ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 7 ] ตอนที่ 97 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, สิงหาคม 08, 2022, 12:16:42 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ลงต่อกันเลยไม่ต้องรอนาน

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง



สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ




★★★★★★★★★★★



ปล.3 เนื่องจากตอนนี้เป็นการเล่าระหว่างผมกับพี่หมิวสลับกัน เพราะงั้นเพื่อไม่ให้สับสัน

ประโยคไหนที่พี่หมิวเล่าผมจะขอเน้นสีแดงไว้ครับ




★★★★★★★★★★★




ความเดิมตอนที่แล้ว

หลังจากเคลียร์เรื่องอะไรต่างๆ แล้วผมก็กลับเข้าในงานนั่นแหละครับ

ผมเฝ้ามองงานต่อไปเรื่อย ถึงทาเคชิจะบอกว่า จะดูแลคุณรุกะเอง

แต่ผมก็ยังต้องสอดส่องทำงานอยู่ดี ตอนนั้นพี่แมนก็เข้ามาคุยกับผมครับ

แปปนึงพี่หมิวก็เดินมาบอกว่าพ่อเรียก อ่ะพี่แมนก็ไป

แต่ก่อนไปพี่แมนวางระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้เลย

เพราะพี่แมนบอกว่าเดี๋ยวพี่มานะน้องเขย ผมก็ตกใจ

พี่หมิวก็ถามอะไร น้องเขยอะไร พี่แมนก็เลยบอกว่า

เอ๊าาาา ได้กันแล้วไม่ใช่เหรอออออออ



★★★★★★★★★★★




นายโทนไดอารี่ 97










พี่หมิวมองตาขวางเลยครับ พี่หมิวบอก ไอ้ลิงบ้านี่ไปพูดอะไรจนพี่แมนจับได้เนี่ย ผมก็บอกเปล่าาาา  ผมไม่เกี่ยวเลย แล้วพี่หมิวก็ถามว่าแล้วพี่แมนรู้ได้ไง..  ผมก็นึกถึงตอนที่ฝึกซ้อมเตรียมตัวมาทำงานนี้ แล้วเอาน้ำมาให้ผมกิน ซึ่งพอผมจะบอก พี่หมิวก็เบรกเอาไว้แล้วบอกให้ตามมา ก็ทำท่าพูดกับไมโครโฟน แล้วเดินตามพี่หมิวไปครับ สร้างภาพเข้มๆว่ามีปัญหาซักหน่อย มันเป็นห้องพักครับ พี่หมิวจับที่ปกเสื้อผมแล้วพูดใส่ไปในไมค์




" พี่รุจน์ขอหมิวเคลียร์กับไอ้ลิงบ้าเป็นการส่วนตัวหน่อย อยู่ห้องพัก "




ผมก็งงว่าพี่หมิวจะพูดทำไม แต่แปปเดียวเท่านั้นแหละพี่รุจน์ก็ตอบกลับมา ปิดกล้องเรียบร้อยครับคุณหมิว ... โอ้โหเฮ้ย !!! ขนาดนี้เลยเหรอ หูยย ตอนนี้แย่แล้วครับคุณผู้อ่าน ด้วยความที่ต่องขยับมาพูดใส่ไมค์ใกล้ๆปกเสื้อ หน้าผมกับพี่หมวนี่ก็ใกล้จนจะแนบอยู่แล้วคร๊าบ ลมหายใจคือรดปลายจมูกกันแล้ววว


ยิ่งตอนขยับถอดตัวรับส่งเสียงออกจากคอผมด้วยนี่ แทบจะจู๊ปกันแล้ว พี่หมิวเธอมองหน้าแบบใกล้ๆแล้วบอกว่าอย่าคิดว่าจะจูบเชียวล่ะตบนะบอกเลย ผมก็ว่าเอ๊าจะตีผมเฉยเลย พี่หมิวบอกว่าเดี๋ยวลิปสติกเลอะปากจะทำไง ขี้เกียจแต่หน้าใหม่ ผมก็เลยถามกวนๆไปว่างั้นถ้าไม่แต่งหน้าก็ทำได้ดิ่



พี่หมิวเธอกลับมายืนท่าเดิมแล้วบีบปากผมไว้ แล้วพูดว่าอย่าให้มากไปไอ้ลิงหัวหงอก สารภาพบาปมา ไปทำยังไงพี่แมนถึงจับได้ ผมก็บอกเดี๋ยวๆ ผมจะไปหลุดได้ยังไง วันๆก็เอาแต่ซ้อม ๆ ๆ ๆ  แล้วอีกอย่างผมเองก็ไม่อยากให้พี่แมนรู้อยู่แล้วด้วยครับเจ๊หมิว แต่.... ผมพูดแต่ค้างไว้พี่หมิวก็ถามว่าอะไร



ผมก็ถามเจ๊หมิวกลับไปก่อนว่า เจ๊หมิวจำวันที่เจ๊เข้ามาที่โรงยิม แล้วผมนั่งคุยกับพี่แมนได้มั้ย ที่เจ๊ถามนินทาอะไรกันน่ะ เจ๊หมิวบอกจำได้ ผมก็บอกว่าอื้อ... ก่อนหน้านั้นผมก็นั่งพักเฉยๆแหละ แต่พี่แมนเอาน้ำมาให้แล้วคุยกันไปๆมาๆ เขาก็แซวว่าเรียกผมว่าน้องเขยดีกว่า ก็เจ๊หมิวกับผมกุ๊กๆกิ๊กๆกันแล้วนี่นา




พอผมพูดแบบนี้ไป เจ๊หมิวแบบจ้องตาเขม็งเลย แล้วบอกว่านี่ไงนินทาจริงๆด้วย พี่หมิวหยิกแก้มผมเลยแล้วบอกไอ้ลิงบ้าเอ๊ยยย ไปทำให้พี่แมนจับได้ได้ไง ผมก็บอกผมเปล๊า ตอนนั้นผมก็เงียบๆอ่ะค๊าบ แต่พี่แมนบอกว่าเฮ้ยพี่รู้นา ก็ไอ้หมิวมันค้างบ้านเอ็ง  กลับมาก็ยิ้มแฉ่งแบบนั้น ดูก็รู้แล้ว พี่หมิวถามฮ๊ะพี่แมนพูดงั้นเหรอ ผมบอกอื้อออ เจ๊ถามพี่แมนก็ได้ ผมไม่ได้โกหกนะ



พี่หมิวก็ปล่อยมือที่หยิกผมครับแล้วบอกว่าถ้าไปถามก็โดนล้อยันปลายนู่นแหละจะไปถามทำไม พี่หมิวพูดแล้วก็ไปนั่งที่โซฟาแล้วบอกฮึ๊ พี่บ้า ผมก็ไปนั่งข้างๆแล้วบอกว่าผมขอโทษนะเจ๊หมิว พี่หมิวมองแล้วพูดว่าอย่าขอโทษบ่อยๆได้ป่ะ ไม่ได้ทำผิดอะไรจะขอโทษทำไมบ่อยๆ ผมก็มองหน้าพี่หมิวไปแบบนั้น ผมก็พูดอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะ



พี่หมิวถลันเข้ามาหยิกแก้มผมแล้วบอกว่า พี่แมนเขาตาแหลมเองที่มองออกจะมาขอโทษทำไม ผมก็บอกอ๋อย อ๋ม เอบบบ คือเจ็บจริงเจ๊หมิวเธอหยิกแบบกะให้เจ็บเลย พี่หมิวบอกว่าทำก็ทำด้วยกันจะขอโทษทำไมนักหนาไอ้ลิงบ้า ผมก็เผลอเอามือไปโอบเอวพี่หมิวเขาไว้ ผมบอกอ๊อย อ๋ม เอบ พี่หมิวก็เลยปล่อยครับ




แล้วพี่หมิวก็เหมือนหน้าตาตื่นนิดๆรีบขยับเข้ามาดูที่หน้า เธอพูดแบบตกใจ เจ๊หยิกแรงไปเหรอ ทำไมช้ำแบบนี้ล่ะ เจ๊หมิวพูดแล้วก็จับหน้าผมพลิกไป ซ้าย ขวา ผมบอกเปล่าๆ ก็ผมโดนต่อย โดนกระแทกมานิดนึงไง เจ๊ไม่เกี่ยวหรอก เจ๊ไม่ได้ทำแรงอะไรขนาดนั้น เจ๊หมิวก็ยังจำหน้ามองๆ มองๆ แล้วพูดว่าทำไมโดนเยอะแบบนี้ล่ะ



ผมก็บอกว่าเจ๊ครับ ฝั่งนู่นเคยเป็นทหารเอย เคยทำงานมาหลายปีเอย ผมจะไร้รอยขีดข่วนได้ไง ถ้าต้องสู้กับพวกนั้น ผมพึ่งกลับมาเข้าโรงยิมได้ 7 วันเองนะ ได้แผลมานิดเดียวนี่ก็ปาฏิหาริย์แล้ว พี่หมิวเธอจับหน้าผมแล้วบอกว่า เหนื่อยมั้ยผมส่ายหน้าบอกไม่เลยยยย พี่หมิวบอกไม่ใช่งานวันนี้ แต่ช่วงที่เตยยังไม่หายโกรธน่ะเหนื่อยมั้ย



อื้อหืออยู่ดีๆบ่อน้ำตาก็มาว่ะ เอาจริงๆคำพูดนิดเดียวที่สะกิดใจอ่ะมันดึงน้ำตาได้จริงๆนะ แต่ช่วงนี้คือผ่านมาแล้วไง ถ้ามาถามตอนที่กำลังมาคุมาคุอยู่ล่ะก็ผมคงน้ำตาแตกอ่ะ แต่ก็ซึมนิดๆ ผมบอกไปว่าไม่เหนื่อย แต่กลัวว่าจะไม่ได้คุยกับเจ๊เตยอีก พี่หมิวก็ถามว่าโกรธเจ๊มั้ยที่ตอนนั้นเจ๊เข้าข้างเตย พอถามมาแบบนี้ผมส่ายหน้าทันที



ผมบอกว่าไม่โกรธเลย มันดีกว่าด้วยอ่ะที่เจ๊ไปเข้าข้างเจ๊เตยแบบนั้น เพราะอย่างน้อยเจ๊เตยจะได้รู้สึกว่ามีคนเข้าข้างเจ๊เตย ไม่ใช่พากันทิ้งเจ๊เตยหมด ถ้าเป็นแบบนั้นเจ๊เตยคงเตลิดไปไกลอ่ะครับ ให้ผมพยายามหาคำขอโทษเรื่องที่ทำผิดแค่อย่างเดียวยังดีซะกว่า ถ้าเจ๊มาเข้าข้างผมอีก เจ๊เตยก็จะพาลไปอีกเรื่องแน่ๆว่าเจ๊ไม่รักเจ๊เตยแต่มาเข้าข้างผม


เชื่อผมสิ่ครับคุณผู้อ่าน ไม่ต้องถึงเข้าข้างผมหรอก ถ้าวันนั้นแค่เจ๊หมิวพูดว่าให้เจ๊เตยใจเย็นๆ เจ๊เตยก็คงอาละวาดยับแน่ๆ ดีแล้วที่วันนั้นโดนจับได้แล้วพี่หมิวเลือกที่จะโยกไปเข้าข้างพี่เตยโล่ง อ่ะกลับมาต่อ พอผมอธิบายไปแบบนั้นพี่หมิวก็กอดคอแหละครับแล้วบอกขอโทษนะที่ให้เหนื่อยอยู่คนเดียว



ผมก็บอกม่ายเลย แล้วผมก็กอดเอวเจ๊หมิวไว้แบบนั้นแหละครับ ใจเต้นตุ้บ ๆ ๆ ๆ เลย ตัวพี่หมิวหอมมากกกก เลยเผลอไซ๊หอมที่ต้นคอไปทีนึง พี่หมิวก็บอกว่าเดี๊ยะเถอะไอ้ลิงทำอะไร ผมก็ค่อยขยับตัวมาบอกว่าก็หอมง่ะ แล้วก็จะหอมที่ซอกคอทีนึง แต่โดนพี่หมิวหยิกแก้มมั่บบบ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเถอะ ที่สาธารณะแท้ๆจะหื่นก็ให้มันมีลิมิตบ้างเถอะ ผมก็อ๋อยยยย แล้วก็กอดเอววว


พี่หมิวก็ตีมือเผี๊ยะแล้วบอกว่า ยังอีก ยังอีก ผมก็โถ่ววว พี่หมิวหยิกแก้มอีกทีแล้วบอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้าน ทำอะไรระวังๆตัวหน่อย ผมก็เลยพูดไปว่างั้นที่บ้านทำได้ดิ่.....  พี่หมิวก็จิ้มหัว จึ้กๆแล้วบอกผมว่า สองทีแล้วสลบยังกล้าพูดอีกเหรอไอ้ลิงบ้า อ่อนจริงๆ โอ้โห !!! ดูพี่หมิวพูดดดดดดดดดดด 



แล้วตอนนั้นเธอก็บอกไม่มีเรื่องจะถามแล้ว กลับเข้างานไปได้แล้ว เดี๋ยวเจ๊ตามไป ไปบอกพี่รุจน์ด้วยว่าให้เปิดระบบเหมือนเดิม แล้วก็ลบวิดีโอในกล้องช่วงที่เดินมาที่ห้องพักด้วย ผมก็ครับเจ๊ได้ครับ พอลุกขึ้นพี่หมิวก็ขยับชุดให้ผม เหมือนจัดเครื่องแต่งกายให้อีกที ปัดๆที่ปกเสื้อแล้วบอกโอเคเรียบร้อย เดี๋ยวเจ๊ตามไป ผมก็ครับเจ๊



แล้วผมก็เดินไปที่ห้องกล้องครับ แล้วก็บอกพี่รุจน์ตามที่พี่หมิวบอก พี่รุจน์บอกเดี๋ยวจัดการให้ แล้วก็พูดกับผมว่าเตรียมตัวไว้นะ พี่คิดว่าพวกชิบะมันคงจะหาเรื่องอีก เขาตบไหล่ผมปั้ปๆ แล้วบอกว่างี้แหละเสน่ห์แรงโจทก์ก็จะเยอะหน่อย ผมก็บอกเดี๋ยว อะไรเนี่ยครับพี่รุจน์ !!!




พี่รุจน์บอกว่าถ้าพี่พูดอะไรไปห้ามเหลิงและห้ามประมาทนะ ผมก็ตั้งใจฟังเลยครับตอนนั้น พี่รุจน์พยักหน้าแล้วบอกว่า จริงอยู่ที่การ์ดในทีมนั้นฝีมือดี แต่ถ้าไม่รวมหัวหน้าทีมที่อยู่ข้างๆชิบะ พี่ว่าเอ็งเอาอยู่ มีสมาธิเยอะๆ ผมก็ตอบได้ครับพี่รุจน์ พี่รุจน์บอกว่า วันนี้คุณแท-โอ มาด้วย พวกพี่เคลื่อนไหวอะไรได้ไม่มากนักนะ ผมถามว่าอ้าวทำไมล่ะครับ



พี่รุจน์บอกว่า ลืมแล้วเหรอพวกพี่เองก็อยู่ในกลุ่มที่คุณแท-โอ ต้องประเมินในรายปี ผมก็ถามเดี๋ยวๆ ยังไงเนี่ยพี่ ไหนตอนแรกนู้นที่บอกมาคือทำแบบอิสระไงครับพี่ พี่รุจน์ก็ตอบว่าก็อาทศนั่นแหละ ติดต่อไปกับทางนั้นว่าต้องการให้ทางคุณแท-โอ ประเมินการทำงานของพวกพี่ด้วย ไม่งั้นมันจะหย่อนยานเกินไป




ผมนี่กุมหัวเลยครับ ผมพูดลอยๆว่าตกลงพ่อผมนี่เขาขนาดไหนเนี่ยพี่รุจน์ พี่รุจน์บอกว่าเอาน่า รู้เท่าที่ควรรู้ก็พอ ผมก็เฮ้อครับๆ ๆ ๆ แล้วพี่รุจน์ก็ถามว่า แล้วเอ็งไปรู้จักคุณแท-โอ เขาได้ยังไงวะนั่นดูสนิทกันด้วย ผมก็บอกว่าเรียกว่าสนิทก็อาจจะดูอาจเอื้อมไปนะพี่ แต่ก็พอคุยกันได้บ้างแหละครับ พี่รุจน์ก็บอกอืม ไปทำงานไป แค่สอดส่องก็พอ เพราะทางทาเคชิ บอกว่าจะจับตาดูคุณรุกะเอง




ผมตอบครับแล้วก็เดินเข้ามาในห้องโถงจัดงาน เจ๊หมิวกลับมาแล้วครับเห็นเดินไปงุ๊งงิ๊งกับพี่แมน ผมก็ขยับมายืนประจำจุด แต่นึกขึ้นมาได้ว่า พี่รุจน์บอกว่าทางทาเคชิจะขอรับผิดชอบดูแลทางคุณรุกะต่อเอง ผมมองไปที่สาวญี่ปุ่นคนสวยคนนั้นก็กำลังนั่งคุยอยู่กับพี่ฮยอน-อา อยู่แปปนึงพี่ฮยอน-อา ก็มองซ้าย มองขวา มองซ้าย มองขวา แล้วก็หันมาป๊ะหน้ากับผมพอดี แล้วก็โบกมือแบบทักทาย ยกมือแค่เสมออก แล้วโบกซ้ายขวา ๆ ๆ ๆ





แล้วแน่นอนแหละครับผมก็โบกตอบกลับ ไม่งั้นเดี๋ยวงานหยาบ แต่ว่าจำได้ใช่มั้ยครับว่าคุณรุกะอยู่ตรงนั้นด้วย เธอก็มองมาทางผมนี่แหละ ผมก็พยายามเก็บอาการนะบอกตามตรงมันก็มึนๆอึนๆนิดหน่อย สารภาพบาปจากใจคือ อยากอึ๊บเธอครับ ใจผมนี่กะเลยว่าจบงานนี่ก่อนเถอะเมิงง จะตุนถุงยางไว้ซักครึ่งโหล ฉันจะชิมซาจิมิ๊ให้ได้เล๊ย แต่สุดท้ายก็แห้วครับ รับชะตากรรมไป ผมก็เลยถือโอกาสเดินไปหาคุณท่านทั้งสองเลย พ่อแม่ผมก็อยู่ด้วยนั่นแหละ




คุณท่าน ( แม่ ) บอกก่อนเลยนี่ไงพระเอกมาแล้ว ผมก็ฮึ๊อะไรหว่า พวกเขาทำอะไรกันอยู่ เฮือก !!!  แม่ผมซื้อกระบอง 3 ท่อนมาจริงๆเว้ย แต่ถ้าพูดให้ถูกก็คุณท่านผู้หญิงซื้อให้นั่นแหละครับ แล้วกำลังถือกันไปๆมาๆอยู่เลย ผมก็มองแม่แล้วถามว่านี่ซื้อมาจริงๆเหรอแม่ แม่ผมก็บอกว่าเปล่าๆคุณเขาซื้อต่างหาก พ่อพี่หมิวก็บอกว่าแทนที่จะซื้อหนังซื้อดีๆให้สักเล่ม มาซื้ออะไรก็ไม่รู้ พ่อผมก็เลยบอกไปว่า ซื้อมาก็ไม่อ่านจะกลายเป็นชั้นวางของไปเปล่าๆ แหม พ่อแหม !!! รีบเข้าข้างแม่เลยนะพ่อ เมื่อกี้ไม่ใช่แบบนี้นี่นา






แม่ผมก็จับๆ จับๆ แล้วยื่นให้ผมถามว่าถนัดมือมั้ย อันนี้เหมือนจะใหญ่กว่าอันเดิมนิดนึงนะ คือเอาจริงๆผมก็งงว่า อิหยังวะเหมือนกันนะ งานสังสรรค์แต่ผมมากระทืบคน แล้วยังมาถืออาวุธอะไรแบบนี้ มันจะจูนิเบียวแบบที่ชิบะมันพูดซะแล้วมั้ง แต่ว่าสัมผัสแรกที่ได้จับนั้น รู้สึกว่ากระชับมือขึ้นเยอะเลยครับ อาจจะเพราะว่าอันเก่านั้นซื้อตอนตั้งแต่ผมยังเด็กๆ



พอผมเริ่มโตขึ้นมันก็เลยดูเล็กลง แต่ว่าอันนี้อื้มพอดีมือเลย ผมก็บอกว่ากระชับมือพอดีเลยครับ แล้วลองจับสลับ ขยับๆ แบบ แพทเทิร์นการใช้กระบองสามท่อนแบบปกติทั่วไป คนทั่วไปมองก็อาจจะคิดว่าเก๊กอีกละ ทำท่าอะไรบ้าๆบอๆอีกละ แต่คนที่ชอบ คนที่ฝึก คนที่ศึกษาเขาจะรู้กันครับว่า มันเป็นท่ายืนจรดตามปกติอยู่แล้ว





เพราะงั้นถ้าเจอคนที่เรียนหรือศึกษาด้านนี้จริงๆ แล้วเห็นเขากำลังขยับหรือควงอาวุธอะไรพวกนี้ อย่าไปมองพวกเขาเบียวหรือคลั่งอะไรนะครับ เพราะมันเป็นรูปแบบที่ใช้จริงๆ และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้เอง ทั้งการตั้งท่าขา ระยะการวางแขน และการใช้อาวุธ ซึ่งผมเองก็เป็นแบบนั้นแหละ  ขยับไปก็แกร๊กก กริ๊กกกก เสียดายที่เหวี่ยงไม่ได้ เอาจริงๆผมก็อายนะที่จะหมุนอาวุธต่อหน้าคนอื่นนอกจากพ่อกับแม่ คนที่กล้าออกมาโชว์ หรือ แสดง นี่ผมนับถือใจพวกเขามากๆเลยครับ




ปกติการจะใช้อาวุธอะไรพวกนี้ ผมก็จะซ้อมแค่ในบ้าน หรือในสวนที่แม่กับพ่อ จัดที่เอาไว้ให้ใช้นั่นแหละครับ ผมจับ จับ แล้วบอกว่าพอดีมือเลยครับ แล้วผมส่งคืนให้แม่ แม่ก็บอกอื้ม ตาถึงเหมือนกันนะคุณนาย แม่ผมพูดกับคุณท่านครับตอนนี้ แล้วตอนนั้นพี่หมิวก็หยิบขวดน้ำหอมมาให้บอกอ้ะเอาไป ใช้ให้หมดด้วย พ่อผมก็แซวว่าใช้สารส้มก็พอแล้วเปลืองง ผมก็บอกช่ายเปลืองง พี่หมิวก็บอกว่า หมิวกลัวว่าจะมึนจนเอาสารส้มไปแทะมากกว่าค่ะพ่อ เรื่องมึนๆเนี่ยขอให้บอก





ผมก็ถามว่าเอ้าผมมึนตรงไหนเนี่ย พี่หมิวก็ถามว่าแล้วใครบีบยาสีฟันไปล้างหน้า เอาโฟมล้างหน้าไปแปรงฟันใคร !!!  ผมนี่สะดุ้งเลย ผมผิดไปแล้วคร๊าบบบบบ แล้วพี่หมิวก็ดึงกลับไปแล้วบอกว่าเดี๋ยวเก็บไว้ให้ก่อน พ่อพี่หมิวก็ถามว่าอยากได้อะไรล่ะเจ้าโทน ผมรีบบอกเลยไม่เอาครับไม่อยากได้อะไรครับ แค่นี้ก็พอแล้วครับ พ่อผมก็บอกว่าไม่ต้องไปให้อะไรหรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าทำทุกอย่างเพราะอยากได้รางวัล ผมก็รีบพูดเลยใช่ครับๆ คือผมรู้นิสัยตัวเองดี




คือเหมือนแบบต้องทำเพราะอยากได้รางวัลอ่ะ แรกๆไม่เท่าไรแต่นานๆไปผมกลัวนิสัยตัวเองจะเปลี่ยนจนกลายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อรางวัล ไม่ใช่เพื่อองค์กร พ่อพี่หมิวก็บอกอ่ะๆไว้ค่อยว่ากันแล้วกัน ตอนนั้นก็มีคนมาทักทายคุณท่านหลายคนนะ ก็มองผมหลายคนเหมือนกัน มองไรวะ งง พี่หมิวก็มากระซิบครับว่าแหม พอฉีดน้ำหอมนี่คนเหลียวมองเยอะเชียวนะ ผมก็บอกว่าเจ๊ฉีดเองนะ เจ๊หมิวก็มองตาขวางเลยครับ โอ๋ๆ ผมล้อเล่นนา




เวลาผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป คนในงานก็เริ่มทยอยกลับกันแล้วครับ งานไพรเวทก็แบบนี้แหละครับ หลังจากงานเปิดตัวมันก็จะกร่อยๆหน่อย แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวระดับสุดๆ ตอนนั้นผมออกมาจากวงสนทนาแล้วครับ ออกมาหามุมเล็กๆนั่งดื่มน้ำ มองๆไป คุณรุกะก็ยังนั่งคุยกับพี่ฮยอน-อา อยู่ ส่วนชิบะก็ยืนเฝ้าอยู่อย่างนั้นแหละ พี่แท-โอ ไปไหนหว่า แปปนึงพี่พลอยกับจอยก็เดินมาครับ มาหาผมนี่แหละ



มาถึงพี่พลอยทักก่อนเลยหอมอะไรเนี่ย จอยเองก็ทำท่าดมๆๆ แล้วก็มองมาที่ผม ผมก็อ่ะแหะ ๆ ๆ น้ำหอมชาแนลออกฤทธิ์แล้วแฮะ พี่พลอยก็ถามว่าเป็นไงมั่งเหนื่อยมั้ย จอยก็ถามว่าไหวเปล่า หน้ามีรอยช้ำๆด้วย ผมบอกว่าผมไม่เป็นพี่พลอยกับจอยนั่นแหละเหนื่อยมั้ยต้องคุยกับคนเยอะเลย พี่พลอยส่ายหัวแล้วบอกไม่เลยสนุกมากเหมือนได้พลังบวกเยอะเลย จอยเองก็บอกว่าเหมือนกัน มีคนแอบมาเสนอโปรเจคให้เข้าร่วมด้วยนะ ผมก็บอกโหสุดยอดเลยครับ จะได้ต่อยอดไปไกลๆได้




แต่พี่พลอยก็บอกว่าไม่เหมือนบางคนหรอก รู้จักแม้กระทั่งว่าที่ ceo ของ ( ชื่อบริษัทพี่แท-โอ )  ผมก็บอกว่าก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอกครับ ผมถามว่าแล้วนี่พี่พลอยพักไหนอ่ะ พี่พลอยถามว่าทำไมจะไปหาเหรอ ผมก็เลยพูดแหย่ๆไปว่า จะไปขอนอนพักซักคืนสองคืน พี่พลอยก็บอกว่าจะไม่ได้นอนเอานา จอยก็บอกว่าสองคนพูดไรกันเนี่ย พี่พลอยก็บอกแหมๆ ๆ มาทำงานด้วยกันก่อนพลอยตั้งหลายวัน จอยอ่ะแหละทำอะไรไปยังเหรออออ จอยก็มองพี่พลอยแบบดุๆเลยครับ แต่ในความดุผมว่าตอนนี้จอยกำลังเขินแบบสุดๆเลย




ระหว่างที่ผมคุยกับพี่พลอยและจอยอยู่ พี่แท-โอ ก็เดินผ่านมาพี่พลอยที่เห็นก่อนก็สะกิด ๆ ๆ แล้วพูดเบาๆมาคุณแท-โอ เดินผ่านมา ผมก็รีบเข้าไปยืนติดผนังเพื่อหลีกทาง เห็นมะผมที่ปฏิเสธเรื่องชนชั้นและปากดีเรื่องให้ความสำคัญกับผลงานต่างๆนาๆมากกว่าตำแหน่ง ตอนนี้ผมยังต้องหลบติดผนังโดยอัตโนมัติเลย สมเพสตัวเองจริงจริงเลย ผมเองก็กะว่าจะเนียนไปกับบรรยากาศครับ แต่ผมลืมไปว่าตอนนี้ตัวผมนี่เด่นเลย หัวนี่หงอกมาเชียว




คนของพี่แท-โอ ก็มองมาเลยตอนนั้น อื้มหืมการ์ดที่มากับพี่แท-โอ ออร่าทมิฬนี่น่ากลัวชิบ พูดแบบการ์ตูนหน่อยก็แผ่ฮาคิออกมานั่นแหละ แบบมันไม่ได้เวอร์วังแบบในอนิเมะนะ แบบมีเสียง มีแสงออกมาจนเห็นชัด



แต่สำหรับผมไม่รู้สิ่จะเรียกว่ารู้สึกได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ผมก็ขยับตัวเดินมาข้างหน้าและยกมือขวางตัวพี่พลอยกับจอยไว้ คือรู้ว่ายังไงก็สู้ไม่ได้ถึงจะอยู่ในสมาธิจัดๆ หรือภาวะเข้าภวังค์อะไรนั่นอย่างที่พ่อบอกก็เถอะ ระดับมันต่างกันเกินไประหว่างผมกับเขาอ่ะ แต่ว่าการ์ดคนนั้นก็ปรบมือแปะ ๆ ๆ แล้วพูด interesting




พี่แท-โอ ก็พูดว่าอยู่นี่เองหาตั้งนาน ผมก็ถามไปถามว่าการ์ดของพี่แท-โอ คิดจะทำอะไรครับ พี่แท-โอก็มองไปที่การ์ด พี่เข้มคนนั้นก็ยกมือสองข้างเหมือนประมาณว่าโดนจับได้ เขาพูดเป็นภาษาเกาหลีนะ คือทำไมมึงไม่พูดอังกฤษ เมื่อกี้ก็พูดอยู่แหม่บๆ  พี่แท-โอ ฟังๆแล้วพูดอังกฤษกลับมาว่า ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากทดสอบดูเฉยๆ แล้วคืออยู่ดีๆ ผมก็ขนลุกขึ้นหัวเลยครับพอพูดว่าทดสอบ




อยู่ดีๆคือผมก็ตั้งท่าเตรียมบวกอ่ะ หลังจากวันนั้นพี่พลอยมาบอกว่าอยู่ดีๆผมก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะสู้ครับ ซึ่งตอนนั้นเหมือนผมจะขยับออกเป็นไปเองด้วย อย่างเดียวที่ผมรู้สึกคือคนตรงหน้าโคตรอันตราย ถ้าไม่เตรียมพร้อมผมน่าจะไปตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก คือถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงหนังจัสติก ลีค ครับ ฉากที่แค่ซุปเปอร์แมนโผล่มา ระบบในตัวของไซบอร์คมันก็เตรียมยิงปืนใส่แล้ว เพราะว่าตัวตนของซุปเปอร์แมนอันตรายเกินไป




ผมในตอนนี้ก็ประมาณนั้น อยู่ดีๆก็เตรียมบวกเฉยเลย พี่แท-โอ รีบยกมือปราม ห้ามผมไว้แล้วบอกใจเย็นๆ ไม่มีอะไรหรอก แล้วพี่แท-โอ ก็หันไปพูดคราวนี้พูดอังกฤษนะ บอกว่าแค่นี้พอแล้วใช่มั้ย เหมือนพี่แท-โอ เขาต้องการให้ผมเข้าใจว่าพูดอะไรกับการ์ดคนนั้น เพื่อให้ผมสบายใจด้วยล่ะมั้ง แล้วการ์ดคนนั้นก็โค้งหัวให้พี่แท-โอ เร็วมากแล้วบอกว่า พอใจแล้วครับ




เอาจริงๆนะถ้าพี่แท-โอ ไม่ห้ามนะมึง มีร่วงอ่ะบอกตรงๆ ผมนี่นะร่วง พี่แท-โอ บอกใจเย็น ใจเย็นๆ ยังความรู้สึกเร็วเหมือนเดิมนะ แล้วพอผมหันกลับไปพี่พลอยกับจอยคือยืนตรงใจแบบหวาดระแวง ผมก็ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย พี่แท-โอ ก็กลับมายืนท่าเดิมแล้วบอกว่า โอเคแบบนี้แหละดีแล้ว ผมหันไปมองพี่พลอยกับจอยอีกที พวกเธอตอนนี้ดูเกร็งๆครับ แต่ไม่เชิงหวาดระแวงแบบเมื่อกี้ เปลี่ยนอารมณ์กันไวมาก ผมบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว แค่เข้าใจผิดนิดหน่อย






แล้วอยู่ดีๆ แอ้ก !!! ต้องบอกว่าแอ้ก อยู่ดีๆพี่ฮยอน-อาก็วิ่งมาแท็กเลย มาจากไหนวะเนี่ย โอยย ตัวนี่แทบปลิว โอยยยยยย ผมกางแขนออกแล้วเหมือนโอบ แล้วเบรกไม่ให้ล้มทั้งคู่ พอผมขยับตัวออกมาแล้ว พี่ฮยอน-อา ก็เว่าภาษาเกาหลีโช๊งเช๊ง ๆ ๆ ๆ  ลงท้าย เดะปุโย๊ะ อะไรก็ไม่รู้ แล้วก็มองๆหน้า พูดอะไรลงท้าย สึมิก๊ะ  ผมนี่ยืนสตั๊น เหมือนโดนมัลติแคช ของ แบล็ค สมิท ตุ้ง ๆ ๆ ๆ 





ผมนี่อึนไปเลยตอนนั้น จนพี่แท-โอ ต้องพูดกับพี่ฮยอน-อา ด้วยภาษาเกาหลีนั่นแหละ พี่ฮยอน-อา ชะงักครับ แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าขอโทษษษ  ลืมตัว แล้วพี่ฮยอน-อา ก็ฟึ๊ด ๆ ๆ ทำท่าสูดกลิ่นแล้วถามว่า โห !!!!!!  เดี๋ยวนี้ใช้ ชาแนล เหรอ ผมก็ถามว่าเดี๋ยวครับ ก่อนอื่นบอกผมก่อนว่าที่พูดภาษาเกาหลีเมื่อกี้คืออะไร ผมแปลไม่ออกนะ



พี่ฮยอน-อา ก็ทำหน้าบุ่ยๆแล้วบอกว่า ทำไมไม่เรียนภาษาเกาหลีซักที ที่พูดเมื่อกี้ก็ถามเรื่องน้ำหอมนี่แหละ หอมมาก ชอบ ๆ ๆ ผมก็เอ่อ อื้มครับ ผมบอกว่าพี่หมิวซื้อให้เป็นรางวัลที่ทำงานสำเร็จน่ะครับ พี่ฮยอน-อา หันไปหาพี่หมิวที่กำลังเดินมาครับ แล้วยกนิ้วโป้งให้เลย




ตอนนั้นแบบเหมือนกางโต๊ะคุยกันเลย พี่แมนก็มา พี่หมิวก็มาครับ พี่แมนก็ยังให้ความเคารพพี่แท-โอ เหมือนเดิม ลืมบอกไปครับว่า ว่าพี่แท-โอ เขาอายุมากกว่าพี่แมนอยู่ 3 ปี  ส่วนพี่ฮยอน-อา เกิดปีเดียวกับพี่แมนครับ แต่แก่เดือนกว่าพี่แมน พี่แท-โอ ยืนมอง มอง แล้วพูดอืมม น้ำหอมกลิ่นนี้เหรอ คิดว่าไงฮยอน-อา   พี่ฮยอน-อา ก็บอกว่า เสื้อตัวนอกเกะกะมากกก  ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้น่ะ แค่เชิร์ตตัวเดียวก็พอ





พี่ฮยอน-อา เดินมาขยี้หัวผมแล้วบอกว่า ต้อง bad bad สิ่ถึงจะเท่ส์  พอจัดทรงผมให้ผมแล้วอยู่ดีๆพี่ฮยอน-อา ก็แบมือ บอกถอดเสื้อมาให้หน่อย ผมก็งงๆ มองพี่หมิว ก็พยักหน้านิดๆ ผมก็ถอดเสื้อตัวนอกให้พี่ฮยอน-อา ครับ พี่เขาก็เดินมาปลดกระดุมเม็ดที่ 2 ออก แล้วแบะๆสาบเสื้อหน่อย ตอนนั้นรู้สึกเลยกว่ากลิ่นน้ำหอมมันพุ่งครับ พี่ฮยอน-อา บอกว่าน้ำหอมตัวนี้โดนเหงื่อแล้วจะกระจายนะ แล้วพี่ฮยอน-อา ก็ฟื๊ดดด มาทีนึงแล้วกระซิบว่า อยากดมทั้งวันทั้งคืนเลยเนี่ย อื้อหือมาพูดอะไรแบบนี้เนี่ยเดี๋ยวงานเข้าหรอก ผมก็ถามว่าพี่ฮยอน-อา จะกลับเกาหลีวันไหนครับ





พี่ฮยอน-อา ขยับตัวออกมาแล้วบอกว่าอีก วันสองวันนี่แหละ เพราะว่าจริงๆก็มาตั้งหลายวันแล้ว โทนคุยกับพ่อทศเขาก็เลยชวนมาที่นี่ ผมก็บอกเดี๋ยวนะคุยกับพ่อผมเหรอ ผมคิดในใจตาลุงชาวสวนที่วันๆเอาแต่ทำสวน นั่งดูหนังสือมวย หนังสือพระนั่นอ่ะนะ พี่ฮยอน-อา บอกว่าถูกต้อง ก็ให้ล่ามช่วยแปลนั่นแหละ ยิ่งบอกมาแบบนี้ ผมไม่ได้โล่งใจอะไรเลยยยยย



พี่ฮยอน-อา ถึงกับให้ล่ามมาช่วยแปลเนี่ยนะ แม่จ้าวนี่พ่อผมบิ๊กขนาดไหนเนี่ย พี่ฮยอน-อา บอกว่านี่ก็ตั้งใจมาหาเลยนะเนี่ยน้องชายคนเก่งทำงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แต่ว่าผมสีขาวแบบนี้ก็เท่ส์ดีนะ พี่ฮยอน-อา พูดแล้วก็ขยี้ๆ ๆ แล้วบอกว่าตอนนั้นเห็นแค่ปลายผมสีขาวๆ พอมาเห็นเต็มๆแบบนี้เท่ส์มากๆ ผมก็อื้อครับขอบคุณครับพี่ฮยอน-อา





แล้วตอนนั้นพี่ฮยอน-อา ก็มองไปหาพี่หมิวแล้วทักทาย พี่หมิวก็นอบน้อมเลย พี่ฮยอน-อา บอกว่าไหนมาคุยกันหน่อยว่าน้องสาวคนนี้เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันเกือบๆปีใช่มะ พี่หมิวตอบใช่ค่ะ แล้วพี่ฮยอน-อา ก็พาพี่หมิวไปด้วย  คุณท่านก็ไปด้วยนั่นแหละครับ ผมก็มองพี่แท-โอเลยตอนนั้น มองๆ แล้วก็บอกพี่พลอยกับจอยว่า เดี๋ยวขอคุยกับพี่แท-โอ แปปนึงนะ พี่พลอยกับจอยบอกตามสบายเล๊ยยยยย แล้วก็นี่งออกกันไวมากเลยครับ





ตอนนี้ผมหวั่นไหวเลยครับ ไม่ได้ใจเกเรอะไรนะ แต่ เพราะภาษาอังกฤษผมก็เอาตรงๆได้แค่ระดับกลางๆ ถ้าสื่อสารแบบเป็นทางการหนักๆผมไม่ไหวแน่ๆ พี่เขาก็บอกไปคุยกันตรงนั้นมั้ย ผมก็ครับๆ แล้วก็เดินไปกับพี่แท-โอ  พอมาถึงมุมๆนึงพี่เขาดึงเก้าอี้มานั่งๆ แล้วเด็กเสิร์ฟก็เอาเครื่องดื่มองุ่นหมัก กับ น้ำใสๆ คาดว่าไม่ใช่น้ำเปล่าแน่ๆ เด็กเสิร์ฟโค้งอย่างนอบน้อมแล้วยื่นถาดมาให้เลือก



พี่แท-โอ เลือกแก้วน้ำม่วงๆ องุ่นหมักมาถือครับ จิบไปทีนึงแล้วเริ่มถามผมว่าเป็นไง มีเรื่องกับคนของชิบะมาใช่มั้ย ผมก็ฮึ๊ !!!  พี่แท-โอ รู้ได้ไงว่าผมมีเรื่องกับพวกชิบะ ยังไม่ได้ถามอะไรเลย แล้วที่พี่แท-โอ มาที่นี่ได้ไง เนี่ยที่ผมเริ่มจะสงสัย  แล้วพี่แท-โอ ก็บอกว่าคุณอาทศ เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอาจจะต้องมีเรื่องกับชิบะ พี่ก็เลยมานี่แหละ มาแสดงความยินดีก็ส่วนนึง แต่อีกส่วนนึงก็มาเพราะจะมาเช็คว่าชิบะมันมากร่างอะไรหรือเปล่า เพราะตัวชิบะมันก็หมิ่นเหม่มาหลายครั้งแล้ว พี่คงให้ทุนกับบริษัทแบบนี้ไม่ได้ มันเสียชื่อเสียงบริษัท





ผมก็ถามว่า พ่อผมเหรอครับ พี่แท-โอ บอกใช่ คุณอาก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมนะคาดการณ์อะไรได้เฉียบคมเหมือนเดิม ผมนี่ปาดเหงื่อเลยครับ แล้วก็ผมก็ตอบครับ แท-โอ ฮยอง อ้อ ขออธิบายนิดนึง ถ้าตัวผมที่เป็นผู้ชายจะเรียกพี่สาว ก็จะใช้คำว่า นูนา ครับ ถ้าเรียกพี่ชายก็จะใช้คำว่า ฮยอง  ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงก็จะเรียกพี่ชายว่า อปป้า และเรียกพี่สาวว่า อ็อนนี่  ต่างกันนะครับระหว่างผู้ชายเป็นผู้เรียก กับ ผู้หญิงเป็นคนเรียก ( ต้องสนิทและได้รับอนุญาตก่อนนะ ถ้าเจอหน้ากันครั้งสองครั้งไปเรียกแบบสนิทๆ คนเกาหลีจะหยี และมองว่าคุณล้ำเส้นเกินไป )    ข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ตรงนี้ครับ




อ่ะมาต่อเดี๋ยวออกทะเล ผมตอบไปว่าครับพี่แท-โอ พี่แท-โอ ยกเครื่องดื่มจิบนิดนึงแล้วพูดว่า อยากจะซัดหน้าชิบะซักหมัดใช่มะ ผมก็ถามว่าทำไมพี่คิดแบบนั้นล่ะ พี่เขาก็บอกหน้าตาผมชัดขนาดนี้ ผมก็บอกว่าถ้าได้ซักหมัดก็คงดี แต่ถ้าทำไปแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่เลยก็ได้ครับพี่แท-โอ เพราะว่าชิบะเองก็เป็นถึงคู่หมั้นคุณรุกะ ว่าที่ลูกเขยคุณเคย์ แล้วอีกอย่างหมัดเดียวของผมมันอาจจะส่งผลอะไรอีกมากมายต่อบริษัทของคุณท่านก็ได้




พี่แท-โอ ทำหน้างงๆ ผมก็เลยบอกว่า ผมหมายถึงคุณ ( ชื่อคุณท่าน ) นั่นแหละครับ พี่แท-โอก็ถามว่าพ่อของ ( ชื่อพี่แมน ) น่ะเหรอ ผมบอกใช่ครับพี่แทโอ ตอนนั้นพี่แท-โอ ยกเครื่องดื่มจิบไปอีกที เขาพูดว่าก็ดีแล้วที่ไม่ไปซัดหน้ามันก่อน เพราะข้อหาที่ชิบะก่อขึ้นมาน่ะ ยังหาทางแถไปได้ พี่แท-โอ พูดต่อว่า เข้าใจที่พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าคนเรามันไม่เท่ากัน พวกคนที่เรียกร้องความเท่าเทียมมันเป็นแค่ความเพ้อฝันเท่านั้น ตราบใดที่โลกนี้ยังมีเงินเป็นตัววัดค่าคน มองตามตรงชิบะมันก็มีหน้ามีตามากกว่าแกนั่นแหละนะ แล้วพี่เขาก็ตบไหล่ผมเบาๆ




ผมก็ได้แต่เงียบแหละครับตอนนั้น แล้วพี่แท-โอ เขาก็ถามว่า แล้วตอนนี้บริษัทที่ทำงานอยู่เป็นไงบ้างล่ะ ผมก็บอกว่าดีครับ ก็ถือว่าดีเลย พี่แท-โอ ก็บอกว่าอืมถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีไป เพราะอย่าลืมว่าคนที่ปฏิเสธบริษัทของพี่ คือตัวแกเองนะ จะมาร้องโอดโอยว่าทำงานยากๆไม่ได้นะ ผมก็บอกว่า เข้าใจครับ แหม่ !!! ใครจะทำงานได้ครับ แต่ต้องบอกไว้ก่อนนี่เป็นความคิดของผมตอนเป็นเด็กอายุ 20 ที่เข้าไปฝึกงานนะ





ต้องพูดภาษาอังกฤษตลอดแค่นี้ผมก็ไม่รอดแล้ว ผมแค่อยากจบมาทำงานแบบสบายๆครับ นั่นเป็นความคิดผมในตอนนั้น ซึ่งถามว่า 3 ปีที่ผ่านมารู้สึกเสียดายมั้ย ตอนนี้เริ่มเสียดายครับ แต่ก็ไม่เสียใจที่ได้ทำงานที่บริษัทนี้นะ ที่นี่มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีหัวหน้าที่ดี แต่ก็อย่างที่หัวหน้าผมพูดไว้นั่นแหละ ว่าไม่อยากให้ผมจมอยู่กับที่นี่เกิน 5 ปีให้รีบเก็บเกี่ยววิชาแล้วหาทางเจริญก้าวหน้าให้ได้ก่อนจะ 30




พี่แท-โอ บอกว่า แต่จะว่าไปแล้วสำหรับพี่แล้ว ชิบะก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอกนะ ก็แค่ไอ้กระจอกคนนึงที่อาศัยบารมีอันน้อยนิดของพ่อ ผมก็ถามน้อยนิดเหรอครับ พี่แท-โอ บอกว่าใช่ก็จริงที่ชิบะมีโปร์ไฟล์ที่ดี จบมหาวิทยาลัยดังๆ บริหารงานก็ใช้ได้ แต่พฤติกรรมเหยียบย่ำหัวคนอื่นน่ะมันเกินไป ถ้าในเชิงธุรกิจน่ะไม่เท่าไร แต่ที่ทำเหมือนจงใจย่ำคนให้จมเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น พี่ถึงบอกไงว่าคนแบบนี้มันชูคอได้ไม่นาน ( เอ่อ บทสนทนาภาษาอังกฤษของผมกับพี่แท-โอ คือเป็นแบบตรงๆน่ะครับ ผมมาขัดมาเกาให้มันเข้ากับหูคนไทยนิดนึง )




บริษัทส่งออกของชิบะมันเริ่มล้าหลังและขาดทุนมานานแล้ว ที่พี่ยังให้ทุนบริษัทมันอยู่ก็เพราะต้องมีฐานตลาดที่ญี่ปุ่นนั่นแหละ อ้อ !!! แบบนี้นี่เอง ที่ชิบะมันทำหน้าแหยงๆ เวลาเจอหน้าพี่ฮยอน-อา กับพี่แท-โอ เพราะบริษัทของชิบะได้เงินทุนจากพี่แท-โอ นี่เอง ฮู๊ยยยย เด็ดว่ะแบบนี้ พี่แท-โอ พูดว่าเพราะงั้นในสายตาพี่ กับ ฮยอน-อา ชิบะมันก็แค่คนทั่วไปคนนึงแค่นั้น ยิ่งคู่หมั้นด้วยนี่ยิ่งเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อ





อุ้ยพูดแบบนี้ผมก็น้ำเต็มปากพูดไม่ออก อยากจะออกปากปกป้องคุณรุกะ แต่ทางนี้ก็เป็นพี่แท-โอ ที่ถ้าให้เทียบเรื่องความผูกพันแล้ว ผมก็สนิทใจและมีความรู้จักกับพี่แท-โอ มากกว่าซะด้วย ผมก็เอ่อทำไมเหรอครับพี่แท-โอ คุณรุกะเธอเก่งออกนะครับ พี่แท-โอ บอกว่าเก่งมันไม่ได้ทำให้รอดหรอกนะ รุกะอาจจะเก่งในสายตาแกนะโทน แต่ในสายตาพี่ก็แค่ผู้หญิงทำงานเก่งแต่ทำตัวน่าเบื่อ แหม ก็ใช่ดิ่ครับพี่ระดับมหาเทพ ผมนี่ยังเป็นระดับพลทหารอยู่เลย





พี่แท-โอ พูดว่า ยอมรับการหมั้นเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ผู้หญิงแบบนี้แหละน่าเบื่อ ที่ต้องยกย่องคือมิสเตอร์เคย์นั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้คิดยังไงถึงยอมรับการหมั้นของไอ้คนอย่างชิบะซะได้ เอาจริงๆถ้าไม่นับคนพ่อแล้วบารมีของชิบะเองนั้นแทบจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ ผมก็บอกเอ่อแต่ดูชิบะจะดังมากๆนะครับมีแต่คนเข้าหา แล้วพี่แท-โอ พูดมาคำนึงผมนี่สะใจเลย พี่แท-โอ บอกว่า ก็ได้แค่ในประเทศนี้แหละ ที่อื่นเขาเห็นธาตุแท้หมดแล้ว




ผมก็พูดต่อนะว่า แต่เพราะหมั้นกันไม่ใช่เหรอครับเลยทำให้บริษัทของบมิสเตอร์เคย์ เติบโตมาแบบนี้ พี่แท-โอ เคาะหัวผมทีนึงแล้วพูดว่า ต้องมองให้ออกว่าเติบโตเพราะอะไร และฝั่งนั้นมีอะไรให้บ้าง คอนเนคชั้นของชิบะ เรียกว่าน้อยมากๆเลยก็ว่าได้ด้านการทำกำไร




ที่มิสเตอร์เคย์เติบโตมาได้ เพราะพื้นที่ของสื่อ ผมถามพื้นที่สื่อเหรอครับ พี่แท-โอ บอกใช่ เงินทุนที่บริษัทพี่ให้ไป มันแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลย มันไม่ได้ช่วยให้บริษัทของชิบะขยายตัวหรืออะไรเลย แล้วบริษัทแบบนั้นจะไปช่วยมิสเตอร์เคย์ได้ยังไง มิสเตอร์เคย์แค่อาศัยพื้นที่สื่อที่โหมตีข่าวเรื่องการหมั้นของลูกสาว กับ ชิบะเท่านั้น





ด้านชื่อเสียงของมิสเตอร์เคย์นั้นมากกว่าหลายเท่าอยู่แล้ว ความเชื่อมั่นที่มีให้นักลงทุนมันก็เยอะ ที่เหลือก็คือพื้นที่สื่อใหญ่ๆ ผมก็เลยพูดไปว่าเพราะงั้นการหมั้นก็คือพื้นที่สร้างข่าวสังคมเหรอครับ พี่แท-โอ บอกว่าใช่ มันคือธุรกิจ ความรักมันกินไม่ได้หรอกจำไว้น้องชาย ผมถามว่างั้นคุณรุกะก็รู้อยู่แล้วน่ะสิ่ครับแบบนี้ พี่แท-โอ ก็บอกว่าใช่ เพราะงี้ไงถึงบอกว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อ ยอมเดินตามหมากง่ายๆผมเริ่มคิดแล้วนะว่าตกลงคุณเคย์เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ ทำไมถึงยอมให้ทำอะไรแบบนั้นแล้วคุณรุกะล่ะทำไมถึงเดินตามหมากที่คุณเคย์เดินไว้



พี่แท-โอ ก็บอกว่าไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ถอนหมั้น ผมก็หืมทำไมแบบนั้นล่ะครับพี่แท-โอ  พี่แท-โอ บอกว่าก็มิสเตอร์เคย์ เจรจาธุรกิจประสบความสำเร็จไปแล้ว และบริษัทของมิสเตอร์เคย์เองก็ขึ้นอันดับท็อปๆของญี่ปุ่นแล้ว ถ้ามองในแง่ธุรกิจการที่คู่หมั้นลูกสาว มีแต่ข่าวแง่ลบ ยังไงมันก็ไม่ส่งผลดีกับธุรกิจเท่าไรหรอกนะ จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างมิสเตอร์เคย์น่ะ ไม่ปล่อยให้ช่องว่างแค่นิดเดียวมาทำให้ธุรกิจของเขาเสียหายหรอกนะ









แล้วตอนนั้นกำลังคุยสบายๆเลย อื้อหือ เดินโยกมาเชียว ชิบะครับ ชิบะมันเดินมา แล้วพูดว่าเพราะแบบนี้หรือเปล่ามิสเตอร์แท-โอ  ไอ้คนนี้ถึงกล้าเสียมารยาทกับผม ไอ้คนนี้มันก็คือผมนั่นแหละครับ อยู่ดีๆไอ้ห่านี่อะไรของมัน พี่แท-โอ มองยิ้มแล้วพูดว่า จะสื่ออะไรล่ะมิสเตอร์ชิบะ ไอ้ชิบะก็พูดว่าผมน่ะไปเสียมารยาทกับมัน แล้วเพราะผมนี่แหละมันเลยเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแบบนี้ ผมก็ฮึ๊ !!!  ผมทำอะไรวะ แล้วตอนนั้นคือเริ่มครุกรุ่นอีกแล้วไอ้ห่านี่ไม่จบจริงๆว่ะ




ดีว่าคนกลับไปเยอะมากๆแล้วเหลือก็แค่พวกผู้บริหารนี่แหละ พี่แท-โอ ก็เลยถามผมว่า ผมเริ่มก่อเรื่องเหรอ ผมก็บอกว่า ผมไปเริ่มอะไรตอนไหนผมก็จำไม่ได้แล้ว ผมแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแค่นั้น ชิบะมันชี้หน้าผมแล้วบอกว่า ผมเสียมารยาทกับคนของมันที่หน้าโรงแรม



ผมนึกๆ ๆ อ้อออ  ผมก็ถามว่าที่คนของคุณเป็นลมแล้วล้มเพราะเบียดผิดจังหวะน่ะเหรอครับ พี่แท-โอ ก็มองแล้วถามว่าเบียด เบียดอะไร ผมก็จะอธิบายครับ แต่ชิบะมันก็บอกว่าเป็นฝ่ายเริ่มก็คือเป็นฝ่ายเริ่ม การ์ดของมันทุกคนล้วนเป็นคนมีเกียรติ แต่มีคนนอกมาหมิ่นแบบนี้มันก็ไม่ยอมเหมือนกัน อ้าวไอ้นี่ไม่จบ แล้วจำได้มั้ยผมบอกว่าพี่แท-โอ แม่งสุดทุกทาง




พี่แท-โอ ยืนแล้วกระดกไวน์อีกราวๆค่อนแก้วจนหมด แล้วถามว่าแล้วจะเอาไง มันบอกว่าให้ผมก้มหัวขอโทษ เชี่ยเอ๊ยดูหนังจีนมากไปหรือเปล่าวะ มึงคิดว่ามึงเป็นลูกหลานของเทพีอามาเทราสึหรือไงวะน่ะ เหมือนตั้งใจจะให้ผมขายหน้า ถามว่าผมทำไมมั้ย บอกเลยว่าไม่อ่ะ เพราะพ่อแม่ผมก็อยู่ด้วย ทำไมผมต้องทำให้พ่อผมอายล่ะ




พี่แท-โอ บอกว่าเอางั้นเหรอ แล้วก็มองมาที่ผม พี่แท-โอ บอกว่าน้องชายผมเสียมารยาทกับคนของคุณใช่มั้ย มิสเตอร์ชิบะ พอพูดว่า My Brother ชิบะแม่งตาแข็งเลย พี่ฮยอน-อา ก็เข้ามาถามมีอะไรกัน พี่แท-โอ ก็บอกเปล๊า แค่มิสเตอร์ชิบะบอกว่าโทนไปเสียมารยาทกับคนของเขา และอยากให้ก้มหัวขอโทษ




พี่ฮยอน-อา ออกตัวเลยครับว่า คิดว่าตัวเองเป็นใครมิสเตอร์ชิบะ แล้วหน้าตานี่โคตรเอาเรื่องอ่ะพี่ฮยอน-อา แต่พี่แท-โอ ก็บอกว่าเดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ ถ้าคุณยืนยันว่าน้องชายผมเสียมารยาทกับน้องคุณ แล้วน้องผมก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดอะไรเพราะทำงานตามหน้าที่ของเขา เอางี้มั้ยล่ะ ใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นก็เป็นฝ่ายถูก



นั่นอย่าสิ่พี่อย่ายุ แต่พอผมมองหน้าพี่แท-โอ แล้วก็ได้แต่ทำใจ หน้าตาแบบนี้แหละที่เคยเห็นตอนนู้นนน ขนาดกล้างัดกับเพื่อนพ่อตัวเองมาแล้ว อีแบบนี้ผมจะไปห้ามได้ยังไงล่ะเนี่ย อ่าส์ บวกอีกแล้วสิ่นะ พี่ฮยอน-อา ยิ้มเลย แล้วเขย่าๆตัวผมแล้วบอกว่า ชนะให้ได้นะพี่สาวเชียร์ เดี๋ยวๆ อะไรครับเนี่ยย ผมนี่กุมขมับเลย





พ่อกับแม่ของผมก็เดินมา พ่อถามว่าเฮ้ยไอ้ลูกหมามีอะไรอีก แม่ผมก็มอง ผมบอกว่าพวกชิบะมันไม่จบดิ่พ่อ เนี่ยไงพี่แท-โอ จัดให้งามใส้เลย ทำไมไม่ใช้อำนาจเคลียร์ว๊า แม่ผมบอกว่าใช้อำนาจไปมันก็เท่านั้น ต้องให้เจ็บตัวนั่นแหละถึงจะเงียบๆ แล้วพอผมก็เดินไปเลย เอ้าแม่ไม่ห้ามผมหน่อยเหรอคร๊าบบบบ แม่เดินไปหาคุณท่านทั้งสองแล้วบอกว่า ไม่มีอะไรหรอก เด็กๆจะเล่นกัน ฮึ๊ !!! แม่เดี๋ยวแม่ !!! 





แม่ผมไม่ว่าอะไรเลยเหรอ ส่วนพ่อผมก็มองหน้าแล้วบอกว่าแม่เขาไม่ว่าอะไร....  ในเมื่อเราจบแล้วฝั่งนั้นไม่จบ ก็อย่าให้ใครมาหยาม เพราะตอนนี้เอ็งทำงานภายใต้ชื่อบริษัท มันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวแต่ว่าเอี่ยวถึงบริษัทด้วย.... ผมตอบครับพ่อ พ่อผมถามว่าแล้วจำ ที่พ่อทำให้ดูเมื่อกี้ได้มั้ย ผมก็บอกว่าพอได้ครับ พ่อผมอื้ม แล้วก็หยิบถุงมือสนับมาใส่ให้ผม เดี๋ยวๆ ผมถถามว่าพ่อๆ อะไรเนี่ย เอามาได้ยังไง



พ่อผมก็บอกว่า ใจเอ็งมันยังไม่เด็ดขาดพอ ที่ไม่กล้าต่อยเต็มแรงตอนอยู่ข้างนอก เพราะกลัวพวกมันตายใช่มั้ยล่ะ อย่าไปกลัวมันเจ็บ เพราะถ้าต่อยมันไม่ร่วง มันก็ลุกขึ้นมาให้นวดอยู่ดี จะทำอะไรก็ให้เด็ดขาด อย่าเห็นใจศัตรู ถ้าอยากจะแสดงความใจดี ก็เอาให้ทีเดียวอยู่ ผมก็เงียบเลย พ่อใส่ถุงมือเสร็จ พ่อผมก็บอกว่าพ่อห้ามอย่างเดียว ห้ามใช้ศอกนะเดี๋ยวพวกมันตาย ผมก็พยักหน้าบอกครับพ่อ แล้วพ่อก็พนมมือ พึมพำอะไรไม่รู้ แล้วเป่าพ้วงง ใส่หน้าผม แล้วก็บอกว่า งั้นเอาจริงไปเลยไอ้ลูกหมา








ΜoNoTΩИ∑ ★★★

 






เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน



darter



sukray ruktum

พ่ออนุญาติแล้ว แต่ชิบะไม่น่าจะกล้าคงจะบวกกับไอ้ทหารหน่วยพิเศษแน่ๆ

แล้วนางเอกตัวจริงก้อเข้ามา นางเอกนัมเบอร์วัน

Bluemuffer


locklock leck


ballnakrab

งานนี้ชิบะเจอของจริงล่ะ คาคาชิจัดหนัก เป็นไปตามคาดอนาคตชิบะกับรุกะคงถอนหมั้น เพราะเสร็จงานล่ะ รุกะจังคงว้าวุ่นใจมากถึงตอนนั้นรุกะจะมารุกซารุซังยังไงนะน่าตามมาก  ผมว่าล่ะสีสาวเกาหลี ญี่ปุ่นก็ต้องมีสาวหมวยจีนสิ เเละสาวไทยถึงจะครบองค์ ว่าแต่ใน4คนนี้ใครยืน1นะ

Chum2000

เเละเเล้วก็ถึงเวลาจัดการเจ้าชิบะ...
ให้โทนจัดให้หนักๆไปเลย

zeebraa

มารอเลย ตอนแรกนึกว่าจะเม้นไม่ได้ในที่สุดเม้นได้และ งานนี้เทพโทนได้คาถาจากมหาเทพทศและ มีหวังทางชิบะเละแน่ๆ