ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_GoDeRsOuL

7 Sin : Lust "เพื่อนเก่า" (EP.3) *Rewrite*

เริ่มโดย GoDeRsOuL, ธันวาคม 22, 2016, 12:19:27 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

GoDeRsOuL

ตอนต่อจากนี้จะเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ จากเสียงเรียกร้องเรื่องเหมย  ::Evil::

ซ่อนแค่รูปประกอบจินตนาการนะครับ

อ่านจบแล้วถ้าแสดงความคิดเห็นให้หน่อยจะกรุณามากครับ จะได้นำไปปรับปรุงผลงาน

เจอคำผิดบอกด้วยนะครับ


...........................................................................

"ซรู๊ดดด!! บร๊วบบ! ซรู๊ดดด!! ซรู๊ดดด!! บร๊วบบ!"

ริมฝีปากบางสวยจิ้มลิ้มของหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังดูดเลียท่อนเอ็นแข็งโด่เป็นลำยาวของพลอย่างขะมักเขม้นจนส่งเสียงดังไปทั่วห้อง ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่นอนกลับหัวกันอยู่บนเตียงโดยมีร่างเพรียวบางราวนางแบบคร่อมอยู่ด้านบน ลีลาการใช้ลิ้นของเธอสร้างความเสียวซ่านไปทั่วลำลึงค์จนพลต้องเด้งเอวตามจังหวะผงกหัวของหญิงสาว

"แพล๊บ! แพล๊บ! ซรู๊ดดด! แพล๊บ! ซรู๊ดดด!"

สะโพกกลมสวยได้รูปบดลงบนใบหน้าของพลขณะที่เขากำลังดูดเลียเม็ดเสียวเหนือเนินสาวจนน้ำคาวใสไหลเปียกไปทั่ว พลใช้สองมือที่ว่างอยู่เอื้อมมาแหวกสองแคมอวบของเธอออกกว้างและส่งลิ้นสากแยงคว้านไปทั่วรูสวาทของเธอ

"ซื้ดดดดด!!" เธอถอนปากออกจากท่อนเอ็นและกัดฟันสูดปากดังลั่นห้อง แต่มือขวาของเธอยังคงไม่หยุดขยับ นิ้วเรียวบางที่กำแท่งเอ็นยาวใหญ่ของพลเอาไว้ยังคงชักขึ้นลงอย่างรุนแรงตามความเสียวที่เธอได้รับ

 

"ซื๊ดดดดดด!!! ชนมดลูกเลยพลจ๋าาาา" เหมยกัดฟันสูดปากเพื่อระบายความเสียวซ่านบริเวณท้องน้อย ร่างบางหยุดขยับไปชั่วครู่เพื่อให้ร่องสาวปรับตัวรับกับขนาดอันใหญ่โตที่แทรกตัวอยู่ภายใน

เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที หญิงสาวก็หมุนกายหันกลับมาเผชิญหน้ากับพลที่นอนเอามือประสานรองไว้ที่หัว โดยที่ท่อนเอ็นของเขายังคงเสียบคารูหลืบอันคับแน่นของเธอโดยไม่หลุดออกมา เธอเปลี่ยนท่าทางเป็นการนั่งคุกเข่า สายตาฉ่ำเยิ้มแฝงแววสนุกสนานจ้องประสานสายตาของพล หญิงสาวแลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากด้วยอาการถูกใจก่อนที่จะเริ่มโยกย้ายเนินเนื้อเข้าใส่ท่อนเอ็นของพลอย่างเมามันส์.......
 
********************************************************

ย้อนกลับไปเมื่อ 7 วันที่แล้ว......

วันที่พลเริ่มได้สติและยังคงนอนทอดร่างอยู่บนเตียงพักฟื้นในห้องส่วนตัวระดับ VIP ของโรงพยาบาลเอกชนหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท

"ฮื้ออออ.... มิ้นต์.... มิ้นต์คิดว่าจะไม่ได้เจอกับพลอีกแล้ว...." มิ้นต์ที่ใช้สองมือนุ่มจับไว้ที่มือขวาของผมกำลังนั่งสะอื้นไห้อยู่ข้างเตียง โดยมี 'อาย' เพื่อนสาวคนสนิทที่มาด้วยกันเดินตามมาจากโซฟาและเอื้อมมือวางไว้บนบ่าของเธอเป็นเชิงปลอบใจ
พวกเธอคงยังไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นสาเหตุให้ผมต้องประสบอุบัติเหตุจนต้องมานอนหมดสภาพอยู่แบบนี้ นั่นทำให้สายตาที่ผมใช้มองพวกเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

     ผมนึกขำในใจกับท่าทีที่พยาบาลแก้วแสดงและนึกทบทวนถึงสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับพลังที่แอสโมดิวส์ให้มา อย่างแรกเลยก็คือ การที่น้องชายผมขยายใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น และสามารถควบคุมการหลั่งของน้ำเชื้อได้ดั่งใจ ต่อมาคือผมสามารถควบคุมร่างกาย ความทรงจำ ความรู้สึก หรือสติสัมปชัญญะของคนที่ตกอยู่ใต้อำนาจได้ดั่งใจนึก เพียงแต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้ถึงระยะสั่งการของพลังนี้ ยังดีที่อย่างน้อยก็ยังมีพยาบาลแก้วไว้ให้ได้ทดลอง และดูเหมือนการที่พ่อผมเลือกที่จะจ้างเธอคงเป็นสิ่งหนึ่งที่แอสโมดิวส์ตระเตรียมไว้ให้ ทำให้ในตอนนี้ผมมีเวลาจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลที่จะใช้พยาบาลแก้วเป็นหนูทดลอง เมื่อคิดได้ผมจึงเริ่มคิดหาวิธีทดลองใช้พลังกับร่างบางที่กำลังส่ายสะโพกอยู่กลางห้องทันที....

*******************************************************

     หลังจากนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีพยาบาลแก้วปรนนิบัติอย่างถึงอกถึงใจทั้ง 7 วัน คุณหมอสาวจึงตัดสินใจปล่อยให้ผมกลับบ้านในตอนเย็นหลังจากที่ดูแฟ้มรายงานอาการและพบว่าร่างกายของผมปกติดี ก่อนที่จะออกมาผมออกคำสั่งให้พยาบาลแก้วดำเนินชีวิตไปตามปกติธรรมดาของเธอโดยลบความทรงจำเรื่องที่เรามีอะไรกันออกไปจนหมด เพราะผมยังไม่แน่ใจว่าหากไม่ได้อยู่ใกล้ๆกันพลังจะยังมีผลอยู่หรือไม่

     ผมเดินออกมาโบกรถแท็กซี่ที่ป้ายรถโดยสารหน้าโรงพยาบาล โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ชานเมือง สถานที่ที่ผมเรียกได้เต็มปากว่าบ้าน ระหว่างที่ลุงคนขับเหยียบคันเร่งบังคับให้รถยนต์เคลื่อนตัวช้าๆไปตามถนนในยามเย็น ผมเอนหลังพิงกับเบาะนั่งข้างคนขับและครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆของพลังหลังจากได้ทดลองใช้กับพยาบาลแก้วและการรวบรวมดวงวิญญานให้แก่แอสโมดิวส์ที่ผมยังไม่ได้เริ่มคิดถึงมันเลยซักนิดเดียว

     รถแท็กซี่สีเหลืองเขียวพาผมกลับบ้านโดยใช้เส้นทางที่ต้องผ่านสวนลุมพินีซึ่งเป็นสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางกรุงที่ผู้คนมักจะพากันมาออกกำลังกายกันหลังเลิกงาน ทำให้ตอนที่รถแล่นผ่านผมจึงเห็นผู้คนมากมายกำลังออกกำลังกายด้วยวิธีต่างๆทั้งในและนอกสวน พลันสายตาของผมก็สะดุดอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนทางเท้า ร่างบางในชุดออกกำลังกายที่เปียกชุมไปด้วยเหงื่อวิ่งเหยาะๆสวนทางกับรถที่ผมนั่งไปพอดี

"คุณลุงครับ รบกวนจอดข้างหน้าตรงนี้เลยครับ" ความรู้สึกคุ้นตาทำให้ผมรีบบอกคนขับให้จอดรถทันที แต่ด้วยความเร็วของรถทำให้จุดจอดห่างจากหญิงสาวที่กำลังจะวิ่งเลี้ยวหายลับไปตรงหัวมุมถนน ผมจึงรีบควักค่าโดยสารให้คุณลุงคนขับและลงจากรถโดยไปไม่รอเงินทอน

"เหมย! เหมย!" ผมพยายามป้องปากส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวโดยหวังว่าเธอจะเป็นคนที่ผมคิด แต่ดูเหมือนว่าหูฟังไร้สายที่ผมเห็นว่าเธอสวมใส่อยู่จะทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ทำให้ผมต้องวิ่งตามเธอไปอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อได้ออกแรง ผมก็พบความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอีกหนึ่งอย่าง ตัวผมที่ปกติกระโดดแค่ไม่กี่สิบครั้งก็เหนื่อยแทบตายแต่ว่าตอนนี้สามารถออกแรงวิ่งอย่างสุดกำลังได้โดยไม่หอบเลยซักนิด ผมใช้เวลาไม่นานนักเพื่อวิ่งให้ทันและเอื่อมมือไปแตะเบาๆที่ไหล่ขวาของเธอ หญิงสาวหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงและเริ่มชลอฝีเท้าลงจนเปลี่ยนเป็นซอยเท้าอยู่กับที่

     เหมยเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมเรียกเธอว่า 'เพื่อน' ได้เต็มปาก เธอเป็นคนที่คอยปกป้องผมไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนคนอื่นตอนตั้งแต่เด็กๆ ด้วยใบหน้าแบบสาวหมวยและดวงตาสวยเฉี่ยวคมที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ ทำให้ผมค่อนข้างจะจำเธอได้แม่นแม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันนานมากแล้วก็ตาม เธอหายไปหลังจากจบชั้นประถมได้ไม่นาน ผมมารู้ภายหลังว่าแม่ของเหมยส่งให้เธอไปเรียนต่อ High School ที่อังกฤษจึงทำให้ผมไม่ได้พบเจอกับเธออีกเลยตั้งแต่นั้น

 

 

"อ้อ พอดีพลเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาหน่ะ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย พละกำลังนั่งแท็กซี่กลับบ้าน พอดีเห็นเหมยเข้าก็ว่าคุ้นๆ ก็เลยลองมาทักดู ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าผิดตัวจะทำยังไง" ตอนนี้ผมลืมเรื่องพลังต่างๆไปซะสนิท เพราะความดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าแก่แถมเธอยังสวยขึ้นอีกเป็นกอง

"อืม... งั้นพลรอเหมยอยู่แถวนี้ก่อนนะ เหมยขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเดี๋ยวเราไปหาที่นั่งคุยกัน" เหมยหันหลังกลับและออกวิ่งหายเข้าไปในสวนลุมทันที

ผมยืนรอได้สักพักใหญ่ รถสปอร์ตหรูสองประตูสีดำราคาแพงคันหนึ่งแล่นเข้ามาเทียบอยู่ริมฟุตบาทด้านหน้าผมอย่างรวดเร็ว กระจกติดฟิลม์สีดำเข้มเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นร่างบางที่นั่งในตำเหน่งคนขับ

"ขึ้นมาเลยพล" เหมยที่สวมเชิ้ตขาวแขนยาวพับแขนและกางเกงยีนส์รัดรูปสีดำกวักมือเรียกให้ผมรีบขึ้นรถ ผมจึงรีบเดินไปเปิดประตูและก้าวเข้าไปโดยไม่รอช้า  

     ระหว่างที่รถเก๋งคันงามกำลังแล่นไปตามท้องถนนในยามพลบค่ำ เราทั้งคู่ต่างพลัดกันคุยถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้ว เป็นผมที่นั่งฟังเธออยู่ฝ่ายเดียวซะมากกว่า แต่นั่นก็ทำให้ได้ผมรู้ว่า สาเหตุที่เหมยต้องกลับมาอาศัยอยู่ที่เมืองไทยนั้น เป็นเพราะแม่ของเธอป่วยหนัก ลูกสาวคนเดียวอย่างเธอจึงเลือกที่จะกลับมาเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองไทยเพื่อจะได้อยู่ดูแลแม่ด้วยตนเอง ซึ่งตัวผมเองก็มารู้ในภายหลังว่าพ่อของผมได้ใช้เส้นสายเพื่อให้ผมได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันนี้ด้วย

     หลังจากที่ใช้เวลาอยู่บนถนนเกือบหนึ่งชั่วโมง เหมยก็พาผมมานั่งทานอาหารอยู่ในร้านหรูแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังบริเวณแยกราชประสงค์ สถานที่ที่มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั้งร้ายและดีอยู่เป็นประจำ หลังเสร็จจากการทานอาหาร เหมยก็พาผมเดินวนซื้อของไปทั่วห้าง จนกระทั่งเวลาแห่งความสุขได้ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผมได้ยินเสียงไพเราะแจ้งผ่านลำโพงดังไปทั่วถึงเวลาปิดให้บริการของห้างสรรพสินค้า เหมยจึงอาสาที่จะพาผมไปส่งยังบ้าน เพราะเธอเป็นคนลากให้ผมอยู่กับเธอจนดึกดื่นและยังอยากเอาของฝากไปให้พ่อกับแม่ของผมด้วยตัวเอง

แต่เมื่อเรากำลังเดินกลับไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของห้าง....

เหตุการณ์ที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเหมย....

ก็ได้บังเกิดขึ้น....

    เหมยเดินนำอยู่ด้านหน้าโดยมีผมถือถุงใส่ของพะรุงพะรังอยู่หลายใบ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นของที่เธอตั้งใจเลือกซื้อไปฝากให้พ่อกับแม่ผมซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่กำลังเรากำลังจะเดินไปถึงรถ เหมยเกิดสะดุดเข้ากับซี่เหล็กของท่อระบายน้ำจนทำให้กระเป๋าถือของเธอหล่นลงที่พื้น เธอจึงก้มลงทันทีเพื่อที่จะเก็บกระเป๋าถือของเธอ เหตุการณ์เกิดขึ้นกระทันหันทำให้ผมที่ถือถุงพะรุงพะรังไม่สามารถหยุดร่างได้ทันจนก้นของเธอที่แอ่นมาด้านหลังชนเข้ากับเป้ากางเกงของผมพอดี

 

"เปล่า....   ไม่มีอะไรหรอก เหมยแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน่ะ" เธอตอบกลับด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนพูดกับตัวเองแล้วก็ก้มหน้านิ่งเงียบไปอีก

     เพียงไม่นานนัก สัญญาณจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่เหมยกลับยังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม เธอหลับตาแน่ คิ้วสวยขมวดชนกันจนเป็นปม สองขาของเธอเริ่มเบียดเสียดไปมาช้าๆ ในตอนนี้เองที่ผมเห็นออร่าสีน้ำเงินเปล่งแสงจางๆอยู่ตรงเป้ากางเกงของเธอ

เสียงแตรรถยนต์ดังมาจากทางด้านหลังของรถหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเหมยจะไม่ได้สนใจนัก เธอกลับหันมาจ้องผมอีกครั้งก่อนที่จะเม้มปากและพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับตัวเอง จากนั้นเธอก็เริ่มเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถออกตัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อรถหรูเคลื่อนตัว ผมก็พบว่าเหมยไม่ได้ขับไปตามเส้นทางที่จะพาผมกลับบ้านแต่อย่างใด แต่เธอกลับหักพวงมาลัยบังคับรถให้เลี้ยววนกลับไปยังทิศเดิมที่เราจากมา

"เออ.... เหมยจะไปไหนหน่ะ บ้านพลไม่ได้ไปทางนี้นะ" ผมถามเธอเหมือนจะสงสัย แต่ภายในใจกลับคิดถึงแต่สิ่งที่ดวงตาเห็น ออร่าสีน้ำเงินตรงหว่างขาที่ตอนนี้เริ่มลุกลามไปทั่วร่างของเธอ....

"เหมย.... เออ....  เหมยลืมของไว้ที่ห้องหน่ะ อืม.... ต้องรีบกลับไปเอาก่อน เดี๋ยวเหมยขับกลับมาส่งนะ" เหมยทำหน้าแน่วแน่เหมือนตัดสินใจได้ถูกต้องที่สุดแล้ว จากนั้นเธอก็เหยียบคันเร่งจนสุด ทำเอาผมนั่งนิ่งหลังติดเบาะไม่กล้าพูดอะไรอีก

     เพียงชั่วครู่ เหมยก็พาผมมาถึงคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอก็ขอร้องแกมบังคับให้ผมขึ้นไปบนห้องด้วยโดยให้เหตุผลว่าจะให้ไปช่วยยกของ เมื่อประตูลิฟท์ที่เราโดยสารมาเปิดออกที่ชั้นยี่สิบเจ็ด เหมยก็พาผมเดินตรงไปตามทางเดินที่มีประตูห้องอยู่เพียงแค่สี่บานต่อชั้น บงบอกถึงพื้นที่ใช้สอยอันกว้างขวางของห้องราคาระยับ เหมยเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูบานสุดทางเดินฝั่งขวาก่อนจะใช้การ์ดปลดล็อคประตูและเดินนำเข้าห้องไป ซึ่งเมื่อผมเดินตามเธอเข้าไปด้านใน ก็เห็นหลังเธอเดินลับหายเข้าไปในห้องที่น่าจเป็นห้องนอนของเธอ

"พลรอเหมยอยู่ตรงห้องรับแขกก่อนนะ เหมยขอหาของแปบนึง" ในตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพียงแต่สงสัยเท่านั้นว่าทำไมผมถึงไม่สามารถควบคุมมันได้เหมือนที่เกิดกับพยาบาลแก้ว ขณะที่ผมมองสำรวจไปรอบห้องและกำลังชั่งใจเพราะคิดถึงความสัมพันธ์ของเรากับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะพลังของผม เสียงสั่นเครือของเหมยก็ดังมาจากในห้องนอนที่เธอเข้าไปพอดี

"พล.... เหมยเป็นตะคริวขยับขาไม่ได้เลย ช่วยเข้ามาดูให้เหมยหน่อยซิ" เมื่อเหมยกล่าวจบ ผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินเข้าไปทันที เพราะต้องการที่จะขอตัวกลับบ้านก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ความคิดของผมก็แปรเปลี่ยนไปทันที

"......" ผมถึงกับตะลึงไปชั่วครู่เมื่อได้เห็นร่างของเหมยที่นอนกลับหัวอยู่บนเตียงโดยใส่เพียงแค่ชุดชั้นในสีชมพูตัวจิ๋วปิดบังหน้าอกและของสงวนของเธอเอาไว้

 

"พล.... ช่วยเหมยที...." เสียงแหบกระเส่าดังออกมาจากปากสวยรูปกระจับย้ำเตือนผมอีกครั้งด้วยใบหน้าแดงซ่าน เธอเงยหน้าส่งสายตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยไฟปรารถนามาให้ผม....

ไฟปรารถนาซึ่งเธอไม่รู้ถึงที่มา....

แต่เธอกลับรู้เพียงแค่ว่า....

ชายตรงหน้าเธอนี้เท่านั้น....

ที่สามารถจะปลดปล่อยอารมณ์อันร้อนรุ่มของเธอได้....

...........................................................................

ทุกท่านสามารถเข้าไปแนะนำติชมเพิ่มเติม หรืออ่านเกร็ดเล็กน้อยได้ที่นี่
My living room [GoderSoul]...

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

thisisbest

คราวนี้ควบคุมไม่ได้ หรือว่าเหมยจะไม่ใช่ผู้หญิงปกติธรรมดา ว่าแต่พลจะใช้พลังที่มีกับมิ้นต์มั้ยนะ

warunnop

เนื้อเรื่อง สนุกทุกตอน ขอให้ออกมาเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณครับ

peddo

รีไรต์แต่ยังใจร้ายกับเหมยอยู่รึเปล่าครับ ข อ บ ค ุุุุณ ค ร ัั บ

zeropp

 ::Beggar:: มี เรื่องดีๆ มาให้ติดตามอีกแล้ว

xxio2010

ขอบคุณมากครับ เหมือนเนื้อเรื่องมันไม่ต่อเนื่อง

lovesick

อ่าว น้องเหมย
มาเป็นฮาเลมซะดีๆ

12345689

เนื้อหากำลังเข้มข้นเลย ชอบมาก ขอบคุณไรท์เตอร์ มากๆนะครับ ^ ^

golem237

ขอบคุณมากครับ ติดตามอยู่ครับผม ที่น่าสนใจคือ โครงเรื่องแบบฮาเร็ม มันมักจะทำให้ตัวละครเด่นขึ้นมาจากเรื่องอื่นๆนะครับ(เพราะตัวละครเอกจะเก่งแบบเวอร์ไปหน่อย) ถ้าจะมีการเชื่อมโยงซีรีย์ อาจจะต้องบาลานซ์บท กับแนวคิดตัวละครอย่างระมัดระวังนิดหนึ่งนะครับ

naitoom

เฮ้อ! พลจะช่วยเหมยหรือเปล่า ดูเหมือนควบคุมเธอไม่ได้ (มีท่านหนึ่งเม้นท์ไว้)

Rick-Brownman

เรื่องสนุก น่าติดตาม ขอให้ไรท์ ออกมาครบบาปทั้งเจ็ดเลยนะครับผม ติดตามครับ ::Ahoo::

darkanglezen

บาปทั้งเจ็ดน่าติดตามครับ
พลควบคุมเหมยได้หรือเปล่า
ชอบเรื่องแบบฮาเร็มมากครับ

akennya

#12
"ย้อนกลับไปเมื่อ 7 วันที่แล้ว......นั่นทำสายที่ผมใช้มองพวกเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา"
แก้เป็น "นั่นทำให้สายตาที่ผมใช้มองพวกเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา"


*******************

ขอบคุณที่แจ้งครับ แก้ไขเรียบร้อย

DoJo

น้องเหมยยังแจ่มเหมือนเดิม ถ้าเป็นไปได้อยากให้เปลี่ยนชะตากรรมของเธอจังเลย

cd13579

ยังไงผมก็ยังยกเจ๊เหมยเป็นนางเอกเรื่องนี้อยู่ดีอะถ้ารอบนี้เหมยยังตายเดะจะแกล้งไรท์คืนบ้างข้อหาขัดใจ
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ