคงระเบิดไปละเจอมิ้นต์แดกดันขนาดนั้น5555

momoyoyo

น่าสงสารท่านโทน แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมี3สาวคอยช่วยปรับอารมณ์ให้ ถึงจะมีบางคนปรับแรงไปหน่อยก็เถอะนะ55

♤judas♤

ความรู้สึกโทนตอนนี้น่าจะประมาณเป็นห่วงพี่เตยกับพี่หมิวและรู้สึกผิดที่ทำลงไปและอยากได้ใครสักคนที่รับฟังและระบายที่มันจุกในอก


Angel_p

พี่เตยเวลาองค์ลงนี่น่ากลัวมาก แต่ดีแล้วที่กลับมาเจอ 3 สาว เจ้าหญิงเรายังน่ารักเหมือนเดิม ...กับพี่พลอยจะได้สานต่อจากทะเลไหมนะ

delealpi

ใจน้อยกลับจริงตามที่เค้าไล่ซะงั้น หมดลุ้นเซนวิชเลยนายโทน

alcoholic888