ได้กำลังใจดีจริง ๆ เลยได้เริ่มกลับไปเขียนตอน 11 ต่อแล้วครับ
บอกเลยว่าตอน 11 ผมทุ่มเทมาก ๆ ปั่นไปได้ราว 25% แล้ว ถ้าเสร็จแล้วจะลงในแอพ พร้อมกับตอนลงตอน 10 ที่นี่นะครับ
อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
ของผมครับ
และสามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับแสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ แสดงลิ้งค์เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
บรรยากาศภายในห้องชมรมขณะนี้เต็มไปด้วยความเงียบงัน ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวด้วยการเขียนหรืออ่านอะไรบางอย่าง แต่ก็มีบ้างเป็นครั้งคราวที่เสียงของพี่เอมจะดังขึ้นยามเมื่อเธอมอบคำแนะนำแก่คนอื่น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครฉุกคิดสงสัยเลยว่า ในระหว่างความเงียบนี้ มือของผมจะกุมมือพี่เอมกำแน่นซ่อนหลบอยู่ใต้โต๊ะ
ใช่ ผมยังคงตื่นเต้นกับความรู้สึกที่รู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอนั่งอยู่ใกล้ ๆ แต่เพียงแค่จับมือของพี่เอมไว้ ความรู้สึกแปลกใหม่บางอย่างก็เกิดขึ้นกับผม
ผมไม่อาจอธิบายมันออกมาเป็นคำพูด แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมัน ผมรู้ดี มันไม่ใช่ความรักแน่ เพราะผมไม่สามารถรู้สึกแบบนั้นกับใครได้ ผมจึงคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเรียกว่าความสบายใจ
ถึงกระนั้น ผมก็ไม่อยากจมอยู่กับมันไปมากกว่านี้ แม้มันจะให้ความรู้สึกดีและใหม่สำหรับผมแค่ไหน แต่ผมก็ยังต้องการพี่เอมเพียงแค่ร่างกายของเธอ และทำให้เธอโหยหาแต่ผมเท่านั้น ผมไม่ได้ต้องการหัวใจของเธอ มิเช่นนั้นแล้ว ผมจะไม่อาจได้พบกับความตื่นเต้นจากความปรารถนาลับของผมอีก
ผมปล่อยมือของเธอเมื่อผมเขียนเสร็จ พี่เอมพยักหน้าให้ผม เธอไม่สามารถทิ้งแฟนของเธอได้ ผมจึงหยิบกระดาษยื่นให้พี่จ๋า
“งั้นผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ครับ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิภูมิ ยังตัดสินใจไม่ได้เหรอ? ” พี่จ๋าถามเมื่อเห็นผมเดินไปที่ประตู ก่อนที่เธอจะก้มลงอ่านสิ่งที่ผมเขียน
“ขอคิดดูก่อนนะครับ แต่บอกตามตรงเลยว่าผมสนุกกับประสบการณ์ในวันนี้มาก”
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่งานเขียน แต่เป็นประสบการณ์ที่ได้อยู่กับพี่เอม ตรงนั้นคือสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด
“โอเค แล้วเจอกันนะภูมิ” พี่เอมยิ้มส่ง
“ครับ แล้วเจอกันครับพี่” ผมผงกหัวให้เธอเล็กน้อยก่อนจะบอกลาทุกคนต่อ รวมถึงพี่บิ๊กที่ยังยุ่งอยู่กับงาน และแพร สาวเนิร์ดคนนั้นด้วย
พ้นออกจากประตูไปได้นิดเดียว ผมก็ได้ยินเสียงพี่จ๋าตะโกนลั่นมาจากด้านหลัง
"อ๊ะ! นี่มันอะไรกันเนี่ย? กางเกงในสีแดง กางเกงในสีฟ้า กางเกงในสีเขียว เขียนบ้าอะไรเนี่ยภูมิ!!!!"
อา… คือผมคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ และนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะทำได้แล้วล่ะ โชคดีที่ผมรีบวิ่งออกมาทันที ดูแล้วคงจะอันตรายไปสักหน่อยหากผมที่จะอยู่แถวนั้นต่อ
เมื่อผมเดินมาถึงประตูโรงเรียน ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเริ่มพิมพ์ข้อความส่งถึงพี่เอม…
เมื่อครั้งกำลังหาเลือกที่เรียน เนื่องเพราะผมต้องการจะเริ่มต้นใหม่ให้ไกลเหล่าหญิงสาวที่ผมเคยขโมยมาตอนอยู่โรงเรียนเก่า ผมจึงจงใจหลีกเลี่ยงทุกโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน บ้านของผมตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนใหม่หลายสถานีรถไฟฟ้ามาก อีกทั้งยังอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนมัธยมที่ใกล้ที่สุด จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะเจอใครสักคนที่รู้จักผมในสมัยมัธยมต้น
มีหญิงสาวหลายคนที่คิดผูกพันกับผมมากเกินไป แน่นอนว่าพวกเธอยังคงแสดงความรักต่อแฟนหนุ่มของตัวเองเป็นอย่างดี แต่นั่นก็เพราะผมห้ามไม่ให้พวกเธอเลิกกับพวกเขาเท่านั้น หัวใจของพวกเธอได้ตกเป็นของผมแล้วโดยสมบูรณ์ จนแม้ผมจะตัดขาดจากหญิงสาวเหล่านั้นแล้วก่อนจะเรียนจบ มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอหยุดติดต่อกับผมเลยสักนิด นั่นจึงเป็นที่มาให้โทรศัพท์ของผมต้องเปิดโหมดปิดเสียงอยู่ตลอด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผมต้องเสียเวลาเปิดดูข้อความหรือรับสายของพวกเธออีก
เหล่าหญิงสาวของผมหลายคนเลือกใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางไปกลับโรงเรียนเช่นกัน และแน่นอนว่า ผมต้องเคยมีประสบการณ์ดี ๆ บนรถไฟฟ้ามาแล้ว ผมยังเคยมีความคิดที่จะทำกันในที่สาธารณะอีกด้วย แต่เมื่อคิดว่าอาจจะถูกจับได้หรือมีคนรู้จักมาเจอะเจอเรา ยกตัวอย่างเช่นแฟนหนุ่มของพวกเธอที่อาจจะขึ้นรถไฟฟ้าขบวนเดียวกัน แม้มันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนแต่ความคิดนี้ก็เสี่ยงพอตัว ผมจึงยังไม่เคยลองมันเลยสักครั้ง แต่ถ้าในอนาคตก็ไม่แน่
อย่างไรก็ตาม ข้อความที่ผมส่งให้พี่เอมคือบอกให้เธอมาหาผมที่สถานีใกล้ ๆ โรงเรียน ผมจะชวนเธอให้มาที่บ้านของผม บ้านที่มีแค่ผมอยู่เพียงคนเดียวเพราะพ่อกับแม่ต่างยุ่งเหยิงกับงานของพวกเขาจนไม่ค่อยจะกลับมานัก
ใช้เวลาไม่นานในการรอ ผมก็เห็นร่างอันดูเหนื่อยหอบของพี่เอมโผล่มาที่สถานี นี่เธอวิ่งมาเลยเหรอ?
“พี่เอม! ๆ ทางนี้ครับ! ”
พี่เอมหันมาตามเสียงของผมและเดินตรงมาหา เหมือนเธอจะใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผมที่กำลังโบกมือให้ แต่แล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังอยู่ในที่สาธารณะ ใบหน้าและลำคอของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
“ไม่ต้องตะโกนก็ได้ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก”
อาาา… เธอเป็นพี่ ม.6 ที่น่ารักมากจริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเอมขึ้นรถไฟฟ้าล่วงหน้าไปก่อนนะ ส่วนภูมิจะนั่งอีกขบวนตามไป จะได้ไม่มีใครสงสัย”
"เราจะไปไหนกันเหรอ? "
“บ้านภูมิเอง จากตรงนี้ไปไม่กี่สถานีหรอก เอมไปนะ? ”
แม้จะยังรู้สึกเขินอายอยู่ แต่พี่เอมก็พยักใบหน้าอันน่ารักของเธอให้กับผม
ไม่นานรถไฟฟ้าก็มาถึง และอย่างที่ผมบอกไว้ เรานั่งรถไฟฟ้าคนละขบวนกันโดยส่งข้อความคุยกันอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนพี่เอมจะไม่ค่อยชินกับการนั่งรถไฟฟ้าสักเท่าไหร่เนื่องจากเธอมักจะขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้านอยู่เป็นประจำ
[ทำไมมาเรียนไกลจัง]
[คือภูมิอยากหนีมาไกล ๆ น่ะ]
[หนี? หนีอะไร?]
[ไว้ภูมิจะเล่าให้ฟังทีหลังนะ ว่าแต่…เอมออกมาได้ยังไงครับ]
ผมไม่คิดว่าแฟนหนุ่มของเธอจะปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียว พวกเขามักจะรอเพื่อกลับพร้อมกันอยู่เสมอ ยืนยันได้จากวันแรกของเทอมที่แม้จะมีเหตุอันไม่เป็นใจแต่เขาก็ยังจะกลับพร้อมพี่เอมโดยการอยู่รอเธอตรงประตูโรงเรียน และนั่นทำให้ผมเกิดอยากขอบคุณพี่บิ๊กเอามาก ๆ ที่เขาออกจากห้องไปเป็นคนแรกในวันนั้น เพราะมันทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าใกล้แฟนสาวของเขาและมีวันนี้ได้
[อืม…เอมบอกบิ๊กว่าแม่ส่งข้อความมาบอกให้รีบกลับบ้านน่ะ]
[พี่บิ๊กเชื่อ?]
[เชื่อซิ บางครั้งแม่ก็ตามให้เอมรีบกลับบ้านแบบนี้แหละ]
[ถ้าแบบนั้นก็พอเข้าใจได้ครับ แต่ทำไมพี่บิ๊กไม่ออกมาด้วยกันล่ะครับ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขารอกลับพร้อมเอมตลอด]
[บิ๊กอยู่ทำงานของเขาต่อน่ะ งานชิ้นนั้นเกี่ยวกับทุนการศึกษาของเขา เอมเลยบอกให้บิ๊กอยู่ทำมันให้เสร็จแทนที่จะมาส่งเอม]
รุ่นพี่สาวคนนี้…. เธอกำลังทำให้ผมตื่นเต้นอีกครั้ง เธอโกหกผู้ชายของเธอเพียงเพื่อให้ได้มาพบกับผม ผมแทบรอที่จะโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของผมอีกครั้งไม่ไหวแล้ว
[แล้วเขาก็ยอมอยู่ทำงานต่อจริง ๆ เหรอเนี่ย สงสัยภูมิต้องไปขอบคุณพี่บิ๊กสักหน่อยแล้ว]
[ทำไมล่ะ?]
[ก็เขากำลังยกแฟนของตัวเองให้ผมไง]
แม้จะห่างกัน แต่ผมก็คาดเดาปฏิกิริยาของพี่เอมได้ เธอต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ ๆ
[ไม่ต้องไปเลยนะ เดี๋ยวบิ๊กก็สงสัยพวกเราหรอก]
พี่เอมตอบกลับอย่างไร้เดียงสาจนผมอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะสงสารแฟนหนุ่มของเธอ
[ภูมิแค่ล้อเล่นน่า แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ภูมิออกมาครับ ภูมิว่าภูมิได้ยินเสียงพี่จ๋าตะโกน…]
[อ้อ! ใช่ ๆ ก็เขียนอะไรส่งมากันล่ะ เป็นโรคจิตรึเปล่าเนี่ย]
[ทำไมล่ะ? ภูมิแค่เขียนโดยยึดจากคำหลักที่หยิบได้ เอมอ่านแล้วใช่ไหม]
[ใช่สิ! ได้อ่านกันทั้งชมรมแหละ ทำเอาวุ้นเส้นหยุดขำไม่ได้เลย ยัยจ๋าก็แทบจะฉีกมันทิ้ง ส่วนน้องแพรก็วิ่งออกจากห้องชมรมไปเลยหลังจากอ่านเสร็จ]
อะไรกันล่ะนั่น? ทำไมถึงตอบสนองแตกต่างกันขนาดนั้น? กับพี่จ๋าผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ แต่กับพี่วุ้นเส้นเธอดันขำซะงั้น? ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าผู้หญิงขี้สงสัยคนนั้นคิดอะไรอยู่ในใจ และกับแพร ผมเดาว่าผมจะต้องเตรียมหนังหน้าให้พร้อมสำหรับการโดนตบเมื่อเจอเธอในครั้งถัดไป
[แต่ละคนก็คิดเห็นต่างกันสินะ แล้วเอมคิดยังไงล่ะ]
[ภูมิเขียนตามคำแนะนำของเอมได้ดีเลย ภูมิอาจจะมีพรสวรรค์อยู่ก็ได้นะ แต่แค่…ภูมิอาจจะโรคจิตหรือไม่ก็หมกมุ่นเกินไปหน่อย]
อา... ด้านนี้ของพี่เอมก็น่ารักเหมือนกันนะ แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในสาวประเภทที่น่ารักและขี้อาย แต่เธอกลับให้ความเห็นได้อย่างเหมาะสม ผมคิดว่าหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอายเสียอีก
ราวครึ่งชั่วโมงหลังจากขึ้นรถไฟฟ้าพวกเราก็มาถึงสถานีซึ่งเป็นจุดหมาย พี่เอมออกจากรถไฟฟ้าและเดินนำออกไปก่อนโดยมีผมที่ลงจากขบวนถัดไปเดินตามหลังอยู่ห่าง ๆ จนเมื่อพวกเราพ้นจากบริเวณสถานีออกมา ผมจึงเริ่มขยับมาเดินอยู่เคียงข้างเธอ
ผมยื่นมือไปคว้ามือพี่เอมมาจับไว้แล้วกำแน่น พี่เอมสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อเห็นว่าใครจับมือเธอ เธอก็สงบลงทันที ไม่มีการต่อต้านจากเธออีกต่อไป และเมื่อคิดว่าย่านนี้อยู่ไกลจากสถานที่ที่เธอคุ้นเคย ความกังวลว่าจะถูกคนรู้จักพบเห็นของพี่เอมก็ลดคลายลง ในสายตาของคนอื่นแล้ว พวกเราดูเหมือนคู่รักธรรมดา ๆ เท่านั้น
"แถวนี้ต่างจากแถวบ้านเอมลิบลับเลยนะ ภูมิอยู่ที่นี่ตั้งแต่เล็กเลยเหรอ" พี่เอมถามขึ้นขณะมองสำรวจโดยรอบอย่างสนใจในระหว่างที่เรากำลังเดินไปเรื่อย ๆ
แถบนี้ต่างจากย่านอื่นๆ ตรงที่ไม่ค่อยจะพลุกพล่านเท่าไหร่นัก มันเต็มไปด้วยบ้านเรือนส่วนตัวหลังใหญ่จำนวนมาก ไม่มีตึกสูงอย่างคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์เลยแม้แต่น้อย บ่งบอกได้ว่าผู้อยู่อาศัยในแถบนี้ส่วนใหญ่คงจะมีฐานะอยู่ในระดับหนึ่ง
“ต่างกันยังไงครับ? ”
"ก็แถวนี้เงียบสงบดี ส่วนบ้านเอมอยู่ใกล้ห้าง แถว ๆ นั้นคนก็เลยเยอะ วุ่นวายจะตาย"
อา… พี่บิ๊กได้ไปเยี่ยมบ้านของเธอแล้วหรือยังนะ พี่เอมออกจะเป็นสาวขี้อายขนาดนี้ และเหมือนแม่ของเธอจะค่อนข้างเข้มงวดด้วย สังเกตได้จากการที่เธอโทรเรียกพี่เอมให้รีบกลับบ้านเป็นครั้งคราว
หลังเดินมาได้ระยะหนึ่ง พวกเราก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ้านของผม แม้จะไม่ใหญ่เท่าหลายบ้านในแถบนั้น แต่บ้านของผมก็ถือว่าใหญ่กว่าบ้านทั่วไป เมื่อมองจากภายนอก คุณจะคิดว่ามีครอบครัวขนาดใหญ่อาศัยอยู่ แต่ความเป็นจริงช่างห่างไกลจากนัก ผมอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นในบ้านหลังนี้
"ภูมิ!!"
ขณะผมกำลังเปิดประตู เสียงตะโกนของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังไม่ไกล
"พาสาวใหม่มาอีกแล้วเหรอ?! ”
ผมหันมองไปยังทิศทางของเสียง เสียงซึ่งที่จริงแล้วผมรู้จักดี
‘โมเม’ เพื่อนบ้านและเพื่อนสมัยเด็กของผม ครอบครัวของเธอและผมเป็นเพื่อนกัน ดังนั้น เมื่อพวกพ่อแม่เลือกบ้านที่จะตั้งถิ่นฐาน พวกเขาจึงเลือกบ้านที่อยู่ติดกัน
“ใครน่ะภูมิ? ” พี่เอมขมวดคิ้วเล็ก ๆ เธอสงสัยเพราะโมเมเรียกผมด้วยเสียงอันสนิทสนม
“ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอก เข้าไปกันเถอะครับ”
ผมทำเป็นไม่เห็นไม่รับรู้และรีบดันพี่เอมเข้าไปในบ้าน
"อ้อ! นี่ทำเป็นเมินงั้นเหรอ!"
โมเมวิ่งตรงมาหาจากหน้าบ้านของเธอพร้อมกับเสียงโหวกเหวก ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการกับเธอตอนนี้ เธอมักจะพยายามทำลายความสนุกของผมอยู่ทุกครั้งจริง ๆ ให้ตายสิ
“เอมเข้าไปก่อนนะครับ ห้องนั่งเล่นอยู่ทางซ้าย เดี๋ยวภูมิตามไป”
ผมยิ้มและเปิดประตูให้พี่เอม เธอดูมีอาการสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ผมยังไม่สามารถจัดการกับมันได้ในตอนนี้ ผมจึงมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ผมไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจหรือไม่ ผมไม่ต้องการให้เธอได้พูดคุยกับยัยโมเมนั่น ผู้หญิงคนนั้นจะพยายามเล่าเรื่องไร้สาระ ๆ ให้เธอฟังอย่างแน่นอน
“อ...อืม เอมรอข้างในนะ”
พี่เอมพยักให้ผมด้วยสีหน้าตื่น ๆ ของเธอก่อนจะเดินเข้าบ้านไป