ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 7 ] ตอนที่ 108 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, พฤศจิกายน 17, 2022, 01:15:19 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ขออภัยที่วันนี้ลงดึกครับ พอดีฝนมันมาตกอะไรหน้าหนาวโว้ยยย

แค่หน้าหนาวที่ไม่มีคำว่าหนาวก็แย่แล้ว ฝนยังมาตกอีกโว้ยย

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง


>>>อ่านย้อนหลังตอนที่ 107< < < CLICK !!!



สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ









★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ





★★★★★★★★★★★


ความเดิมตอนที่แล้ว


หลังจากกลับมาที่หอพักและประชุมแผนงานพรุ่งนี้

ซึ่งพอเลิกซ้อมผมก็กำลังจะไปหาอะไรกิน

แต่พอโทรหาจอย จอยก็บอกว่าจะไปกินด้วย

ซึ่งพอรอจอยเลิกงาน รอเปลี่ยนเสื้อผ้าเราก็กำลังจะไปกัน

แต่ตอนนั้นจอยก็บอกว่ากินข้าวแล้วไปหาที่เงียบๆคุยกันมั้ย

ผมก็ถามหยั่งเชิงไปว่าวันนี้เครียดเหรอ ซึ่งจอยก็ตอบว่า

เครียดมากกกกกกกกกกกกกกกกก



★★★★★★★★★★★

นายโดนไดอารี่ 108



ผมก็หืมมม... เครียดเหรอ... จอยก็พยักหน้างืมมม เอาล่ะ !!!  คืนนี้แหละ !!!  แต่ว่าแปปนึงจอยก็เงยหน้ามาทำหน้าแบบเหวอๆ แล้วบอกไม่ !!! ไม่ได้ชวนขึ้นเตียง ไม่ ๆ ๆ ไอ้บ้าโทนไม่ได้หมายถึงแบบนั้น... ผมก็หืม หืมม อะไรเหรอหมายความแบบไหนเหรอ จอยเธอเสียอาการเลยครับตอนนั้นแล้วบอกก็ ก็ ก็... ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปทำอะไรอย่างว่านี่...  เอ้าเวรกรรมนี่ผมคิดเองเออเองเหรอเนี่ยว่าจอยเธอจะชวนผมไปคลายเครียด


เอ... มันควรรู้สึกผิดหวังดิ่ นี่ถ้าเป็นช่วงเรียนมหา'ลัย แล้วเจอเหตุการณ์เหมือนหลอกให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ ผมคงดิ่งยิ่งกว่าตอนไปเล่นบันจี้จั๊มป์อีกครับ แต่ว่าตอนนี้มัน... แปลก แปลกในความคิดผม ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนดี อันนี้คุณผู้อ่านน่าจะรู้ดี แต่ตอนนี้มันเหมือนแบบว่า ไม่ได้โหยหาจนถึงขั้นเฟลจิตตก


ซึ่งผมบอกเลย และเหมือนที่บอกกับหลายๆตอน นั่นก็คือเพราะการที่มีสามสาวเข้ามานั่นเอง หรืออาจจะเพราะผมกับจอยเองก็เคยทำแบบนั้นหลายครั้งแล้ว ผมเลยไม่ได้รู้สึกว่าเฟลอะไรขนาดนั้น ซึ่งผมว่าจุดนี้คุณผู้อ่านน่าจะเข้าใจผมดี ไม่รู้ดิ่ในใจผมคงคิดแบบนี้ล่ะทั้ง


" ครั้งนี้ไม่ทำ ครั้งหน้าค่อยว่ากัน "


ประมาณนี้แหละมั้งนะ ผมก็มอง มองง จอยก็บอกว่าพรุ่งนี้มีงานสำคัญนะไอ้บ้าโทน ถ้า... ทำแบบนั้นกว่าจะกลับมาห้องพักมันจะไม่ทัน 3 ทุ่มนะ ผมก็เลยถามว่า อ่าเร๊ !!! ตอนนี้ยังไม่หกโมงเย็นดีเลย กินข้าวก็คงใช้เวลาไม่นาน นี่จอยคิดว่า จะทำกับผมเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมงเลยเหรอ ถึงบอกว่าจะกลับเกิน 3 ทุ่ม


พอพูดไปแบบนั้น โห !!!  ทุกคนคร๊าบบ แม่สาวแว่นเธอหน้าแดง เขินน สุดๆเลยล่ะ แล้วเธอก็แก้เขินด้วยการจะตีผม ซึ่งผมก็หลบ หลบ หลบ หลบ พอเธอฟาดวืดไป 4-5 ทีเธอก็บอกไอ้บ้าโทนอย่าหลบดิ่ ผมก็หัวเราะแล้วบอกว่าถ้าไม่หลบก็โดนตีอ่ะดิ่ จอยบอกอ๊อยยย แล้วแบบนี้จะตีโดนเมื่อไรเนี่ย



ผมก็หัวเราะ 5 5 5 5  แล้วบอกอ่ะพอๆไปกินข้าวกัน แล้วคอยไปหาที่เงียบๆนอนคุยกัน จอยบอกคุย !!!  แค่นั่งคุยเฉยๆ !!!  ไม่นอนคุย !!! ผมก็หัวเราะแล้วบอกอ้อโทษที ๆ ๆ  แล้วก็ทำท่าขำๆ แม่สาวแว่นคนงามงอนตุ๊ปป่องแล้วเดินนำหน้าไปเลย ซึ่งผมก็บอกว่าถ้าเดินนำไปก่อนแบบนั้น จะรู้เหรอว่าผมหนีไปตอนไหนน่ะ



จอยเธอหันมาจ้องแล้วบอก มาดี้ แล้วเสียงแบบงอแงๆน่ะครับ อื้อหือผมว่าใครเป็นสายสาวแว่น เจอแบบนี้ไปคงอิ่มไปอีกมื้อเลยล่ะครับ ผมกับเธอก็พากันเดินมาที่ห้างใกล้ๆนั่นแหละครับ ผมก็มอง มอง มอง กินอะไรดีกว่า ตอนนี้มันเป็นช่วง Golden Time ด้วยสิ่ครับ


ถ้ามาเดินห้างน่ะช่วงเวลาเที่ยงกับ6โมงเย็นนี่ถ้าอยากกินร้านที่ดังๆอาหารอร่อยๆนี่ ทำใจเลยถ้ามาผิดจังหวะนิดเดียวก็รอยาวๆ แต่จอยก็บอกว่าไปฟู้ดคอร์ทก็ได้ไม่อยากรอนาน ผมก็แซวว่าอยากจะไปหาที่คุยกันเร็วๆอ่ะดิ่ จอยต่อยแขนผมเลยไอ้โทนบ้า บ้า แล้วแปปนึงก็โอ๊ยแทน


ผมก็ถามหืมจอยเป็นไร จอยเธอจับหมัดของตัวเองแล้วบอกแข็งง่ะแขนหรือหินเนี่ย ผมก็หัวเราะเบาๆแล้วบอกป่ะฟู้ดคอร์ทก็ได้ เออจะว่าไปแล้วกินฟู้ดคอร์ตแบบนี้ก็ดีประหยัดเงินได้อีกหน่อย เพราะว่าเบี้ยเลี้ยงผมมันก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย อีกอย่างด้วยราคาของฟู้ดคอร์ตผมก็คงเลี้ยงจอยได้สบายๆล่ะครับ แลกคูปองแล้วก็เดินหาของกัน แต่จอยเองก็แลกของตัวเองนะ


ผมแยกกันเดิน เดิน และก็ลงเอยด้วย !!!  อ้าวเฮ้ย !!! มีข้าวหน้าปลาซาบะย่างเฉยเลย 70 บาท มีไข่หวานไอ้ชิ้นนึงกับขิงดอง เอ้าเฮ้ย !!! หน่านี๊ !!!  ผมตกใจเลยเฮ้ยตอนเดินผ่านหน้าร้าน ผมได้กลิ่นซอสญี่ปุ่นสักตัวนี่แหละ แล้วพอหันกลับไปตามกลิ่นก็เป็นป้ายเลย มีข้าวหมูเทอริยากิ อันนี้น่าจะเป็นเมนูสามัญประจำร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยละ



มีเกี๊ยวซ่าทอด ข้าวผัดอเมริกัน... ซึ่งในอเมริกาไม่มีขาย....  พอๆ เดี๋ยวจะลามไปถึงขนมจีนไม่มีขายในจีน และอินเดียไม่มีกล้วยแขก พอ ๆ ๆ ในป้ายก็จะพวกเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบด้ง หรืออาหารจานเดี่ยวหรือชามเดี่ยว ผมจะรออะไรล่ะครับแลกคูปองมา 200 แล้ว ก็จัดข้าวหน้าปลาซาบะเลย


จอยก็สั่งของเธอมากินนั่นแหละ น้ำพร้อม ข้าวพร้อม กินดิ่คร๊าบรอไร แม่สาวแว่นก็เป่า  ๆ ๆ อู้หูยย ไม่มีไรหรอกครับ หูยให้คิดไม่ดีกันเฉยๆ อืมม ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น เป็นแค่คนที่ชอบกินเฉยๆ ผมไม่สามารถอธิบายได้ถึงขั้นแบบว่า อืมม มีรสอูมามิจากวัตถุดิบนี้ ผักชนิดนี้ดึงรสชาติบลาๆๆ อะไรแบบนี้ได้


ผมแค่รู้สึกว่าชอบกับชอบไม่มากเท่านั้นเอง กับข้าวหน้าปลาซาบะด้วยราคา 70 บาทนี้ ผมว่ากินได้เลยนะ กินให้อร่อยได้ ให้อิ่มได้คุ้มกับราคา 70 บาทเลย แต่... ถ้าจะให้ไปเทียบกับร้านที่มีโอกาสได้ไปกินมา อันนั้นมันก็วัตถุดิบคนละชนิด ต้นทุนไม่เท่ากัน ก็คงจะเทียบไม่ได้


สรุปก็อร่อยครับ อร่อยเท่าที่ 70 บาทจะรังสรรค์ได้ จอยก็บอกโห่แล้วถามว่าไม่เบื่อเหรออาหารญี่ปุ่นอ่ะ ผมก็บอกไม่นี่ก็กินได้เรื่อยๆนะ จอยก็มองหน้าแล้วบอกหึ่ยย ผมก็ถามเป็นไรเนี่ยหืออ จอยบอกไม่รู้ดิ่รู้สึกแปลกๆ ผมก็ถามว่าแปลกอะไรล่ะคร๊าบบ จอยบอกว่า.... อืมม ก็นึกว่าทำงานจบที่เชียงใหม่แล้วก็จะไม่ได้เจอกันอ่ะ



ผมก็แหย่ๆไปว่า คิดถึงผมอ่ะดี๊ จอยบอกแหวะ กินข้าวดีกว่า แล้วเธอก็กินๆ ๆเคี้ยวแก้มตุ้ยๆๆๆ ผมเองก็ต้องกินแหละครับ เราก็คุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อยทั่วไปแหละครับ ถ้าคุยเรื่องงานล่ะก็อาหารรสเปลี่ยนแน่ๆล่ะ จนพอกินกันเสร็จเรียบร้อยก็ลุกออกมาแหละครับ หาที่เก็บจานไม่เจอ


เราเดินออกกันมาแปปนึง แล้วผมก็บอกว่าจอยๆแปปนึงนะผมแวะซุปเปอร์นิดนึง จอยก็ถามว่าจะไปซื้ออะไรเหรอ ผมก็บอกว่าซื้อนมหน่อยน่ะ จอยก็บอกงั้นไปด้วยผมก็บอกไม่เป็นไรๆรอนี่ก็ได้ ซื้อนมแพ็คสองแพ็คเอง จอยบอกก็จะไปด้วย อ่ะผมก็ไม่ว่าอะไรนะจะมาก็มาได้เลย


ผมก็เดินตรงดิ่งไปเลยครับ เลี้ยวซ้ายอีกทีถึงเลย เอ่อมาบ่อยจนจำได้ละว่าของที่อยากได้อยู่ตรงไหน ของที่มาซื้อก็เป็นนมอัลมอนด์ครับ มันมีคำพูดนึงของคุณนักโภชนาการที่ดูแลเรื่องโภชนาการให้ผมว่า คนเราไม่ได้อ้วนเพราะกินข้าวหลัง 2 ทุ่มหรอกนะ


แต่คนเราอ้วนเพราะกินมากกว่าพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันนั่นแหละ แล้วอีกอย่างร่างกายโทนก็ใช้พลังงานเยอะอยู่แล้ว เพราะงั้นอย่าไปกังวลเรื่องกินเลย กินให้ครบ 3 มื้อในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับวันนั้นก็พอ นั่นแหละครับคำพูดของพี่เขาที่บอก ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่เกี่ยวกับการมาซื้อนมหรอกครับ แต่ผมอยากจะถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน



กลับมาต่อครับ ผมก็มาซื้อนมอัลมอนด์นั่นแหละ ผมรู้สึกว่ากินตอนดึกๆได้แล้วก็ไม่ท้องเสียด้วย ผมก็มาซื้อไว้แหละครับ เพราะในช่วงนั้น นมยี่ห้อนี้ในร้านสะดวกซื้อไม่เอามาขายครับ ถ้าจะซื้อก็ต้องไปตามห้าง ไหนๆก็มาห้างแล้วก็แวะซื้อซะเลยดีกว่า


จอยถามว่ากินไปได้ไงอ่ะโทน มันจืดมากเลยนะ ผมถามหืมเคยกินเหรอ จอยบอกอื้อออ ผมก็บอกว่าตอนดึกๆกินให้หายหิวน่ะ เรื่องรสชาติมันก็จืดจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก จอยมองแล้วบอกอื้อๆ ผมก็เลยเอาแพ็คนมอัลมอนด์สะกิดหัวของจอยนิดนึง


จอยก็ปัดๆแล้วบอกผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย ผมก็หัวเราะเบาๆแล้วบอกว่า ผมยังต้องรักษาสภาพร่างกายนะ เพราะยังไงก็โดนลากไปเกาหลีด้วยแน่ๆล่ะ จอยถามว่ายังต้องไปอีกเหรอ ผมหยิบอีกแพ็คมาใส่รถเข็นแล้วบอกช่ายยยย ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเพราะพี่แท-โอ พูดด้วยตัวเอง


ผมพูดเสร็จแล้วก็เข็นรถไปจะคิดเงิน จอยก็ถามว่าแบบนี้มันเกิดคำว่าสนิทไปแล้วอ่ะโทน ผมก็ถามว่าทำไมเหรอ จอยบอกว่าคำสั่งกับคนระดับนั้นน่ะมันต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเลยนะโทน ยิ่งเป็นคำสั่งที่ต้องใช้เงินด้วยแล้ว ผมก็ถามหืมเงินเหรอ จอยบอกเอ้าก็ใช่ดิ่ การจะไปร่วมซ้อมที่นู่น


ยังไงซะเรื่องงบประมาณก็ต้องทำให้ชัดเจน ทางนั้นเป็นเจ้าภาพยังไงก็ต้องเตรียมที่พักไว้ให้ เงินแค่วอนเดียวก็ต้องเป็นลายลักษณ์อักษร แต่นี่กับเลือกผู้เข้าร่วมซ้อมแบบปากเปล่าเลยอ่ะ ผมก็บอกว่าคิดมาน่ะจอยปกติพี่แท-โอ เขาก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ คิดอะไรก็ทำเลยน่ะ จอยบอกมันก็ใช่


แต่กับโทนแล้วมันพิเศษเกินไปไง ผมก็เข็นรถไปแล้วก็บอกน่าๆคิดไปก็ปวดหัว จอยก็บอกเฮ้ออ ไรเนี่ยโทน ผมก็หัวเราะเบาๆนะตอนนั้น แล้วก็ถามว่าจอยล่ะไม่อยากลองทำงานกับฝั่งเกาหลีเหรอ จอยรีบส่ายหัวเลยครับแล้วบอกว่า คนเกาหลีไม่ใช่สุภาพบุรุษทั้งหมดแบบในซีรีย์หรอก



ผมก็หืม ?? จอยบอกว่านิสัยผู้ชายเกาหลีน่ะชอบคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ ที่ซีรีย์เขาเขียนบทให้ตัวเอกอบอุ่นน่ะเพราะอยากจะสร้างค่านิยมให้คนทำตามแค่นั้นแหละ เอิ่มเรื่องนี้ผมก็พอรู้มาบ้างแล้วล่ะ ดูอย่างลุงคิมเป็นตัวอย่างเลย ดุด่าพนักงานซะเละเทะเลย จอยบอกผมว่าเธอรักสายงานญี่ปุ่นมากกว่า


ผมบอกโอกาสใหญ่เลยน๊า แล้วจอยก็บอกว่าถ้าให้ไปแบบนั้นมันไม่ใช่แค่การทิ้งโอกาสหรอกนะโทน แต่มันเป็นเหมือนการฝืนใจตัวเองน่ะ สู้ให้จอยพัฒนาตัวเองในด้านนี้ให้สุดกำลังจะดีกว่า ผมก็อื้ม... ไม่รู้จะบอกอะไรจอยดีแฮะเพราะประสบการณ์การทำงานจอยก็มีมากกว่า


แถมเรื่องการตัดสินใจเธอคงแน่วแน่อยู่แล้วล่ะ ก็จริงอยู่ว่าในยุคนี้ธุรกิจเกาหลีกำลังมาแรง แต่ทางญี่ปุ่นเองก็ไม่ใช่ว่าจะเบาๆ ยังไงจอยเองก็คงตัดสินใจที่จะไปให้สุดในสายญี่ปุ่นนี่แหละนะ เราเดินมาจ่ายเงินอ่ะแหละครับ คนคิดเงินก็มอง มอง มองอะไรวะ แล้วก็คิดเงินไป เออ... ผมหัวขาวนี่หว่า คนจะมองก็ไม่แปลก


คิดเงินมาเสร็จก็พากันเดินกลับมานั่นแหละครับ อิ่มๆๆๆ ผมก็ถามจอยว่าแล้วพรุ่งนี้จอยต้องตื่นกี่โมง จอยบอกเช้าอ่าดิ่ เพราะต้องไปกับทางรถของบริษัทไปรับคุณเคย์กับทางคณะญี่ปุ่นที่โรงแรมอยู่แล้ว ผมก็บอกเอ้อ พวกญี่ปุ่นอ่ะพักโรงแรมเดียวกับพี่พลอยนะ จอยก็ฮ๊ะ !!!  จริงเหรอ รู้ได้ไง


ผมก็บอกว่าก็วันนั้นลงมาก็เห็นพวกญี่ปุ่นน่ะ อุ้ยพอพูดถึงคนที่เจอ... ก็คุณรุกะนั่นแหละ ผมก็บอกไว้แค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วจอยก็ถามว่าเจอคุณรุกะเหรอ หน้าเปลี่ยนเชียว ผมก็ถามอารายๆเป็นหมอดูหรือไง จอยบอกโห่ เดาไม่ยากหรอก แล้วได้คุยอะไรกับเขามั้ย


ผมบอกก็ไม่ได้คุยอะไรนะ จอยบอกโห !!!  เดี๋ยวนี้หยิ่งซะด้วย ผมก็เคาะหัวเธอเบาๆแล้วถามว่าผมหยิ่งอารายยยย จอยเธอขยี้หัวตัวเองแล้วบอกอ๋อยย ชอบใช้ความรุนแรงอ่ะ ผมก็มองแล้วบอกว่าตอนนั้นใครกันน๊าบอกแรงๆหน่อย จอยได้ฟังแล้วบอกไอ้บ้าโทนพูดทำไม


จอยพูดอีกว่าโทน... คุณรุกะจะกลับญี่ปุ่นแล้วนะจะไม่พูดอะไรกับเขาหน่อยเหรอ ผมก็ถามว่าต้องพูดอะไรล่ะหืม จอยบอกว่าเนี่ยยย ชอบทำตีเนียนไขสือ จอยบอกว่าตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาไม่มีคู่หมั้นก็ยังทำตัวปกติเลย คุยเล่นกันเหมือนปกติเลย แต่พอรู้เรื่องคุณชิบะ ทำไมโทนดูไม่อยากคุยกับคุณรุกะเลยล่ะ



ผมก็ตอบว่าไม่รู้สิ่ ไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายมั้ง ขนาดว่าตอนพวกเราไปทำงานเชียงใหม่ ชิบะที่มันอยู่ญี่ปุ่นมันยังมีสายข่าวรายงานเรื่องที่พวกเราทำตัวสนิทสนมกับคุณรุกะเลย มันเลยขนคนมาจากญี่ปุ่นนั่นไง แล้วดูที่งานดิ่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ทำตามหน้าที่ พวกมันยังมาหาเรื่องได้น่ะ



ถ้าการไปคุยกับคุณรุกะมันจะทำให้ชิบะมันบ้าขึ้นมาอีกมันก็ควรเลี่ยงป่ะ บอกตรงๆถ้าให้งัดกันตัวๆ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้กลัวอะไรมันหรอกนะ แต่กลัวมันจะเล่นลับหลังนี่ดิ่ แต่ก็นะคงไม่กล้าทำอะไรไปพักใหญ่ๆเลยล่ะมั้ง เพราะทำผิดต่อหน้าพี่แท-โอด้วย



จอยก็เสริมมาทันทีว่า ใช่ๆๆๆ เพราะบริษัท ( ชื่อบริษัทพี่แท-โอ ) ให้ทุนกับโครงการของชิบะอยู่ด้วยนี่นะ แล้วแปปนึงจอยก็หันมามองผมแบบตกใจแล้วกุมหัวตัวเองแล้วพูดว่า โอ๊ยย นี่คุณชิบะไปเหยียบเท้าน้องชายเจ้าของทุนเหรอเนี่ยยย ผมหลุดขำก๊ากเลย จอยเธอดูหลุดจริงๆครับ



จอยบอกอ๋อยย ข้อมูลมันเยอะเกินไปแล้วววว ผมก็บอกใจเย็นๆจอย จอยบอกเย็นได้ก็บ้าแล้ว ผมบอกใจเย็นๆแล้วจูงมือมานั่งที่เก้าอี้ตรงสวนสาธารณะที่เราเดินผ่านครับ ผมบอกใจเย็นๆก่อนนะจอยนั่งก่อน อากาศก็เย็นแบบนี้นั่งให้สบายๆใจก่อน เออทำไมอากาศมันเย็นวู่บว่าบแบบนี้วะ ฝนจะตกเหรอ จอยบอกไอ้บ้าโทนแบบเย็นไม่ได้แล้ว รู้ตัวมั่งมั้ยเนี่ยว่าตอนนี้โทนอยู่ระดับไหน


ผมก็ถามอะไร...ก็แค่ ( ตำแหน่งงานในออฟฟิศ ) เองไง เงินเดือนนิดๆหน่อยๆเอง จอยบอกไม่ใช่แล้ว !!! จอยลุกแล้วบอกกลับห้องด่วนเลยยย ต้องอธิบายยาวๆแล้ว ผมก็งงว่าฮึ๊ !!! อะไรวะ แต่จอยก็จูงมือผมเดินเลย ผมก็เดินตามไปครับจนมันออกมาเขตสวนสาธารณะ จอยก็ปล่อยมือแล้วเดินนำไปเลย


เดินมาอีกแปปนึงก็เข้าเขตบริษัท และเดินอ้อมไปที่โซนโรงยิมและที่พักสำหรับพนักงานเฉพาะกิจ เข้ามาถึงจอยก็บอกว่าไปรอที่ห้องเลย ผมก็.. ไม่ได้คิดเรื่องว่าบหวิวเลยครับตอนนั้นก็ยัง งงๆอยู่ แปปนึงจอยเคาะประตูก๊อกกก อ่ะผมก็เปิดให้เข้ามาครับ จอยบอกมานั่งที่โต๊ะเลย


มันเป็นเหมือนโต๊ะกินข้าวเล็กๆครับนั่งได้สองคน ผมก็ถามว่ามีอะไรสำคัญเหรอจอย จอยก็วางสมุดปั้ป !!! แล้วบอกว่าโทนรู้มั้ยตอนนี้คนที่โทนรู้จักและรู้จักกับโทนเขาระดับไหนกัน ผมก็ตอบว่าบิ๊กๆทั้งนั้น จอยก็บอกว่าไม่ใช่แค่บิ๊กนะดูนี่นะ


แล้วจอยก็เขียนตัวย่อชื่อผมนะไว้กลางสมุดแล้วลากเหมือนแผนผังองค์กรแหละครับ แล้วจอยเขียนชื่อเรียงไปเลยครับ คุณท่านทั้งสอง พี่แมน คุณเคย์ พี่แท-โอ แล้วเธอก็ลากเส้นๆ ๆ 


จอยก็ไปพูดถึงคุณท่าน เธอบอกว่าท่านเป็นคนอุปถัมภ์คอยสอนงานโทนตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปี 2 ให้งานทำ เรียกโทนว่าลูกต่อหน้าคนอื่น แล้วยังแทนตัวเองว่าพ่อแบบไม่เคอะเขิน แบบนี้เท่ากับว่าโทนก็เหมือนลูกของท่านกลายๆแล้วนะ ผมก็บอกว่าไม่หรอกม๊าง


จอยเอาปากกาเคาะหัวผมทีนึงแล้วบอกว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถ่อมตัวให้คิดตามสภาพความจริงๆ ไม่ต้องพูดว่ายอมรับก็ได้ แต่ให้ยอมรับในใจเอา อย่าต่อต้านดิ่เพราะมันจะทำให้สรุปไม่รู้เรื่อง ผมก็ได้แต่ตอบคร๊าบ ๆ ๆ ๆ จอยอธิบายอีกว่า ท่านเป็นทั้งเจ้าของ ( ชื่อบริษัท ) และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่ของบริษัทที่โทนทำงานล่าสุด


เพราะงั้นชื่อของโทนก็เป็นรู้จักของทั้ง 2 บริษัทแน่ๆ และยิ่งงานการ์ดที่ทำนี้ด้วยชื่อคงถูกพูดถึงเยอะกว่าเดิม ผมก็อื้อหือ... แล้วจอยก็วงชื่อพี่แมนต่อแล้วบอกว่าคุณแมนนี่ก็ว่าที่ CEO คนใหม่ของบริษัทแล้วคุณแมนเองก็พูดชัดเจนว่าโทนเป็นน้องชาย แล้วพฤติกรรมคุณแมนเป็นแบบนั้นจริงๆ


จอยมาวงที่คุณเคย์อีกแล้วบอกว่า โทนจอยพูดจริงๆนะ คุณเคย์น่ะเป็นคนที่เนี๊ยบเรื่องงานมาก แต่การที่ยอมให้เด็กอย่างพวกเราได้แสดงผลงานที่เชียงใหม่น่ะ จอยว่าโทนเองก็มีส่วนนะที่ทำให้พวกเราได้ไปน่ะ


ก็จริงอยู่ที่ทั้งพลอย และโทน รู้เรื่องวัฒนธรรม มารยาทต่างๆเกี่ยวกับญี่ปุ่นมากกว่าคนอื่นๆที่ได้ไป แต่ยังไงจอยว่ามันเป็นเพราะคอนเนคชั่นอะไรบางอย่างที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ไปทำงานอ่ะ อุ้ย... ผมนิ่งได้แปปนึงจอยก็เอาปากกามาจิ้มมือผมเลยนะแล้วพูดว่า โทนทำงานได้ดีแล้วอย่าคิดว่าผ่านได้เพราะเส้นล่ะ


ถ้าเต็ม 10 จอยให้โทน 7.5 คะแนนเลยนะ ผมก็อ้าว7.5 เหรอ จอยบอกอื้มไปทำงานครั้งแรกน่ะ ถ้าได้แค่ 6 ก็ถือว่าโคตรเก่งแล้วนะ จอยบอกให้ผมฟังต่อ แล้วก็โยง โยง เส้นจากชื่อคุณเคย์แล้วพูดว่า แล้วนี่ดูคอนเนตชั่นคุณเคย์ดิ่ อื้อหืออ เป็นต้นไม้เลยเว๊ยเฮ้ยยยย


จอยบอกแล้วที่สำคัญนี่ไงคุณแท-โอ  ผมก็ถามพี่แท-โอเหรอ จอยบอกใช่ เขาแสดงออกชัดเจนเลยนะว่าให้ความสำคัญกับโทนมาก นั่งคุย แบบไม่ถือตัวทั้งๆที่คุณแท-โอ ถ้าไม่ใช่คนระดับเดียวกันที่คนที่เขาคิดว่าสมควรเขาก็จะไม่คุยแบบนี้นะ โทนก็รู้ไม่ใช่เหรอ ผมก็บอกอื้ม... คงงั้น


จอยบีบคอผมแล้วบอกว่า ไม่คงงั้นหรอกไอ้บ้าโทน คือมันไม่ได้เจ็บหรอกแต่ดูจอยเธอกล้าถึงเนื้อถึงตัวผมมากๆเลยนะ ผมก็บอกเดี๋ยวเถอะบีบคอมากๆ เดี๋ยวผมเอาคืนนะ จอยก็ถามทำไมเอาคืนอะไร ผมก็เลยขยับเข้าไปกระซิบว่าป่ะเดี๋ยวรู้ จอยบอกไอ้บ้าคุยงานก่อนดิ้ !!! แล้วเธอก็ปล่อยมือเลยครับ



ผมหัวเราะเบาๆแล้วถามอ่ะๆยังไงต่อ จอยเธอขยับแว่นนิดนึงแล้วเอาผมไปถัดหู อื้อหือ สาวกสาวแว่นเจอซีนนี้เข้าไปมีใจเต้นล่ะครับ เธอบอกว่าแค่การมาของคุณแท-โอ ก็ทำให้หุ้นของบริษัทขยับพุ่งขึ้นเยอะมากเลยนะ แล้วการที่เขาปฏิบัติแบบนั้นกับโทนยังไงก็ต้องมีคนเอาไปพูดกันแหละ


แล้วไม่แค่นั้น วันก่อนก็ไปบริษัทด้วยนี่นา ผมก็บอกอื้มใช่ จอยบอกอื้อแบบนั้นแหละที่บอกว่าโทนน่ะแทบจะกลายเป็น VIP แล้ว และที่สำคัญ !!!  จอยพูดแล้วเขียนชื่อพี่ฮยอน-อา แล้ววง ฟึ่บ ๆ ๆ ๆ แล้วพูดว่า นางมารร้ายที่ทุกคนต่างรู้ถึงความเก่ง และความร้ายกาจ แต่พออยู่กับโทนก็ทำตัวเป็นพี่สาวขี้อ้อนนี่น่ะ !!! คืออะไร !!!



ผมก็บอกว่า ผมไม่รู้วววว ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา ออกแนวเกลียดขี้หน้าผมด้วยซ้ำ จอยมองแล้วบอกว่าที่บอกว่าไปกระทืบคนโชว์ใช่มะ ผมก็บอกไม่ช๊ายยย ม่ายยย จอยก็มองหน้าแล้วบอกว่าอารมณ์ร้อนตั้งแต่เด็กๆเลยเหรอไงเนี่ย ผมก็แหะๆ เปล๊า !!!  ก็สถานการณ์มันบังคับน่ะ



จอยถอนหายใจแล้วบอกว่าช่างเถอะ จอยบอกว่าการที่นางมารอย่างคุณฮยอน-อา แสดงท่าทีแบบนั้นออกมามันก็ชัดเจนว่า พวกเขาสองคนพี่น้องนั้นคิดว่าโทนเป็นคนที่คู่ควรจะพูดคุยด้วยอย่างสนิทใจมากๆเลยนะ แล้วจอยก็โยงเส้นออกจากชื่อพี่ฮยอน-อา ฟืด ๆ ๆ ๆ แล้วบอกว่า เครือข่าย คอนเนคชั่นของคุณฮยอน-อาน่ะ ยังไม่มีที่สิ้นสุดอีกนะ ยังมีอีกเยอะเลย



ผมก็หัวเราะแหะ ๆ ๆ ๆ จอยถามว่าแล้วอันนี้ถามจริงๆโทนรู้จักกับพ่อของคุณแท-โอ เป็นการส่วนตัวมั้ย ผมส่ายหัวบอกหึ่ ๆ ๆ  ไม่รู้จักหรอก ไม่เคยได้คุยด้วยซ้ำเลย ภาษาอังกฤษของผมจอยก็รู้นี่ว่ามันไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก แค่พูดคุย โต้ตอบได้ปกติแค่นั้นเอง ถ้าไปเจอพวกเขี้ยวลากดินล่ะก็ ยับแน่นอน



จอยบอกอื้มๆ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แค่ 3 คนนี้ คุณ ( ชื่อพ่อพี่แมน ) คุณเคย์ พี่แท-โอ  ก็เรียกว่าเป็นโคตรของการซัพพอร์ตแล้วล่ะ จอยอธิบาย ๆ ๆ จนผมอื้อออ เข้าใจแล้ว ผมหยิบกระดาษแล้วขยับเดินมานั่งที่โซฟาแทนเมื่อยหลังครับ แต่มันมีเรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นครับ นั่นคือเมื่อผมหยิบกระดาษเดินมานั่งที่โซฟาเพื่อจะดูแผนผังที่จอยเขียนมาให้ดูเล่นๆ ตอนที่ผมนั่งแล้วจอยก็เดินมายืนตรงหน้า


ผมก็เงยหน้ามองถามหืมมีอะไร เธอก็บอกขอนั่งด้วย เอ้าผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็เขยิบมาอีกฝั่งให้เธอนั่งสบายๆ แต่นี่แหละครับที่ผมบอกว่าเซอร์ไพรส์เพราะสาวแว่นนักแปลภาษาเธอตีต้นขาผมเบาๆ ตอนแรกผมงงแต่เธอก็ดันขาผมให้อ้าออกแล้วเธอก็หันหลังหย่อนก้นลงมานั่งตรงกลางหว่างขาผมเลย


ผมแบบเฮ้ย !!! อิหยังเนี่ย จอยบอกก็จะนั่ง ผมก็เอ๊ะแค่แปปเดียวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมก็บอกจอยว่าถ้ามีอะไรแข็งๆดันหลังก็อย่าโวยวายล่ะ จอยบอกรู้แล้วกลัวที่ไหนล่ะ ผมคิดในใจนั่นแน๊ !!! ท้าทายๆ  เธอขยับๆ อ่ะมานั่งปุ้กตรงกลาง และเอนมาพิงเลยครับ อ่ะในเมื่อบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไร ผมใช้มือขวาหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาจ้อง เอ่อ... โดนพิงน่ะครับ เอื้อมมือมาสองข้างไม่ถนัด



นึกภาพตามออกใช่มั้ยครับคุณผู้อ่าน ผมก็มองๆ จอยก็บอกว่ารู้ยังว่าตัวเองแบ็คหนาปึ้กแค่ไหน ถึงทั้ง คุณ ( ชื่อพ่อ-แม่พี่แมน ) คุณเคย์ และคุณแท-โอ จะไม่ได้ผูกพันกับโทนทางสายเลือด แต่สิ่งที่ 3 คนนี้ขัดเจนคือการสนับสนุนโทนนะ อ่ะตัดคุณเคย์ออกไป แล้วลองโฟกัสที่คุณ ( พ่อพี่แมน ) กับคุณแท-โอ นะ สองคนนี้เชื่อใจและไว้ใจโทนมากๆ แล้วภาพที่เกิดขึ้นที่หลายคนเห็น มันมีอิมแพ็คแน่นอน


จอยพูดแล้วหันมาบอกว่า แต่ก็ดีที่โทนไม่ใช่พวกบ้าอำนาจ ผมก็ก้มมองนิดนึง ก้มมากไม่ได้ มันติดซอกคอ หน้านี่ใกล้กันนี๊ดนึง ผมบอกอารายล่ะนั่น จอยบอกว่า ก็ไม่มีอะไร การที่โทนไม่ได้เป็นคนขี้อวด มันก็จะทำให้มีเกราะป้องกันทัศนคติติดลบได้ระดับนึงแหละ



จอยบอกแต่ยังไงธรรมชาติของคนเราก็คงตั้งแง่เอาไว้ก่อนแหละ ผมบอกเหมือนบางคนเลยเนอะ จอยหันควั่บมาบอกก็มันผ่านมาแล้วป่ะ ... มันก็เป็นเรื่องที่เชียงใหม่แหละครับ เพราะตอนไปทำงานที่เชียงใหม่ จอยเธอก็ยอมรับว่าตอนแรกน่ะ


เธอเองก็ตั้งแง่ไว้กับผมว่า อายุเท่านี้ อายุงานเท่านี้ ทำไมถึงได้ทำงานสำคัญๆตั้งแต่เป็นหัวหน้าทีมสัมมนา แล้วนี่ยังมาทำงานระดับ 8 หลักอีก แต่เธอก็ยอมรับว่า พอทำงานด้วยกันก็เลยรู้ ถึงประสบการณ์ไม่ค่อยมี แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่เป็นไรเลย



และพร้อมที่พัฒนาตลอดเวลา พอเจอปัญหาก็พร้อมลุย และต่อจะให้มีพี่แมนคอยซัพพอร์ตก็ไม่เคยเบ่งเลย วุ๊ยยย พิมพ์เองก็เขินเองว่ะ มาต่อครับ ๆ ตอนนั้นผมก็หัวเราะเบาๆ แล้วบอกโอเค ผ่านมาแล้ว ๆ แต่จอยไม่รู้หมั่นใส้หรือหมั่นเขี้ยวอะไร เธอง่ำ ๆ ๆ ที่แขนผมเลยครับ



ผมก็เลยง่ำๆ ที่หัวเธอไปบ้าง จอยบอกอ๋อยยย น้ำลายย น้ำลายลิง อ๊อยยย ติดเชื้อแลว ผมฮึ๊ !!! เลยครับ แล้วถามเดี๋ยว ๆ ๆ ๆ  อะไรลิงคืออะไร !!! จอยหันมาแล้วบอกว่าก็คุณหมิวบอกว่าโทนเหมือนลิงอ่ะ แล้วก็เหมือนจริงๆด้วย ผมถามอารายกันเนี่ยยยยยยยยย  พอพูดถึงเจ๊หมิว จอยก็บอกเอ้อออ อีกคนเลยอ่ะคุณหมิวเองเหมือนกัน



คุณหมิวเองถึงจะดูดุๆแบบนั้นแต่จอยก็คิดว่าตัวคุณหมิวอ่ะพร้อมจะซัพพอร์ตมากๆเลยนะ ผมก็บอกอื้ม ถึงเจ๊หมิวจะบ่นแต่ก็สอนอะไรเยอะแยะเลยแหละ จอยบอกเอ๊อออออ  ลืมพ่อโทนได้ไง จอยเด้งตัวหยิบกระดาษจากมือผมแล้วเขียนชื่อแล้ววงไว้ และเธอเขียนว่า


" พ่อโทน "


ผมก็ถามเดี๋ยวๆพ่อผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย จอยเอาปากเกาเคาะหัวผมแล้วพูดว่า นี่อย่าทำเป็นไม่รู้ว่าพ่อตัวเองน่ะมีอำนาจแค่ไหน ผมบอกเดี๋ยวๆแค่ที่ปรึกษาทีมรักษาความปลอดภัยเอง จอยถามว่าเองงง แค่เองเหรอออ  จอยวงชื่อพ่อผมหลายๆวงเหมือนหงุดหงิดผมอ่ะ


เสียงลากเส้นนี่ฟืด ๆ ๆ ๆ จอยบอกว่าแต่พ่อของโทนคุม ดูแล ฝึกสอนทีมรักษาความปลอดภัย คุมซะอยู่หมัดเลย จอยบอกว่าเพราะงั้นก็เท่ากับว่า พ่อโทนก็มีอำนาจในส่วนนี้เต็มๆซึ่งถ้าแค่ในส่วนนี้ พ่อโทนมีอำนาจมากกว่าคุณแมนอีก ผมก็ฮึ๊ !!! ขนาดนั้นเลยเหรอ จอยบอกไม่เห็นเหรอว่าพวกบอร์ดบริหารหลายคนยังมีท่าทางเกรงใจพ่อของโทนเลย


ผมก็นึก ๆ ๆ เออจริงว่ะหลายคนคือเหมือนเกรงใจพ่อผมมากๆ แล้วจอยบอกว่าคุณแมนเป็นคนริเริ่มก่อนตั้งทีมรักษาความปลอดภัยในบริษัทก็จริง แต่ปัจจุบันอำนาจการดูแลตอนนี้ก็เหมือนว่าพ่อโทนจะจัดการแทน แล้วไหนจะการที่จอยได้ยินมาอีกว่า ที่คุณแท-โอมาน่ะ เป็นเพราะพ่อของโทนออกปากด้วยตัวเอง คุณแท-โอถึงยอมมา


นี่ถ้าไม่มีพาวเวอร์คงทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผมก็จ๋อยเลยคร๊าบบบ จอยพูดแล้วก็ลากชื่อพ่อของผมโยงมาที่พี่แมนแล้วบอกว่า เพราะงั้นนั่นเท่ากับว่าโทนก็เป็นลูกชายของที่ปรึกษาพิเศษของทีมรักษาความปลอดภัย ที่ทำให้ระยะ1-2 ปีมานี้มีผลงานและชื่อเสียงขึ้นมาก



อื้อหือผมฟังแล้วกลืนน้ำลายดังเอื้อกกก แล้วจอยก็วง วง วง วง อีกหลายๆวงนะ แล้วก็โยงเส้นจากชื่อพ่อผมไปแล้วพูดอีกว่า โทน แล้วไหนจะลูกน้องเก่าของพ่อโทนอีกล่ะ ที่วันนั้นมาน่ะแต่ละคนดูทรงแล้วไม่ใช่พวกใจซื่อมือสะอาดแน่ๆ ทำงานสุจริตแน่ๆ คนดีๆเขาไม่พกปืนเป็นคลังแสงแบบนั้นหรอก แล้วแต่ละคนพ่อของสั่งอะไร



ก็พร้อมใจทำตามหมด ตอนที่บอกให้เข้าไปเปิดทางให้โทน พวกนั้นก็เข้าไปแลก เข้าไปลุยกับทีมญี่ปุ่นทันทีเลย จอยว่าสำหรับพวกนั้นพ่อของโทนนี่เป็นตัวตนที่พิเศษมากๆแน่ๆ แล้วจอยก็มาวง ที่ชื่อผม วื้ด วื้ด วื้ด แล้วบอกว่าโทนถึงโทนจะบอกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา แต่โทนรู้ไว้เหอะว่าคนรอบๆตัวโทน ที่พร้อมจะหนุนหลังโทนน่ะ แต่ละคนนั้นไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ



ผมมองๆแล้วบอกเฮ้ออ เด็กเส้นแท้ๆ จอยฟังแล้วก็บอกว่าไม่หรอกโทน ถ้าโทนเป็นเด็กเส้นคงไม่ทำงานหนักแบบนี้หรอก แล้วแต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าใจดีเลย จอยว่าแทนที่จะเรียกว่าเด็กเส้น จอยว่าโทนเป็นเด็กปั้นมากกว่า


 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

102030

พรุ่งนี้มีงานเช้านะสาวแว่น จะทำอะไรก็รีบทำ อิอิ ว่าแต่อยากเห็นกระดาษที่จอยเขียนบ้างจัง จะได้เห็นว่า ท่านเทพโทนยิ่งใหญ่ขนาดไหน

หวังว่า คุณโทนจะได้รู้คำตอบว่าทำไมเธอถึงเป็นอย่างงั้นไวๆนะครับ รอลุ้นคำตอบด้วย ^^

อ้าว เพิ่งเห็นว่าได้นั่งโต๊ะแรก 555


drblackjack


Joepure~☆

สมกับการรอคอยครับ
จอยน่าจะปลดล็อคท่านโทนนะ
จากเด็กเส้น กลายเป็นเด็กปั้น
ให้คนละความรู้สึกเลย


Edit: ว้าแย่จัง...โดนจับได้ซะและ

Pong Sak


Roam/Z/l3


FRA5M2



acropobia899

ชอบที่จอยใช้คำว่า เด็กปั้นจัง มันดูเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะผมว่า


jongjo

จากที่ฟังจอยวิเคราะห์ ว่าเทพโทนเป็นเด็กปั้นอันนี้เห็นด้วยครับ  ว่าเทพโทนนี่เป็นเด็กปั้น...ปั้นน้ำเป็นตัวน่ะ555


n_neng

จอยเหมือนจะรู้จักนายโทนมานานมากๆ วิเคราะห์ออกมาเล่นเอานายโทนไปไม่ถูกเลย แต่ขาดคุณรุกะอีกคนนะ รายนี้ผู้สนับสนุนรายใหญ่เลย

sunnies

ยิ่งกว่าเส้นก๋วยจั๊บคงเป็นโทนล่ะครับ จอยเขียนชาร์จซ่ะขนาดนั้น