ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

มันเป็นเรื่องของ คุณหมอ ผมแค่เป็นเงาในที่มืด

เริ่มโดย pongwut, มีนาคม 27, 2023, 03:55:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pongwut

 นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์จริง ที่ผมนำมาเล่ามาแชร์ จริงๆเหตุการณ์ในครั้งนี้มันเกิดขึ้น เกือบๆจะ1ปีแล้ว ในตอนแรกผมไม่รู้ว่า มันควรจะนำมาเล่ามาแชร์หรือเปล่า เพราะในสิ่งที่ผมเจอมา ในครั้งนี้มันใช่เรื่องราวที่เกี่ยวกับเซ็กโดยตรง แต่มันมีหลายสถานการณ์ และหลายเหตุกาณ์ ที่ผมได้เจอมากับตาตัวเอง และผมก็ได้รับรู้บางอย่าง และอีกหลายๆอย่าง เกี่ยวกับเรื่องลับๆของส่วนตัว    คนที่ในแบบเราๆ ประชาชนทั้วๆไปที่ใช่เป็นแบบพวกเขา เรามักจะยอมรับกันกลายๆว่า พวกเขาเหล่านั้นคือคนอีกระดับ  นั่นคือ"คุณหมอ"
...........และสิ่งที่ผมตัดสินใจ อยากจะนำมาแชร์ ในเรื่องราวทัังหมดครั้งนี้  เพราะผมคิดว่า ในประเทศที่เราอยู่  จะมีสักกี่คนที่จะได้มีโอกาส ใด้มาเห็นอย่างที่ผมเห็น ซึ่งผมบอกได้เลยว่าน้อยมากๆ....คุณจะได้คุยกับพวกเขานาน หรือบ่อยๆ นั่นคือคุณต้องลูกค้าเท่านั้น  และเป็นคนที่จ่ายหนักระดับเรือนแสน  สำหรับคนทั้วๆไป 5 นาทีก็มากเกินพอ  กับพวกบัตรทองและประกันสังคม สำหรับการแค่ได้มานั่งชิดใกล้ตัว ถามตอบไม่กี่คำ  โดยเฉพาะกับหมอสาว หรือเรียกทางการว่า "แพทย์หญิง"
............โดยอาชีพผมที่ทำ ตลอดการทำงานเกือบๆ20ปี  ซึ่งจริงๆแล้วผมได้มาเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน อยู่3ครั้ง แทบจะเป็นพิมพ์เขียวเดียวกัน มีหนึ่งครั้งที่ผมเคยเล่าไปเมื่อหลายปีก่อน....แต่ทุกครั้งที่ได้เจอ แม้ว่ามันจะไม่ได้อะไรเลยก็ตาม....ผมก็รู้สึกลึกๆว่ามันมันคุ้มค่า  และที่สำคัญมันทำให้ตัวผมเอง เกิดอาการ"ออกทะเล"  ได้ทุกครั้ง
............เหตุการณ์นี้ ผมขอเล่าแบบเล่าไปเรื่อยๆในสิ่งที่ผมเจอ....และอาจจะยาวเหมือนเดิม

............และเรื่องราวในครั้งนี้ มันเกิดขึ้นประมาณเดือน 7ปีที่แล้ว 2565 (ผมจำวัน ไม่ได้แน่นอน)  มันเริ่มจาก มีเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ตอนเที่ยงวันที่ผมกำลังหยุดพักเที่ยง ซึ่งปลายสายที่มาจากเชียงใหม่  นั่นคือ พี่ชิด  ซึ่งเป็นคือ Project Manager (Pm.) ของบริษัทเก่าผมสมัยผมกำลังทำงานใหม่ๆเมื่อหลายสิบปี  โดยที่พี่ชิดเป็นคนที่มีบุญคุณกับตัวผมมาก แม้จะเคยร่วมงานกันไม่นาน  แต่เป็นแกเป็นคนที่ป้อนงานฟรีแลนซ์  ให้ผมมาโดยตลอด ทั้งงานออกแบบ เขียนแบบ และรับเหมาจ๊อบเล็กๆ   และในวันที่พี่ชิดโทรหาผม โดยที่ให้ผมหาคนมารับเหมางานทุบรื้อ และก่อฉาบผนังบางส่วน รวมไปถึงงานปูกระเบื้องพื้นและผนัง  ที่สำคัญพี่ชิดบอกให้ผมรับเองโดยตรงเลย  ส่วนแกจะหาผู้รับเหมา เดินไฟฟ้าและฝ้าเพดานไปเองภายหลัง  และงานที่จะให้ผมรับเ ป็นงานของคุณหมอพราว เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทแก ตอนที่เรียนจุฬาด้วยกัน  รวมทั้งหมอพราวก็เป็นเพื่อนลูกสาวแกด้วย  ซึ่งเป็นงานรื้อถอนต่อเติม คลีนิกเสริมความงาม ชั้น3-4  งบที่แกเสนอมาให้ผมดูในline  คือยอด BOQ สองแสนเฉพาะค่าแรง และค่าขนวัสดุรื้อถอนออก  แต่จะตัดให้ผมรับไปแสนห้า เป็นงานสัญญา 10วันเสร็จ โดยเบื้องต้นพี่ชิดจะประสานงาน ให้ผมได้ไปพบหมอพราว  และแกย้ำให้ผมส่งเมลล์ราคาไปที่หมอพราว ด้วยราคาตามที่แกส่งให้ผมดู
..........จากที่ผมฟังพี่ชิดอธิบายมา ทุกอย่างเหมือนจะดูง่าย  แต่พี่ชิดได้บอกกับผมตรงๆ เนื่องจากผมกับแก ทำงานจ๊อบกันหลายงาน และหลายปี เราไว้ใจกัน   แกได้ย้ำกับผมว่า งานนี้ต้องให้ผมทำใจ อาจจะได้กำไรน้อย หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย  เพราะว่าหมอพราวเธอเป็นคนเรื่องมาก  คงให้แก้งานไม่จบไม่สิ้น  และเป็นสาเหตุหลักสำคัญ ที่แกไม่รับงานนี้โดยตรง เพราะไม่อยากไปทะเลาะกับคนรู้จัก ที่เป็นทั้งลูกเพื่อนและเพื่อนลูกสาว  ในตอนนั้นผมเองก็ช่างใจ ลังเลใจว่าจะรับหรือไม่รับงานนี้  แต่สิ่งที่พี่ชิดการันตีว่า ถ้าทำแล้วมันเข้าตัว หรือว่าไม่คุ้ม ห้าหมื่นที่แกหักหัวคิวไว้แกจะคืนให้ผมหมด เพราะแกอยากจบๆงานนี้ไป (เหมือนแกไม่อยากรับงานนี้เลย)  สุดท้ายผมได้ตัดสินใจรับงานนั้นทำ ด้วยเหตุผลแรก และเหตุผลที่สองคือ ไซน์งานมันไม่ได้ไกลจากที่ทำงานผม  อยู่ระแวกเส้นสุขุมวิท
.......... หลังจากผมวางสายกับพี่ชิด ในหัวผมมีตัวเลือกเดียว นั่นก็คือช่างออย ซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่ทำกับตึกอ๊อฟฟิศเช่าบริษัทผมมานาน  และสนิทกับผม ที่กำลังทำงานที่ชั้น17 ตึกของบริษัทผมอยู่  ผมจึงรีบโทรไปคุยงานกับช่างออย และได้บทสรุปว่า ช่างออยรับทำ  ส่วนผมได้สี่หมื่นและช่างออยรับแสนหนึ่งหมื่น  โดยที่ช่างออยให้รถกะบะผมใช้ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องเจาะต่างๆ  และถอดคนงานจากชั้น 17 แบ่งมาให้ผม 4 คน เป็นช่าง1คน กรรมกร3คน (กรรมกรชายหนึ่งหญิงสอง) ทั้งสี่คนเป็นคนงานเขมร คนแรก ซื่อ มิน จุงโซ เป็นช่างทั้งไป พูดภาษาไทยพอได้ แต่ไม่ชัด และ จองฮอนซู  เป็นกรรมกรวัยรุ่นตัวใหญ่ ส่วนกรรมกรผู้หญิงสองคน เป็นเมียของ มินและจอง และสามคนหลังพูดไทยไม่ได้  แต่พอฟังภาษาไทยได้บ้าง  ซึ่งผมมองดูแล้วมันก็เพียงพอกับงานนี้
............จนกระทั้งผ่านมาหลายวัน พี่ชิดก็ได้โทรให้ผมเข้าไปที่คลีนิกหมอแพรวในวันพุธ นั่นคืออีก2วันจากวันที่พี่ชิดบอก....พอถึงวันที่จะต้องพบและทำสัญญากับหมอพราว ผมก็ได้โดดงาน แต่ผมก็ได้นัดแนะ กับช่างออยไว้ก่อนถ้ามีใครเกิดถามหาผม ก็ให้บอกว่าผมดูงานที่ชั้น17ตลอด  จากนั้นผมก็เดินทางโดยผมขับรถกะบะ พาคนงาน4คนไปพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ครบครัน พอผมไปถึงที่คลิกนิก เวลาประมาณเกือบๆ9โมงเช้า ผมก็ได้เอารถไปจอดด้านหน้าคลีนิก ซึ่งคลีนิกที่เป็นตึกแถวสองคูหาติด สูง5ชั้น โดยที่ตึกที่หน้ากว้างเกือบ12 เมตร (รวมสองคูหา)และเป็นตึกที่หน้าแคบหลังลึกระหว่างที่ผมกำลังจะลงไป อยู่ๆก็มีพนักงานที่คลินิกผู้หญิง รีบวิ่งมาที่ผมด้วยอาการที่ร้อนรน พร้อมพูดขึ้นมาว่า " พี่ค๊ะๆ ใช่ที่จะมาทำตึกใช่ใหม? จอดรถที่ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะค๊ะ ให้วนไปด้านหลังด่วน!เลยค๊ะ แล้วพี่ค่อยเดินอ้อมมาใหม่  "  ตอนแรกผมก็แปลกใจ เพราะที่จอดหน้าตึกยังว่างอยู่2ช่อง แต่ด้วยสีหน้าท่าทางพนักงานคนนั้น ที่ดูจะซีเรียสมาก ผมจึงทำตามโดยการวนรถไปอีกซอย  แล้วอ้อมมาที่ด้านหลัง พอผมอ้อมมาเสร็จด้านหนังจะมีเป็นซอยระหว่างหลังตึกอีกฝั่งหันหลังชนกัน  ที่แคบมาก ผมได้จอดที่ประตูหลัง และจอดรถแบบชิดตึกฝั่งคลีนิก เหลือแค่ระยะทางให้คนพอเดินได้  จากนั้นผมก็เดินมาคนเดียวอ้อมมาที่ด้านหน้าคลีนิก โดยที่คนงานเขมร4คนรอที่ประตูหลัง
...........ในขณะที่ผมได้เข้าไปภายในคลีนิกและได้นั่งรอที่โซฟาติดกับประตูทางเข้าคลีนิก  มีแม่บ้านเอาดื่มมาให้   สิ่งที่ผมเห็น....โอ้ววครับ....พนักงานคลีนิคที่อยู่ที่นั่น ประมาณ5-6 คน แต่ละคนมันช่างเป็นอาหารตาจริงๆ...แม้ว่าในส่วนของหน้าตาอาจจะไม่โดดเด่น แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ ชุดฟอร์มที่ใส่ซึ่งคล้ายๆพยายาล  เป็นเสื้อชุดสีชมพูอ่อนคอกลม มีแนวกระดุมเยื้องหน้าฝั่งขวา ซึ่งเป็นชุดสอบเข้ารูป รัดแน่นหน้าอก รวมไปถึงรัดแน่นที่ช่วงลำตัว ยิ่งบางคนหน้าอกใหญ่ๆ ก็เห็นเป็นหน้าอกนูนโค้งพุ่งออกมาเป็นลูกๆ ส่วนกางเกงที่ใส่เป็นกางเกงขายาวสีขาว ก็รัดแทบทุกส่วนตั้งแต่ต้นขา ง่ามขา รั้งเป้า จนถึงสะโพกและก้น เห็นเป็นรอยแนวขอบกางเกงในนูนออกมา ได้ชัดจัดเจน  และยิ่งไปกว่านั้นคนที่ใส่กระโปรง จะเป็นกระโปรงสั้นและรัดตึง  โชว์ต้นขาอ่อนที่หุ้มด้วยถุงน่องสีเนื้อ....ยิ่งมองยิ่งได้อารมณ์  ในห้วงเวลาที่ผมนั่งรอหมอพราว  แม้ว่าจะนานแต่ผมยังรู้สึกว่า ให้รอนานเป็นวันๆยังได้เลย  เพราะพวกพนักงานสาวๆ ที่นั่งๆ ยืนๆ เดินไปเดินมา  มันดูเพลินตาจนลืมเวลาได้เลย  ในช่วงที่ผมนั่งรอหมอพราวเพลินๆ เกือบจะ10โมงเช้า  ก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเรื่อยๆ  และก็มีคุณหมอผู้หญิงหน้าตาดี 2 เดินถือเสื้อชุดกราวเข้ามา แต่ไม่ใช่หมอพราว  จนกระทั้งพนักงานผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เดินมาบอกกับผมว่า อีก5 นาทีหมอพราวจะมาถึง
.............ตอนนั้นตัวผมเองก็ทั้งลุ้น และก็ทั้งตื่นเต้น  ในใจอยากจะเห็นหน้าว่าหมอพราว ว่าจะสวยแค่ใหน อีกใจหนึ่งผมก็พะวงว่า หมอพราวแม่งจะเคี้ยวหรือจะเรื่องมากแค่ใหน.......และยังไม่ถึง5นาที  ก็มีรถ Porsche (ผมไม่รุ่นแต่เป็นรถทรงแบบ5ประตู) มาจอดด้านหน้าคลีนิก  โดยที่ผมมองออกไปดู.....จังหวะหมอพราวก้าวลงจากรถมา...แว๊บแรกที่ผมเห็น....แม้ว่าผมเห็นในระยะ 4-5 เมตรจากตรงที่ผมนั่ง ผมยังรู้สึกได้เลยว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีออร่าในตัวมาก 
...........ต่อเนื่องด้วย จังหวะที่เธอเดินเปิดประตูเข้ามา  มาพร้อมกับกลิ่นน้ำจากตัวที่หอมมาก และภาพที่ผมเห็นเธอชัดๆ เธอเป็นคนที่สวยมาก เป็นคุณหมอที่สวยมากจริงๆคนหนึ่ง เท่าที่ผมเคยได้เห็นตัวเป็นๆ  ผมเดาอายุที่เท่ากับลูกพี่ชิด น่าจะแค่29-30 ปี เป็นผู้หญิงที่รูปร่างดูสมส่วน  ดูๆแล้วจะบอบบางไปด้วยซ้ำ ผมได้กะสัดส่วนของเธอด้วยสายตา ส่วนสูงน่าจะ 160-162 เอวน่าจะ 24-25 สะโพกไม่น่าเกิน 32-33 ส่วนหน้าอกที่ดูจะใหญ่เกินตัว น่าจะไซร์คัพD (ดูแล้วน่าจะเสริมมา)  ส่วนหน้าตาดูสวย รูปหน้าเรียวยาวทรงรูปไข่ ตาโต (ใส่คอนแทค เลนส์ สีน้ำตาลอ่อน )จมูกโด่ง ผมสีดำตรง รวบรัดผมแสกกลาง แบบหลวมๆ(ไม่ได้รัดผมตึงแน่น ) ผิวตัวขาวเนียน(ขาวออร่า)  และที่สะกดผมให้หยุดมองเธอไม่ได้  การแต่งตัวของหมอพราววันนั้น   ที่ดูเซ็กซี่ ดูเท่ห์อย่างมีสไตร์ แบบคนรุ่นใหม่  โดยที่เธอใส่เสื้อเชิ้ต สีครีมคอจีนแขนยาว  ทรงรัดเข้ารูป  ใส่ทับในด้วยกางเกงหนังสีดำ ทรงเอวสูงไร้ขอบ มีซิปตะเข็ปรางใหญ่สีเงิน ที่ผ่าแยกตรงกลางเป็นแนว จากขอบบนหน้าท้องยาวลงมาเหนือบริเวณเป้า  โดยที่กางเกงหนังสีดำแบบผ้ายืดรัดตึงแนบเนื้อ เห็นเป็นภาพ ทรวดทรงเซฟต้นขาเรียวๆ ตั้งแต่เหนือตาตุ่ม สูงขึ้นมาจนสุดเป้า เห็นเป็นช่องว่างระหว่างขาทั้งสองข้าง  (รัดตึงทุกส่วน ) ส่วนรองเท้า เธอใส่คัชชูส้นสูงเกือบๆ2นิ้ว สีครีมปลายหัวแหลมยาว  มีสายรัดที่ข้อเท้าสีเดียวกับรองเท้า   และทั้งเนื้อทั้งตัว หมอพราวเต็มไปด้วยเครื่องประดับเพชรชิ้นเล็กๆ  ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู  รวมไปถึงสิ่งที่เธอถือ ไม่นับเสื้อกราว กระเป๋าสีดำที่สะพายบ่า จะเป็นถุงกระดาษติดยี่ห้อแบรนด์เนม 2ถุง....ทุกอย่างผมพูดสั่นๆว่า  "perfect woman " ซึ่งผมมองแล้ว  ผมรู้สึกมีอารมณ์ตาม ทุกๆอย่างที่หมอพราวมี  ที่หมอพราวเป็น ที่หมอพราวใส่  มันช่างดูน่ากิน  น่าดูด น่าเลีย เกินจะห้ามใจจริงๆ
.............ในจังหวะที่เธอยืนใกล้ๆ เหล่มองมาที่ผม โดยมีพนักงานมารับถุงที่เธอถือ....จากนั้นก็เดินผ่านผมไปทางด้านหลังร้าน  ผ่านไปแบบไม่มีการทักทาย....หรือแม้แต่คำพูดใดๆจากปากเธอ.......ห้วงเวลาที่ผมรู้สึกจริงๆว่า...ตัวผมเองมาทำอะไรที่นี้......มันตอกและย้ำได้จุกที่อกจริงๆ...ว่าความห่างชั้นมันเป็นยังไง.....แต่ตอนนั้นผมเองทำได้แค่นั่งรอ.......จนกระทั้งเกือบๆ10 นาทีที่เธอเดินไป   โดยที่พนักงานได้เดินเรียกผมไปที่ห้องทำงานหมอพราว......และผมได้เดินเข้าไป ซิ่งตรงผ่านห้องที่ลูกค้าใช้บริการ จะเป็นโซนห้องทำงานของพวกหมอที่แบ่งผนังเป็นห้องๆ...และห้องพักหมอพราวอยู่ด้านในสุด
............ จังหวะที่ผมเลื่อนประตูเข้าไปที่ห้องทำงานหมอพราว  สิ่งแรกที่ผมมองเห็น หมอพราวที่สวมเสื้อกราวสีขาวแล้ว นั่งที่โต๊ะทำงานหันหน้ามาทางประตู ห่างจากประตู2-3 เมตร  โดยที่เธออยู่ในสีหน้า ที่ดูนิ่งๆดูซีเรียส  (หน้าบึ้งตึง) แล้วมองตรงมาที่ผม จากนั้นก็ยื่นมือเขิญให้ผมมานั่งที่เก้าอี้ ที่ด้านขวามือเธอ ผมจีงรีบเดินไปนั่ง เก้าอี้ตามเธอบอก โดยที่ผมเลือกจะนั่งห่างจากเธอประมาณ 1.5 เมตร (ผมไม่กล้าเข้าใกล้เธอมาก เพราะผมดูดบุหรี่ก่อนหน้านั้น)  จากนั้นหมอพราวก็หมุนเก้าอี้มาทางผม แล้วยกขาซ้ายขึ้นไขว้ห้าง พร้อมกับดึงเสื้อกราวไขว้ปิดที่หน้าตัก  สิ่งแรกที่หมอพราวยื่นให้ผมดูก่อน นั่นคือกระดาษA4 1แผ่น ....โอ้ววววครับ....มันคือการพิมพ์ข้อห้ามข้อบังคับ ทั้งหมดที่นี่ ไล่ตั้งแต่ การห้ามสูบบุหรี่ในตึก  ห้ามกินข้าวในตึก ทุกอย่างต้องไปลงไปทำด้านนอกหลังตึก  ห้ามใช้ห้องน้ำในคลีนิก ให้ใช้ด้านหลังส่วนแม่บ้าน และที่สำคัญ ห้ามคนงานเดินมาฝั่งคลีนิกเด็ดขาด......พอผมอ่านเสร็จ หมอพราวก็เริ่มพูดใส่อารมณ์  เพราะเธอไม่พอใจกับตัวเงินที่ผมเสนอไป  เธอบอกว่ามันแพงเหมือนเป็นการตบทรัพย์กันเลย  จากที่ผมนั่งฟังเธอพูดอยู่ฝั่งเดียว เหมือนเธอจะรู้ว่าพี่ชิดเป็นคนอยู่เบื้องหลังผม   เธอไม่ค่อยจะพอใจพี่ชิด หลอกด่าพี่ชิดฝากผ่านผม  แม้ว่าคำพูดจะไม่มีคำหยาบคาย แต่ในความหมายมันแรงและเสียดสี เช่นว่า ดีที่พี่ชิดเป็นแค่ผู้รับเหมา ถ้าได้เป็นรัฐบาลประเทศชาติคงล่มจม  ผมได้ยินแต่ละคำพูดหมอพราว ผมไม่นึกเลยว่า นี่จะเป็นคำพูดของลูกสาวเพื่อนพี่ชิด รวมทั้งเป็นเพื่อนลูกสาวแกจริงๆ แต่สุดท้ายเธอก็เซ็นสัญญา โดยที่หมอพราวต่อราคาผมไปลงสองหมื่น  ตอนนั้นก็คาดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ และใหนๆผมก็ได้มาแล้ว  กำขี้ดีกว่ากำตด 
...........ในระหว่างที่ผมรับเอกสารคืน และกำลังจะเก็บเอกสารเข้าซอง อยู่ๆก็มีโทรศัพย์ดังขึ้นที่โต๊ะหมอพราว  โดยที่หมอพราวรีบเอาขาซ้ายลง จากการไขว้ห้าง แล้วเอี้ยวลำตัวบิดไปด้านข้างเพื่อรับโทรศัพท์.....และในจังหวะนั้นเอง หมอพราวเธอเผลอตัว  แยกถ่างขาทั้งสองข้างออกกว้าง เกือบจะตั้งฉากในท่านั่ง ตามด้วยเสื้อกราวที่คุมตักก็หล่นไปด้านข้างทั้งสองฝั่ง......โอ้ววครับ.....ภาพนั้นทำเอาผมมีอารมณ์ขึ้นมาทั้นที....แม้ว่าเธอจะใส่กางเกง แต่มันเป็นกางเกงหนังรัดแนบเนื้อ  ผมมองตรงเข้าไป เห็นรูปทรงขาเรียวๆจากต้นขา ไปจนสุดเป้าที่มีซิปรางใหญ่ผ่าหน้าตรงกลาง  และยิ่งไปกว่านั้น บริเวณตรงกลางเป้า มีรอยย่นผ้าเป็นแนวเส้น จากสองง่ามขา เห็นเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าผ่ามือ แถมยังโค้งนูนขึ้นจากปลายสามเหลี่ยมไล่ไปจนถึงหน้าท้อง.....วินาทีนั้น....ผมอยากจะลงไปนั่งคุกเข่า เอามือจับตะขอรูดซิปกางเกงลง  แล้วซุกหน้าเข้าไปซุกสูดดมจริงๆ...สุดจะบรรยายจริงๆในภาพนั้น..ที่ผมเห็น
..........พอผมนั่งจ้องมองไปที่เป้ากางเกงหมอพราวได้ซักนาทีกว่าๆ (ผมกำลังนั่งมองเพลินๆ)  ดูเหมือนหมอพราวเอง เธอเพิ่งจะนึกได้ เธอรีบหุบขาเข้าชิดแล้ว ตามด้วยการหมุนขาหลบกลับไปที่โต๊ะ...โดยที่ผมเองก็ตีเนียน ทำไม่รู้ไม่ชี้....และหลังจากนั้นหมอพราวก็ได้ลุกขึ้นพร้อมกับบอกให้ผมเริ่มงานได้ทันที  ส่วนเรื่องเงินงวดแรก20%ให้ผมมาเอาตอนเย็น และเธอจะไปบอกให้คนมาเปิดประตูด้านหลังให้   จากนั้นผมสองคนก็เดินคู่กันออกจากห้องพัก.....ในระว่างการเดินออกไปเจอลูกค้าที่เดินสวนเข้ามา.....โอ้วววครับ....หมอพราวคนสวย เธอได้เปลี่ยนร่างทันที....เธอกลายเป็นคุณหมอสาวสวย นางฟ้าผู้ใจดี  ร่าเริง ยิ้มแย้ม คำพูดคำจาอ่อนหวาน หวานแถบจะมดขึ้นปาก......ตอนนั้นผมรู้ได้เลยว่า แม่งโครตดัดจริต  และผมรับรู้ได้ทันทีว่า ถ้าคุณไม่ใช่ลูกค้า ที่มาจ่ายเงินเพื่อใช้บริการ  หรือแม้แต่เป็นพนักงานที่จะต้องอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะสร้างภาพหลอกใช้   คุณจะไม่ได้รับการแสดงออกแบบนั้นจากหมอพราวแน่นอน!   กับคำพูดหวานๆ  หน้าตายิ้มแย้ม  หรือแม้แต่การได้ความเคารพจากเธอ
............ในตอนนั้น ถึงแม้ว่าผมจะได้รู้ว่าหมอพราวเป็นคนยังไง  มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ผมทำงานรับเงินก็ต้องแยกทางอยู่แล้ว  ผมจึงเดินอ้อมไปที่ด้านหลังตึกไปหาคนงานที่นั่งรอ เพื่อรอจะเข้าไปทำงาน  โดยที่มีแม่บ้านมาเปิดประตูด้านหลังให้  พอผมเดินเข้าประตูหลังไป  ทางซ้ายมือสุดคือห้องน้ำแม่บ้านที่ทั้งเล็กและแคบ ถัดขึ้นมาจะเป็นประตูเชื่อมเข้าไปที่คลีนิกชั้นแรกที่ติดกับห้องทำงานพวกแพทย์  แต่ผมและคนงานห้ามเข้าประตูนั้น ให้ใช้บันได้ทางด้านหลัง ที่เชื่อมไปถึงชั้นลอย และเดินขึ้นบันไดต่ออีกที ผ่านชั้นสองที่เป็นอีกชั้นในส่วนที่ยังเปิดใช้บริการ  จนผมและคนงานมาถึงชั้นสามในส่วนพื้นที่ ที่ผมจะทำการทุบรื้อและต่อเติมตามแบบ และตอนนั้นผมมองรอบๆชั้น3  จะเป็นผนังก่ออิฐกั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ตามแบบเดิมจะเป็นห้องเก็บของอุปกรณ์การแพทย์  ซึ่งน่าจะถูกย้ายขึ้นไปชั้น5 ส่วนชั้น4 แทบจะเหมือนกับชั้น3เลย ในส่วนเนื่องานผมดูแล้วไม่ยากเลย และราคาที่เสนอก็แพงไปจริงๆ  เพราะส่วนงานที่ผมต้องทำ ก็แค่ทุบผนังกั้นห้องเก่าออกให้หมด และก่อฉาบเพิ่มบางส่วนตามแบบใหม่  รวมไปถึงการปูกระเบื้องพื้นและผนังใหม่แค่นั้น   ในส่วนอื่นๆทางคลีนิก จะมาทำการกั้นผนังเบา(ยิปซั่มบอร์ด)เอง  เพื่อที่จะขยายส่วนบริการ และย้ายห้องทำงานแพทย์ขึ้นมาชั้น4  หลังจากผมสำรวจพื้นที่เสร็จผมก็สั่งคนงานให้เริ่มทุบผนังชั้น3 ทันที รวมทั้งเก็บเศษปูนเข้ากระสอบ เตรียมเอาไปทิ้งทุกวัน
.................พอหลังจากวันนั้นมา ทุกๆวันผมได้แอบๆโดดงาน ขับรถไปส่งคนงานทุกวัน และสั่งงานเสร็จผมก็กลับมาทำงานต่อ  ตกเย็นผมก็ไปรับคนงานกลับ ผมทำแบบนี้มาตลอด5 วัน  จนงานทุบรื้อแล้วเสร็จ และก่อฉาบผนังใหม่ก็จนเสร็จหมด  ที่เหลือก็เตรียมพื้นที่ปูกระเบื้อง แต่5วันที่ผ่านมา มันเป็น 5วัน ที่ไม่ง่ายเลยสำหรับผม เพราะช่วง2ทุ่มทุกวัน หมอพราวจะโทรมาที่ผม  และทุกครั้งๆก็จะมีเรื่องตำนิงานที่ทำทุกอย่าง  (หาเรื่องมาติ) บ้างก็ว่าช่างทำงานเสียงดัง  บ้างก็ว่า ฝุ่นแยอะไม่protection  แล้วยังบอกว่า พอหลังเลิกงานพื้นที่ก็ยังสกปรกมาก  แต่เอาจริงๆผมสั่งคนงานเก็บ และเครียร์หน้างานก่อนกลับทุกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่พอใจ  และที่สำคัญ หมอพราวก็ชอบพูดและย้ำคำพูดกับผมตลอดกับว่า "ผมไม่มืออาชีพ"   ซึ่งผมรู้สึกว่าตัวหมอพราว ไม่ใช่แค่เคี่ยว จุกจิก เรื่องมาก  แต่เธอยังเป็นพวกที่ชอบ คลั่งไคล้  "ความเพอร์เพคไปชะทุกเรื่อง"  ซึ่งบางอย่างผมอธิบาย เธอยิ่งไม่พอใจ  สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับปากจะทำตาม เรื่องถึงจะจบ   และหน้ำซ้ำตอนที่เธอขึ้นไปดูงานทุกวัน ตอนช่วงบ่ายๆ ก็ยังไปตำหนิและบ่นต่อว่าคนงาน 4คน  เป็นประจำ ที่ผมได้รูัรับเพราะว่าช่าง มิน จูง โซ ได้มาบอกกับตัวผมทุกเช้า  ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่หมอพราวไปตำหนิ มันจะไปสร้างความกดดัน โดยเฉพาะ มิน จุง โซ ที่เป็นระดับช่าง ถ้าช่าง มิน เกินงอนไม่มาทำงาน เรื่องมันจะยุ่งขึ้นไปอีก เพราะนอกจากฝีมือในการทำงานที่ดี   และถ้าไม่ช่างมิน ก็ไม่มีใครจะมาทำแล้ว โดยเฉพาะคนงานที่เป็นช่าง ส่วนมากคนงานเขมรไม่อยากออกนอสถานที่ หรือนอกพื้นที่เท่าไหร่ เพราะกลัวเรื่องตำรวจมาก  ผมมานั่งคิดถ้าเป็นงานที่ใหญ่ และใช้เวลานานกว่านี้ ผมคงจะไม่รอด กับคุณหมอพราวคนสวยคนนี้
............พอวันเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่7 ซึ่งเป็นขั้นตอนการเบิกงวด 3 เป็น 65% ของงานที่ทำทั้งหมด  ซึ่งหน้างานก็ได้ปูกระเบื้องพื้นชั้น3เสร็จแล้ว  เหลือแค่พื้นชั้น4 กับผนัง  ผมจึงได้นัดหมอพราวอีกครั้งเพื่อที่ส่งงาน ตรวจงาน เบิกค่างวด
.........จนมาถึงวันที่ผมนัดกับหมอพราว ผมก็ได้ไปส่งคนงานมาที่คลีนิกตามปกติ  และมีแม่บ้านมาเปิดให้ตอน8โมง อย่างที่ผ่านๆมา  พอส่งเสร็จผมก็วนรถไปหากาแฟดื่ม  จน11โมงผมได้ย้อนกลับที่คลีนิกอีกครั้ง และก็ไปนั่งรอที่โซฟาด้านหน้า ที่เดิม  ระหว่างที่ผมนั่งรอ ก็มีผู้ชาย  หน้าตาลูกครึ่งแขกอินเดีย  ตัวสูงใหญ่น่าจะเกิน180 เดินเข้ามาที่ผม และบอกกับผมว่า หมอพราวติดเคจลูกค้าอยู่ให้ผมรอ ซัก20นาที  ตอนแรกผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร จนกระทั่งผู้ชายคนนั้น ก็มานั่งคุยกับผม ผมจึงได้รู้ว่านี่คือแฟนหมอพราว ชื่อเปรม จากที่สทนากันผมจึงรู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งอินเดียจริงๆ (คุณพ่อเป็นแขก) เพิ่งคบดูใจกับหมอพราวได้2ปี ยังไม่แต่งงานกัน และทำงานเกี่ยวกับสายการบิน....ในตอนนั้นผมยังรู้สึกว่า ขนาดแฟนเธอที่เจอผมครั้งแรก ยังคุยและยิ้มแย้มให้ผมตลอดๆ  ดูเป็นมิตรและให้เกียรติผมมากว่าหมอพราวหลายพันเท่า  จากนั้นผมกับคุณเปรมก็คุยเรื่องงาน  และผมก็รู้สึกคุณเปรมแกก็ซีเรียส เรื่องความเรียบร้อยของงาน แต่แกมีวิธีพูด ที่ฟังแล้วสบายใจกว่าหมอพราว ผมจึงผ่อนคลายมากว่าคุยกับหมอพราว
.........ผมและคุณเปรม แฟนหมอพราวก็นั่งคุย อธิบายเรื่องงานได้ซักพักใหญ่ๆ จากนั้นหมอพราวก็เดินเข้ามา....โอ้วววครับ.....วันนั้นหมอพราวไม่ใช่แค่สวย...แต่เธอดูเซ็กซี่แบบเผ็ดร้อนมาก....โดยที่เธอเกล้าผมขึ้นม้วนถักเปียร์รัดตึง  โชว์ใบหน้าที่สวย  และยิ่งไปกว่านั้นเธอใส่ชุดเดรสคอกลมผ้าใหมสีม่วงเข้ม แขนกุดโชว์หัวไหล่ขาวๆ  ทรงไซร์รัดรัดรูปสอบเข้าแนบไปกับลำตัว  และที่สำคัญ ที่ทำให้ผมต้องนั่งมองแล้วกลืนน้ำลาย เพราะกระโปรงชุดเดรส มันสั้นและรัดมาก สั้นที่เรียกได้ว่า แค่นั่งหวอก็โผล่แล้ว เพราะปลายขอบชายกระโปรงด้านล่าง เลยจากเป้าลงมาไม่น่าเกิน 4นิ้ว หรือ 10 ซม....(สั้นมากๆ) โชว์ต้นขา ขาวๆเรียวๆ  พร้อมกับรองรองเท้าคัชชูปลายส้นแหลม สีขาวทรงปลายหัวตัด   ยิ่งเห็น ยิ่งมอง ผมก็ยิ่งมีอารมณ์ กับชุดที่หมอพราวใส่ มันช่างยั่วยวนเหลือเกิน นี่คือครั้งแรกที่ผมเห็นเธอใส่แบบนี้  เพราะสองครั้งก่อนหน้าที่ผมเจอ เธอใส่กางเกงหนังและกางผ้าสีขาว  และวันนี้เธอก็มาแปลกกว่าเจอและที่เคยๆได้คุย   พอพราวเธอพูดจากับผม ทักทายผม ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และโทนน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้ง  จากเสียงแข็งกระด้างกระแทก กลายมาเป็นอ่อนหวาน  อ่อนโยน....โอ้วววครับ.....ถึงผมจะรู้สึกดีขึ้นมานิดๆ แต่ผมก็พอรู้ว่า  มันเป็นการเสแสร้งแบบน่าเกรียจ เพราะแค่ว่า ในตอนนั้นเธออยู่กับแฟนหนุ่ม 
...........และในตอนนั้น หลังจากทักทายกันเสร็จ หมอพราวก็ได้บอกผมให้ขึ้นบันได ไปดูงานที่ชั้น3 ด้วยกัน โดยมีแฟนเธอไปด้วย....และจังหวะนั้นเอง ในหัวผมคิดได้ทันที  ผมอยากจะเดินตามหลังไป ผมได้พยักหน้ารับทราบ แต่ผมและแกล้งบอกให้สองคนเดินไปก่อน เพราะผมติดตอบข้อความline จากนั้นแฟนหมอพราวก็เดินโอบประคองเอวหมอพราวเดินไปขึ้นบันได  ในจังหวะที่สองคนก้าวขึ้นขั้นแรก ผมได้ออกตัวเดินตามไปแบบช้าๆ...เดินย่องเท้าเบาๆ......และผมตามทันในช่วงที่ห่าง 4-5 ขั้นบันได ผมได้มองเสยขึ้นไป.......โอ้วววครับ......วินาทีนั้น..มันเป็นอย่างที่ผมคาดไว้เลย.....โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องพยามโค้งตัวต่ำ หรือแม้แต่จะทิ้งช่วงให้ห่างเลย.....ภาพที่ผมเห็น.....เดรสสีม่วงเข้มที่ทั้งสั้น และรัดตึงแน่นต้นขาและสะโพก  จนปลายขอบกระโปรงเดรสได้เลื่อนขึ้นสูง ทำให้ซับในกระโปรงผ้าบางๆเป็นสีม่วงอ่อน ปลิ้นแลบลงมาแทนที่รอบตัว  และที่สำคัญ รอยผ่าด้านหลังชุดเดรสได้แหกถ่างออกเป็นช่องเบ้อเร้อ ได้ขยับขึ้นสูงเหนือก้นไปอีก...จนมองเห็นร่องง่ามตูดและตูดของหมอพราว โผล่ออกมาจากด้านหลังเป็นลูกๆ ทั้งสองข้าง โดยมีกางเกงในสีน้ำตาลเข็มผิวผ้ามันระยิบระยับ ได้ห่อหุ้มรัดตึงปกปิดบางส่วนนั้นอยู่........โอ้วววครับ....ช่วงนาทีนั้นใจผมสั่นมาก......ผมไม่คิดจริงๆว่าจะมีวันนี้......และจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้.....จากเธอคนนี้จริงๆ
............ในช่วงเวลานั้น ตั้งแต่ชั้นแรกไปจนถึงชั้น3....ทุกจังหวะที่ผมเดินย่องตาม โดยที่ตาสองข้างผม ได้จดจ้องไปที่ก้นหมอพราวตลอด (แบบตาแทบไม่กระพริบ)....ผมได้เห็นทุกๆจังหวะก้าวเดินขึ้นบันไดของเธอ....แทบจะบอกได้เลยว่า ผมได้เห็นทุกๆส่วน...ทุกๆอย่าง....ทุกๆdetailตรงนั้น....ของหมอพราวจากทางด้านหลัง ........ไล่ตั้งแต่ ต้นขาเรียวๆขาวๆ หลังข้อพับเข่า จนถึงสุดโคลนต้นขาใต้สองแก้มก้นขาวๆ........รอยแยกเป็นเส้นบนกางเกงใน ตั้งแต่ตรงกลางระหว่างสองง่ามขา จนถึงร่องง่ามตูดส่วนบน......และสิ่งที่ทำให้ผมต้องกลั่นหายใจ   ลุ้นและจ้องมองตลอด  และมันทำให้ควยผม โด่แข็งขึ้นเต็มลำและอัดแน่นไปที่เป้ากางเกงตลอด....นั่นคือ สองแก้มก้นขาวๆ ทั้งสองข้างของคุณหมอพราว ที่โผล่ปลิ้นหย่อนลงมา จากขอบกางเกงในที่ห่อหุ้มไม่ถึง  ได้สะบัดไป-สะบัดมา  เด้งขึ้น-เด้งลง  สลับข้างซ้ายที่ขวาที......ตามจังหวะการก้าวขาทั้งสองข้างขึ้นบันได้......โอ้ววครับ......ภาพเหล่านั้นเกินบรรยายจริงๆ...วันนี้ผมโครตโชคดี  ที่จะได้ทั้งเงินและเห็นของดีจากหมอพราว......
............และจังหวะที่สองคน หมอพราวกับคุณเปรมขึ้นไปถึงชั้น3  โดยที่ตัวหมอพราวเอง เธอก็รู้ตัวโดยตลอดว่า กระโปรงเธอได้ถลกขึ้น เธอจึงหรีบใช้สองมือดึงชายกระโปรงลง ก่อนเดินเข้าไป   แต่เธอกลับไม่รู้  และคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า  ผมได้ขึ้นตามหลัง และมองเห็นส่วนลับด้านหลังเธออยู่ตลอด....ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผม   ระหว่างนั้นผมก็ขึ้นไปถึง ชั้น3  และในตอนนั้นเองหมอพราวกับแฟน ก็ได้ยืนคุยกับข่างไฟ 2 คน ที่พี่ชิดส่งมา เพื่อที่จะคุย ถึงการเดินพวกปลั๊กไฟ  ส่วนผมก็ได้ขึ้นไปอีกชั้น เพื่อไปหาพวกช่างมิน ที่ชั้น4  เพื่อจะสั่งงานต่อ โดยภาพรวมเนื้องานตอนนั้น ในส่วนของผมก็ไปเกือบจะเสร็จ  หลังจากนั้นไม่นาน  ก็มีช่างไฟสองคน ขึ้นมาชั้น4 โดยมาพูดกับผมว่า อาจจะต้องย้ายตำแหน่งให้ทางผม เว้นกระเบื้องผนังบางส่วนก่อน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ติดอะไร......จากนั้นไม่นานหมอพราวกับแฟนก็ขึ้นบันได ตามขึ้นมา แล้วก็พากันเดินสำรวจ ชี้นิ้วไปรอบๆห้องชั้น4 ผมก็ยืนมองแล้วนึกในใจว่า  เธอจะเปลี่ยนแบบอะไรอีกหรือเปล่า ซึ่งงานผมตอนนี้ผมก็ใกล้จะปิดอยู่
...........และสิ่งที่ผมคาดไว้ก็เกินขึ้นจริงๆจริงๆ  โดยที่คุณเปรมได้จูงมือหมอพราวเดินมาที่ผม แล้วขอแบบจากมือผม  แล้วเดินไปที่กองถุงปูนที่ยังไม่ได้เปิดที่วางเรียงทับสูงประมาณ40ซม และมีผ้าคุมปิดด้านบน  จากนั้นคุณเปรมก็ได้นั่งลงตรงนั้นแล้วเรียกทุกคนทั้งหมดเข้ามา  เพื่อที่จะอธิบายแบบในส่วนที่จะเพิ่มเติม  ผมกับช่างมิน และช่างไฟ2คนก็เดินตามเข้าไป พร้อมตัวหมอพราวก็เดินไปด้วย......และในจังหวะที่นั้นเอง...ผมไม่รู้ว่าคุณแปรมแฟนของหมอพราว ในนาทีนั้นคิดยังไง  คงอาจจะกลัวหมอพราว ที่ยืนตรงหน้าเมื้อยขา  จากการทั้งขึ้นบันไดและเดินมานาน  อยู่ๆได้ยืนสองมือจับที่เอวหมอพราวดึงลงมา เพื่อที่จะให้ลงมานั่งที่กระสอบปูนข้างๆตัว.....ในขณะเดียวกันที่ตัว หมอพราวเอง แสดงสีหน้าตกใจพยามจะยื้อยันขืนตัวนิดๆ  เพราะเธอไม่คิดจะนั่งอยู่แล้ว  สาเหตุก็ชุดที่เธอใส่ เธอรู้ตัวว่ามันรัดและก็สั้นมาก  สุดท้ายต้องจำยอมเพราะอยากตามใจแฟน...และคุณเปรมเหมือนไม่ได้คิด....โอ้วววครับ......เป็นช่วงวินาทีเสียว.....เป็นอะไรที่โครตจะใจสั่น    และไม่ใช่มีแค่ผม ตอนนั้น มีช่างมิน จูง โซ รวมทั้ง ช่างไฟ2 อีกสองคน ที่เป็นผู้ชายทั้งหมด ยื่นล้อมตรงหน้ามองไปที่เดียวกันนั่นคือหมอพราว
...............ภาพแห่งความระทึก ของผู้ชายทั้งสี่คนตรงหน้า....โอ้วววครับ.....แบบที่ไม่ต้องลุ้นให้เมื่อย.....ภาพในท่านั่งของหมอพราว  ผมจำได้ติดตา  ในท่านั่งลงชันเข่าสูง มองลงไปที่หน้าตัก เธอ  เห็นเป้าสามเหลี่ยมโผล่นูนออกมาจากสองง่ามขา  ที่รัดตึงแน่นด้วยกางเกงในสีน้ำตาลเข็ม ในส่วนด้านหน้ากางเกงใน  จากบนขอบเอวสีข้างลงมาเป็นลวดลายฉลุลูกไม้  โดยมีเส้นเบรคเป็นแถบเตะเข็บเดินด้ายซีกแซกถี่ๆ เป็นแนวเส้นตรงสอง ส่วนตรงกลางเป้าหีเป็นผ้าสีน้ำตาล ดูหน้าทึบกว่าเนื้อผ้าด้านหลัง.......ทุกๆอย่างตรงนั้น...มันเห็นได้ชัดเจน...ไม่มีอะไรจะจะแจ้งไปมากกว่านั้นอีก......ควยผมที่โด่แข็งเพิ่งอ่อนตัวลง...ก็กลับมาโด่แข็งมากยิ่งกว่าเดิม......โดยที่ตัวหมอพราวเองก็นั่งแบบหน้าเสีย...นั่งแบบไม่สบายตัว...ในระหว่างที่นั่งเธอก็พยาม  เอาฝ่ามือสองข้างมาปิดบังที่ตัก และก็พยามจะดึงปลายกระโปรงขึ้น....พร้อมกันที่เธอพยามจะพลิกตัวไปมาเพื่อจะหามุมหลบ....แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะปลายกระโปรงชุดเดรส มันได้เลื่อนเลื่อนลงตลอด.....และที่สำคัญเธอรู้ตัวดี...รู้ว่าพวกผมได้แอบเหล่มอง แม้ทุกคนจะดูว่า พยามฟังคุณแปรมแฟนเธอ นั่งอธิบายข้างๆตัวเธออยู่....และมีบางจังหวะผมเหล่มอง หมอพราวก็หันมองผม......จนในที่สุด...หมอพราวเองก็ไม่ไหว....เธอได้ตัดสินใจลุกขึ้นยืนแบบดื้อๆ  แล้วทำเนียนยืนฟังแฟนเธอกำลังอธิบาย 
............โอ้วววครับ......มันเป็น2นาทีที่บ้าคลั่งมาก.....เป็นสองนาทีที่ฟ้ามาโปรดสัตว์......ก่อนหน้านั้น ผมได้เห็นก้นจากด้านหลัง ก็แทบจะเงี่ยนตายอยู่แล้ว  อยู่ๆกลับมาได้เห็นกางเกงในด้านหน้าตรงๆ  แบบเต็มๆ.....ผมแทบไม่ได้ฟังคุณเปรมเลย......และจนกระทั้งทุกอย่างจบลง หมอพราวกับแฟนก็ได้เดินลงไปด้านล่าง ในระหว่างลับตาสองคนนั้นแล้ว    ผมและช่างไฟ2คนได้หันมามองหน้ากัน(แบบอัตโนมัติ) แล้วทั้งยิ้มทั้งหัวเราะกันลั่น....ต่างคนต่างถามว่าเห็นกันใหม? กางเกงในของหมอพราว...ทุกคนก็บอกว่าเห็น....รวมทั้งช่างมิน ก็อมยิ้มในใจ เพราะช่างมินก็คงเห็น.....สุดจะบรรยายจริงๆครับ.....จริงๆมันอาจจะแค่เห็นกางเกงในธรรดา....อาจจะมองดูธรรมดาๆทั่วไป.....นั่นมันผู้หญิงทั้วๆไป....แต่สำหรับหมอพราวคนสวย.....ทุกคนตรงนั้นรู้สึกเหมือนกันว่า แค่นี้ก็เกินจะเงี่ยนแล้ว โดยผมก็รู้สึกได้เลยว่า ช่างไฟ2คนก็โดนปฎิบัติจากหมอพราวคนสวย  ไม่ต่างกับที่ผมเคยเจอ แม้จะเพิ่งมาได้2วัน   ผมฟังจากคำพูดที่สองคนนั้น พูดถึงหมอพราว และที่สำคัญ อาการช่างไฟ2คนก็ดูเหมือนสะใจมากเวลา หมอพราวพลาด  นั่งเปิดหวออ่าซ่าให้ดูฟรีๆ
..........จนกระทั่งทุกอย่างก็ล่วงเลยมาถึง วันที่ผมได้ส่งงานและส่งมอบพื้นที่ทั้งหมด  ให้กับทางคลีนิกหมอพราวไปแล้ว  ในพื้นที่นั้นก็เหลือแค่งานฝ้าเพดานและก็พวกพนังเบา ซึ่งผมไม่เกี่ยวข้อง  ส่วนงานที่ผมรับทำ ก็ล้าช้าไป4-5 วัน เนื่องจากมีการแก้ไขแบบจากคุณเปรมแฟนหมอพราว....และวันนี้ซึ่งเป็นวันพุธ  เองผมก็แค่ขับไปรับเช็ก ค่างวดสุดท้ายที่คลีนิกคุณหมอพราว ตามที่เธอนัดไว้เที่ยงตรงที่คลีนิก  ในวันนี้ผมเองก็แอบคาดหวังนิดๆ ว่าวันนี้อาจจะได้เห็นอะไรจากหมอพราวคนสวยบ้าง เพราะภาพวันนั้นมันยังคงตราตรึงใจหมอยู่  ภาพหวอของคุณหมอคนสวย  พอเวลาใกล้จะ11โมง ผมจึงเตรียมจะเดินทางไปหาหมอพราว....แต่หมอพราวเองก็ได้โทรเข้ามาหาผม  โดยที่เธอได้บอกกับผมว่า  ตอนนี้เธออยู่ที่คลีนิก และเมื่อเช้าเธอเห็นคราบน้ำจากผนังห้องน้ำด้านล่างซึมออกมา เธออยากให้ผมไปดูให้ และพาช่างไปทำให้เสร็จ และคิดค่าแรงเพิ่มแล้วค่อยกลับมารับเช็คงวดสุดท้ายที่คลีนิก จากนั้นหมอพราวเธอได้ส่งโคเคชั่นบ้านเธอมาทางลาย  และกำชับผมว่าถ้าไปถึง ให้ผมบอกแม่บ้านโทรหาเธอ  โดยที่นั่นมีแม่บ้านรออยู่
...........ในตอนนั้นตัวผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ข่วยได้ผมก็ช่วย อย่างน้อยหมอพราวก็จ่ายเงินเร็ว  ผมจึงได้เดินทางไปที่บ้านหมอพราว  ที่อยู่แถวบางนา โดยที่ผมพาช่าง มิน จุง โซ ไปด้วย  พอไปถึงหน้าบ้านหมอพราว ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีที่จอดรถได้สองคัน  เป็นหมู่บ้านจัดสรรของพวกคนมีตังค์  จากนั้นก็มีแม่บ้านผู้หญิงวัยรุ่นก็เดินมาที่ผม เธอเป็นคนอีสาน อายุน่าจะ 20กว่าๆ  โดยที่ผมก็บอกแม่บ้านให้แจ้งหมอพราวว่าผมถึงแล้ว....จากนั้นผมกับช่างมิน จึงเดินเข้าไปในบ้าน.....โอ้วววครับ.....ผมมองรอบๆบ้านหมอพราว ดูออกแนวตกแต่งมีกลิ่นอายสไตร์ออกหลุยส์หน่อยๆ  แต่ที่สำคัญมันดูสะอาดมากและเรียบร้อยมาก.....ทุกอย่างมีการเก็บเข้าที่ ไม่มีของชิ้นใหนที่เลยที่ถูกวางเกะกะ  ทุกอย่างเนี๊ยบและเพอร์เฟคแบบที่เธอชื่นชอบ  จากนั้นผมก็เข้าไปเช็คดูที่ห้องน้ำรับแขกด้านล่าง ที่หมอพราวบอกจุดมา....โอ้ววแม่เจ้า...ผมเห็นครั้งแรก ห้องน้ำหมอพราวสะอาดยิ่งกว่าห้องนอนผมชะอีก  และผมก็ได้ไล่สายตาดู จนกระทั่งผมเห็นกระเบื้องผนังที่เป็นรอยคราบน้ำ  ผมพยามกับช่างมินหาที่มาของจุดซึมน้ำ จนผมรู้สาเหตุมันไม่ได้ซึมจากห้องนี้  แต่มันไหลมาจากห้องน้ำด้านบนชั้นสอง  เพราะมีครบน้ำที่ฝ้าเพดานใกล้ๆกับผนังช่องชาร์ป ผมจึงเดินไปบอกแม่บ้าน....
..........ตอนที่ผมเดินไปบอกแม่บ้าน  จริงๆผมรู้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่า แม่บ้านคนนี้ ถ้าเจ้าของบ้านไม่อยู่   ก็เป็นพวกขี้เกียจตัวเป็นขน  ตั้งแต่ผมเข้ามา
แม่บ้านคนนี้ ยังไม่หยุดcall โทรศัพท์เลย  โดยที่ผมเรียกตั้งหลายทียังไม่ค่อยสนใจ ถ้าผมขโมยของเธอยังไม่รู้เลย  จากนั้นผมอธิบายแม่ให้บ้านฟัง  แต่สิ่งที่แม่บ้านตอบกลับว่า ผมหรือใครก็ขึ้นข้างบนห้องนั้นไม่ได้ เพราะถ้าหมอพราวไม่สั่ง  เพราะนั่นคือห้องนอนหมอพราว แม้แต่เธอทำความสะอาดก็ทำเป็นเวลา และหมอพราวต้องอยู่ในบ้าน  ขนาดเสื้อผ้าเธอยังเอาไปให้ร้านซักให้...พอผมได้ฟังผมก็เข้าใจแม่บ้าน  แต่ตอนนั้นผมก็เสนอให้แม่บ้าน ลองโทรคุยกับหมอพราวดู  และเธอก็ได้ทำตามโดยที่แม่บ้านก็ได้โทรไปตามที่ผมบอก  และผมก็ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ  ด้วยห้องตรงนั้นมันเงียบ  และเสียงคุยกันระหว่างแม่บ้านกับหมอพราว ผมได้ยินชัดเจน ในการสนทนา...เสียงปลายสายคุณหมอพราว  เธออนุญาตให้ผมเข้าไปทำ แต่ก็มีเสียงกำชับ แบบย้ำ และย้ำ ว่าห้ามแม่บ้านคลาดสายตาจากพวกผมเด็ดขาด
.......หลังจากนั้นแม่บ้านก็ได้พาผมขึ้นไปที่ห้องนอนหมอพราว  โดยทิ้งช่างมินให้ออกไปนั่งรอที่โถงทางเข้าหน้าหน้าบ้านเลย   พอจังหวะแม่บ้านเปิดประตูห้องนอน และเปิดแอร์ห้อง  และผมเดินตามเข้าไปในห้อง.....สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ ห้องหมอพราวคนสวย  มันดูหรูหรายิ่งกว่าโถงรับแขกอีก  ทุกอย่างดูเป็นหลุยส์ไปหมด โทนห้องสีขาวครีม  มีสีทองเป็นลวดลายผสม  ทั้งตู้บิวอิน  ชั้นวางของ ทั้งเตียงนอน  แถมมีพวกกระเป๋าแบร์น วางเรียงกันบนชั้นโชว์ แต่ในตอนนั้นผมจะไปจ้องมองอะไรมากไม่ได้ เพราะมันจะดูไม่ดี  ผมจึงรีบเปิดประตูห้องน้ำ และเดินเข้าไปในห้องน้ำ ที่ติดกับประตูทางเข้าด้านฝั่งซ้าย  ซึ่งภายในห้องน้ำหมอพราวมีขนาดใหญ่ และก็หรูหรากว่าด้านล่าง และสะอาดยิ่งกว่าด้านล่าง มีทั้งส่วนอาบน้ำ โถส้วม และเคาน์เตอร์อ่าวล้างหน้า แบ่งเป็นโซนเป็นล๊อก พร้อมด้วยตู้บิวอินเก็บของใช้ในห้องน้ำ
..........จังหวะผมได้เดินเข้าไปสำรวจ  โดยมีแม่บ้านยืนผมดูอยู่หน้าประตู  และในจังหวะเดียวกันนั้น แม่บ้านก็เข้าถามผมว่า ผมใช้เวลาตรวจสอบนานใหม?  ตอนนั้นผมพูดแบบแกล้งและประชดว่า น่าจะ 1ซม......แต่จริงๆผมรู้ตั้งแต่ก้มลงไปมองครั้งแรกแล้ว ผมรู้แล้วว่าเกิดจากอะไร มันเกิดจากข้อต่อสายอ่อนน้ำดี ที่เชื่อมกับท่อpvc ที่ฝังในผนังช่องชาร์ป ใต้เคาน์เตอร์อ่างมันไม่แน่น น้ำจึงค่อยๆซึมเข้าผนัง แล้วใช้นานๆมันซึมเป็นทางน้ำลงสู่ด้านล่าง จนจึงเกิดครบน้ำที่ฝ้าด้าน และคราบผนังห้องน้ำด้านล่าง  แต่ผมแค่อยากจะเช็กอีกทีให้แน่ใจ ว่ามีรั่วตรงจุดอื่นๆอีกใหม.....และหลังจากนั้นไม่ถึงนาที  ผมหันไปมองหลัง...แม่บ้านไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว มีเพียงประตูห้องนอนทางเข้าที่แง้มไว้ ผมได้เดินไปชะโงกหัวดู....โอ้ววครับ...ได้ยินเสียงแม่บ้าน call คุยโทรศัพท์หัวเราะ อยู่ด้านล่าง ซึ่งแม่บ้านไม่สนใจกับอะไรเลยจริงๆ
.............แต่ช่วงเวลานั้น  ที่ผมอยู่ตรงนั้นคนเดียว...เพียงลำพัง....ซึ่งเป็นห้องนอนของหมอพราวคนสวย......ห้องนอนที่เป็นส่วนตัว.....ผมคิดว่าในห้องมีไม่กี่คนที่จะได้เข้ามา...แม้แต่แม่บ้านเองก็ไม่ได้เข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า......อาจจะมีแค่แฟนเธอคุณเปรมที่เคยเข้ามา......โอ้ววครับ....ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดยังไง.....ผมมองไปที่รอบๆห้อง...มองไปที่เตียงนอนหมอพราว  ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง......ตอนนั้นผมเองทั้งอยากรู้......ทั้งอยากเห็น....และอยากสัมผัส....ในห้องที่เธอหลับนอน ในห้องที่เธอทำกิจกรรมทุกๆอย่างและทุกๆวัน....ในแบบที่ผมและอื่นในโลกไม่เคยรู้......ผมตัดสินใจแบบคนหน้ามืด  ผมเริ่มจากการเปิดประตูห้องนอนเบาๆ  เดินไปที่เตียงนอนหมอพราว ซึ่งเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่มีฟูกนอนฟูหนาสีขาว  ผมได้เอาตัวลงไปนอนคว่ำหน้าผมลงแนบไปกับฟูแบบช้าๆ....โอ้วววครับ.....ความรู้สึกแรกที่ได้รับ มันช่างเป็นเตียงนอนที่นุ่มมาก เหมือนมันค่อยดูดตัวผมลงช้าๆ (นุ่มมาก)  และมีการคืนตัวของฟูกอย่างสมูท......ผมนึกไปถึงถ้าในตอนหมอพราว โดนแฟนแบบคุณเปรมลูกครึ่งอินเดียตัวใหญ่ล่ำ นอนขย่มเย็ดที่เตียงนี้ มันก็คงจะฟินน่าดู
............ผมได้สัมผัสเตียงนอน เตียงเดียวกับหมอพราวที่ใช้นอน หรือมีกิจกรรมอื่นๆ จนผมพอใจ  ผมก็ได้ลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าสีขาว บิ้วอินติดผนังเป็นประตูบานเลื่อนสองบาน  โดยที่ผมเปิดเลื่อนบานแรกที่เป็นบานใหญ่...สิ่งที่ผมเห็นเป็นพวกเสื้อชุดราตรี  เสื้อสูท  ชุดเดรส   เหมือนเป็นเสื้อใช้ออกงาน ส่วนใหญ่จะมีถุงซิปคลุมครอบไว้  ถัดมาเป็นเป็นอีกล็อกข้างๆ  ก็เป็นชุดทำงานปกติ  ทั้งเชิ้ตแขนยาว แขนสั้น  ทั้งกางเกงผ้าขายาว  กระโปรง  กระโปรงและกางเกงที่เป็นผ้าหนัง ที่แขวนเต็มไปหมด  ชุดทำงานเธอแยอะมากๆ....หลากหลายสี......รวมไปถึงพวกชุดไปรเวทที่ใส่อยู่บ้านที่อยู่โซนเดียวกัน  แต่ทุกอย่างถูกจัดแขวนจัดวาง ได้แบบเป็นระเบียบและเรียบร้อย  และทั้งหมด ดูแล้วเป็นชุดที่ราคาแพงทั้งนั้น  มีบางยี่ห้อที่คนรู้กันดีในสื่อ ที่คนดังชอบใส่กัน....
..............หลังจากนั้นผมก็เลื่อนเปิดประตูอีกบานซึ่งเป็นบานเล็ก...จังหวะผมเลื่อนประตูออก.......สิ่งที่ผมเห็น.......ตรงหน้าผมมันคือตู้ที่ใส่พวกชุดนอน  เป็นแบบเสื้อเกงขาสั้นสีชมพูอ่อน  รวมไปถึงชุดนอนแบบสายเดี่ยวผ้าบางๆ มีลวดลายลายลูกไม้  สีดำและสีครีม....ส่วนถัดมาก็เป็นชุดพวกออกกำลังกายเป็นสเตย์รัดทั้งเสื้อและกางเกงสีดำ  รวมไปถึงถึงชุดว่ายน้ำ  และที่ผมเห็นแล้วทำผมเงี่ยนมาก...มันคือชุดคลอสเพล.....โอ้วววครับ....มันคือชุดที่ต้องใส่แบบลับๆ...ส่วนตัว....ในห้องส่วนตัวแบบนี้ เท่านั้น  นั่นคือชุดแม่บ้านสีดำ สายเดี่ยวกระโปรงบานสั้น มีกระเป๋าใหญ่ด้านหน้าสีขาว และมีลายลูกไม้ผ้าสีขาว ตามขอบกระโปรงและคอเสื้อ และยิ่งไปกว่านั้นที่แหวนข้างๆติดกัน (มันคือองค์ประกอบชุดแม่บ้าน) นั่นคือถุงน่องลายตาข่ายใหญ่ แบบที่รัดเฉพาะต้นขาสีดำ รวมไปถึงยกทรงและกางเกงในลายเสือ.......แม่เจ้า......ผมรับรู้ถึงรสนิยมบางอย่างที่หมอพราวมี   ที่ปกปิดเป็นเรื่องส่วนตัว...ในวินาทีนั้น  ผมไม่สามารถจะคิดอะไรได้อีก....นอกจากเอาสองฝ่ามือไล่สัมผัสลูบคลำชุดพวกนั้น  โดยที่ท่อนควยผมก็โด่แข็งตาม....ผมจะบ้าตาย  ผมออกทะเลมาก
.............หลังจากนั้นผมก็รีบเปิดทุกอย่างตรงนั้น แล้วมานั่งที่ปลายเตียงนอนหมอพราว.....ผมมานั่งตั้งสติ....เพื่อสงบสติ....จนผมรู้สึกโอเคขึ้น และผมก็กำลังจะเดินออกเรียกช่างมินมาดูท่อ....ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นนานด้วย....และจังหวะนั้นเอง ผมมองไปที่ข้างผนังห้องน้ำ ที่มีกระจกบานใหญ่ติดผนังไว้สำหรับมองแต่งตัว....ผมมองไปเห็นเป็นตะกร้าไม้หวายใบใหญ่  ที่มีผ้าปิดอยู่ (เหมือนตะกร้าใส่หมา แต่ใหญ่กว่าหลายเท่า)  ผมจึงเดินเข้าไปเปิดดู.......โอ้วววครับ.....นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุด......มันคือตะกร้าใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไปซัก......และมันยังไม่ซัก...จากที่ผมเห็นทั้งชุดทำงาน มีสองชุดที่เธอยังไม่ได้นำไปซัก  ผมเดาว่าคือชุดที่เธอใส่2วันก่อน วันจันทร์และอังคารเมื่อวาน.....โดยที่ผมเห็นทั้งหมดตรงนั้น เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสองตัวสีดำและสีขาว ส่วนกางเกงเป็นกางเกงผ้าขายาวสีขาว ...และอีกตัวมันคือตัวเดียวกับที่ผมเห็นเธอครั้งในวันแรก  มันคือกางเกงหนังรัดยืดสีดำ...และยิ่งไปกว่านั้น มียกทรงสีดำคู่ชุดกับกางเกงในสีดำ ส่วนอีกตัวผมจำได้แม่นแบบไม่มีวันลืม....เพราะมันคือคู่ยกทรงและกางเกงในสีน้ำตาลเข็ม....ตัวที่ผมเดียวกันที่ผมเคยเห็นเธอใส่ตอนนั่งหวออก....ซึ่งทำเอาผมแทบบ้า
.............ในวินาทีนั้น....มีแค่ผมอยู่ตรงนั้น...กับชุดที่เธอเพิ่งใส่แนบเนื้อตัวเธอ ตลอดการเดินและนั่งทำงานทั้งวัน.......ผมไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้......และวันนี้ก็คงเป็นแค่วันเดียว ที่ผมจะมาที่นี้ได้.......ในโลกใบนี้คงไม่มีใคร ได้รับโอกาสทองแบบนี้......แบบที่ผมจะได้.......ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะเดินเข้ามาหรือว่าใครจะมาเห็น......และเท่าที่เวลาผมจะมี ซึ่งมันก็มีไม่มากนัก ........ผมตัดสินใจยื่นมือสองข้าง ล่วงไปหยิบกางเกงหนังสีดำ ยกทรงสีน้ำตาลเข็ม และกางเกงในสีน้ำตาลเข็ม ขึ้นจากตะกร้าหวาย จากนั้นผมได้ยกขึ้นมาเอาหน้าไปซบแล้ว สูดดม  โดยเริ่มจากยกทรงสีน้ำตาล ตามด้วยกางเกงหนังสีดำรัดเนื้อ....โอ้วววครับ......ผมไล่สูดดมทั้งด้านนอกด้านใน......ผมไม่รู้เลยว่า....ก่อนที่เธอจะออกไปข้างนอก ในแต่ละวันเธอฉีดน้ำหอม หรือเธออาบกันแน่  ทั้งยกทรงและกางเกงหนัง  โดยนอกจากกลิ่นเหงื่อจะออกเค็มบางๆ ที่เหลือก็เป็นกลิ่นที่ติดตัวหมอพราว....เป็น
กลิ่นที่มาจากน้ำหอมที่ตัวเธอ....ซึ่งจริงๆมันก็ได้อารมณ์เหมือนได้เอาจมูกไปไถตัวเธอ.......โดยมีแค่ส่วนเป้ากางเกงหนัง ที่ยังกลิ่นส่วนลับบางๆ
..........จนกระทั้งผมได้ยกตัวสุดท้าย  นั่นคือกางเกงในที่ทำเอาผมเงี่ยนทั้งวัน ในวันนั้น ซึ่งเป็นกางในสีน้ำตาลเข็ม ส่วนผ้าด้านหลังเป็นผ้าผิวมันสัมผัสลื่นๆมือ  ส่วนด้านหน้า จากขอบซ้ายขวาเป็นลายลูกไม้ฉลุ มีแถบตะเข็บด้ายสองข้างต้นขา และมีเนื้อผ้าสีน้ำตาลผ้าทึบตรงกลางเป้าหี......วินาทีนั้นผมไม่รอช้า ผมจับขึ้นเอามาสูดดม...อย่างกระหาย....และที่ผมรู้สึกได้ จะเป็นกลิ่นเหงื่อบางๆปนกับกลิ่นน้ำหอมจากตัวหมอพราว....แต่ตรงกลางเป้ากางเกงใน มันชัดเจนมาก มันคือกลิ่นอับคาว...ที่ตรงส่วนลับ....ที่มันรัดตึงแน่นกับเป้าและได้เสียดสีสองครีบหีเธอทั้งวัน......โอ้วววครับ......วินาทีที่ผมได้สัมผัส.......ควยผมที่โด่แข็ง....ตามด้วยอารมณ์เงี่ยนผมที่มาเต็ม เกินจะควบคุม
................ใหนห้วงเวลาในนาทีที่ผมสติไปหมดแล้ว มันได้ออกทะเลไปไกล......ผมอยากจะทำให้มากกว่านั้น......เพราะที่ผมกำลังถือในมือและยืนสูดดมอยู่.....มันคือกางเกงในที่เพิ่งผ่านการใช้งานมา.....และคนที่ใช้สวมใส่....มันไม่ใช่แค่สาวอ๊อฟฟิศ...หรือพวกเชลล์สาว....มันไม่ใช่นักศึกษา....และมันไม่ใช่ของครูอาจารย์หรือสาวแบงค์.....แต่มันคือกางเกงในของคุณหมอ หรือแพทย์หญิง....และยังเป็นคุณหมอที่หน้าตาสวย ผิวตัวขาว แถมหุ่นดี "เธอเป็คคุณหมอที่เพอร์เฟค"  จากนั้นผมตัดสินใจแลบลิ้น เลียไปที่เป้ากางเกงในสีน้ำตาล 2-3ครั้ง....ในแบบที่ผมอยากจะทำ....และผมก็ได้ทำแบบนั้นจริงๆ.....
...........ใช่ช่วงเวลานั้น ผมยืนทำแบบนั้นได้สักพัก ผมรู้สึกว่ามันนานเกินไป ผมอยู่ในห้องนอนหมอพราวคนเดียว เกือบๆ15นาที  ผมจึงรีบเก็บทุกอย่างเข้าที่ แล้วเปิดประตูห้องนอนออกไป  โดยที่ผมลงไปด้านล่าง แม่บ้านยังคงเล่นโทรศัพท์อยู่ (ผมโล่งใจมาก)  จากนั้นผมก็ได้อธิบายสาเหตุและวิธีการแก้ไขท่อน้ำรั่ว ให้แม่บ้านฟังและขอเวลาอีก20นาที แม่บ้านก็พยักหน้า  จากนั้นผมก็ไปอธิบายช่าง มินต่อ ให้ช่างมินไปเอาพวกเทปพันท่อและกาวรวมทั้งเครื่องมือที่รถแล้ว ให้ขึ้นตามผมมาที่ห้องนอนหมอพราว   พอผมได้ขึ้นไปรอช่างมิน ในห้องนอนหมอพราวอีกครั้ง ตอนนั้นในหัวผม ผมไม่รู้ว่าผมคิดยังไง หรือคิดแบบนั้นได้ยัง....ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า...ผมอยากไม่อยากเก็บของดีไว้ชื่นชมคนเดียว....ผมตัดสินใจ ผมไปเปิดตะกร้าหวายที่กองเสื้อชุดหมอพราวเตรียมซัก  แล้วหยิบกางใน2ตัวของหมอพราว ทั้งสีดำและสีน้ำตาล ผมหยิบมาแขวนในห้องน้ำ ตรงที่แขวนผ้าเช็ดหน้า ด้านบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า  ซึ่งตำแหน่งเข้ามาแล้วเห็นเลย  โดยที่วางแบบจำตำแหน่ง....ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าช่างมินจะทำอะไรกับสิ่งที่จะเห็น หรืออาจจะไม่ทำก็ได้ ตอนนั้นผมไม่รู้
.............พอช่างมินขึ้นมาผม ก็ชี้ที่จุดรั่วแล้วผมก็ ปิดประตูห้องน้ำ โดยที่ให้ช่างมินอยู่คนเดียว ผมให้เหตุผลว่าเดียวน้ำกระเดนเข้าห้อง  ในระหว่างนั้นผมก็ออกมาจากห้องนอนหมอพราว ลงมาข้างล่างเพื่อสูบบุหรี่หน้ารถกระบะ  ซึ่งตอนนั้นผมทิ้งเวลาได้ซัก10นาที  ผมได้กลับขึ้นไปที่ห้องนอนหมอพราวอีกครั้ง....โอ้ววครับ....ตอนนั้นในห้องน้ำยังปิดอยู่และภายในห้องน้ำเงียบมาก  ผมจึงพูดขึ้นว่า "ช่างมินเสร็จยัง" ทันได้นั้นเองจากห้องที่เงียบ ผมก็เพิ่งได้ยินเสียงเป็นการขันท่อ.....นาทีนั้น....ผมรู้ได้เลยว่าช่างมินต้องทำแบบนั้นแน่ๆ
เพราะจริงๆแล้วสายอ่อนมันแค่หลวม แค่พันเกรียวขันน๊อตตัวเมียหกเหลี่ยมก็จบ.....จากนั้นซัก2-3นาทีช่างมินก็เปิดประตูออกมาแล้วบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่สีหน้าช่างมินดูสีหน้าแปลกๆ เหมือนคนทำอะไรผิดมา ผมจึงให้ช่างมินลงไปรอด้านล่าง  ส่วนผมก็รีบเข้าไปห้องน้ำ เพื่อเอากางเกงในสองตัวออกมา......โอ้วววครับ.....ตามที่คิด  ภาพที่ผมเห็น กางเกงในสองตั้วนั่น ไม่ใช่แค่ตำแหน่งวแขวนผิดจากที่ผมแขวน แต่มันแขวนทับกันเลย......โดยที่ผมไม่รู้ว่าช่างมินเอาไปลูบไปดมหรือไปถูอะไรบ้าง ผมต้องเอาทิชชูรองมือจับขึ้นมาดู...ซิ่งไม่มีครบไดๆ ผมจึงหยิบไปวางที่เดิมในตะกร้าหวาย.....จากนั้นผมจึงเรียกแม่บ้านขึ้นมาที่ห้องน้ำ แล้วเปิดเทสน้ำให้ดู....และทุกอย่างก็ปกติไม่มีการรั่วหรือซึมใดๆ....ทุกอย่างจบ
...........จากนั้นผมและช่างมินก็เดินทางกลับ  ระหว่างที่อยู่ในรถ ผมก็พยามมองที่ช่างมิน...โดยที่ช่างมินดูเงียบกว่าทุกครั้ง ที่เคยนั่งรถด้วยกัน เหมือนคนที่นั่งคิดอะไรอยู่ (เดาว่าคงเป็นกางเกงในสองตัวนั้น)  จากนั้นผมก็แวะส่งช่างมินที่อ๊อฟฟิศและผมก็ขับรถไปรับเช็คต่อ ที่คลีนิกหมอพราว ในขณะที่ผมไปถึง พนักงานก็ให้ผมไปที่ห้องหมอพราว โดยที่ผมเข้าไปก็เจอหมอพราว(ที่ยังสวยเหมือนเดิม  กำลังนั่งทำเอกสารที่โต๊ะ อยู่ในชุดสวมกราว มีเสื้อเชิ๊ตสีดำด้านใน และกางเกงเอวสูงสีขาวทรงรัดรูป....ซึ่งตอนนั้นผมก็ได้มานั่งที่เดิมข้างๆตัวหมอพราวด้านขวามือเธอ....และเธอก็ให้นั่งผมรอเธอสักครู่
...........ในระหว่างที่ผมนั่งรอหมอพราวทำเอกสารอยู่....และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะต้องเจอกัน...ผมนั่งแบบตั้งใจจ้องไปที่ตัวหมอพราว....โดยที่ตัวหมอพราวก็แปลกใจ เธอก็มองผมกลับ1-2รอบ.....ผมนั่งคิดในสิ่งที่เพิ่งเกิด ที่ผมได้ไปรับรู้อะไรหลายต่อหลายอย่าง....ในพื้นที่ส่วนตัวของหมอพราว......ทั้งหมดในห้องนอนเธอ...ทั้งเตียงนอนที่ฟูกหนานุ่มๆ.....ทั้งตู้เสื่อผ้า กางเกง ชุดนอน  ชุดว่ายน้ำ  และที่สำคัญผมได้สัมผัสกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว กลิ่นส่วนลับเธอ  จากชุดและกางในเธอ.....และในตอนนี้.....นาทีนี้.....เวลานี้....หมอพราวคนสวย.....เธอจะพูดเสียงแข็งกับผมยังไง...หรือเธอจะแสดงความอ่อนหวานกับใครยังไง....ผมไม่สนใจ....และแม้ว่าเธอจะใช่ชุดหรูหราตัวใหน...จะใส่แบบรัดกุมหรือใส่แบบยั่วสวาท....มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรแล้ว.....เพราะภายใต้ชุดสวยๆภายนอกของเธอ  ที่เป็นชุดชั้นในกางเกงใน ผมได้สัมผัสและลิ้มรสมาแล้ว ด้วยลิ้นผมเอง....
.........ยิ่งตอนผมนึก ไปถึงตัวช่างมิน จูง โซ ผมยิ่งรู้สึกสะใจ.....คนงานเขมรตัวดำฟันเหลือง ที่ค่าแรง340ต่อวัน  อยู่ๆได้มาสัมผัสกางเกงใน ที่มีกลิ่นหี กลิ่นเยี่ยวของหมอพราวคนสวยติดอยู่...ซึ่งมีเงินเดือนเป็นแสน แค่เธอแต่งชุดสวยๆมานั่งกินกาแฟแค่ 1 ซม ยังไม่ทันได้จับปากกา  ก็มากว่าเงิน ที่ช่างมินทำงานหนักแบกหามทั้งวัน......โอ้วววครับ.....ฝ้ากับเหว ใครในโลกจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นแบบนั้น  นอกจากตัวช่างมินกับตัวผม โดยที่ผมเองเป็นคนเริ่มคนทำให้มันเกิดขึ้น
..........ผมมองที่หมอพราวและคิดยิ้มในใจอยู่ซักพัก หมอพราวก็ได้หันมาถามผมว่า  " ช่างจะจ้องหมอทำไมค๊ะ  หน้าหมอมีอะไรรึเปล่า" เธอหันมาทางผมตรงๆ   และในหัวผมคิดได้แค่ว่า วันนี้วันสุดท้ายรับเช็คเสร็จผมก็กลับ  ผมได้ตอบเธอไปว่า " อ่อ เปล่าครับหมอ ผมแค่อยากจะบอกว่า หมอพราวสวย เป็นดาราได้เลยนะครับ".....โอ้วววครับ....หมอพราวหน้าแดงพร้อมทั้งเขิน ยิ้มหัวเราะ และนี่คือครั้งแรก รอยยิ้มเธอที่ผมได้รับ......พอหลังจากผมรับเช็คเสร็จผมก็ได้เดินทางกลับ.....
................หลังจากนั้นมาผมก็ไม่ได้ไปที่คลีนิกหรือแม้แต่ที่บ้านหมอพราวอีกเลย....ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก  15-16 วัน มันเป็นอะไรที่บ้าคลั่งมากๆสำหรับผม มีทั้งความน่าเบื่อ   ตื่นเต้น  สมหวัง และก็น่าเสียดาย.....ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรเลยในแง่ถ้ามองว่าผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สัมผัสโดนตัวเธอ ....แค่แต่ปลายนิ้วยังไม่เคยแตะ......แต่ถ้ามองว่าผมได้เจออะไร ที่ในโลกใบนี้ไม่เคยได้เห็นและสัมผัสนอกจากแฟนเธอ  ผมมองว่ายังไงก็เกินคุ้มมันคุ้มมาก สำหรับผมกับสิ่งที่เกิดขึ้น และมันยังคงตรึงตราตรึงใจผมตลอดเวลา.......


นี้คืออีกหนึ่งเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ ที่ผมได้เจอมา มาเล่ามาแชร์   ต้องขออภัยที่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเสียวอะไรเลย  ผมไม่รู้หรอกว่าจะมีคนอ่านใหม ซึ่งผมก็ไม่รู้  แต่ที่รู้ๆและต้องขอบคุณ สำหรับ16คอมเม้น นั่นคือสิ่งที่สื่อสารกับผมว่าเขาอ่านสิ่งที่ผมแชร์   จากนี้ไปผมไม่รู้จะได้กลับมาแชร์อีกใหม  แต่ถ้าผมไปเจออะไรใหม่  ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะมาแชร์......ผมจะกลับมา

peddo

สถานการณ์​จริงน่าจะใจเต้นแรงมาก ช่างก็ปิดสีหน้าไม่มิด คิดว่าคุณแม่บ้านจะแอบสงสัยไหมนี่

po3026


poppop1

เป็นผมก็ทำโอกาสกับคนระดับนี้แค่กลิ่นก็ฟินแล้ว

therasak

ตื่นเต้น​และเร้าใจมากจนแทบกลายเป็น​ความคลั่งไคล้​เลยครับ​

Invisibleman


ngern


1819

  ดูดีๆหรือยัง ในห้องนอนหมอ อาจติดกล้องสายลับ ไว้ส่องดูพฤติกรรม แม่บ้านก็ได่ ไปรืีอๆ ค้นๆ แล้วเผลอลวกบะหมี่เข้า หมอ เอาคลอปไปปบล่อย ล่ะ งามไส้ เลย พวกบ้านคนมีตังค์  
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

bmaII

สำหรับตอนนี้แม้ไม่ใช่เรื่องเสียว แต่ก็เป็นเรื่องหวาดเสียวได้ ลุ้นตลอดว่าจะได้เจอเหตุการณ์อะไรระหว่างที่ทำงาน
รออ่านเรื่องราวที่จะนำมาเขียนให้อ่านอยูตลอด

holovelove

อ่านไปได้อารมณ์สุดๆเลยครับ  แม้จะแบบจิต นิดๆกผ็ตาม
เหงาๆ

abrahamnoman

อธิบายได้ละเอียด เห็นภาพดีมากๆครับ
ถ้ามีภาพประกอบนี่พุ่งเลยครับ

ryu

ถึงแม้จะไม่มีเรื่องเซ็กมาเกี่ยวข้องแต่ก็เล่าได้น่าสนใจและเป็นประสบการที่น่าสนใจมากครับ

Raymond

แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ แต่ถ้าได้มากกว่า คงจะเกินคำบรรยาย

Au Nanma

ถ้าผมเป็นช่างชั่งโมงนั้น ต้องชักว่าวใส่กางเกงในหมอคนสวยอย่างแน่นอน

swss2511