ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สางแค้น ภาค 2 (1/มาดอนน่า)

เริ่มโดย twintower, กรกฎาคม 20, 2021, 10:04:26 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

ยังคงคอนเซ็ปเดิมของสางแค้นนะครับ บทเสียวจะมีน้อย อย่างตอนแรกนี่ไม่มีครับ เพราะเนื้อหามันยาวมากผมเลยขอยกไปตอนที่ 2แทนครับ

tiwntower

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
บนเที่ยวบินจากญี่ปุ่นสู่กรุงเทพ   บรรดาแอร์โฮสเตสต่างแอบกระซิบบอกกันไปทั่วว่ามีผู้โดยสาร"งานดี"นั่งอยู่ในชั้นธุรกิจ ที่เป็นชั้นสูงสุดของเที่ยวบินนี้  ในห้องครัวบรรดาแอร์โฮสเตสต่างใช้จังหวะช่วงเวลาว่างได้มาพูดคุยถึงผู้โดยสารคนนี้และบรรดาลูกเรือของเที่ยวบินนี้ต่างรู้กันว่าผู้โดยสารที่ถูกพูดถึงว่างานดีคนนี้จัดเป็น"ผู้โดยสารพิเศษ" เพราะนอกเหนือจากใช้พาสปอร์ตสีน้ำเงินแล้วยังสามารถพกอาวุธปืนขึ้นมาบนเครื่องซึ่งปกติจะเป็นพวกแอร์ มาแชลเท่านั้น หัวหน้าแอร์โฮสเตสได้เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ถูกลูกน้องอีก3-4คนต่างเร่งให้เล่าเรื่องที่เธอเคยเจอผู้โดยสารคนนี้มาก่อน

"เร็วๆสิพี่แอน พวกหนูอยากรู้เรื่องว่าพี่แอนไปเจอหนุ่มหล่อคนนี้ที่ไหน"

"ที่หัวหินนะ เมื่อ3-4 เดือนก่อนได้ ตอนพวกพี่ไปเที่ยวที่นั่น"

"แล้วไปเจอได้ยังพี่ เค้าไปเที่ยวกับแฟนหรือ"

แอนยิ้มแล้วนึกย้อนไปเมื่อ4 เดือนที่แล้ว เธอกับเพื่อนๆที่เป็นทั้งแอร์โอสเตสและสจ๊วต 5-6คน ไปเที่ยวที่หัวหิน พวกเธอไปถึงหลังเที่ยงหลังจากที่ไปถึงที่พักกันเรียบร้อยทั้งหมดต่างออกมาหาอาหารทานซึ่งต่างถกเถียงกันพอสมควรว่าจะไปกินที่ร้านไหน จนได้บทสรุปว่าร้านไหนก็ได้ขอรองท้องกันก่อนเพราะหิวกันมาก ส่วนอาหารทะเลค่อยไปซื้อที่ตลาดแล้วค่อยมาทำกินกันตอนมื้อเย็น  จนมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งที่อยู่ห่างตลาดเท่าไหร่ ทุกคนตกลงใจที่จะไปกินที่ร้านนี้หลังจากลงจากรถที่จอดเลยร้านไปประมาณ 50 เมตร ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เป็นร้านธรรมดาแต่ดูสะอาด มีโต๊ะว่างอยู่ 4 ตัวจาก 6  โต๊ะส่วนที่ประกอบอาหารตั้งอยู่ด้านหลัง ผู้หญิงที่กำลังทำก๋วยเตี๋ยวอยู่ได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นมา ส่วนผู้ชายอีกคนในวัยไล่เลี่ยได้ยืนช่วยอยู่ข้างๆ

"เชิญคะ"

"คุณน้าขาช่วยรวมโต๊ะได้ไหมคะ"

สจ๊วตที่เป็นชายเฉพาะตัวได้พูดขึ้น

"ได้คะ รอสักครู่นะคะ"

ผู้ชายที่ยืนช่วยทำก๋วยเตี๋ยวทำท่าจะขยับตัว แต่มีเสียงดังมาจากด้านหลัง

"ไม่เป็นไรพ่อเดี๋ยวทำให้เอง"

ทุกคนต่างหันไปมองและต่างแอบสะกิดกันทันทีเพราะ เสียงมาจากที่ผู้ชายที่หน้าตาดีแต่งกายตามสบายพร้อมสวมผ้ากันเปื้อนแต่ที่สะดุดตาคือรูปร่างที่ดูดีที่ทุกคนดูออกว่าออกกำลังกายเป็นประจำแต่ไม่ล่ำจนเกินไป ผู้ชายคนนั้นจัดการยกเครื่องปรุงไปวางอีกโต๊ะก่อนจะยกโต๊ะมาชิดกันตามด้วยเก้าอี้ พร้อมนำเครื่องปรุงกลับมาวางก่อนจะเอาผ้ามาเช็ดโต๊ะกับเก้าอี้อีกครั้ง พอพวกเธอนั่งกันเรียบร้อยแอร์รุ่นน้องที่ชื่อจุ๋มได้ถามไปยังผู้ชายคนนั้นที่ยืนรอจดออเดอร์ขึ้นมาทันที

"มีเมนูไหนแนะนำเป็นพิเศษไหมคะ"

"ร้านเราขายก๋วยเตี๋ยวหมูนะครับ แต่ถ้าชอบรสจัดก็แนะนำต้มยำครับ เพราะพริกทางเราคั่วเองครับและมะนาวเราก็ใช้มะนาวสดครับ ส่วนน้ำนอกจากพวกน้ำอัดลมแล้วเรามีเก็กฮวยกับน้ำมะตูมครับ อันนี้เราต้มเอง"

เสียงตอบเรียบๆมาจากฝ่ายชาย ก่อนที่ทุกคนจะสั่งอาหาร พอรับออเดอร์เรียบร้อย มีเสียงกระซิบกันทันที

"บ๋อยร้านนี้หล่อมากกกกก"

"ใช่แล้วดูจะเป็นลูกชาย ทั้งหล่อทั้งล่ำดูแขนสิเห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากกินทั้งก๋วยเตี๋ยวทั้งลูกชาย"

"ไอ้จุ๋มบ้าไปแล้วพูดอะไรระวังมั่งสิ"

"แหมพี่แอน ขอหน่อยเถอะ แต่ดูแล้วน่าจะทำงานอะไรสักอย่างหนึ่งจะบอกว่าเป็นทหารตำรวจก็ไม่ใช่ ผมไม่เกรียนแต่บุคลิกให้"

พอได้ยินประโยคนี้ทุกคนต่างเห็นด้วยและพากันมองไปรอบๆร้านแต่ไม่เห็นอะไรสะดุดตา นอกจากป้ายบอกราคาอาหาร ปฏิทิน นาฬิกาแขวน  จนลูกชายเจ้าของร้านยกอาหารมาเสิร์ฟ พร้อมบอกว่า

"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแนะนำให้ชิมก่อนปรุงนะครับ"

ระหว่างนั้นมีเสียงแซวจากสจ๊วตที่เป็นชายแต่ตัว

"เด็กเสิร์ฟร้านนี้หน้าตาดีจัง"

ทุกคนเห็นรอยยิ้มแต่ไม่มีการตอบอะไร แต่แอนนั้นสังเกตลึกไปกว่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นยิ้มแต่แววตานั้นไม่ยิ้มตามไปด้วยมันยิ่งทำให้เธออยากรู้มากขึ้นมาเพราะจากประสบการณ์การเป็นแอร์โฮสเตสทำให้รู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องทำงานอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับพวกคนในเครื่องแบบอย่างแน่นอน  แต่ทุกคนยอมรับว่ารสชาติของก๋วยเตี๋ยวนั้นอร่อยจริงๆโดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่รสจัดจ้านตามคำแนะนำของลูกชายเจ้าของร้าน ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพพร้อมโพสต์ลงเฟซบุ๊กหรือIG กันแทบทุกคน

"เฮ้ยร้านนี้ผ่านหูผ่านตาพวกนักชิมไปได้ยังไง ทั้งๆที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยว"

"นั่นนะสิราคาก็ไม่แพง ธรรมดา 30 พิเศษ 35 ทำเลก็ดี แต่ทำไมถูกมองผ่านไม่เห็นมีคนพูดถึงเลย"

นี่เป็นคำพูดที่แอบกระซิบกันของพวกแอน จนผ่านไปสักพักหลังจากลุกค้าทั้ง 2 โต๊ะที่นั่งทานก่อนหน้าพวกเธอได้ทานกันอิ่มและออกไปจากร้านได้แต่ไม่นานเท่าไหร่มีคนกลุ่มใหญ่เดินเข้า พร้อมกับการทักทายอย่างสนิทเป็นกันเองกับสองสามีภรรยาเจ้าของร้านและลูกชายกับลูกค้าที่เดินเข้ามา ทำให้ทุกคนเงยหน้ามองและเห็นว่าลูกค้ากลุ่มนั้นมีท่านรองนายก พลตำรวจเอกพิชญ์ที่เดินคู่กับผู้หญิงที่ดูจะเป็นลูกสาวและอุ้มเด็กหญิงที่ดูอายุประมาณ 1 ขวบพร้อมกับผู้หญิงสูงวัยที่ดูจะเป็นภรรยาท่านรองนายกเดินจูงเด็กผู้ชายอายุ2-3ขวบตามมาติดๆและตามมาด้วยคนกลุ่มใหญ่ที่ดูจะเป็นบรรดาลูกๆของท่านรอง จากที่ได้ยินจะเห็นว่าลูกชายเจ้าของร้านเรียกท่านรองนายกกับภรรยาว่าพ่อกับแม่ ก่อนจะมาช่วยกันยกโต๊ะมาชิดกันระหว่างที่กำลังช่วยยกเก้าอี้นั้น ท่านรองนายกที่ยืนคุยกับเจ้าของร้านผู้ชายได้หันมาเจอพวกเธอพอดี ทำเอาทุกคนต่างรีบยกมือไหว้ ท่านรองนายกรับไหว้ก่อนจะทักขึ้นก่อน

"ตามสบายนะครับ ผมกับครอบครัวก็มาเที่ยวเหมือนกัน ร้านนี้ลูกชายเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับลูกชายผมครับ แต่เอ๊ะคุ้นๆหน้าหลายคนเราเคยเจอกันบนเครื่องบินใช่ไหมครับ"

"ใช่คะท่าน"

แอนเป็นคนตอบ และทุกคนต่างเงียบเสียงลงเพียงแต่มองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้ายิ้มๆและแปลกใจ ยิ่งการพูดคุยของครอบครัวท่านรองนายกกับลุกชายร้านนี้ดูจะสนิทกันมาก จนไม่นานนักเริ่มมีตำรวจ4-5คนมาเดินไปเดินมาที่หน้าร้าน ทำให้ทุกคนเริ่มแอบสะกิดกัน

"อิ่มหรือยัง"

"อิ่มแล้วพี่แอน จุ๋มว่าเราไปกันเถอะ มันอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ แถมตำรวจมากันเต็มเลย"

ทุกคนต่างเห็นพ้องและเรียกให้มาคิดเงินซึ่งคนมาคิดค่าอาหารคือผู้หญิงที่ทำก๋วยเตี๋ยวส่วน 2 พ่อลูกกำลังยุ่งกับที่โต๊ะของท่านรองนายกกับครอบครัว ก่อนจะออกจากร้านแอนได้เดินไปยกมือไหว้ลาท่านรองนายก และบังเอิญสบตากับลูกชายเจ้าของร้านก่อนจะได้ยินเสียงขอบคุณ

"ขอบคุณนะครับ ถ้ามาเที่ยวครั้งหน้าก็เชิญนะครับ"

เป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำเอาแอนนั้นหน้าแดงเมื่อสายตาประสานกับลูกชายเจ้าของร้านพอทุกคนต่างเดินออกจากร้านและมาหยุดตรงหน้าร้านกาแฟที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก มีบางคนแวะซื้อกาแฟทำให้มีโอกาสคุยกัน

"โอ๊ยนึกว่าเป็นร้านเล็กๆแต่ที่ไหนได้ระดับบิ๊กเลยนะนี่"

"นั่นนะสิ แต่ก็กะไม่ผิดว่าต้องทำงานอะไรที่เกี่ยวข้องกับราชการนอกจากที่จากเป็นเพื่อนกับลูกชายท่านรองนายก"

แอนเป็นคนพูดแต่จุ๋มนั้นดูท่าจะเก็บความสงสัยไม่อยู่จึงถามไปที่คนขายกาแฟ

"คุณป้าขาขอโทษนะคะ แต่หนูอยากรู้ว่าทำไมร้านขายก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นลูกชายทำงานอะไรหรือคะ พอดีท่านรองนายกพิชญ์มาทานเห็นคุยอย่างสนิทกันมาก"

"อ๋อ หนูคงหมายถึงตาแคนนะหรือ แคนเป็นลูกชายของร้านนั้นเมื่อก่อนเป็นตำรวจอยู่กองปราบนะ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ ป.ป.ส.แล้ว ช่วงวันหยุดถ้าแคนว่างก็จะกลับมาช่วยงานที่บ้านตลอดนะ"

ก่อนจะมีคำอธิบายเพิ่มเพราะดูแล้วคนขายกาแฟจะเป็นคนช่างพูดทำให้ทุกคนรู้ว่าแคนเคยเป็นตำรวจก่อนจะย้ายมาอยู่ป.ป.ส.ก่อนหน้านี้ร้านก๋วยเตี๋ยวก็มีพวกตำรวจท้องที่และตำรวจ ตชด.จากค่ายพระราม 6มาทานกันบ่อย เช่นเดียวกับรองพิชญ์ที่มากินตั้งแต่เป็นตำรวจจนช่วง3-4ปีผ่านมามีทั้งนายตำรวจ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงท่านนายกก็ยังเคยมาทานก่อนจะปิดท้ายว่า

"จริงๆบ้านนี้ก็ไม่ค่อยช่างพูดอยู่แล้วละแต่คนแถวนี้ก็เริ่มชินแล้วที่มีคนใหญ่คนโตมากินบ่อยๆ พ่อกับแม่เขาก็ไม่คุยอวดว่าลูกทำงานอะไร แต่ก็รู้กันว่าเป็นเพื่อนสนิทกับลูกท่านรองเรียนมัธยมมาด้วยกัน แต่เห็นพวกตำรวจที่มาคุยเรียกตาแคนว่าผู้การแคน ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เลื่อนยศยังหนุ่มยังแน่นได้เป็นถึงผู้การ เพราะตอนเป็นตำรวจยศดูเหมือนจะเป็นร้อยตำรวจโทนะ แต่ชาวบ้านแถวนี้ชอบนะได้อานิสงค์ไปด้วยดูหน้าร้านสิ  ก็มีตู้แดงมีตำรวจมาลงชื่อแทบทั้งวันทั้งคืนเลย"

จากคำพูดของคนขายกาแฟทำให้ทุกคนหันไปมองที่หน้าร้านอีกครั้งและเห็นตู้แดงติดอยู่หน้าร้านตามคำบอกของคนขายกาแฟ พอแอนเล่าจบด้วยสีหน้ายิ้มๆทำเอาพวกแอร์โอสเตสที่ฟังต่างมองหน้ากันก่อนจะมีเสียงจากแอร์โอสเตสอีกคน

"ว้าวทั้งหล่อทั้งเป็นคนมียศด้วย น่าสนใจมาก มิน่าไอ้จุ๋มถึงบอกว่ามันเจอเนื้อคู่ที่หัวหิน"

แอร์โอสเตสคนหนึ่งอุทานออกมาทำเอาที่เหลือต่างหัวเราะกันเบาๆ ผู้โดยสารที่ถูกพูดถึงตามรายชื่อผู้โดยสารได้ระบุยศและชื่อว่าพันตำรวจเอกพีรพล หรือแคนที่ตอนนี้นั่งดูหนังด้วยความเบื่อหน่ายเพราะเหนื่อยกับการเดินทางที่ยาวนาน ใจของแคนตอนนี้นึกไปถึงที่นอนในคอนโดของตัวเองแล้ว ตามที่คนทั่วๆไปรู้คือแคนเดินทางกลับจากสหรัฐและมาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แคนเดินทางไปที่สหรัฐประมาณ 1เดือนเศษๆ ตามคำเชิญแบบเจาะจงเพื่อเข้าการฝึกกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ DEA และ FBI อยู่ 2 อาทิตย์ นี่คือสิ่งที่อยู่ในรายงาน แต่ที่เหลืออีก 2อาทิตย์คืองานลับที่แคนได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การกวาดล้างแก็งส์ค้ายาเสพติดที่โคลัมเบีย ถึงจะเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์แต่มันทำเอาแคนอ่วมพอสมควรกับการเดินทางแต่มันคุ้มค่าอย่างมาก  ที่แคนเข้าไปถึงในป่าลึกที่เป็นแหล่งผลิตโคเคนรายใหญ่ ทำให้ตอนนั้นแคนอดนึกถึงเรื่องเมื่อ4-5ปีที่แล้วไม่ได้ที่ตนเองลอบเข้าไปในพม่ากับหน่วยซีลทีม 6 เพื่อทำลายโกดังเก็บยาเสพติดของกำนันน้อมและโรงงานผลิตยาเสพติดของพวกว้าแดง พร้อมสะสางความแค้นของตัวเอง ผลงานตอนนั้นนอกจากการได้รับเหรียญเนวี่ครอสจากทางสหรัฐแล้วแคนยังได้รับสิทธิพิเศษจากทางสหรัฐเพิ่มคือได้รับกรีนการ์ด ทำให้แคนเดินทางเข้าออกสหรัฐได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  แคนยังติดต่อกับพันจ่าเอกโจนาธานและพันจ่าโทจิมมี่อยู่ ซึ่งตอนนี้ โจนาธานได้เลื่อนยศเป็นพันจ่าเอกพิเศษและย้ายมาทำงานนั่งโต๊ะแล้ว ส่วนจิมมี่ได้เป็นพันจ่าเอกและเป็นหัวหน้าทีมอัลฟ่าอยู่

ส่วนในไทยแคนนั้นนอกจากได้รับเหรียญกล้าหาญเหมือนกับ ธงรบและช่วงที่ พล,ต.อ.พิชญ์เป็น ผบ.ตร.ได้สานต่อคำสั่งเดิมจากผบ.ตร.คนเก่าคือการทำเรื่องขอรับพระราชทานยศกรณีพิเศษให้กับแคนเป็นพันตำรวจเอกเพื่อตอบแทนความดีความชอบกับการเสี่ยงตายในภารกิจลับนอกประเทศที่สามารถกำจัดพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศได้ พอเสร็จภารกิจที่โคลัมเบียพร้อมกับข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งทำให้ทาง DEA ประสานไปยังกองทัพอากาศสหรัฐเพื่อให้แคนเดินทางกลับประเทศไทยเร็วขึ้น เป็นจังหวะที่มีการขนส่งอาวุธมาที่ฐานทัพสหรัฐที่ญี่ปุ่นจึงมีเครื่องบินแบบ C-17จากสหรัฐได้บินเปลี่ยนเส้นทางแวะมารับแคนที่โคลัมเบียก่อนเดินทางมาที่ญี่ปุ่น

  C-17 ได้มาลงที่ฐานทัพในโอกินาวา และแคนเดินทางเข้าโตเกียวด้วยเฮลิคอปเตอร์ และต่อเครื่องบินเพื่อกลับไทยทันที ด้วยเวลาที่เหลือพอจะทำให้แคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะขึ้นเครื่องและมีการทำเรื่องให้แคนเรียบร้อยในเรื่องของการที่จะพกปืนขึ้นเครื่องซึ่งตอนนี้ปืนอยู่ในเป้ที่สอดอยู่ใต้เก้าอี้ จนเครื่องบินเข้าเขตน่านฟ้าไทย แอนหัวหน้าแอร์โอสเตสที่พึ่งวางสายโทรศัพท์ที่โทรจากห้องนักบิน ได้รีบเดินมาที่แคนทันที

"เอ่อผู้การพีรพลคะ"

แคนที่กำลังดูหนังพร้อมจิบกาแฟอยู่ได้เงยหน้ามองมาที่เธอ

"ว่ายังไงครับ"

"กัปตันแจ้งว่ามีสายด่วนติดต่อผู้การมาคะ เชิญทางนี้คะ"

แคนลุกขึ้นเดินตามแอร์โอสเตสไปยังบริเวณ Galley(ห้องครัว)ของเครื่องบิน  ก่อนจะผายมือไปที่โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อภายในเครื่อง

"เชิญคะผู้การยกโทรศัพท์แล้วคุยได้เลยคะ"

เธอพูดก่อนจะเดินออกไป แคนยกโทรศัพท์ขึ้น พร้อมพูด

"สวัสดีครับ ผมพันตำรวจเอกพีรพลครับ"

แคนไม่รู้ว่าใครติดต่อมาแต่เดาว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญดีไม่ดีเป็นเจ้านายไม่ก็ผบ.ตร.ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถติดต่อมาโดยตรงแบบนี้ได้ แต่เสียงอีกฝ่ายตอบมาว่า

"เออกูรู้ ส่วนกูก็พันตำรวจเอกธงรบพูด"

แคนแทบจะด่าเพื่อนไปแต่ยั้งปากทันเพราะรู้ว่าคงมีหลายคนฟังการสนทนานี้อยู่รวมทั้งนักบินด้วย แต่ธงรบนั้นพูดต่อทันที

"ตอนลงจากเครื่องจะมีคนของการท่ามารับมึงที่ประตูเครื่อง มีประชุมด่วน"

แคนไม่ทันตอบสัญญาณนั้นเงียบหายไปทันทีแคนวางโทรศัพท์ที่แท่นวางพร้อมนึกด่าเพื่อนในใจ ก่อนจะเดินกลับมาที่นั่งซึ่งเห็นหัวหน้าแอร์โฮสเตสยืนอยู่ไม่ห่างออกไป

"เรียบร้อยนะคะผู้การ"

"ครับ ขอบคุณมาก แต่ไม่ต้องเรียกผมแบบนั้นก็ได้เพราะผมไม่ใช่ตำรวจแล้วเป็นข้าราชการธรรมดาเท่านั้นแต่ที่ใช้ยศเพราะพาสปอร์ตและสิทธิพิเศษขึ้นเครื่องครับ แล้วอีกอย่างผมขอบคุณที่พวกคุณช่วยกันริวิวร้านของแม่ผม ทำให้ช่วงวันหยุดมีคนมาทานกันมากขึ้นครับ"

แคนยิ้มให้อีกครั้ง ถึงเธอจะยิ้มรับแต่เป็นรอยยิ้มที่ธรรมดาครั้งนี้แอนหน้าไม่แดง เธอไม่กล้าโปรยเสน่ห์ให้เหมือนกับบรรดาผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่แอนนั้นเคยหว่านเสน่ห์มาให้แล้วเพราะนิสัยส่วนเธอนั้นก็ค่อนข้างเจ้าชู้อยู่แล้ว แต่กับผู้ชายคนนี้แอนนั้นไม่กล้า มันมีความรู้สึกแปลกๆว่า ถึงจะหน้าตาดีดูดึงดูดเพศตรงข้าม แต่แววตานั้นดูแล้วมันน่ากลัว ถึงหน้าจะยิ้มแต่ตานั้นไม่ยิ้ม เธอรู้สึกบอกไม่ถูกกับแววตาคู่นี้และนอกเหนือจากสิทธิพิเศษแล้วยังมีสายตรงขึ้นมาได้แสดงว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. คนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน  และระหว่างที่แคนเดินกลับไปที่นั่งมีสายคู่หนึ่งนั้นมองตามตลอด มาจากที่นั่งทีเยื้องไปด้านหลังของแคน

แคนถูกสายตาคู่นี้จับจ้องตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาแล้ว  คนที่มองเธอเป็นแพทย์หญิงเจ้าของคลีนิคเสริมความงามชื่อดังทุกคนจะเรียกเธอว่าหมออ้อม เธอสะดุดตาแคนตั้งแต่ตอนที่แคนเดินขึ้นเครื่องมาแล้ว มันเป็นครั้งที่ 2ที่เธอเห็นหน้าแคน ครั้งแรกเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว เธอไปเจอแคนที่สนามยิงปืนแห่งหนึ่งหนึ่งทีเป็นของตำรวจ หมออ้อมชอบการยิงปืนเป็นชีวิตจิตใจ มันไม่แปลกเพราะเธอนั้นชื่นชอบ"ม.ร.ว.แพทย์หญิงดาริน วราฤทธิ์"นางเอกในนวนิยายเพชรพระอุมาอย่างมากพอเริ่มโตเธอเริ่มศึกษาวิธีการยิงปืนอย่างจริงจังและพ่อเธอที่เป็นหมอก็สนับสนุนลูกสาวอย่างดี หมออ้อมมีปืนดีๆที่ได้รับจากพ่อและซื้อเองมาเก็บไว้จำนวนมาก วันนั้นเธอกับเพื่อนต่างพากันไปฝึกยิงปืนทางยุทธวิธีซึ่งหลายๆคนนั้นแต่งตัวแบบจัดเต็มกันอย่างเต็มที่ระหว่างที่อยู่ในช่วงพักหลังจากที่ได้ฝึกช่วงแรกกันไปแล้ว อีกด้านที่อยู่ไม่ห่างออกไปของสนามยิงปืน   สายตาของหลายๆคนมองไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวตามสบายกางเกงยีนส์เสื้อโปโล เดินสะพายเป้และกระเป๋าใบยาวไปที่ช่องยิงปืน

มีบางคนเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ รวมทั้งหมออ้อมด้วย ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้นเพราะระหว่างที่เดินมา จะเห็นบรรดาตำรวจที่เป็นเจ้าหน้าที่ของสนามยิงปืนต่างยืนตรงทำความเคารพกันตลอด ผู้ชายคนนั้นหยิบปืนออกจากกระเป๋าออกมาวาง3 กระบอก กระบอกแรกเป็น เบเร็ตต้า 92 เอฟเอส อีกกระบอกเป็นกล็อก 17ส่วนกระบอกสุดท้ายที่เอาออกมาหลายๆคนต่างหันมามองหน้ากันเพราะเป็นปืน HK-416 หลังจากบรรจุกระสุนใส่ปืนสั้นทั้ง 2 กระบอกแล้ว ผู้ชายคนนั้นหยิบแว่นกันสะเก็ดขึ้นมาสวมพร้อมสวมที่ป้องกันหูแล้วสวมเสื้อเกราะพร้อมใส่แม็กกาซีนของปืน HKลงไปในซองที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งหลายคนดูออกว่าเป็นการกระทำด้วยความชำนาญ ก่อนจะเลื่อนเป้ายิงรูปคนไปในระยะ25 เมตรแล้วหยิบปืนกล็อก 17 ขึ้นมา แล้วใช้มือทั้งสองจับปืนเล็งไปที่เป้า ซึ่งทุกคนที่มองพอเห็นท่ายิงแล้วต่างรู้ว่าเป็นผู้ชายคนนี้เป็นมืออาชีพแน่นอน เป็นการยิงเป็นชุด ชุดละ 3นัด 3 นัดแรกนั้นเป้าหมายคือส่วนหัวที่เกาะกลุ่มกันอย่างดี 3 นัดต่อมาเป้าคือตรงบริเวณอก ก่อนจะสลับไปยิงตรงส่วนหัวอีกจนครบ 18 นัด  ก่อนจะวางปืนแล้วเลื่อนเป้าเข้ามา แต่ด้านหลังมีเสียงกระซิบถามของเพื่อนมาที่หมออ้อม

"เมื่อกี้ตอนบรรจุเขาใส่ลูกเข้าไปที่รังเพลิงก่อน1 นัดใช่ไหมอ้อม"

"ไม่ทันมองนะ แต่คงใช่เพราะรุ่นนี้แม็กใส่กระสุนได้ 17 นัด"

"ยิงแม่นมากเลยนะ"

"สงสัยพวกมืออาชีพที่ตำแหน่งสูงๆ ไม่อย่างนั้นพวกตำรวจไม่ทำความเคารพกันเป็นแถวหรอก"

ระหว่างนั้นผู้ชายคนนั้นได้สะพายปืนHK พร้อมนำปืนสั้นบาเร็ตต้าใส่ซองที่ข้างเอวก่อนจะ เดินมาตรงบริเวณที่พวกเธอฝึกซ้อมยิงปืนทางยุทธวิธี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนเป้าให้ใหม่แล้ว และทุกคนต่างทึ่งในทักษะที่เห็นตั้งแต่การเริ่มยิง HK-416 นัดแรก เพราะการเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนี้ดูคล่องตัวมาก ทั้งการเคลื่อนตัวการเปลี่ยนซองกระสุนซึ่งดูแทบไม่ทันจนไปถึงเป้าสุดท้าย ปืน HK ถูกปล่อยให้ห้อยลงและดึงปืนบาเร็ตต้าจากซองข้างเอวขึ้นมาพร้อมบรรจงไปทีละนั้นใส่เป้าแต่ทุกคนต่างทึ่งเข้าไปอีก เพราะหลังจากยิงหมดแม็กแรกแล้วมีการเปลี่ยนแม็กใหม่เข้าไปซึ่งทุกคนต่างมองแทบไม่ทันเพราะไวมากและสิ่งที่ทุกคนเห็นคือ นิ้วชี้และนิ้วกลางจากมือขวาที่ทาบโกร่งไกอยู่ 2 นิ้วนั้น ผู้ชายคนดังกล่าวได้ใช้นิ้วกลางไปที่โกร่งไกก่อนจะกดไกแล้วยิงแบบรัว ทำให้คนที่ยืนดูหลายๆคนต่างเผลออุทานออกมา

"เฮ้ย"

เสียงกึกก้องดังต่อเนื่องไม่นานนัก จนกระสุนหมด ทุกคนเห็นเป้านั้นกระจุยส่วนคนยิงหันไปหัวเราะกับเจ้าหน้าที่สนามที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป แล้วคุยกันชั่วครู่ก่อนจะทำการเก็บปืนซึ่งทุกคนเห็นว่ามีการตรวจสอบซ้ำอยู่ 2-3 รอบหลังจากถอดแม็กกาซีนออกแล้วมีการเลื่อนสไลด์ปืนกระบอกละ2-3ครั้งก่อนจะเก็บปืนและกระสุนเข้ากระเป๋าแล้วเดินไปอีกด้าน โดยไม่หันมาสนใจพวกเธอ มีเพื่อนผู้ชายของหมอแอนได้พูดขึ้นมา

"ยิงแบบนี้ยิงอวดนี่หว่า"

"แล้วยิงแม่นเหมือนเขาหรือเปล่าละแถมสวมเสื้อเกราะอีกด้วย ดูตอนเคลื่อนตัวสิ ไม่อุ้ยอ้ายเหมือนนาย"

เสียงเพื่อนผู้หญิงอีกคนขัดขึ้นมาทำเอาคนพูดนั้นเงียบทันที เพราะทุกคนต่างเดินเข้าดูใกล้ๆและพบว่าเป้าแต่ละเป้านั้นกระสุนรวมกลุ่มกันตรงบริเวณหัวไม่ก็หน้าอกทุกเป้า ก่อนจะมีบางคนไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่สนามยิงปืนว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร คำตอบที่ได้รับคือ

"เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ป.ป.ส.ครับ"

และวันนี้หมออ้อมที่มาเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนๆได้มาเจอผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว พอเห็นหน้าแคนเธอจำได้ทันและแอบมองด้วยความสนใจตลอดเวลา จนเครื่องบินถึงสนามบินหลังจากที่จอดเทียบงวงช้าง แคนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วได้สะพายเป้และลากกระเป๋าเดินทางมาที่ประตูเป็นคนแรกหลังจากประตูเปิด แอนที่ยืนอยู่ได้พนมมือไหว้ขอบคุณ ส่วนแคนรับไหว้พร้อมยิ้มแล้วพูดออกมาเบาๆ

"ขอบคุณอีกครั้งนะครับ"

ครั้งนี้แอนรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันทีเป็นเพราะอะไรเธอบอกกับตัวเองไม่ได้ ส่วนแคนพอเดินพ้นประตูออกมามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่ายืนรออยู่ 2  ทั้งคู่รีบทำความเคารพแคน

"ผู้การพีรพลใช่ไหมครับ เชิญทางนี้ผมถือกระเป่าให้ครับ"

หลังจากแคนพยักหน้า เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้รับกระเป๋าเดินทางจากแคนส่วนอีกคนเดินนำออกไปทางออกที่เป็นบันไดที่ลงไปพื้นล่างไม่ได้เดินไปตามงวงเพื่อเข้าอาคาร แอนกับเพื่อนแอร์โอสเตส มองตามและจังหวะนั้นหมออ้อมเดินมาเห็นพอดี เพราะเธอตั้งใจจะตามแคนให้ทันก่อนเข้าไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ภาพที่เห็นตรงหน้าเธอจึงหันมาถามแอนว่า

"วีวีไอพีหรือเปล่าคะ"

แอนได้แต่ยิ้มๆแทนคำตอบไปยังผู้โดยสาร  ส่วนแคนหลังจากที่ลงบันได มีรถของการท่าจอดติดเครื่องรออยู่ เจ้าหน้าคนที่เดินนำได้เปิดประตูด้านหลังให้แคนส่วนอีกคนนำกระเป๋าเดินทางของแคนไปที่กระโปรงหลัง ภายในรถที่เบาะหลังแคนเห็นเพื่อนที่อยู่ในชุดตำรวจนั่งรออยู่แล้ว ก่อนที่แคนจะพูดอะไรขึ้นมา ธงบอกไปที่คนขับ

"ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปได้"

"ครับท่าน"

คนขับที่เป็นเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยของการท่ารับคำ ส่วนอีก 2คนที่มากับแคนต่างยืนทำความเคารพเพราะรู้ว่า 2 คนที่อยู่บนเบาะหลังมียศถึงพันตำรวจเอก  พอรถวิ่งไปธงยื่นเอกสารที่ถือมาส่งให้เพื่อน

"กูรู้ว่ามึงเหนื่อยแต่มีเรื่องด่วนมึงอ่านก่อน"

แคนรับแฟ้มมาจากเพื่อนแล้วเปิดอ่าน เรื่องแรกเป็นเรื่องผลตรวจสารประกอบเฮโรอีนล็อตหนึ่งที่ถูกตรวจพบในโคลัมเบีย ซึ่งแคนเข้าไปสังเกตการณ์ในการจับมาสดๆร้อนๆ แคนนั่นอ่านด้วยความสนใจเพราะมันเป็นไปอย่างที่คิด และอีกเรื่องรายงานพร้อมรูปถ่าย คือเรื่องที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ตรวจจับการขนเฮโรอีกจำนวน 20 กิโลกรัมที่สนามบินได้เมื่อตอนช่วงบ่ายวันนี้ โดยใช้การตบตาเจ้าหน้าที่โดยแอบใส่ลงในกระเป๋าเดินทางที่ส่งไปขายที่โคลัมเบีย ซึ่งได้ใส่ยาเสพติดลงในช่องลับที่ทำพิเศษขึ้น แต่ไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่

"อันที่จับได้ ลูกน้องมึงเป็นคนตรวจเจอ มันยัดมาเนียนมากเหมือนจะสั่งทำช่องเป็นพิเศษอย่างทีเห็นในรูปและแพ็คสนิทมาก หมาตรวจกลิ่นไม่เจอ ส่วนผลตรวจยาทางนั้นพึ่งส่งมาให้"

ธงรบพูดหลังจากที่เห็นเพื่อนอ่านจบแล้วส่งแฟ้มคืน แคนพยักหน้ายังไม่ได้ถามอะไรต่อ รถพาทั้ง 2 ไปจนถึงบริเวณคลังสินค้า พอรถจอดหลังจากลงจากรถ ธงได้บอกไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าที่มายืนรอรับอยู่ 2คน ว่า

"รบกวนเอากระเป๋าผู้การพีรพลที่ท้ายรถไปที่รถผมด้วยนะ ถ้าไม่รู้คันไหนก็ถามพวกตำรวจ ผมจะพาผู้การไปดูของที่ถูกจับก่อน"

"ครับท่าน"

ธงหันมามองเพื่อนและพยักหน้าให้เดินเข้าไปในอาคาร ภายในอาคารหลังจากเดินเข้ามามีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้เดินมาหาแคน

"ผู้การครับรบกวนขอพาสปอร์ตด้วยครับ"

แคนยิ้มๆก่อนจะหยิบพาสปอร์ตจากเป้ที่สะพายให้ เจ้าหน้าที่รับมาก่อนจะวางพาสปอร์ตลงบนโต๊ะและประทับตราให้แคนแล้วส่งคืนด้วยกิริยาที่นอบน้อม ส่วนธงเดินไปแลกบัตรผู้มาติดต่อที่ใช้สำหรับบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ภายในของสนามบิน แล้วพาเพื่อนเดินยังคลังสินค้าที่อยู่ไม่ห่างโดยมีเจ้าหน้าของการท่าเดินตามไปด้วย ภายในบริเวณคลังแคนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินกันขวักไขว่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ธงเดินนำเพื่อนไปที่เก็บของกลาง แคนเห็นกระเป๋าเดินทางที่ถูกแยกชิ้นส่วนออกจำนวนหลายใบ และข้างๆมีห่อบรรจุเฮโรอีนวางเรียงกันอยู่ แคนก้มลงไปมองกระเป๋าแต่ต้องเงยหน้าขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง

"มันเป็นไปตามที่ได้ข้อมูลมาครับพี่ แต่ยอมรับมาทำมาเนียนมาก"

เป็นเสียงจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาแคน พร้อมยกมือไหว้ แคนรับไหว้พร้อมพยักหน้ารับรู้แล้วถามย้อนไป

"เก็บหลักฐานครบหรือยังวัฒ"

"เรียบร้อยแล้วครับพี่แคน"

วัฒหรือวัฒนาเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ซึ่งสังกัดอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษตอบแคนพร้อมยื่นถุงมือยางให้  แคนรับมาสวมแล้วก้มไปจับกระเป๋า แล้วหันมาบอกเพื่อน

"เออมันทำได้ เนียนจริงๆ ต้องงัดขอบกระเป๋าถึงเจอ"

แคนชี้ไปยังรอยที่ถูกงัดและไม่รอคำตอบจากเพื่อนเลื่อนตัวไปที่ห่อที่บรรจุเฮโรอีนที่วางเรียงซ้อนกันอยู่ แคนหยิบห่อที่อยู่บนสุดขึ้นมาแล้ว ล้วงโทรศัพท์จากในเป้ขึ้นมา แคนเปิดโทรศัพท์แล้วเปิดรูปที่ตนเองถ่ายไว้ที่โคลัมเบียขึ้นมาเปรียบเทียบกับเฮโรอีนที่อยู่ในมือ แล้วเรียกเพื่อนกับวัฒเข้ามาดู

"ดูนี่ยี่ห้อเดียวกัน วิธีการห่อเหมือนกันแพ็คอย่างดีไม่ให้กลิ่นออก"

ที่ห่อเฮโรอีนที่อยู่ในมือแคนกับในรูปที่ถ่ายมีสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งดวงประทับอยู่บนมุมด้านขวาของห่อ วัฒนาหันมามองหน้ากับธงรบ ส่วนแคนยิ้มแบบเครียดๆพร้อมพูดต่อ

"ต้องดูที่สารประกอบด้วยว่ามันจะเหมือนกันหรือเปล่า เพราะเราโดนแหกตามาเยอะแล้ว"

พูดจบแคนวางห่อเฮโรอีนลงที่เดิม แล้วถอดถุงมือยางโยนใส่ถังขยะที่อยู่ไม่ห่างออกไป ส่วนธงรบได้บอกเพื่อน

"งั้นไปเถอะ คุณอารออยู่"

แคนหันไปพยักหน้ากับวัฒนาแล้วเดินตามเพื่อนไปด้านหน้าของคลังสินค้าที่มีรถตำรวจจอดรออยู่ 2 คัน ธงพาเพื่อนไปที่รถคันที่ 2  ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถที่เบาะหลังหลังจากที่ธงพยักหน้ารถทั้ง 2 คันนั้นวิ่งออกไปทันทีพร้อมกับเปิดไฟบนหลังคา

"จะไปที่ไหน"

แคนถามไปที่เพื่อน

"ปทุมวัน"

"มีเรื่องอะไรบ้างวะ ถึงต้องลากกูจากประตูเครื่อง"

ข้อสงสัยที่เก็บเงียบตั้งแต่ได้รับวิทยุจากเพื่อนบนเครื่องบินถูกตั้งคำถามเพราะตอนนี้อยู่ในรถตำรวจ

"มันมีประเด็นที่นอกเหนือจากเรื่องรายงานที่มึงได้อ่าน เมื่อวานมีทหารตาย 2 คนตอนเข้าปะทะพวกขนยาที่เชียงราย เหมือนจะเป็นกับดักเจอศพพวกมัน 1 ศพ แต่ดูแล้วเจ็บไปเยอะมีรอยเลือดแต่เราตามต่อไม่ได้มันหนีเข้าพม่า ตอนมึงอยู่ที่โคลัมเบีย ตำรวจ ปส.โดนยิงตายตอนเข้าไปหาข่าวแถวชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ ห่างกันไม่กี่วันจับพวกขนเฮโรอีนได้ที่เมืองกาญมันยี่ห้อเดียวกันวะ ที่สำคัญไอ้ศพที่เจอกับไอ้คนที่คุมพวกขนยามันมีรอยสักรูปพระจันทร์ครึ่งดวงที่ท้องแขนด้านซ้ายเหมือนกัน"

"อืมงั้นก็เป็นพวกเดียวกัน"

"ใช่ ดูแล้วมันเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะเกือบปีแล้วที่เราจับเฮโรอีนที่มีตราประทับตราแบบนี้ แต่ตอนนี้ปริมาณมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมมีขบวนคุ้มกันอย่างดี คนที่ถูกจับหลายคนมีรอยสักพระจันทร์ครึ่งดวงแต่เราไม่ได้อะไรเลยไอ้พวกที่ถูกจับก็มันปิดปากสนิทไม่ก็ไม่รู้อะไร ตอนนี้กูถูกดึงตัวมาช่วยงานที่ ปส.แล้ว"

แคนหันไปมองเพื่อน  ธงรบได้รับเลื่อนยศเป็นพันตำรวจเอกหลังจากแต่งงานไม่เท่าไหร่พร้อมกับการย้ายไปประจำที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและตอนนี้มีลูกชายอายุขวบเศษๆ มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ ฐากับผิงตั้งท้องไล่ๆกันแต่ฐาได้ลูกสาวคลอดก่อนผิง 1 เดือน ทำเอาพ่อกับแม่ผิงดีใจอย่างมากที่ได้หลาน 2คนในเวลาไล่ๆกัน

"พอทาง DEAสหรัฐ ส่งผลสารประกอบมาให้ ทำเอาเรานั่งไม่ติดเลยต้องลากมึงมาประชุมด่วน เพราะข้อมูลที่มึงส่งมาให้มันสำคัญมากเพราะมันแสดงว่า ไอ้พวกนี้มันเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก ทั้งท่าน ผบ.กับคุณอาเลยนั่งไม่ติด"

ธงรบพูดต่อแคนรู้ว่าคุณอานั้นคือ พลตำรวจเอกพิชญ์ที่ตอนนี้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงรวมถึงเรื่องยาเสพติดด้วย ก่อนที่แคนจะเปิดเป้แล้วหยิบแฟ้มเอกสารที่นำติดมือมาส่งให้เพื่อนอ่านแล้วตนเองมองไปนอกรถที่ตอนนี้วิ่งตามรถตำรวจที่นำ รถทั้งสองคันต่างเปิดไฟสัญญาณบนหลังคาและขับด้วยความเร็วสูงบนมอเตอร์เวย์ พร้อมกับความคิดเรื่องชองเฮโรอีนยี่ห้อนี้มันเริ่มจากการที่จับได้ในปริมาณที่น้อย แต่ต่อมาเริ่มมีปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ที่จับได้จะไม่เกินครั้งละ 20 กิโลกรัมและที่น่าแปลกใจคือเส้นทางการขนนั้นมันกระจายไปทั่ว ตั้งแต่ภาคเหนือไล่ตามแนวภาคตะวันตกจนถึงกาญจนบุรี จากเฮโรอีนที่ประทับตราพระจันทร์ครึ่งดวงดูจะเป็นรายย่อยแต่ตอนนี้มันขยายเป็นรายใหญ่แถมไปถึงทวีปอเมริกาใต้และสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย หลายครั้งที่ถูกจับกุมคนที่คอยควบคุมดูแลการขน ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี มีทั้งคนไทย คนลาว พม่า กระเหรี่ยง และทุกคนจะมีรอยสักรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ท้องแขน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ทุกคนจะให้การว่าถูกว่าจ้างให้มาควบคุมเท่านั้น แต่ไม่ยอมบอกถึงคนที่ว่าจ้างและแหล่งที่มา อย่างชัดเจน จนช่วงหลังๆเริ่มมีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ระหว่างที่เข้าจับกุมมากขึ้น ล่าสุดคือการสูญเสียทหาร 2นายและตำรวจที่เข้าไปหาข่าวอีก 1นาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือรายงานของสารประกอบในเฮโรอีนมันเป็นสารประกอบชนิดเดียวกับที่เคยถูกจับเมื่อหลายปีก่อน

มีการตรวจเจอสารประกอบแบบนี้เมื่อหลายเดือนก่อนแต่ครั้งต่อๆมาบรรดาเฮโรอีนยี่ห้อเดียวกันที่ถูกจับกลับเป็นสารประกอบแบบธรรมดาเหมือนเฮโรอีนทั่วๆไป มีหลายครั้งที่การจับกุมในสายตาของแคนดูมันง่ายไปเหมือนกับล่อให้จับเพื่อให้เจ้าหน้าหน้าที่พะวักพะวง กับบรรดาข้อมูลต่างๆที่มีเข้ามา จนมีการจับกุมที่สหรัฐทำให้รู้ว่าเฮโรอีนยี่ห้อนี้ได้เข้าไปถึงสหรัฐแล้ว รวมถึงในโคลัมเบียที่พึ่งถูก DEA เข้าจับกุมโดยแคนเข้าไปสังเกตการณ์ด้วย ทางตำรวจพยายามค้นหาแหล่งผลิตและนายทุนแต่ทุกอย่างยังมืดมนอยู่ ทางการแทบจะไม่มีข้อมูลอะไร แต่พอเห็นเรื่องสารประกอบที่ผสมในเฮโรอีนแล้วทำให้แคนนึกถึง "กำนันน้อม"ขึ้นมา

"ไอ้น้อมมึงยังทิ้งพิษสงไว้อีกหรือไง ทั้งๆที่มึงไปลงนรกแล้ว"

มันเป็นความคิดของแคน เพราะสารประกอบนั้นเป็นแบบเดียวกับที่กำนันเคยขนมาขายก่อนจะถูกแคนฆ่าทิ้งเหมือนหมาข้างถนนในป่าลึกที่พม่า    หลังจากมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธงนำเพื่อนไปที่ห้องประชุมทันที  ภายในห้องประชุมนอกเหนือจาก ผบ.ตร.กับเลขาป.ป.ส. รวมไปถึงเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังมีท่านรองนายกนั้นนั่งรออยู่พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายนาย ทั้งคู่ต่างเดินไปทำความเคารพทันที ท่านรองนายกตบที่บ่าแคนเบาๆ

"รบกวนหน่อยนะลูก"

"ครับพ่อ"

แคนรับคำสั้นๆก่อนที่รองนายกจะหันไปพยักหน้ากับ ผบ.ตร.และเลขา ป.ป.ส. ทุกคนต่างเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยธงกับแคนไปนั่งอีกด้านหนึ่ง และหลังจากที่นั่งไม่เท่าไหร่ โจ้ที่ตอนนี้มาเป็นตำรวจติดตามรองนายกได้ถือแก้วกระดาษของกาแฟยี่ห้อดัง

"เอ้านี่แคน รู้ว่าเพลีย ท่านสั่งให้ไปซื้อมาให้แก้วนี้มันเข้มข้นกว่าแก้วบนโต๊ะ"

"ขอบคุณครับพี่"

แคนรับมาพร้อมรอบยิ้มที่เหนื่อยๆสายตาเหลือบไปมองแก้วกาแฟที่วางอยู่ข้างหน้าที่มีเจ้าหน้านำมาเสิร์ฟให้ โจ้นั่งลงข้างๆแคนและแคนหยิบแฟ้มที่ถือมาส่งให้โจ้อ่าน มันอยู่ในช่วงเวลาก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น โจ้นั่งอ่านจนจบแล้วอุทานเหมือนกับธงที่อ่านไปแล้ว

"ฉิบหายละสิ มันไปไกลกว่าที่เราคิด แล้วท่านรู้หรือยัง"

"ใช่แล้วพี่โจ้ พ่อพอจะรู้แต่ยังไม่รายละเอียดของข้อมูลเท่าไหร่"

แคนตอบคำถามนายตำรวจติดตามแล้วยิ้มเครียดๆ ซึ่งการประชุมได้เริ่มขึ้นพอดีโดยท่านรองนายกเป็นประธานในที่ประชุม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นคนบรรยาย สาระสำคัญของเกี่ยวกับเฮโรอีกยี่ห้อพระจันทร์ครึ่งดวงและบรรดาสารประกอบที่ถูกตรวจสอบได้

"จากช่วงแรกๆ ที่เราจับได้สารในเฮโรอีนนั้นเป็นสารเหมือนกับเฮโรอีนทั่วๆ ต่อมาเราเริ่มจับพวกที่มีสารประกอบแบบเดียวกับที่เคยจับได้เมื่อ 5 ปี ทีแล้ว แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งไปที่จะเป็นเฮโรอีนที่มีสารประกอบแบบนี้ดูจะมีการสลับสับเปลี่ยนไปทั่วและเราสงสัยว่าคน คนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง"

พอภาพปรากฏขึ้นที่จอแคนยิ้มแบบเหยียดๆ เพราะจำได้ดีว่าคือใคร

"คนในภาพชื่อนายคำรณตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นอุกฤษเป็นที่เรียบร้อยหลังจากออกจากคุก เราให้ความสงสัยอย่างมากว่านายอุกฤษนี้จะมีส่วนกับเฮโรอีนพวกนี้ เพราะตอนนี้เราไม่สามารถหาตัวว่าไปกบดานอยู่ที่ไหน ประเด็นที่เราเชื่อเพราะนายอุกฤษมีส่วนร่วมกับการผลิตเฮโรอีนที่เราเคยจับได้เมื่อหลายปีก่อน ที่ผลิตโดยพวกว้าแดงถึงนายอุกฤษจะมีส่วนในการตรวจสอบคุณภาพของเฮโรอีนให้กับอดีตกำนันบุญส่งก็ตามที แต่ความเชี่ยวชาญที่เป็นนักเคมีฝีมือดีที่มีอยู่คงไม่ยากที่จะเป็นคนนำสูตรที่คุ้นเคยมาผสมในการผลิตเฮโรอีน"


นายตำรวจที่เป็นคนบรรยายได้บอกข้อมูลเพิ่มเติม คำรณหรืออุกฤษนั้นติดคุกไม่นานเพราะโทษที่ได้รับนั้นไม่หนักเพราะการกระทำความผิดนั้นส่วนมากเป็นการกระทำผิดนอกราชอาณาจักร ก่อนจะบอกถึงเรื่องการจับกุมเฮโรอีนครั้งล่าสุดที่แคนรู้เรื่องจากเพื่อน รูปรอยสักของพวกที่ถูกจับกุมและคนที่ถูกยิงตายได้นำมาฉายบนจอที่ปรากฏอยู่บนจอใหญ่และจอที่อยู่ตรงหน้าของผู้ที่เข้าร่วมประชุม พร้อมกับรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ถูกยิงตายในรถระหว่างรอพบสายในจุดที่ไม่ห่างจากชายแดนเท่าไหร่ เป็นการจ่อยิงในระยะประชิดเข้าที่ท้ายทอย แต่ไม่มีร่องรอยหรือหลักฐานใดๆทั้งสิ้น กระสุนที่ยิงเป็นกระสุนขนาด .32 ทางตำรวจหาปลอกกระสุนไม่เจอ สันนิษฐานว่าคนร้ายใช้ปืนลูกโม่จ่อยิง  แล้วภาพบนจอฉายภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ระบุที่ตั้งหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในพื้นรอยต่อบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อยู่ห่างจากชายแดนไทยไปประมาณ 3กิโลสามารถเดินเท้าหรือนั่งรถเข้าไปได้

"หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ทางเราสงสัยว่าจะเป็นจุดพักยาเสพติด มีอยู่ประมาณ 30-35 หลังคาเรือน คนในหมู่บ้านมีหลากเชื้อชาติ ทั้งไทย พม่า ลาว เขมร จีน ส่วนใหญ่เป็นจะเป็นพวกวัยรุ่นพวกที่นิสัยเกเร หนีออกจากบ้านมารวมกันอยู่ที่นี่ เราไม่มีข้อมูลละเอียดนักแต่มีการตั้งชื่อว่าหมู่บ้านตะวันลับ"

ภาพบนจอเปลี่ยนเป็นภาพถ่ายทางอากาศจากกล้องแทน แสดงให้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ในบนเนิน การปลูกสร้างนั้นดูไม่เป็นระเบียบ มีถนนลูกรังผ่ากลางหมู่บ้าน

"ตำรวจที่ตายกำลังจะเข้าไปหาข่าวในหมู่บ้านนี้ใช่หรือเปล่า"

ท่านรองนายกเป็นคนถาม

"ใช่ครับท่าน แต่เรามีภาพถ่ายที่คนของเราเข้าไปถ่ายก่อนหน้านี้มาได้อยู่3-4ภาพครับ"

ภาพที่ทุกคนเห็นจะเป็นภาพถ่ายจากพื้นดินในระยะไม่ห่างออกไปนัก ลักษณะการปลูกสร้างของบ้านส่วนใหญ่จะเป็นไม้ผสมปูน

"พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของประเทศไหน"

ท่านรองนายกถามอีกครั้ง

"หมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้2ปีแล้วครับท่าน มันเป็นพื้นที่รอยต่ออยู่ไม่ห่างจากเราตอนนี้พม่ากับลาวก็อ้างสิทธิครอบครองแต่ยังเจรจากันไม่เสร็จ ทำให้ไม่ยังไม่มีการยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ของประเทศไหนแน่ชัดแต่หมู่บ้านสร้างได้สบายๆ แต่เราก็ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าประเทศไหนหรือกลุ่มอิทธิพลไหนในตอนนี้ดูแลอยู่ไม่อย่างนั้นคงสร้างไม่ได้ เรามาจับตาดูจริงๆก็ช่วง 1ปีที่ผ่านมาแต่ไม่ได้อะไรมามากนักนอกจากเฝ้ามองอยู่ห่างๆครับ เท่าที่รู้คือไม่มีการส่งกำลังของทางพม่าหรือลาวเข้ามาดูแล พอเราจะส่งคนเข้าไปหาข่าวก็ถูกฆ่าตายก่อน"

ท่านรองพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะมีการบรรยายต่อเรื่องการปะทะของทหารกับพวกขนยาเสพติด แคนดูภาพที่ถ่ายหลังจากปะทะและภาพมุมสูงของบริเวณพื้นที่จุดปะทะซึ่งการบรรยายนั้นตรงกับความคิดของแคนหลังจากที่เห็นในสายตาของผู้ชำนาญการในยุทธวิธีคนหนึ่ง ตรงมุมบนด้านขวานั้นเป็นพื้นที่สังหารเป็นพื้นที่ล่อให้ทหารเข้าไปจับที่ระบุว่าเป็นจุดที่พวกมันซุ่มอยู่ โดยปล่อยให้พวกคนขนยาทำทีเป็นเดินเข้ามา และจากจุดนั้นพวกนั้นเห็นฝ่ายทหารไทยได้อย่างชัดเจน ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบจนทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น

"ใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า"

เป็นคำถามจากรองนายกหลังจากที่มีการบรรยายสรุปเรียบร้อย แต่ไม่ใครยกมือ ท่านรองนายกจึงพูดขึ้นต่อ

"เอาละ ตอนนี้ผมขอให้ผู้การพีรพล ช่วยบอกข้อมูลที่ได้มาจากทางสหรัฐด้วยครับ เพราะหลายๆคนในนี้ยังไม่รู้"

แคนกดสวิตช์ไมค์โครโฟนที่อยู่ตรงหน้าทันที


"ก่อนอื่นผมบอกก่อนว่า ข้อมูลที่ผมจะพูด ขอให้ฟังจากผมก่อนเพราะเอกสารเตรียมไม่ทันครับ ทุกอย่างอยู่ในมือผม"

แคนยกแฟ้มในมือขึ้นก่อนจะสูดลงหายใจลึกๆแล้วพูดต่อ


" ตามที่เราได้ฟังบรรยายสรุปกันมาแล้ว ทำให้รู้ว่าเครือข่ายนี้มันซับซ้อนมาก จะเกี่ยวข้องกับพวกในหมู่บ้านตะวันลับหรือไม่เรายังต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่หลายๆครั้งที่ผมสังเกตว่าการจับกุมนั้นง่ายไป เหมือนพวกมันจะจงใจให้เราจับเพื่อดึงดูดความสนใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ อย่างที่เราจับได้สดๆร้อนๆในวันนี้ที่มีการยัดเฮโรอีนลงไปในกระเป่าเดินทางโดยปลายทางอยู่ที่โคลัมเบีย ผมเห็นว่าทำช่องเก็บได้อย่างประณีตมาก แต่ดูจากรายงานที่ได้แล้วเหมือนเราจะจับกุมได้ง่ายเกินไปเหมือนกับจะเป็นการท้าทายทางเราเพราะผมว่าคนที่ขนคงรู้ข่าวเรื่องของที่ถูกจับที่โคลัมเบียแล้ว และเดาว่าที่ถูกจับได้วันนี้มันน่าจะเป็นเฮโรอีนที่ไม่ใช่แบบสูตรพิเศษครับ ส่วนเรื่องที่ผมจะบอกคือ ทุกคนคงรู้แล้วว่ามีการจับเฮโรอีนพร้อมโคเคนจำนวนมากที่ได้ที่โรงงานผลิตในประเทศโคลัมเบีย และมีรายละเอียดบางส่วนที่ทาง DEA สหรัฐส่งเข้ามาให้ เราจะเห็นได้ว่าสารประกอบที่ตรวจสอบได้นั้นผมขอเรียกว่าแบบพิเศษแล้วกันจะได้จำกันง่าย ทำให้เรารู้ว่าเฮโรอีนชุดนี้มันถูกส่งไปพักที่โคลัมเบียก่อนจะส่งเข้าสหรัฐพร้อมด้วยโคเคน และข้อมูลที่ผมจะเพิ่มเติมคือมีโคเคนที่ถูกจับจำนวนหนึ่งที่จะถูกส่งมาที่ประเทศไทย ข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนคือมันเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างเฮโรอีนกับโคเคน แต่เรื่องวิธีการขนไอ้คนที่ถูกจับมันบอกไม่รู้"

แคนเว้นระยะเพื่อจิบกาแฟก่อนจะพูดต่อ

"ตรงนี้ทำให้เห็นว่าเครือข่ายนี้กว้างไกลมากและสร้างตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้มันไปถึงเม็กซิโกเป็นที่เรียบร้อย มีการติดต่อกับพวกคาเทลที่มีอิทธิพลสูงที่นั่น แต่ตัวยายังไปไม่ถึง อันนี้เป็นข้อมูลที่ทำให้ผมต้องรีบกลับจากโคลัมเบียมาไทย ทางสหรัฐได้มาจากสายที่แทรกซึมเข้าไปว่าเมื่อ 10 วันที่ผ่านมามีการพบปะกัน โดยมีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปเจรจากับหัวหน้าแก็งส์ค้ายาที่นั่นครับ แต่ยังไม่มีรายละเอียดมากนักแต่มีการเรียกชื่อคนไทยที่ไปว่า "มาดอนน่า" ทางสหรัฐกำลังสืบอยู่ ว่าคือใคร?และอีก2-3 วัน ทางสถานทูตอิสราเอลคงจะแจ้งมายังรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการเรื่องการจับเฮโรอีนที่ขนมาจากไทย เป็นยี่ห้อเดียวพระจันทร์ครึ่งดวงเหมือนกันแต่พวกนั้นกำลังตรวจสารประกอบอยู่ครับ"

"แล้วเรื่องทางอิสราเอลนี่ผู้การทราบได้ยังไงครับ"

เป็นคำถามจากเลขาธิการสภาความมั่นคง

"ตอนผมอยู่ที่ญี่ปุ่นผมได้รับโทรศัพท์และตามด้วยอีเมลจากเพื่อนในมอสสาดครับ ส่วนรายละเอียดต่างๆรอให้ทางนั้นแจ้งอย่างเป็นทางการดีกว่าครับ ที่ล่าช้าก็เป็นเพราะระบบราชการครับและคงรอเรื่องสารประกอบให้แน่ชัดก่อน"

ทุกคนในห้องประชุมต่างตั้งใจฟังที่แคนพูด เพราะรู้ดีว่าหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ป.ป.ส.คนนี้ไม่ธรรมดา นอกจากมีฝีมือที่ได้รับการยอมรับ แคนยังได้เข้าไปร่วมอยู่ในชุดปฏิบัติการพิเศษของ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และเป็น 1 เดียวจาก ป.ป.ส.ที่ได้เข้าร่วมกับทีมของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลหรือ ศตก. นอกเหนือจากการรับหน้าที่เป็นครูฝึกของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของทางตำรวจ รวมถึงเรื่องการได้รับความยอมรับจากทาง DEAและ Seal ของสหรัฐยังไม่รวมถึงการไปฝึกหลักสูตรต่างๆของสหรัฐ ทำให้รู้จักกับพวกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของหลายๆชาติ แต่มีเพียง2-3 คนในห้องนี้เท่านั้นที่รู้เรื่องการปฏิบัติการลับของแคนในพม่า  เช่นเดียวกับนายตำรวจที่นั่งข้างๆแคน ที่มีผลงานการแฝงตัวจนทำให้ผู้มีอิทธิพลที่เป็นหัวหน้าแก็งส์ค้ายารายใหญ่ 2 รายต้องจบชีวิตลง ทั้งธงรบกับพีรพลต่างได้รับการยอมรับอย่างมาก  มีการซักถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก ผบ.ตร.อีก3-4 คำถาม ก่อนที่ท่านรองนายกจะกล่าวปิดประชุม

"ต่อจากนี้ผมอยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห้องนี้เร่งหาข้อมูลของเครือข่ายนี้ให้เร็วที่สุด พรุ่งนี้ผมจะไปรายงานท่านนายก เครือข่ายนี้มันใหญ่กว่าที่เราคิด ต้องสืบให้แน่ชัดว่าใครอยู่เบื้องหลังหรือจะเป็นพวกเหลือรอดของนายบุญส่งที่หนีรอดจากการกวาดล้างแล้วไปรวมกับกับนายอุกฤษ ผมอยากให้สืบให้แน่ชัด งานนี้ขอให้ละเอียดอย่างมาก พร้อมกำชับไปยังพวกเจ้าหน้าที่ให้ระวังตัวมากที่สุด"

หลังจากนั้นแคนกับธงได้ถูกเรียกไปคุยกับท่านรองนายกกับ ผบ.ตร.และเลขา ป.ป.ส.อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะที่จะแยกย้ายโดยธงได้เดินไปส่งเพื่อนที่รถคันที่นั่งมา

"มึงไปพักผ่อนก่อน กูว่างานนี้หนักแน่"

"เออกูก็ว่าแบบนั้น รู้สึกว่างานนี้ทาง DEA สหรัฐไม่ปล่อยแน่"

แคนพูดกับเพื่อนก่อนจะขึ้นรถ ภายในรถตำรวจที่เป็นคนขับได้หยิบถุงพลาสติกที่วางอยู่เบาะหน้าข้างคนขับหันมาส่งให้แคน

"ผู้การครับ คนขับรถท่านรองนายกเอาของมาฝากให้ผู้การครับ"

"ขอบคุณมาก"

แคนยื่นมือไปรับเพราะรู้ว่ามันคืออาหารที่ท่านรองนายกบอกไว้แล้วว่าเตรียมให้แคนเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วและแคนถูกเรียกตัวมาประขุมด่วนไม่น่าจะมีเวลาหาซื้ออาหาร หลังจากกลับถึงคอนโด ทั้งๆที่เป็นเวลาตี 2เศษๆ แต่แคนนั้นทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยก่อน  เพราะห้องที่ไม่อยู่เดือนเศษนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ด้วยนิสัยประจำตัวและสิ่งที่ได้รับการอบรมมาแคนยอมเหนื่อยอีกครั้ง และใช้เวลาชั่วโมงเศษเศษๆในการทำความสะอาดห้อง ซักผ้า ก่อนจะทานอาหาร และเข้านอนในช่วงเช้ามืดซึ่งแคนหลับไปในทันทีด้วยความเหนื่อยล้า แต่เจ้าตัวหารู้ไม่ว่ามีผู้หญิง 2คนกำลังนึกถึงอยู่ คนแรกคือแอนเพราะหลังจากที่แคนลงจากเครื่องไปแล้วระหว่างที่พวกลูกเรือต่างนั่งอยู่ในรถที่มารับไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองพวกลูกน้องต่างถามไปที่แอน

"พี่แอนเห็นคุยอะไรกันนะ"

"เขาจำพี่ได้ว่าเคยไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านของแม่เขา"

แอนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้ม ทำเอาบรรดาแอร์โอสเตสต่างพากันแหย่เธอไม่หยุด ส่วนอีกคนคือหมออ้อมที่ยังแปลกใจตัวเองไม่หายว่าทำไมถึงให้ความสนใจกับผู้ชายคนนี้อย่างมาก


หลังจากนั้นอีก 3 วันที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แคนกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ที่อยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษรวม 4 คน นั่งอยู่ในรถฟอร์จูนเนอร์ เพื่อซุ่มดูการส่งเฮโรอีนโดยเพราะมีการรายงานจากสายเข้ามาว่าวันนี้จะมีการส่งมอบเฮโรอีนที่ลานจอดนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดนั้นอยู่ไม่ห่างออกไปแคนนั่งคู่คนขับ ทั้งหมดต่างฟังการรายงานจากวิทยุของตำรวจ ซึ่งทางป.ป.ส.มีหน้าที่สนับสนุนการจับกุมในครั้งนี้ จนมีรายงานว่ารถที่นำเฮโรอีนมา ได้เข้ามาในพื้นที่เรียบร้อย สายตาของทุกคนเห็นรถที่ได้รับรายงาน

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

T-maesai

ขอบคุณครับ น่าติดตามเข้ากับเหตุการณ์ช่วงนี้ได้ดีครับ ข่าวเห็นจับคนขนแป้งไปออสเตรเลียอีกแล้ว

singkanong

มาได้จังหวะWork from home อ่านเพลินชวนให้ติดตามแม้ไม่มีบทเสียวน่ะ

Tik K.


gusjung111

มีเรื่องตื่นเต้นมาให้อ่านอีกละ ขอบคุณครับ

Slave

หายไปนานเลยนะครับ.... แต่ยังเข้มข้น​เหมือนเดิมเลย.. ขอบคุณ​มาก​ครับ​

cobra888

Ep1 ก็สนุกแล้ว แล้ว Ep2. จะแซ่บขนาดไหน ::Hunger::

จรัญ บุญชู

แคนคงต้องทำหน้าที่ต่อไป...เพราะรายใหญ่ยังไม่สิ้นซาก

ones26421

แคน จะได้ใครเป็นคู่ระหว่างแอร์สาวกับ หมอคนสวย หรือได้ทั้งคู่

bossbellbest


fufu22

เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตามตลอดทุกเรื่องครับ

ผู้เฒ่าเซราะกราว

เริ่มเรื่องมาแคนก็เจองานสุดหินเข้าแล้ว คนที่ใช้ชื่อมาดอนน่านี่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ จะเป็นสาวนักเคมีในภาคที่แล้วหรือเปล่านะ....????

Nobita Nobituta

เรื่องราวชวนติดตาม มีพ่อค้ายาใหญ่ออกมาให้พระเอกจัดการอีกแล้ว

beerony


jackkie

ขอบคุณ​ครับ​ผู้​แต่​ง​สนุก​น่า​ตื่นเต้น​ติดตาม​ครับ​ รอนานเหมือนกัน​นะ​ครับ​ภาคต่อ