ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ร้านคาราโอเกะ [ Part 08 ] ตอนที่ 125 ( ประสบการณ์ของนายโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มิถุนายน 18, 2023, 12:41:10 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดี ร้านเกะมาละครับ

ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆครับ -..-

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง




สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ








★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ



★★★★★★★★★★★


แนะนำสาวๆครับ


เจ๊หมิว พี่สาวคนสวยของโผมมมม อิมเมจ มารอน นัตสึกิ








★★★★★★★★★★★

ึคุณรุกะ สาวญี่ปุ่นที่ครองใจหลายๆท่านแล้ว อิมเมจ เอมิ






★★★★★★★★★★★


ความเดิมตอนที่แล้ว


ผมนอนค้างที่คอนโดกับเจ๊หมิวครับ

แต่ก็จะได้นอนก็นะหลายดอกอยู่ ตื่นเช้ามา

ก็ยังโดน Morning แบบในฝันเลย แล้วก็จัดกันไปอีกรอบ

จนสายๆพี่แมนมา ก็เลยต้องเนียนๆเข้าไว้

แต่พี่แมนก็คงรู้แล้วล่ะครับ วันนี้ผมมีงานเลี้ยงรุ่น

พอกลับหอพัก อาบน้ำเตรียมตัวออกมา พระบิดาก็โทรมา

ให้ไปที่บ้าน ผมก็แวะไปบ้านก่อนนะ และก็มาเห็นว่า

กำลังจะมีการสร้างห้องน้ำ ห้องอาบน้ำใหม่

และคนที่เป็นคนจัดการนั้น ชื่อว่า " รุกะ "







★★★★★★★★★★★


นายโทนไดอารี่ 125


คุณรุกะ ? เอาล่ะชัดเลย ในโลกนี้คงไม่มีใครเรียกว่าซารุซังแบบนี้ๆ ผมกุมขมับต่อหน้าประชาชีแบบไม่เขิน ไม่อายเลยล่ะ พ่อผมก็ถามนะว่ามีอะไรรึเปล่าไอ้ลูกหมา ผมก็บอกเฮ้ออออ แล้วก็หันไปถามพ่อว่าสร้างตรงนั้นได้เหรอพ่อ พ่อผมบอกอื้มได้ ถามมาแล้ว... มันอยู่ในเขตบ้าน ทำได้


ถาม... ถามเหรอ ผมคิดในใจไม่ถึงเสี้ยววิก็ได้คำตอบทันทีว่าถามใคร ผมก็บอกอื้อ ผมก็มองที่ทีมอินทีเรียด้วยสายตาที่หน่ายใจ แต่ก็ต้องเซ็นรับแหละครับเพราะถ้าผมไม่เซ็น หนังสือสัญญามันจะไม่สมบูรณ์และผมรู้ดีว่า มันจะมีปัญหากับพวกเขามากขนาดไหน ยิ่งถ้าผู้ว่าจ้างเป็นคนระดับนี้ด้วย


ผมก็กำลังจะเซ็นนะ แต่เขาก็บอกผมว่า เอ่อทางผู้ว่าจ้างแจ้งว่ารบกวนเซ็นเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ อื้อหืออ ผมนี่กำหมัดเลยครับ สุดท้ายก็ต้องเซ็นเป็นตัวคันจิที่อ่านว่า


" ซารุโทบิ " " 猿飛 "


ย้ำอีกครั้งว่า มันแปลว่า ลิงกระโดดครับ แค่นั้นเอง ถ้าถามว่าใครตั้งชื่อนี้ให้... พ่อตาครับ เอ้ย ๆ ๆ  ไม่ใช่ ๆ ๆ  คุณเคย์ครับ ย้ำอีกครั้งว่า ชื่อ ซารุ ผมได้มาตอน ม.ปลาย ที่อาจารย์ให้เอาชื่อภาษาอังกฤษไปเขียนในเวปอะไรสักอย่างแล้วก็ได้มาเป็นซารุนี่แหละครับ แล้วคุณเคย์ก็มาเติมให้เป็นซารุโทบิ ตอนไปทำงานที่เชียงใหม่นั่นแหละ โอเคกลับมาต่อ ผมเซ็นอะไรเรียบร้อย ยื่นเอกสารให้เรียบร้อยก็มานั่งตรงโต๊ะที่อินทีเรีย หรือ มัณฑนากร กำลังเปิดแบบร่าง 3D  ให้ดูครับ แบบนี้นึเปล่าวะ ที่พี่แมนบอกว่าสมัยนี้มีการออกแบบ สามมิติให้ได้ดูกันเลย


ย้ำนะครับว่าเป็นแค่การสร้างห้องน้ำ ไม่ได้สร้างบ้านแต่อย่างใด...  อื่มม รูปแบบห้องน้ำมีมากมายหลากหลายเลยครับ ผมก็ถามไปว่ามีส่วนไหนต้องเพิ่มมั้ยครับ ซึ่งทางทีมงานก็บอกว่า ถ้าคุณโทนเลือกแบบ เลือกวัสดุ อุปกรณ์แล้ว ก็จะสามารถสโคปเรื่องค่าใช้จ่ายได้ หรือจะ แอด ออน วัสดุบางตัวเพื่อให้เข้ากับสถานที่นี้ก็ได้


แต่ว่าทางผู้ว่าจ้างต้องการให้รูปแบบนั้นเข้ากับบริเวณตัวบ้าน ไม่ฉูดฉาด เรียบแต่หรู แต่ที่สำคัญต้องเป็นแบบที่คุณโทนต้องการครับ ผมกุมขมับเลยแฮะ แล้วแม่ผมก็เอาน้ำมาให้แล้วถามว่า นี่มาจากไหนล่ะลูก ผมบอกมาจากหออ่ะแม่ ( เวลาคุยกับพ่อ แม่ ผมเรียกอพาร์ทเมนต์ว่าหอครับ เพราะติดจากหอพักตอนเรียนมหาวิทยาลัย )



เดี๋ยวจะไปงานเลี้ยงรุ่น แม่บอกอื้มๆ กินอะไรก่อนไปงานมั้ย มีน้ำพริกปลาทู แกงคั่วฟักทอง พวกผักลวก ผมบอกอื้อครับ กินก่อนไปก็ดีเหมือนกัน ตอนนั้นผมบอกกับพนักงานว่า ผมขอตัวสักแปป และลากพระบิดากับพระมารดา เดินออกมานิดนึงให้ห่างจากทีมอินทิเรียเพื่อป้องกันไม่ให้ได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน ผมก็ถามพ่อกับแม่ว่าแล้วนี่คิดยังไง ถึงยอมให้มาสร้างห้องน้ำล่ะพ่อ ปกติเห็นปฏิเสธตลอด


พ่อผมเกาหัวเบาๆ ซึ่งมันเป็นท่าประจำของเขาเวลาจริงจัง พ่อบอกว่าบอกปฏิเสธไปแล้วเว้ย แต่โดนคะยั้นคะยอทั้ง 2 ฝั่ง เลยขี้เกียจปฏิเสธแล้ว...ผมคิดในใจสองทางเหรอ เดาไม่ยากครับพ่อตาทั้งสองคนแน่ๆ เอ้ย ๆ ๆ ไม่ใช่ ๆ ๆคงเป็นคุณท่านกับคุณเคย์แน่ๆ ผมก็มองๆแล้วถามว่านี่พ่อไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร คุณท่านอ่ะพอเข้าใจได้ แต่คุณเคย์นี่ดิ่ยังไงฮึ๊ แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ


เพราะรู้ว่าถ้าพ่อพูดมาแบบนี้แล้ว ไอ้การจะไปถามอะไรทำนองนั้นมันก็คงไม่มีความหมาย ผมก็บอกเอาเถอะ มันก็คงสะดวก ถ้าคุณท่านผู้หญิงมาหาแม่บ่อยๆ ท่านจะได้เข้าห้องน้ำสะดวก แม่ผมก็บอกอื้มๆ นั่นแหละ ช่วงนี้คุณนายก็มาบ่อยๆด้วย ผมนี่แทบกุมขมับ ตกลงครอบครัวชาวสวนธรรมดาๆแบบผม ไปสนิทกับครอบครัวเศรษฐีได้ยังไงล่ะเนี่ย
.

แม่ผมบอกเดี๋ยวไปอุ่นแกงก่อน แล้วท่านก็เดินเข้าไปเลย ส่วนผมกับพ่อก็เดินไปทางเต๊นของอินทีเรียที่กำลังรออยู่ ผมก็มอง ๆ ๆ นะ เขาแนะนำว่าลองใช้แบบโมเดิร์นมั้ย ผมก็ขอดูแบบ ผมก็มองพ่อ พ่อบอกเอ็งจัดการเลยไอ้ลูกหมา ข้ากับแม่เอ็งไม่มีปัญหาหรอก ผมก็เลยพูดลอยๆว่า อยากได้ห้องน้ำที่สะดวกแบบบ้านโครงการดังๆ หลังละ 10 บ้าน อินทีเรียก็มองหน้าผม


ผมก็เลยเจาะจงไปว่า พอดีบ้านผมมักจะมีแขก ที่เป็นนักธุรกิจมาเยี่ยมบ่อยๆ ทั้งมาคุยเรื่องงานและมาพักผ่อนแบบส่วนตัว ( ผมหมายถึงคุณท่าน ) เพราะงั้นเวลาพวกเขามา ผมอยากให้เขารู้สึกเหมือนได้เข้าห้องน้ำที่บ้านตัวเอง และไม่ต้องปรับตัว หรือต้องใช้อะไรที่มันไม่คุ้นเคย พนักงานก็จด ๆ ๆ ผมบอกอีกเรื่องวัสดุภายใน ผมวานให้ทางทีมงานช่วยคัดเลือกมาหน่อยครับ



ผมอยากดูหลายๆแบบ ส่วนพวกวัสดุภาพนอก ผมอยากได้ของที่มันทนทานกับสภาพอากาศชื้น ถ้าเป็นไปได้อยากได้วัสดุแบบเดียวกับที่ใช้กับรีสอร์ตดังๆ กันเชื้อรา กันความชื้นอะไรจำพวกนี้ครับ พนักงานก็จด ๆ ๆ ๆ แล้วคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเครื่องแลปท็อป ก็พิมพ์ลงไปเร็วมาก ผมไม่แปลกใจอะไรที่พิมพ์ไวขนาดนั้น เพราะผมเองก็มั่นใจในความเร็วเหมือนกัน ธรรมดาของคนเล่นเกมส์ออนไลน์ครับ



พ่อผมมองๆ แล้วบอกใหญ่ไม่ใช่เล่นนะ เอ้อ ผมหันไปถามพ่อเลยตอนนั้นว่า สร้างได้แน่นะพ่อ พ่อผมก็บอกเออๆ ปู่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันอยู่ในเขตตัวบ้าน ผมก็อื้ม ตอนนั้นรู้สึกหลังเย็นๆ ก็หันไปมอง อื้อหือ... ปู่ยืนมองอยู ผมก็ถามเงียบตั้งจิตเพื่อให้ความคิดนี้ส่งไปถึงปู่  ปู่ครับแบบนี้ดีแล้วใช่มั้ย ปู่ท่านมองมาแล้วพยักหน้า ไม่ดีแฮะแบบนี้ยืนคุยห่างกันแบบนี้


ผมเลยบอกว่าแปปนะครับ แล้วก็เดินเข้าไปในเขตสวนเลย ปู่ท่านหายไปจากระยะสายตาแล้วล่ะครับ แต่ผมก็เดินเข้ามาอีกหน่อยจนถึงพื้นที่ต้นก้ามปู ผมก็นั่งคุกเข่าลงแล้วพูดอีกครั้ง ปู่สร้างห้องน้ำแบบนั้นไม่เป็นอะไรแน่นะ ผมหลับตาอีกครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมา มองเห็นปู่นั่งอยู่บนแคร่ เสียงๆนึงดังขึ้นมา


"  อึ้ม  "

ผมก็ยกมือไหว้แล้วก็บอกครับปู่ แล้วผมก็พูดอีกว่า คนอื่นๆไม่ว่าอะไรใช่มั้ย ก็จริงที่สรรพนามที่ใช้เรียกต้องใช้คำว่า " ตน " แต่ผมชินกับการเรียกพวกที่อยู่ในเขตสวน เขตบ้านแบบนี้แหละครับ เงียบ... เอ่อ... ผมก็ลืมไปว่าวันนี้ไม่ใช่วันโกน คงไม่สามารถคุยกับทุกคนได้ จะมีก็แค่กับปู่และพวกตัวแกร่งๆเป้งๆ แต่พอมองไปที่ปู่ ปู่ก็พยักหน้านะ



ผมก็เลยยกมือไหว้ ปู่ท่านเองก็หายไปแล้วด้วย ผมก็เลยเดินออกมา แต่ว่าระหว่างที่เดินนั้นก็รู้สึกนะว่าไม่ได้เดินออกมาคนเดียว ผมก็เลยพูดไปว่าวันนี้ต้องไปงานเลี้ยงรุ่นด้วยสิ่ เฮ้ออ ถ้าพวกเวรมันเหน็บๆแนมๆ แล้วเผลอไปซัดเปรี้ยงจะทำไงเนี่ย แล้วตอนนั้นรู้สึกชัดมากว่ามีมือมาดัน ๆ ๆ ๆ  ผมก็ตอบไปว่ารู้แล้วน่า รู้แล้วน่า


ผมหันไปมองซึ่งก็มีแต่ความว่างเปล่า แต่พอแหงนหน้าไปมอง อุแหม่ อยู่กันเป็นสิบ ผมก็ตกใจบอกโอยยย ถ้าเป็นลมไปทำไงเนี่ย แล้วผมก็บอกว่าโอเคๆ ถ้าพวกมันมากวนประสาทจะซัดคนละเปรี้ยงสองเปรี้ยงตามนี้นะ เสียงหัวเราะ หึ่ ๆ ๆ ๆ ๆ  เหมือนพอใจกับคำตอบของผมก็ดังขึ้น


แล้วอยู่ๆไอ้มูชูหมาทรยศก็เดินมาหอนข้างๆ โบ๋วว ผมก็สะดุ้งดิ่ เอ้าเฮ้ยอะไรเนี่ย ผมก็มองไปข้างบน ก็ยังยืนก็ห้อยโหนอยู่นะ ผมก็เลยบอกไปว่า งั้นผมไปก่อนนะ ไม่ต้องเดินมาส่งหน่าาา เพราะไม่รู้ว่าพวกทีมอินทีเรีย มีใครที่สามารถมองเห็นได้บ้าง เดี๋ยววงแตก ผมยกมือไหว้แล้วก็เดินออกมาเลย ไอ้มูชูก็เดินตามมา


ผมก็พูดไปนะว่า เอ็งจะหอนทำไมวะเนี่ย เอาจริงๆมันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่คนเลี้ยงสัตว์ก็แบบเนี้ยชอบคุยกับหมา กับแมว ผมเดินออกมาทางทีมงานก็คุยกับพ่ออยู่ ผมก็มามอง ๆ ๆ เดี๋ยว ๆ ๆ  ทำไมห้องน้ำมันดูแปลกๆ เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ   ผมมองแบบ มองตัวเลข มองพ่อ แล้วหันไปมองทีมงาน เดี๋ยวๆ


ไอ้ขนาดนี้มันคืออะไร พูดภาษาชาวบ้านก็คือ กว้าง 3 เมตร ยาว6 เมตร ความสูงยังไม่ระบุ  เดี๋ยวๆ ๆ นี่ห้องน้ำหรือห้องนอน.... แล้วไอ้ภาพร่างนี่มันคืออะไร ผมพูดขึ้นมาแบบลอยๆว่า จะทำเป็น " เซ็นโตะ " เลยเหรอ เอาล่ะครับท่านผู้อ่านเกร็ดความรู้เล็กน้อย เซ็นโตะคืออะไร


หลายคนเข้าใจผิดว่าการแช่น้ำอุ่นคือ ออนเซ็นทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ ออนเซ็นจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน น้ำแร่ที่ผุดขึ้นมาจากธรรมชาติและได้รับการรับรองว่าแร่ธาตุต่างๆเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ตามกฏและข้อกำหนดที่ตั้งไว้ แต่เซ็นโตนั้นจะต่างกันนิดหน่อย

เซ็น แปลว่า เงิน ( หน่วยของเงินเยน ประมาณ สตางค์บ้านเรา )
โตะ แปลว่า น้ำร้อน


แปลแบบบ้านๆนั่นก็คือ สถานที่ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะได้แช่น้ำร้อน พูดตรงๆก็คือ ออนเซ็นต่างกับเซ็นโตะคือ ออนเซ็นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนเซ็นโตะมนุษย์สร้างครับ ตามนั้นแหละ มาต่อ ผมบอกเดี๋ยวๆนี่จะสร้างเป็นเซ็นโตะเลยเหรอ พ่อผมถามอะไรคือเซ็นโตะวะไอ้ลูกหมา พนักงานหันควั่บเลย พอพ่อผมเรียกแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรืออายอะไรนะที่พ่อจะเรียกแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น


ผมก็อธิบายว่ามันคืออะไร บลา ๆ ๆ  พ่อผมก็บอกอ่อ ๆ ๆ มิน่าล่ะถึงบอกว่าจะทำเรื่องขอไฟเพิ่ม ผมกุมขมับเลยล่ะครับ เฮ้ออ อะไรกันครับเนี่ย พนักงานก็บลา ๆ  ๆ ไปต่อ ผมก็มอง ๆ ๆ  ลักษณะแทบจะถอดแบบมาจากหนังญี่ปุ่นที่ผมเคยดูเลย เฮ้ย ๆ ไม่ใช่หนัง x นะครับ หมายถึงหนังจริงจรี๊งง ดูหรู ดูหรา เลยแหละ


ห้องน้ำกับโซนแช่น้ำจะอยู่นิดๆกันครับ ผมก็มองๆ ๆ ๆ... เอ่อออ แล้วหันไปมองที่บ้านเหมือนจะใหญ่กว่าห้องน้ำในบ้าน 3-4 เท่าได้ ผมก็ถามพ่อว่า จะดีเหรอพ่อ พ่อผมบอกว่ามันจะไปดีได้ยังไงให้คนอื่นมาสร้างของแบบนี้ให้ แล้วนี่ประเมินคร่าวๆไม่น่าจะต่ำกว่าสองแสน สามแสน  แล้วพ่อผมก็พูดอีกแต่ถ้าถามว่ามันสะดวกมั้ย มันก็สะดวกอยู่แล้ว


ผมก็คิดแบบพ่อผมแหละครับ ยิ่งเมื่อกี้แม่ก็บอกด้วยว่าคุณท่านผู้หญิงมาบ่อยๆ มันก็คงสะดวกกว่าจริงๆที่มีห้องน้ำที่ดีๆไว้ให้ท่านใช้ ผมก็หันไปมองทางทีมอินทีเรียครับ พวกนี้รีบพูดดักคอเลยว่า ทันทีที่คุณโทนเซ็นใบสัญญาทางผู้ว่าจ้างแจ้งมาครับว่า ต่อให้คุณโทนเปลี่ยนใจก็ต้องทำต่อให้เสร็จครับ อื่อหือ ผมนี่กำหมัดเลยเว้ยยยย สุดท้ายผมก็ต้องยอมครับ


เราดูเรื่องแบบ เรื่องการสร้าง อยากได้นู่นเพิ่ม นี่เพิ่ม อยากได้วัสดุธรรมชาติ แต่พ่อผมเบรกเอาไว้ครับ พ่อบอกว่า ถ้าใช้ของจากธรรมชาติมันก็จะสึกกร่อนไปตามเวลา เอาเต็มที่เลย ปีเดียวเนี่ยต้องเปลี่ยนแน่ๆ แล้วพนักงานทีมอินทีเรียก็พยักหน้าอื้มๆ ไม่บอกก็รู้ว่าเห็นด้วยกับพ่อผม พ่อผมก็บอกว่า ใช้พวกวัสดุทดแทนไปเลย มันอาจจะราคาสูง แต่ถ้าเฉลี่ยในระยะยาว มันก็คุ้มกว่า แล้วไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆด้วย


ผมก็อื้มครับตามนั้นแหละ พอต่ออันนั้น ตัดอันนี้ พนักงานก็มองผมเลย เขาถามว่าจะเอาแบบนี้จริงๆใช่มั้ยครับ ผมก็บอกครับ.. ติดปัญหาตรงไหนรึเปล่าครับ เขาบอกไม่ๆ แต่อาจจะต้องใช้คนงานเพิ่ม เพราะสเกลงานมันค่อนข้างใหญ่กว่าปกติ ผมก็ถามว่าจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์มั้ย ทีมงานบอกเขามีช่างที่ดีลงานกับทางบริษัทเอาไว้แล้ว


พ่อผมก็มองๆ แล้วพูดขึ้นมาว่าอื้ม แล้วพวกงานขนอิฐ ขนปูน ผสมปูน ล่ะ ใช้คนภายนอกได้มั้ย ทีมงานบอกว่าได้ พ่อผมก็เลยบอกว่า งั้นพวกทีมช่างรบกวนใช้ของทางบริษัทนะ ส่วนที่จนอิฐ ขนปูน ผสมปูน ทำงานจิปาถะ ทางนี้จะหาคนมาช่วยเอง ทีมงานก็มองๆ เหมือนหนักใจกับคำพูดของพ่อ พ่อผมเลยบอกไปว่า ก็คนแถวๆนี้แหละ ให้พวกมันมาทำงานเล็กๆน้อยๆ จะได้มีค่าแรงเพิ่ม


ยังไงซะพวกมันก็รู้จักสวน รู้จักพื้นที่ดี พวกนั้นก็ครับๆ แล้วมันไม่ได้จบแค่นี้อ่ะดิ่ครับ ไหนจะมีส่วนที่รับผิดชอบเรื่องระบบน้ำ  ระบบไฟ เรื่องการถ่ายเทอากาศ การออกแบบนู่นนี่นั้น ลายกระเบื้อง กระเบื้องกันลื่นอีก สภาพผมตอนนั้นนี่แบบ



อื้ม ตามภาพเลย ทำไมรายละเอียดยิบย่อยมันเยอะแบบนี้ แปปนึงพ่อผมหยิบมือถือโทรไปที่ไหนสักที่ครับ แล้วบอกว่า มีใครที่ว่างงานบ้างมั้ย พอดีจะทำห้องน้ำแล้วได้อยากพวกออกแรง ช่วย แบกช่วยยก พ่อผมพูดอื้มๆ มาที่บ้านก่อน แล้วพ่อผมก็วางสายเลยครับ ผมก็มาคุยเรื่องทำห้องน้ำต่อ ผ่านไปอีกราวๆ 10-15 นาที  รถกะบะคันคุ้นเคยก็ขับเข้ามาในบ้านเลยครับ



คนที่มาก็... เหมือนจะเป็นเลขา เป็นคนสนิทของลุงเจ้าของตลาดครับ พอลงมาถึงเขาเดินไปขอบสวนยกมือไหว้เข้าไปข้างในก่อนเลย คนอื่นๆก็เหมือนกัน แล้วก็เดินมาหาพ่อ ผมก็ยกมือไหว้นะ เขาก็บอกเอ้าโทนกลับมาเมื่อไร ผมก็บอกว่ามาเมื่อกี้ครับ เดี๋ยวไปงานเลี้ยงรุ่น เขาก็อ่อๆ แล้วก็ยกมือไหว้พ่อบอก พี่ทศ สวัสดี พ่อผมก็บอกเอ้อ ไม่ต้องรีบมาก็ได้


เขาก็บอกไม่เป็นไรเลยพี่ทศ เสี่ยเขาสั่งให้รีบมา พ่อผมก็ตบไหล่ปั้ปๆ ๆ แล้วบอกเอ้อ แล้วหันไปมองคนที่มาด้วย พ่อบอกว่าเดี๋ยวจะทำห้องน้ำข้างหลังบ้านด้วย ทีมช่างจะใช้ของบริษัทนะ  พวกที่พามานี่รู้งานใช่มั้ย พอดีต้องการแรงงานเพิ่ม คนที่มาเขาก็บอกครับพี่ทศ ปกติไอ้พวกนี้เข็นผักส่งให้พ่อค่า แม่ค้าในตลาด แต่พอเลย 9 โมง ก็ไม่มีอะไรทำกันแล้วพี่


พ่อผมก็บอกไปว่าเฮ้ยๆ ๆ จะไหวเปล่า ตื่นทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แล้วมาแบกอิฐแบกปูนอีก พวกนั้นก็บอกไหวครับๆ  พ่อผมก็บอกอื้มๆ แล้วพ่อผมก็ถามว่าใครพออ่านออกเขียนได้ สื่อสารกับนายช่างได้บ้าง ก็มีคนยกมืออีกคนสองคนครับ พ่อผมก็บอกโอเค แต่พ่อผมก็ย้ำมาอีกว่า ยังไงก็คงต้องขอให้รักษาความสะอาดกันล่ะนะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเข้าไปในสวน



ตอนนั้นลุงคนที่พาคนงานมาก็บอก โอเคพี่ทศเดี๋ยวผมหาห้องน้ำเคลื่อนที่มาให้ พวกนายช่างจะได้เข้าห้องน้ำสะดวกๆ พ่อผมก็บอกอื้ม งั้นวานหน่อย... เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ  ทำไมพ่อผมยอมง่ายๆแบบนี้ล่ะไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธไปเหรอ ผมก็สงสัยนะแต่ไม่ได้ถามอะไร แล้วจากนั้นก็คุย ๆ ๆ  กันไป หันไปมองในบ้านแม่กวักมือเรียก ๆ ๆ  ผมก็เดินไปหา แม่บอกแกงอุ่นเสร็จแล้ว


อ่ะผมก็ตักข้าวมากินๆ คือไม่รู้นะเวลาตักแกงที่น้ำของมันอร่อยมากๆ ผมขอบแบ่งใส่ถ้วยเล็กๆไว้ เวลาราดร้ำลงบนข้าวแบบพอประมาณ และข้าวสวย ( หอมมะลิ ) นุ่มๆนะ อื้อหือบอกเลยสวรรค์ ผมก็กินๆ หยิบผักลวกมากิน ดอกคูนก็หอมดีนะ หลายๆอย่างก็ดีๆทั้งนั้น แต่เอี๊ยดดดด กระเจี๊ยบ !!! ผมเลี้ยวเลยครับ กินอย่างอื่นก็ได้


แม่ก็นั่งถามว่าไปงานเลี้ยงรุ่นแล้วกลับหอเลยมั้ยล่ะ ผมบอกไม่รู้เลยแม่ แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงจะมาสร้างห้องน้ำให้เนี่ย แม่ผมก็ดึงหูเลย ผมก็โอยยย อะไรเนี่ยแม่ แม่พูดว่า ทางนี้ควรถามนะไอ้ตัวแสบ.. กึ๋ยยย แม่เรียกไอ้ตัวแสบแบบนี้แสดงว่าเอาจริง เพราะปกติมีแค่ ตากับยายเท่านั้นที่เรียกผมแบบนี้ แม่ถามว่าไปติดต่อกับคุณหนูเขายังไง


ผมก็บอกว่าไม่ได้ติดต่อเลยแม่ เบอร์ก็ไม่มีจะโทรไปหาได้ยังไง... เอ่ออ จะมีก็ทางนั้นอ่ะโทรมารอบนึง แม่ผมก็ดึง ดึงงง แล้วบอกอะไรนะ ผมก็โอยยย เจ๊บบบ ผมก็บอกไปตามตรงว่า แม่ก๊าบบบ พอรู้ว่าคุณรุกะมีคู่หมั้นแล้ว ก็เลิกคิด ตัดขาดเลยก๊าบบ ไม่เชื่อแม่ลองไปถามเจ๊หมิวดูดิ้ พอพูดถึงเจ๊หมิวแม่ผมก็ปล่อยมือเลย โอยยยย หูแทบขาด แม่ผมก็บอกหมิวรู้เรื่องเหรอ



ผมก็บอกอื้ออออ มีอะไรก็ปรึกษาเจ๊หมิวตลอด แม่ผมตอบมาสั้นๆสองคำแล้วไป อ้าววววว อะไรครับเนี่ย แม่ แม่นี่โทนไง โทนลูกแม่ไง ทำไมแม่ไปเชื่อเจ๊หมิวแบบนั้น พ่อผมก็เดินเข้ามาครับ แล้วบอกว่าถ้าว่างๆก็เข้ามาดูบ้างนะไอ้ลูกหมา ผมก็บอกครับๆพ่อ ผมก็ได้โอกาสครับ เลยถามไปว่า พ่อๆ ทำไมไม่ปฏิเสธห้องน้ำเคลื่อนที่ไปอ่ะพ่อ  พ่อผมตอบมาทันทีว่า


ปฏิเสธไปยังไงพวกมันก็เอามาตั้งไว้อยู่ดี อีกอย่างข้าไม่อยากให้พวกคนงานเข้ามาวุ่นวายในบ้านด้วย... อ่ออื้มครับเข้าใจแล้วครับไม่สงสัยแล้ว ผมก็เลยบอกพ่อไปว่า.. พี่แท-โอ ก็คุยเรื่องปรับปรุงพื้นที่เหมือนนะพ่อ ที่ดินแปลงข้างๆอ่ะ  พ่อผมก็บอกเอาไว้ก่อน คือพูดเหมือนปฏิเสธฉับเลย และผมก็ไม่คิดจะเซ๊าซี๊ด้วย


พ่อก็ถามว่าแล้วนี่จะไปงานเลี้ยงรุ่นกี่โมง ผมก็บอกว่า 5 โมง 6 โมงแหละพ่อ ต้องไปเจอไอ้คิงอีก พ่อผมก็อื้ม ผมก็เลยถามไปนะว่า มีตังส์ใช้มั้ยอ่ะพ่อ แม่ พ่อผมก็บอกมีเยอะกว่าเอ็งแน่นอนไอ้ลูกหมา  เอ๊าาาา ดูพ่อผมขิง พ่อผมถามว่า เอ็งนั่นแหละ มีเรื่องต้องใช้เงินอะไรหรือเปล่า ผมก็เงียบๆ แล้วกินข้าวต่อ


จะว่ามีมันก็มี อยากหาเงินพาดาวไปเที่ยวทะเลจัง อยากไปแบบสบายๆใจ ไม่อยากไปแล้วต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ผมก็บอกตอนนี้ยัง แต่คงต้องจ่ายค่าเนต ค่าอะไรอีกแหละพ่อ พี่แท-โอ ให้ซื้อมือถือใหม่เอาไว้ทำงาน พ่อก็บอกอื้มบริหาร ให้ดีๆ  ผมก็พยักหน้าอื้อ ๆ ๆ พ่อมองแล้วถามว่ายังกินกระเจี๊ยบไม่ได้อีกเหรอ ผมบอกไม่เอาา ไม่กิน


แม่ก็ถามว่าแล้วทำงานเป็นไงบ้างล่ะ ผมก็ตอบไปตามตรงว่า ยากหมดเลย เหมือนเริ่มต้นใหม่ ก็อย่างว่าอ่ะครับมันเรียนไม่ตรงสาย และผมก็ไม่อยากเก๊กต่อหน้าแม่ด้วย แม่บอกว่าชีวิตมันไม่มีอะไรง่ายหรอก แต่มันก็ไม่ยากถ้าลองทำ แล้วนี่บ้านใหญ่เทคหุ้นไปแล้วด้วย ทำอะไรต้องตั้งใจนะ ผมบอกอื้อรู้แล้วครับ


ผมเคี้ยว ๆ  ๆ  กลืนน แล้วกินน้ำต่อ แม่ผมก็พูดขึ้นมาว่า ทำงานที่เดียวกับหนูเหมียวใช่มั้ย อื้อหือ อยู่ดีๆน้ำก็ติดคอ ผมสำลักแค่ก ๆ   เกือบจะพ่นน้ำใส่พ่อ พ่อบอกเฮ้ย ๆ  ไอ้ลูกหมาเล่นอะไร ผมปาด ๆ ๆ คราบน้ำที่ปากออก แล้วบอก แม่ !!!!!!!  มาถามจังหวะอะไรเนี่ย โอยยย แม่ผมก็บอกก็ถามปกติ แล้วนี่ร้อนตัวอะไรล่ะ ผมก็บอกก็ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะมาถามนี่



แม่ผมก็มองหน้าแล้วบอกเอาเถอะ ยังไงก็ได้คำตอบแล้ว เฮ้ออ โล่งใจไป แม่ไม่ถามอะไรอีก กินน้ำต่อ แต่พ่อผมก็ถามอีกว่า แล้ว ดาว มิ้นต์ แก้ม ที่พ่อเจอวันก่อนล่ะ  พรวดดดดด คราวนี้แหละของจริง แต่พ่อผมก็หลบได้อยู่ดีครับ แม่ผมถามนะว่าไปเจอยังไง พ่อผมก็บอกอ๋อ พวกหนูๆเขาไปนอนค้างกับไอ้ลูกหมาน่ะ..  เดี๋ยวครับพ่  เดี๋ยววว


โอ้พระบิดา พูดอะไรออกไป แล้วแม่ผมนี่มองเลยครับ พ่อผมก็ทำท่าชิลๆเหมือนเดิม เปิดหนังสือพระเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โยน แบบนี้โยนระเบิดชัดๆ สิ่งที่แม่ผมทำคือมองหน้าแล้วถอนหายใจ ถามว่าไปหลอกลูกสาวเขามารึเปล่า ผมบอกป่าวววว จะไปหลอกยังไง แม่ดูหน้าผมด้วยดิ่เหมือนพี่เคน ธีรเดช หรือเปล่า  จะไปหลอกเขามายังงายยย แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แม่ก็มองผมแล้วบอก แม่ยังไม่อยากอุ้มหลานนะ 



แล้วพ่อผมก็เสริมขึ้นมาว่า ช่ายย ข้าก็คิดแบบแม่เอ็งนี่แหละ อย่าพึ่งรีบหาหลานมาให้ข้าอุ้มนะเว้ย พ่อผมพูด ทั้งๆที่ยังจ้องหนังสือพระอยู่ ท่านบอกอื้มๆ  พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะราคาพุ่งอีกแล้ว ผมก็มอง ๆ พ่อผมบอกว่าไอ้ลูกหมาสาวๆเอ็งเยอะขนาดนี้ขุนแผนน่ะไม่ต้องเอาขึ้นคอแล้วมั้ง ผมก็บอกเดี๋ยวๆพ่อ เดี๋ยว ๆ แปปนึงแม่ผมก็เดินไปที่ตู้เย็น


หยิบสมุดลายไทยสีเขียวๆมา ผมก็งงเอามาทำไร แล้วแม่ผมก็พูด ดาว มิ้นต์ แก้ม แล้วขีด ๆ ๆ  แม่ผมพูดอีกว่า เอ... สองคนที่ไปทำงานเชียงใหม่ด้วย... อ๋อ พลอยกับจอย ผมถามเดี๋ยว ๆ  ทำไมแม่จำพี่พลอยได้ล่ะเนี่ย แม่บอกก็รูปที่ถ่ายคู่ยังอยู่บนห้องเลยนี่โทน  อื้อหือ... ใช่ครับ รูปถ่ายของผมกับพี่พลอยสมัยม.ปลาย ยังแปะอยู่ในห้อง



แม่ผมก็อืม... 6 คนเลยเหรอ ผมบอกเดี๋ยวๆ ทำไมไม่นับได้ 6 ล่ะแม่ แม่ผมก็พูดขึ้นมาว่าหนูคนที่ทำงานที่บริษัท ที่มานอนค้างบ้านเราชื่ออะไรนะพ่อ พ่อผมตอบทันทีในเสี้ยววิว่า

[ พระบิดา ]  : เหมียว


แม่ผมก็ตอบอ้อใช่ๆ ๆ ๆ  เดี๋ยวครับ เดี๋ยว ๆ ๆ แล้วพ่อผมก็เปลี่ยนหน้าหนังสือพระอ่านต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่มองหน้าผมแล้วบอกว่าบริหารเวลายังไงเนี่ยไอ้ตัวแสบ ผมบอกเดี๋ยว ๆ ๆ อะไรครับเนี่ย แม่ผมก็บอกนี่จะครบอาทิตย์แล้วนะ ผมบอกแม่เดี๋ยว ๆ ๆ  ไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันนี่


พี่พลอยเขาก็อยู่ต่างจังหวัด จอยเองก็อยู่คอนโดของจอย แม่ผมมองๆ แล้วบอกเอาเถอะ อะไรที่ผูกขึ้นมาเอง ก็ต้องดูแลเอง มีปัญหาก็ต้องแก้เอง ผมก็ตอบได้แค่ ครับคำเดียวนั่นแหละ แม่บอกว่า ตราบใดที่ไม่ทำร้ายจิตใตด้วยการไปหลอกเขาว่ายังโสด หรือไปทำร้ายร่างกายเขา มันก็เป็นสิทธิ์ที่จะเลือกชีวิตของตัวเอง


พ่อผมพูดอีกว่าอืม.. ตอนที่ยังอยู่ด้วยกันก็รักษาน้ำใจกันไว้ เก็บความรู้สึกดีๆไว้ให้มากๆ ต่อให้จะทำดีให้กันมากเท่าไร มากแค่ไหน ก็อย่าอ้างว่าทำให้แล้ว ทำไปแล้ว พ่อบอกอีกว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์ที่โลภที่สุดแล้ว ให้จำไวว่าหัวใจคนเรา มันเติมไม่มีทางเต็มหรอก ต่อให้ได้มาแล้วก็ยังอยากได้เรื่อยๆ อยู่ที่ใครจะแสดงออกยังไงมากกว่า



คนเราน่ะ น้อยคนนักที่จะผูกใจไว้กับใครสักคนไปได้ตลอดชีวิต อีกอย่างไอ้เด็กน้อยแบบเอ็ง ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะไอ้ลูกหมา ผมก็บอกไป ไหนว่าถ้าวันนึงต้องแยกจากกัน ยังไงก็ต้องเสียใจอยู่ดีอ่ะพ่อ พ่อผมมองๆ แล้วม้วนนิตยสารพระแล้วเคาะหัวผมดังผั๊วะ พ่อบอกนี่ไง เอาพุทธคุณฝังหัวไปซะที


พ่อผมบอกว่า เมื่อถึงเวลาต้องแยกทางกัน จากกันไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย มันไม่มีใครไม่เศร้าหรอกเว้ย ไอ้คำที่ว่าจากกันด้วยดี ไม่มีร๊อก มันอยู่ที่ว่าเมื่อต้องจากกัน แล้วพอหวนย้อนกลับไป เรื่องดีๆ สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำให้ หรือได้รับ มันมากน้อยแค่ไหน ถ้ามันมากพอมันก็จะเยียวยาหัวใจได้ไม่มากก้น้อย และไม่มีอะไรที่ต้องติดค้าง


ไม่ใช่พอถึงเวลาจะมานั่งคร่ำครวญ อันนั้นไม่ได้ทำให้ ที่ตรงนี้ไม่ได้พาไป ทำไมตอนอยู่ด้วยกันไม่ทำให้มากกว่านี้ ดีกว่านี้ บ่อยกว่านี้  ก็ในเมื่อเวลาที่ทำได้แต่ไม่ทำแล้วจะมานั่งคร่ำครวญทำไม จำไว้ไอ้ลูกหมาเวลาน่ะมันผ่านแล้วผ่านเลย มันเอากลับมาไม่ได้ แม่น้ำพอมันไหลผ่านไปในสักวันมันก็กลายเป็นฝนตกลงใสได้ แต่เวลามันผ่านแล้วมันผ่านไปเลย


มันจะเอาทุกอย่างไปยกเว้นแค่ความทรงจำที่จะทำให้ำให้จมอยู่กับตัวของเอ็งเอง.... พ่อผมวางหนังสือพระเครื่องแล้วมองผมและพูดอีกว่า และความทรงจำที่เหลือมันขึ้นอยู่กับว่าตลอดเวลาเอ็งทำอะไรไว้ สร้างอะไรไว้ ความสุขหรือความทุกข์มันจะมีมากกว่า แต่จำเอาไว้โลกนี้ มันไม่มีคำว่าเท่าๆกันจำไว้ และเมื่อต้องจากลาความทุกข์มันจะมีมากกว่าความสุขเสมอ แค่เรื่องทุกข์เล็กๆ เมื่ออยู่ในช่วงที่ต้องสูญเสียคนเรามันก็เอามาขยายๆ ให้มันทุกข์มากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่ากันเท่าได้



เพราะงั้นในตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน ก็ดูแลพวกหนูๆนั้นให้ดี เอาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องไปเขินไม่ต้องไปอายถ้าจะทำอะไรดีๆให้กัน พ่อผมบอกว่าจำไว้ว่าคำสอนของข้ากับแม่เอ็ง ให้คิดซะว่าเป็นหนังสือ เป็นบทความ รู้ไว้ อ่านไว้ จำไว้ แต่จะใช้ยังไงมันก็สุดแล้วแต่เอ็ง เพราะช่วงจังหวะชีวิตในแต่ละเวลามันไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจจะใช้คำสอนจากข้า หรือบางครั้งจะเป็นจากแม่ของเอ็ง


หรือจากบ้านใหญ่นู่น  จากแมน  จากหมิว  หรือจากแท-โอ เอ็งต้องคิดว่าสถานการณ์ไหนควรตัดสินใจแบบไหน ควรใช้คำสอนของใครเพื่อผ่านไปให้ได้ ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับหลักการอะไรอย่างเดียว เอ็งจะไปไม่รอด แต่จำเอาไว้ว่าต่อให้หลักคำสอน คำพูดมันดีเลิศแค่ไหน แต่สุดท้ายคนตัดสินใจมันก็คือตัวของเอ็งเอง


แม่ผมเดินไปหยิบน้ำขวดใหม่มาให้ เพราะขวดนี้เริ่มจะไม่เย็นแล้ว พ่อผมก็อ่านหนังสือพระต่อ ผมก็ถามว่าแล้วถ้าตัดสินใจผิดพลาดล่ะพ่อ แม่ผมเดินมาวางขวดน้ำแล้วเอามือขยี้หัวผมแล้วบอกว่า ถ้าตัดสินใจผิดก็ต้องรับกับสิ่งที่ตัวเองทำ มันคือธรรมดาของโลกนี้ แต่ต้องรู้ให้ชัดๆว่าตรงไหนผิด และทำไมถึงตัดสินใจผิด


กว่าจะมาถึงตรงนี้พ่อกับแม่ก็ตัดสินใจอะไรผิดพลาดมาหลายต่อหลายอย่าง แม้แต่พวกคุณนายเองก็เคยตัดสินใจผิดทั้งนั้นแหละ ผมก็ถามแม่นะว่า... แล้วที่ผมเอ่อออ อยู่ด้วยกันกับสามคนนั้นล่ะ แม่ผมมองแล้วบอกว่า ถามแม่ แม่ก็ตอบไม่ได้หรอก เพราะคนที่ตัดสินใจคือตัวโทนเอง และพวกสาวๆเองก็ตัดสินใจว่าอยู่ด้วยกัน 4 คนได้



แต่เท่าที่หมิวบอกมาสาวๆ 3 คนก็นิสัยใช้ได้อยู่นี่ ผมสะดุ้งเลย ผมถามว่าเจ๊หมิวมากบอกแม่เหรอครับ แม่บอกอื้มใช้หมิวมาบอกพ่อกับแม่น่ะ นั่นไงก็ว่าแล้ววว ผมถามว่าเจ๊หมิวบอกว่ายังไงมั่งอ่ะแม่ แม่ผมบอกนะว่า หมิวเขาบอกว่าคนชื่อแก้มดูขี้อ้อน พูดเยอะ พูดบ่อย คนชื่อมิ้นต์ดูปากแข็งขี้งอนอยากให้ลูกชายแม่สนใจแต่ไม่ค่อยพูด แม่ผมพูดแล้วก็ขยี้หัวผมเบาๆ และท่านก็พูดต่อว่า ส่วนที่ชื่อดาวดู หมิวบอกว่าจะเป็นคนคอยคุมพวกเด็กๆอีกสองคน


ผมฟังแม่แล้วเหมือนความสงสัยในใจผมจะเริ่มคลี่คลาย ผมหันไปถามพ่อว่า พ่อก็รู้เหรอ พ่อผมก็บอกเอ๊า ก็นั่งฟังอยู่กับแม่เอ็งสองคนข้าก็ต้องรู้สิ่วะ ผมก็ถามว่าเพราะงี้เหรอพ่อถึงเรียกชื่อมิ้นต์ก่อน มาแก้ม แล้วค่อยดาวอ่ะพ่อ พ่อผมมองหน้าแล้วถามว่า ถ้าวันนั้นข้าเรียกชื่อคนอื่นก่อน เอ็งคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ ผมก็ตอบไปทันทีว่ามิ้นต์คงจะซึมไปทั้งวัน พ่อบอกเออ ก็รู้นี่ ในเมื่อมีข้อมูลมาแล้วก็ควรรู้ว่าต้องทำไง มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องเรียงลำดับความสำคัญก่อนไม่ใช่เหรอไงไอ้ลูกหมา  คิดจะควงสามก็ต้องละเอียดให้มากๆหน่อยสิ่ ไอ้นี่เว้ย

 




เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Nu metal


Pong Sak


eltas007

โว้วๆ มีสมุดจดสะด้วยแม่จ๋า

-------------------------------

ดูทรงแล้ว หมี่เหลือง แน่นอนงานนี้

Kdstory

การสร้างห้องน้ำรอบนี้เหมือนจะปูเนื้อเรื่องมาทางบ้านเทพโทนเยอะขึ้นแน่ๆอาจจะได้เห็นรุกะในซีนบ้านเทพโทนอีกแค่คิดก้สนุกแล้ว

deamondear

โมชิ โมชิ รุกแรงรุกหนัก เดี๋ยวคงมีข่าวดีซักทีแน่ๆ
ซิทคอมของจริง 🤣🤣🤣🤣

peddo

ได้รับเคล็ดลับและความรู้โดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญอย่างป๊ะป๋า จะควงอีกสักสองสามคนก็น่าจะไหวน้า


Tin Biot


Slamander055


nagatobimaru

วันนี้ คำสอนท่านพ่อกับท่านแม่ ถูกต้องมากเลย ขอบคุณครับ

ปล. วันนี้ มีคำผิดหลายคำนะครับ นายโทน



natt4556

ยอมใจเลย นึกว่าวันนี้จะไม่เปิดร้านซะแล้ววว

ผัุผ่านมาก่อน สอนเองกับมือ แค่นี้ก็ดีแล้ว ดียิ่งกว่าวิ่งหาด้วยตัวเองเยอะละครับ

Otaza

มีความสุข มีความทุกข์ เป็นของคู่กัน คำสอนไม่ว่าจะดีแค่ไหน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการเอามาใช้ สำคัญมากทำก่อน สำคัญน้อย ทยอยทำ ^_^